ยอดนักรบจอมราชัน 162 การเผชิญหน้ากับหวังยู่

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 162 การเผชิญหน้ากับหวังยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเย่เชียนกดออดที่หน้าประตู สักพักประตูหน้าก็ถูกเปิดออก ซึ่งคนที่เปิดประตูออกมาก็คือหวังยู่ เมื่อเธอเห็นเย่เชียน เธอก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและมีร่องรอยของความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวมันก็เปลี่ยนไปสู่ความมืดมนดังเดิม

เย่เชียนนั้นไม่ได้พบกับหวังยู่มานานมากแล้ว และการที่เขาได้เห็นเธอในวันนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย มันไม่ใช่ว่าเย่เชียนจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอจากเมื่อครั้งก่อน แต่มันอาจเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองกำลังเดินบนเส้นทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งคู่นั้นเปรียบได้ว่าอยู่กันคนละโลก ทำให้หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างก็ห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เรามาพบท่านผู้ว่าหวัง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“พ่อยังไม่กลับ… พวกนายเข้ามาข้างในก่อนสิ” หวังยู่พูดและเชิญให้เย่เชียนกับแจ็คเข้าไปข้างใน “นั่งก่อน… นายอยากดื่มอะไรมั้ย ?” หวังยู่ถามเย่เชียนหลังจากปิดประตู

“อะไรก็ได้ครับ” เย่เชียนตอบอย่างสุภาพ

หลังจากนั้นไม่นานหวังยู่ก็นำถ้วยชาสองถ้วยมาวางไว้ตรงหน้าของเย่เชียนและแจ็ค จากนั้นเธอก็ไปนั่งที่โซฟาตัวข้าง ๆ เธอจ้องมองเย่เชียนแล้วก็หันมองไปที่แจ็ค แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ซึ่งแจ็คเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เย่เชียนจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขารู้สึกทำตัวไม่ถูก มันทำให้ช่วงเวลาอันน่าอึดอัดใจนี้ผ่านไปช้า ๆ อย่างน่าเบื่อหน่าย

เย่เชียนไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับหวังยู่กันแน่ เพราะครั้งแรกที่เขาได้พบกับเธอ เขานั้นไม่มีความรู้สึกดี ๆ ให้เธอเลยแม่แต่นิด เขาคิดว่าเธอนั้นช่างเป็นผู้หญิงที่นิสัยเสียและไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอ เขารู้สึกอดไม่ได้ที่จะคอยแกล้งและหยอกล้อเธอทุกทีไป เขาชอบท่าทางของเธอในยามที่เธอโกรธ ซึ่งน่าแปลกที่เขากลับมองว่ามันทำให้เธอดูน่ารักมาก

พอหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับฉินหยู เย่เชียนก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของหวังยู่ที่มีต่อเขานั้นเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน ทุกครั้งที่เขานึกถึงศึกระหว่างเธอกับฉินหยูที่ทะเลาะกันในครั้งนั้น เขาก็อดยิ้มไม่ได้ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน มันทำให้เย่เชียนตระหนักได้ว่าหวังยู่เองก็มีด้านที่บอบบางและอ่อนแออยู่เช่นกัน เมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างฉินหยู เธอกลับต้องพ่ายแพ้ไปอย่างน่าสงสาร

จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่เขาถูกอู่หยางเทียนหมิงล้อมกรอบเพื่อที่จะกำจัดเขา ในเวลานั้นหวังยู่คนนี้ก็เผยความห่วงใยและความจริงใจของเธอออกมาทั้งหมด เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเย่เชียนด้วยใจจริง ซึ่งมันทำให้เย่เชียนรู้สึกสำนึกผิดอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของเขาในอดีต มันอาจทำร้ายเธอโดยที่เขาไม่คาดคิดและทำให้เธอต้องเสียใจมาก แต่ถึงอย่างนั้นเย่เชียนก็ไม่อาจรู้และไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นกับเธอ หรือบางทีเย่เชียนอาจจะชอบหรือรักเธอแบบนั้นภายในจิตใต้สำนึกเบื้องลึกของเขา…

“นานมากแล้วเนอะที่เราไม่ได้เจอกัน… คุณเป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย ?” ในที่สุดเย่เชียนก็พูดทำลายความเงียบงันขึ้นมา

“เหมือนเดิมแหละ แล้วนายล่ะ ?” อาจเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานมาก ทั้งสองคนจึงค่อนข้างรู้สึกประหม่าที่จะคุยกัน

“ผมสบายดี แค่ยังรู้สึกแปลก ๆ เพราะเคยถูกคุณจับกุมน่ะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดว่าในฐานะผู้ชาย เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะเขาต้องการทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดหยอกล้อเล็กน้อย

หวังยู่เหลือบมองเขาและพูดว่า “ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ แต่มันเป็นงานของฉัน”

เย่เชียนยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “ผมแค่หยอกเล่นเฉย ๆ หรอกหน่า พูดตรง ๆ เลยนะในบรรดาตำรวจที่ผมเคยพบเจอมา คุณเป็นคนที่ยึดมั่นและยุติธรรมที่สุดเลย ผมหวังว่าคุณจะยังคงแน่วแน่ในแบบที่คุณเป็นต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้วสังคมก็ต้องการคนแบบคุณที่ปกป้องประชาชนอย่างแท้จริง”

“ถ้านายรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นายก็อย่าสร้างปัญหาอีกล่ะ” หวังยู่พูดต่อ “เซี่ยงไฮ้กำลังอยู่ในความไม่สงบในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ถึงฉันจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วนายทำอะไรอยู่กันแน่ แต่ฉันก็หวังเสมอว่านายจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงอีก ถ้าฉันรู้ขึ้นมา ฉันก็จะจับนายและคงจะไม่ปล่อยนายไปอีกแล้ว”

เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “คุณอยากเก็บผมเอาไว้เหรอ ?”

หลังจากที่เขาพูดแบบนี้จบ เย่เชียนก็รู้สึกได้ในทันทีว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นมันไม่ถูกต้อง ทำไมเขาถึงต้องพูดคำที่คลุมเครือและกำกวมแบบนี้ออกมาด้วย เขาอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักสองสามที

ทางด้านของหวังยู่นั้น เธอผงะไปชั่วครู่ จากนั้นเธอก็เงียบไปในทันที ทำให้บรรยากาศโดยรอบกลับมาน่าอึดอัดและหมองหม่นอีกครั้ง

ทว่า… แจ็คกลับนั่งดื่มชาอย่างเฉยเมยราวกับว่าเขาไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองที่คุยกัน

เย่เชียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกเพื่อทำลายความเงียบงันนี้ เขาจึงยิ้มให้หวังยู่อย่างโง่เขลาและสำนึกผิด จากนั้นก็รีบดื่มชาเข้าไปอีกอึกใหญ่

หวังยู่มองหน้าของเย่เชียนด้วยท่าทางแปลก ๆ จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและพูดว่า “พ่อของฉันอาจจะกลับมาช้าหน่อยนะ… เชิญพวกนายนั่งรออยู่ที่นี่กันตามสบายเลย เดี๋ยวฉันขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อน”

การแสดงออกของเธอนั้นดูคล้ายกับว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูดออกมา แต่เธอกลับฝืนกลั้นมันเอาไว้ ใบหน้าของเธอบูดบึ้งเล็กน้อย ในขณะที่เย่เชียนนั้นไม่เข้าใจอะไรเลย

“เอ่อคือ…” เย่เชียนกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี

เย่เชียนได้แต่เฝ้าดูหวังยู่เดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบ ๆ ส่วนแจ็คนั้นกำลังมองไปที่เย่เชียน เขายิ้มอย่างคลุมเครือจากนั้นก็พูดว่า “บอสนี่เจ้าชู้จังเลยนะ”

เย่เชียนผงะ จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่แจ็คและพูดว่า “อย่ามาไร้สาระหน่า”

“ฮ่า ๆ ๆ อย่าบอกนะว่าบอสไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบบอสน่ะ” แจ็คหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดหยอก

“ฉันไม่รู้” เย่เชียนตอบอย่างหมดหนทาง

“งั้นก็แกล้งทำต่อไปนะ ฮ่า ๆ ๆ ” แจ็คยิ้มอย่างซุกซน

เย่เชียนไม่ได้ตอบกลับและพูดอะไรอีก เขาเพียงแค่ยักไหล่และเหม่อลอยเล็กน้อย

ไม่นานนักหวังปิงก็กลับมาถึงบ้าน พร้อมกับหลี่ฮ่าวที่กำลังเดินตามหลังเขามา

“เสี่ยวเย่… รอนานมั้ย ? ฮ่า ๆ ๆ โทษทีพอดีช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่งมาก” หวังปิงหัวเราะและยิ้มให้เย่เชียนขณะที่เขานั่งลงที่โซฟาตรงข้าม

“ไม่เป็นไรครับ ท่านหวังอุตส่าห์ทำงานหนักและแบกรับภาระอันหนักอึ้งเพื่อประชาชนของเรา” เย่เชียนพูดประจบ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำพูดของเขานั้นอาจจะฟังดูปลอมไปหน่อย แต่ทว่ามันออกมาจากใจของเขาจริง ๆ

“ไงพี่สอง!” หลี่ฮ่าวทักทาย

เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “ไง… ว่าง ๆ นายพาภรรยาและลูกของนายไปเยี่ยมพ่อบ้างสิ พ่อเขาบ่นคิดถึงและอยากเจอทุกคนเลย”

“ไว้ผมว่างก่อนนะพี่ ผมก็ยุ่งน่าดูเลยช่วงนี้น่ะ” หลี่ฮ่าวพูด

หวังปิงหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “เสี่ยวเย่… นี่ใครหรือ ? จะไม่แนะนำเราหน่อยหรือไงกัน”

“ปัดโธ่! มารยาทของผมอยู่ไหนกันเนี่ย ขอโทษทีครับ” เย่เชียนพูด “แจ็ค! นี่คือท่านผู้ว่าการเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้ของเราที่ฉันพูดถึงบ่อย ๆ ผลงานของเขาในด้านการเมืองนั้นยอดเยี่ยมมาก สมัยนี้ข้าราชการดี ๆ แบบนี้หายากมากนะ นายควรเคารพและใกล้ชิดกับท่านผู้ว่าหวังเอาไว้นะ”

“สวัสดีครับ ผมชื่อแจ็ค! ผมต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” แจ็คยืนขึ้นพูด จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างเคารพ และแต่ก็ไม่ได้มากสักเท่าไหร่ เพราะท้ายที่สุดแล้วในสายตาของแจ็คนั้น หวังปิงยังไม่สมควรที่จะได้รับความเคารพจากเขาสักเท่าไหร่อย่างน้อยก็ในตอนนี้

“นั่งลง… นั่งลงเถอะ ฉันไม่ต้องการแบบนั้น เราคนกันเองอยู่แล้ว ฮ่า ๆ ๆ ” หวังปิงพูดและหัวเราะ

“ท่านหวัง คนคนนี้คือเพื่อนที่ดีของผม แจ็คเป็นตัวแทนทางกฎหมายของสำนักงานรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดของเรา” เย่เชียนพูด

“สำนักงานรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัด ?” หวังปิงตกตะลึงไปชั่วขณะและอดไม่ได้ที่จะหันไปหาหลี่ฮ่าว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 162 การเผชิญหน้ากับหวังยู่

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 162 การเผชิญหน้ากับหวังยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเย่เชียนกดออดที่หน้าประตู สักพักประตูหน้าก็ถูกเปิดออก ซึ่งคนที่เปิดประตูออกมาก็คือหวังยู่ เมื่อเธอเห็นเย่เชียน เธอก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและมีร่องรอยของความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวมันก็เปลี่ยนไปสู่ความมืดมนดังเดิม

เย่เชียนนั้นไม่ได้พบกับหวังยู่มานานมากแล้ว และการที่เขาได้เห็นเธอในวันนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย มันไม่ใช่ว่าเย่เชียนจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอจากเมื่อครั้งก่อน แต่มันอาจเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองกำลังเดินบนเส้นทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งคู่นั้นเปรียบได้ว่าอยู่กันคนละโลก ทำให้หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างก็ห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เรามาพบท่านผู้ว่าหวัง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“พ่อยังไม่กลับ… พวกนายเข้ามาข้างในก่อนสิ” หวังยู่พูดและเชิญให้เย่เชียนกับแจ็คเข้าไปข้างใน “นั่งก่อน… นายอยากดื่มอะไรมั้ย ?” หวังยู่ถามเย่เชียนหลังจากปิดประตู

“อะไรก็ได้ครับ” เย่เชียนตอบอย่างสุภาพ

หลังจากนั้นไม่นานหวังยู่ก็นำถ้วยชาสองถ้วยมาวางไว้ตรงหน้าของเย่เชียนและแจ็ค จากนั้นเธอก็ไปนั่งที่โซฟาตัวข้าง ๆ เธอจ้องมองเย่เชียนแล้วก็หันมองไปที่แจ็ค แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ซึ่งแจ็คเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เย่เชียนจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขารู้สึกทำตัวไม่ถูก มันทำให้ช่วงเวลาอันน่าอึดอัดใจนี้ผ่านไปช้า ๆ อย่างน่าเบื่อหน่าย

เย่เชียนไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับหวังยู่กันแน่ เพราะครั้งแรกที่เขาได้พบกับเธอ เขานั้นไม่มีความรู้สึกดี ๆ ให้เธอเลยแม่แต่นิด เขาคิดว่าเธอนั้นช่างเป็นผู้หญิงที่นิสัยเสียและไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอ เขารู้สึกอดไม่ได้ที่จะคอยแกล้งและหยอกล้อเธอทุกทีไป เขาชอบท่าทางของเธอในยามที่เธอโกรธ ซึ่งน่าแปลกที่เขากลับมองว่ามันทำให้เธอดูน่ารักมาก

พอหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับฉินหยู เย่เชียนก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของหวังยู่ที่มีต่อเขานั้นเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน ทุกครั้งที่เขานึกถึงศึกระหว่างเธอกับฉินหยูที่ทะเลาะกันในครั้งนั้น เขาก็อดยิ้มไม่ได้ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน มันทำให้เย่เชียนตระหนักได้ว่าหวังยู่เองก็มีด้านที่บอบบางและอ่อนแออยู่เช่นกัน เมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างฉินหยู เธอกลับต้องพ่ายแพ้ไปอย่างน่าสงสาร

จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่เขาถูกอู่หยางเทียนหมิงล้อมกรอบเพื่อที่จะกำจัดเขา ในเวลานั้นหวังยู่คนนี้ก็เผยความห่วงใยและความจริงใจของเธอออกมาทั้งหมด เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเย่เชียนด้วยใจจริง ซึ่งมันทำให้เย่เชียนรู้สึกสำนึกผิดอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของเขาในอดีต มันอาจทำร้ายเธอโดยที่เขาไม่คาดคิดและทำให้เธอต้องเสียใจมาก แต่ถึงอย่างนั้นเย่เชียนก็ไม่อาจรู้และไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นกับเธอ หรือบางทีเย่เชียนอาจจะชอบหรือรักเธอแบบนั้นภายในจิตใต้สำนึกเบื้องลึกของเขา…

“นานมากแล้วเนอะที่เราไม่ได้เจอกัน… คุณเป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย ?” ในที่สุดเย่เชียนก็พูดทำลายความเงียบงันขึ้นมา

“เหมือนเดิมแหละ แล้วนายล่ะ ?” อาจเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานมาก ทั้งสองคนจึงค่อนข้างรู้สึกประหม่าที่จะคุยกัน

“ผมสบายดี แค่ยังรู้สึกแปลก ๆ เพราะเคยถูกคุณจับกุมน่ะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดว่าในฐานะผู้ชาย เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะเขาต้องการทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดหยอกล้อเล็กน้อย

หวังยู่เหลือบมองเขาและพูดว่า “ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ แต่มันเป็นงานของฉัน”

เย่เชียนยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “ผมแค่หยอกเล่นเฉย ๆ หรอกหน่า พูดตรง ๆ เลยนะในบรรดาตำรวจที่ผมเคยพบเจอมา คุณเป็นคนที่ยึดมั่นและยุติธรรมที่สุดเลย ผมหวังว่าคุณจะยังคงแน่วแน่ในแบบที่คุณเป็นต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้วสังคมก็ต้องการคนแบบคุณที่ปกป้องประชาชนอย่างแท้จริง”

“ถ้านายรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นายก็อย่าสร้างปัญหาอีกล่ะ” หวังยู่พูดต่อ “เซี่ยงไฮ้กำลังอยู่ในความไม่สงบในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ถึงฉันจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วนายทำอะไรอยู่กันแน่ แต่ฉันก็หวังเสมอว่านายจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงอีก ถ้าฉันรู้ขึ้นมา ฉันก็จะจับนายและคงจะไม่ปล่อยนายไปอีกแล้ว”

เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “คุณอยากเก็บผมเอาไว้เหรอ ?”

หลังจากที่เขาพูดแบบนี้จบ เย่เชียนก็รู้สึกได้ในทันทีว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นมันไม่ถูกต้อง ทำไมเขาถึงต้องพูดคำที่คลุมเครือและกำกวมแบบนี้ออกมาด้วย เขาอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักสองสามที

ทางด้านของหวังยู่นั้น เธอผงะไปชั่วครู่ จากนั้นเธอก็เงียบไปในทันที ทำให้บรรยากาศโดยรอบกลับมาน่าอึดอัดและหมองหม่นอีกครั้ง

ทว่า… แจ็คกลับนั่งดื่มชาอย่างเฉยเมยราวกับว่าเขาไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองที่คุยกัน

เย่เชียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกเพื่อทำลายความเงียบงันนี้ เขาจึงยิ้มให้หวังยู่อย่างโง่เขลาและสำนึกผิด จากนั้นก็รีบดื่มชาเข้าไปอีกอึกใหญ่

หวังยู่มองหน้าของเย่เชียนด้วยท่าทางแปลก ๆ จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและพูดว่า “พ่อของฉันอาจจะกลับมาช้าหน่อยนะ… เชิญพวกนายนั่งรออยู่ที่นี่กันตามสบายเลย เดี๋ยวฉันขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อน”

การแสดงออกของเธอนั้นดูคล้ายกับว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูดออกมา แต่เธอกลับฝืนกลั้นมันเอาไว้ ใบหน้าของเธอบูดบึ้งเล็กน้อย ในขณะที่เย่เชียนนั้นไม่เข้าใจอะไรเลย

“เอ่อคือ…” เย่เชียนกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี

เย่เชียนได้แต่เฝ้าดูหวังยู่เดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบ ๆ ส่วนแจ็คนั้นกำลังมองไปที่เย่เชียน เขายิ้มอย่างคลุมเครือจากนั้นก็พูดว่า “บอสนี่เจ้าชู้จังเลยนะ”

เย่เชียนผงะ จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่แจ็คและพูดว่า “อย่ามาไร้สาระหน่า”

“ฮ่า ๆ ๆ อย่าบอกนะว่าบอสไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบบอสน่ะ” แจ็คหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดหยอก

“ฉันไม่รู้” เย่เชียนตอบอย่างหมดหนทาง

“งั้นก็แกล้งทำต่อไปนะ ฮ่า ๆ ๆ ” แจ็คยิ้มอย่างซุกซน

เย่เชียนไม่ได้ตอบกลับและพูดอะไรอีก เขาเพียงแค่ยักไหล่และเหม่อลอยเล็กน้อย

ไม่นานนักหวังปิงก็กลับมาถึงบ้าน พร้อมกับหลี่ฮ่าวที่กำลังเดินตามหลังเขามา

“เสี่ยวเย่… รอนานมั้ย ? ฮ่า ๆ ๆ โทษทีพอดีช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่งมาก” หวังปิงหัวเราะและยิ้มให้เย่เชียนขณะที่เขานั่งลงที่โซฟาตรงข้าม

“ไม่เป็นไรครับ ท่านหวังอุตส่าห์ทำงานหนักและแบกรับภาระอันหนักอึ้งเพื่อประชาชนของเรา” เย่เชียนพูดประจบ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำพูดของเขานั้นอาจจะฟังดูปลอมไปหน่อย แต่ทว่ามันออกมาจากใจของเขาจริง ๆ

“ไงพี่สอง!” หลี่ฮ่าวทักทาย

เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “ไง… ว่าง ๆ นายพาภรรยาและลูกของนายไปเยี่ยมพ่อบ้างสิ พ่อเขาบ่นคิดถึงและอยากเจอทุกคนเลย”

“ไว้ผมว่างก่อนนะพี่ ผมก็ยุ่งน่าดูเลยช่วงนี้น่ะ” หลี่ฮ่าวพูด

หวังปิงหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “เสี่ยวเย่… นี่ใครหรือ ? จะไม่แนะนำเราหน่อยหรือไงกัน”

“ปัดโธ่! มารยาทของผมอยู่ไหนกันเนี่ย ขอโทษทีครับ” เย่เชียนพูด “แจ็ค! นี่คือท่านผู้ว่าการเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้ของเราที่ฉันพูดถึงบ่อย ๆ ผลงานของเขาในด้านการเมืองนั้นยอดเยี่ยมมาก สมัยนี้ข้าราชการดี ๆ แบบนี้หายากมากนะ นายควรเคารพและใกล้ชิดกับท่านผู้ว่าหวังเอาไว้นะ”

“สวัสดีครับ ผมชื่อแจ็ค! ผมต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” แจ็คยืนขึ้นพูด จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างเคารพ และแต่ก็ไม่ได้มากสักเท่าไหร่ เพราะท้ายที่สุดแล้วในสายตาของแจ็คนั้น หวังปิงยังไม่สมควรที่จะได้รับความเคารพจากเขาสักเท่าไหร่อย่างน้อยก็ในตอนนี้

“นั่งลง… นั่งลงเถอะ ฉันไม่ต้องการแบบนั้น เราคนกันเองอยู่แล้ว ฮ่า ๆ ๆ ” หวังปิงพูดและหัวเราะ

“ท่านหวัง คนคนนี้คือเพื่อนที่ดีของผม แจ็คเป็นตัวแทนทางกฎหมายของสำนักงานรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดของเรา” เย่เชียนพูด

“สำนักงานรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัด ?” หวังปิงตกตะลึงไปชั่วขณะและอดไม่ได้ที่จะหันไปหาหลี่ฮ่าว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+