ยอดนักรบจอมราชัน 533 การมาของฮัวซงเจี๋ย

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 533 การมาของฮัวซงเจี๋ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 533 การมาของฮัวซงเจี๋ย

เฉินจงข่ายนั้นไม่เคยเห็นใครที่หยิ่งผยองเท่าเย่เชียนมาก่อนที่กล้าข่มขู่น้องชายภรรยาของเขาต่อหน้าต่อตาตัวเขาเองเช่นนี้และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขากลับไม่สามารถทำอะไรเย่เชียนได้เลย ซึ่งเฉินจงข่ายนั้นก็ไม่สามารถรับประกันได้จริงๆ ว่าเขาจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพราะฮัวซงเจี๋ยได้พูดออกมาอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่าเย่เชียนนั้นเป็นเพื่อนของเขา ดังนั้นเฉินจงข่ายจะกล้าทำอะไรได้อย่างไร?

แต่ถ้าเขาไม่หยุดมันล่ะก็เขาจะเอาหน้าในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอหนานไปไว้ที่ไหนและยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นพี่เขยที่เฝ้าดูคนอื่นทำร้ายน้องชายของภรรยาตัวเอง ดังนั้นเขาจะก้มหน้าลงและอธิบายกับภรรยาของเขาอย่างไรเมื่อเขากลับไปที่บ้าน

“คุณเย่อย่าได้ใจเกินไปล่ะ..คุณข่มขู่และใช้ความรุนแรงอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าต่อตาผมแบบนี้ผมก็ไม่สนใจหรอกนะว่าคุณจะเป็นลูกน้องของหรือเพื่อนของคุณฮัว..เพราะงั้นถ้าคุณยังก่อเรื่องแบบนี้อีกก็อย่ามาโทษผมที่ไม่ยอมไว้หน้าก็แล้วกัน!” เฉินจงข่ายพูดพร้อมกับแสยะยิ้มเบาๆ

“คุณหมายความว่าไง? ..แล้วใครจะรับผิดชอบกับการสูญเสียรายได้จากโรงแรมของผม..ถ้าผู้อำนวยการเฉินคิดว่ามันไม่ถูกต้องผมก็คงจะต้องใช้วิธีอื่นแล้วล่ะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“บอส! ..เราไม่ต้องเจรจากันแล้ว..ฆ่ามันทั้งตระกูลเลยนี่แหละดีที่สุดแล้ว!” ชิงเฟิงลุกขึ้นยืนและตะโกนอย่างเสียงดัง

เมื่อมองไปที่ท่าทางก้าวร้าวของชิงเฟิงราวกับว่าเขากำลังจะเริ่มทำอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงแล้วทันใดนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและเฉินจงข่ายก็ถึงผงะและรีบชักปืนออกจากซองปืนที่เอวของพวกเขาและเล็งไปที่ชิงเฟิงทันที

“คุณเย่อย่าดีกว่า..อย่าทำอะไรที่มันบุ่มบ่ามเกินไป..เพราะถ้าคุณยั่วยุผมอีกผมจะทำอะไรก็ได้..หลัวป้อน่ะเป็นน้องชายภรรยาของผมเพราะงั้นผมก็รู้ดีว่าเขาทำอะไรผิดแต่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องปกป้องเขา” เฉินจงข่ายพูดต่อ “ประธานฮัวบอกว่าเขากำลังจะมาที่นี่..เพราะงั้นอย่าทำให้สถานการณ์มันแย่ลงเลย..ผมหวังว่าคุณเย่จะไม่ตัดสินใจผิดพลาดนะ”

“แม่งเอ๊ย..พวกคุณคิดว่าพวกคุณเก่งเรื่องการใช้ปืนงั้นเหรอ! ..ถ้าคิดว่าแม่นพอก็ยิงมาเลย!” ชิงเฟิงพูดพร้อมกับจ่อปืนไปที่หัวของหลัวป้ออย่างเกรี้ยวกราดจนเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็ตกตะลึงและสูญเสียอาการไปกับสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำตามหน้าที่

แม้ว่าพวกเขาจะมีปืนแต่พวกเขาก็ไม่กล้าเปิดฉากยิงง่ายๆ เพราะมันจะทำให้ประชาชนโดยรอบหวาดกลัวและตื่นตระหนก ซึ่งปืนและกระสุนทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ทุกคนในสถานีตำรวจพกพานั้นจะต้องได้รับการตรวจสอบเป็นประจำและถึงแม้ว่าจะต้องใช้กระสุนปืนเพราะเหตุใดๆ ก็ตามถึงยังไงก็ต้องมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับทางการไม่เช่นนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากอย่างมากและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็เป็นคนรู้จักของฮัวซงเจี๋ยเสียด้วยพวกเขาจึงไม่กล้าเปิดฉากยิง ซึ่งพวกเขาเองก็มั่นใจว่าการวิสามัญชิงเฟิงนั้นง่ายมากแต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาเลย

“ทำไม? ..พวกคุณไม่กล้ายิงผมเหรอ? ..โถ่เฉินจงข่ายอย่าคิดว่าตำแหน่งผู้อำนวยการกรมตำรวจส่วนกลางของคุณจะปกป้องน้องของคุณได้นะ..เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่สามารถตัดสินได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว!” ชิงเฟิงพูดอย่างดุเดือด

“คะ..คุณ” เฉินจงข่ายก็ถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัวและเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ซึ่งหลังจากหยุดไปชั่วขณะเขาก็พูดว่า “คุณเย่..เขาเป็นลูกน้องของคุณเหรอ?”

เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและโบกมือให้ชิงเฟิงอย่างช้าๆ เพื่อให้เขานั่งลง จากนั้นเย่เชียนก็มองไปที่เฉินจงข่ายและพูดเบาๆ ว่า “ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดนะ..เขาไม่ใช่ลูกน้องของผมแต่เป็นน้องชายของผมต่างหาก..เขาไม่ใช่คนไร้การศึกษาคุณไม่คิดแบบนั้นเหรอ”

มุมปากของเฉินจงข่ายก็กระตุกสองสามครั้งและเห็นได้ชัดว่าเขาพยายามระงับความโกรธของเขาเอาไว้ ส่วนเย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และไม่สนใจเขาอีกต่อไป ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่เขาพูดเพราะสำหรับการศึกษานั้นมันเป็นเพียงหน้ากากที่ผู้คนมักจะที่เห็นแก่ตัวเองใช้เพื่ออำพรางตัวเอง

ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันจู่ๆ รถเบนซ์ S600 คันหนึ่งก็ขับมาจอดอยู่ที่หน้าร้านขายวัสดุก่อสร้างและมีชายสองคนที่แต่งกายเหมือนบอดี้การ์ดลงมาจากรถและเปิดประตูหลังอย่างรวดเร็วจากนั้นก็มีชายวัยกลางคนเดินออกมาจากรถและเขาก็คือฮัวซงเจี๋ยเจ้าพ่อคาสิโนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง

“ช่างวุ่นวายเสียจริง! ” ฮัวซงเจี๋ยเหลือบมองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ที่ประตูและพูดเบาๆ

“ทุกคนเก็บปืนและไปรอผมที่รถ! ” เฉินจงข่ายโบกมือให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและพูด ตั้งแต่ที่ฮัวเจี๋ยมาถึงที่นี่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปิดฉากยิงกันและมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะอยู่ต่อและยิ่งไปกว่านั้นประโยคแรกที่ฮัวซงเจี๋ยพูดนั้นก็ทำให้เฉินจงข่ายกังวลมากดังนั้นเขาจึงต้องสั่งให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจถอยกลับไปในทันที

“ผู้อำนวยการเฉินผมไม่ได้บอกคุณทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้หรอว่าคุณเย่เป็นเพื่อนของผม..คุณจะปฏิบัติต่อเพื่อนของผมแบบนี้น่ะเหรอ? ” ฮัวซงเจี๋ยพูดขณะที่เขาก้าวเข้ามาในร้าน

เฉินจงข่ายก็ลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อนและยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “คุณฮัว!” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ก้มหัวคำนับแต่ก็เห็นได้ชัดทั้งในการแสดงออกและน้ำเสียงของเฉินจงข่ายนั้นดูหวาดกลัวและเคารพฮัวซงเจี๋ยอย่างมาก ซึ่งเฉินจงข่ายที่เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางยังต้องเคารพฮัวซงเจี๋ยเช่นนี้ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าไม่มีใครในมณฑลเหอหนานที่ไม่รู้จักฮัวเจี๋ยดีไปกว่าเขาเพราะเขารู้ถึงอำนาจและอิทธิพลของฮัวซงเจี๋ยและที่สำคัญกว่านั้นในทุกๆ ปีฮัวซงเจี๋ยก็มอบซองอั่งเปาให้กับเฉินจงข่ายอยู่เสมอเพราะฉะนั้นเฉินจงข่ายจึงต้องเคารพฮัวซงเจี๋ยโดยธรรมชาติ

ส่วนเย่เชียนกับชิงเฟิงนั้นก็ไม่ได้ลุกขึ้นหรือทำความเคารพแต่อย่างใด ซึ่งพวกเขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสบายๆ และเมื่อเห็นฮัวซงเจี๋ยเดินเข้ามาเย่เชียนก็เพียงยิ้มจางๆ เท่านั้น

“คุณเย่..ยินดีที่ได้พบกันครับ! ” หลังจากที่ฮัวซงเจี๋ยเห็นเย่เชียนเช่นนั้นเขาก็รู้สึกอึดอัดกับท่าทีของเย่เชียนแต่หลังจากงุนงงอยู่เล็กน้อยเขาก็ยิ้มและเดินเข้ามา “ผมชื่นชมคุณเย่มานานแล้ว..วันนี้ช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้พบคุณ” ฮัวซงเจี๋ยพูดขณะที่เขายื่นมือออกไป

เมื่อเห็นฉากดังกล่าวเฉินจงข่ายก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ซึ่งสถานการณ์นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเย่เชียนและฮัวซงเจี๋ยนั้นไม่ใช่ทั้งหัวหน้ากับลูกน้องหรือแม้แต่สถานะเป็นเพื่อนกัน เพราะคนอย่างฮัวซงเจี๋ยที่หยิ่งผยองเช่นนี้ยังสุภาพกับเย่เชียนดังนั้นเฉินจงข่ายจึงสงสัยว่าสถานะของเย่เชียนนั้นอาจจะสูงกว่าฮัวซงเจี๋ยและเขาก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้และในทันใดนั้นข่าวที่เป็นประเด็นร้อนข่าวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเฉินจงข่ายและชื่อของคนคนนั้นก็ดูเหมือนจะชื่อว่าเย่เชียน ดังนั้นเมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้เฉินจงข่ายก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจและคิดอย่างลับๆ ว่า ‘เขาเป็นCEOของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเย่เชียนคนนั้นหรือเปล่า?’

“ประธานฮัวก็พูดเกินไป..ผมเกือบจะมาที่มณฑลเหอหนานไม่ได้” เย่เชียนยิ้มเบาๆ และจับมือกับฮัวซงเจี๋ยแล้วพูดว่า “แต่ผมยังโชคดีอยู่ไม่งั้นผมคงจะไปนอนอยู่ในคุกแล้วตอนนี้”

“คุณเย่นี่พูดติดตลกมากครับ..ใครจะกล้าจับคุณเย่เข้าคุกเว้นแต่คนคนนั้นจะไม่รักชีวิตของเขาแล้ว..ถ้ามีคนแบบนั้นเดี๋ยวฮัวซงเจี๋ยคนนี้จะจัดการเอง” ฮัวซงเจี๋ยพูดอย่างเคร่งขรึม

“เหอะๆ ..มันมีคนแบบนั้นจริงๆ มันเพิ่งจะเกิดขึ้นที่นี่เอง” เย่เชียนพูดขณะที่มองไปที่เฉินจงข่ายแล้วพูดต่อ “ผู้อำนวยการเฉินช่วยบอกทีว่าผมพูดถูกหรือเปล่า? ”

“เอ่อ..คุณเย่ครับมันเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดกันเฉยๆ ” เฉินจงข่ายยิ้มอย่างขมขื่นและพูด

“ผมก็พอจะรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง..ว่าแต่หลัวป้อทำอะไรเหรอคุณเย่ถึงได้มาด้วยตัวเองแบบนี้” ฮัวซงเจี๋ยพูด “มั่นใจได้เลยเพราะนี่คือถิ่นของผมและผมจะให้คำอธิบายที่ดีแก่คุณเย่อย่างแน่นอน”

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฮัวซงเจี๋ยพูดว่านี่คือถิ่นหรือดินแดนของเขา ซึ่งเย่เชียนก็สามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่านี่คือคำเตือนของฮัวซงเจี๋ยที่ซ่อนอยู่ในคำพูด เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าประธานฮัวยืนยันแบบนั้นผมก็โล่งใจ”

ฮัวซงเจี๋ยนั้นไม่เคยพบเจอกับเย่เชียนมาก่อนดังนั้นเขาจะเดาได้อย่างไรว่าเย่เชียนคิดอะไรอยู่ แต่ทว่าก่อนที่เขาจะตระหนักถึงเรื่องนี้เนื่องจากเย่เชียนรู้แล้วว่าคนที่สนามบินทั้งสองคนนั้นถูกเขาส่งมาด้วยตัวเองเช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่ควรจะปล่อยผ่านมันไปง่ายๆ หรอกใช่ไหม? เห็นได้ชัดว่าเย่เชียนอยู่ที่มณฑลเหอหนานมานานแล้วแต่เย่เชียนก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งทำให้ฮัวซงเจี๋ยสับสนอย่างมาก ซึ่งตอนนี้เย่เชียนก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรแต่เย่เชียนก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะรุกรานเขาแต่อย่างใด ดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจึงพยักหน้าอย่างลับๆ และเริ่มผ่อนคลายและไม่ระมัดระวังเย่เชียนเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

“เนื่องจากคุณเย่เชื่อในตัวผมดังนั้นผมก็เต็มใจที่จะช่วยอย่างเต็มที่” ฮัวซงเจี๋ยพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นฮัวซงเจี๋ยก็มองไปที่เฉินจงข่ายและพูดว่า “ผู้อำนวยการเฉิน! ..นี่เป็นความผิดของน้องชายภรรยาของคุณ..เพราะงั้นก็ทำตามที่คุณเย่บอกซะ..มอบเงินส่วนนั้นให้คุณเย่ไปจากนั้นเรื่องก็จบ”

“แต่…” เฉินจงข่ายพูดอย่างคลุมเครือ

“อะไรนะ! ..สิ่งที่ผมพูดมันไม่ชัดเจนพอเหรอ” ใบหน้าของฮัวซงเจี๋ยก็มืดมนลงและเขาก็พูดอย่างเย็นชา และในสายตาของฮัวซงเจี๋ยนั้นเฉินจงข่ายคนนี้ไร้ความสามารถเกินไปและยิ่งไปกว่านั้นฮัวซงเจี๋ยเองก็ต้องการแสดงอำนาจและความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าเย่เชียน ซึ่งมันเป็นอำนาจและความแข็งแกร่งที่แม้แต่คนระดับผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอหนานยังต้องกลัวที่จะรับฟัง แต่ทว่าเฉินจงข่ายกลับเพิกเฉยและไม่ให้ความร่วมมือดังนั้นฮัวซงเจี๋ยจึงไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง

“ไม่ใช่ครับ!” เฉินจงข่ายตอบอย่างร้อนรนจากนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างลับๆ และพูดว่า “ในเมื่อประธานฮัวพูดแบบนั้นก็ว่ากันตามนั้นเลยครับ”

ฮัวซงเจี๋ยก็พยักหน้าเบาๆ และหันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “คุณเย่ว่าไงครับ..แบบนี้พอใจคุณเย่หรือเปล่า?”

“ครับ..ประธานฮัวเป็นคนที่ยุติธรรมมาก..ถ้าผมรู้ก่อนหน้านี้ผมคงจะขอความช่วยเหลือจากคุณตั้งแต่แรกแล้วมันจะได้ไม่เกิดปัญหามากมายแบบนี้..ผมต้องขอบคุณประธานฮัวจริงๆ ครับ” เย่เชียนพูด “ผมเป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเพราะงั้นผมจะตอบแทนความมีน้ำใจครั้งนี้ของคุณอย่างแน่นอน”

ฮัวซงเจี๋ยก็ขมวดคิดเล็กน้อยเพราะถึงแม้ว่าเย่เชียนจะพูดอย่างสุภาพก็ตามแต่ฮัวซงเจี๋ยนั้นรู้สึกว่าเย่เชียนดูเหมือนจะพูดถึงความเกลียดชังโดยบอกว่าตนนั้นเคยสร้างความเกลียดและความขุ่นเคืองกับเขามาแล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากคำพูดของเย่เชียนนั้นดูคลุมเครือจนเกินไปฮัวซงเจี๋ยจึงไม่สามารถตัดสินอะไรได้ เมื่อคิดเช่นนั้นฮัวซงเจี๋ยก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณเย่สุภาพเกินไปแล้ว..มันช่างเป็นเกียรติของผมจริงๆ ที่ได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อคุณ..ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วพวกเราไปดื่มกันสักหน่อยดีไหม?”

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด