ยอดนักรบจอมราชัน 576 เขาคือเหยื่อของฉัน!

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 576 เขาคือเหยื่อของฉัน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 576 เขาคือเหยื่อของฉัน!

ถ้าหมาป่าผีไป๋ฮวยฆ่าแม่บ้านของเหล่ยเจียงและผู้บริหารที่รับผิดชอบการพนันของฮัวซงเจี๋ยเพื่อช่วยเย่เชียนแล้วล่ะก็ทำไมเขาถึงต้องมาฆ่าโยชิดะตอนนี้ด้วย? เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้เย่เชียนก็พร้อมที่จะกำจัดคนที่ขวางทางแล้วดังนั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องรอให้หมาป่าผีไป๋ฮวยทำ

อย่างไรก็ตามหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำและเขาไม่คิดที่จะบอกอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาอยากทำเขาก็จะทำและเขาก็ไม่สนใจสิ่งใด ซึ่งโยชิดะคนนี้เป็นแชมป์คาราเต้ของประเทศญี่ปุ่นและยังได้รับการฝึกวิชานินจามืออาชีพจากตระกูลอิงะ ดังนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยจึงเต็มไปด้วยความสนใจและอยากจะต่อสู้กับคนประเภทนี้ ที่สำคัญกว่านั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยรู้สึกว่าเลือดของคนอย่างโยชิดะนั้นเหมาะกับดาบปีศาจของเขาที่จะดื่มมันได้

หลังจากที่หมาป่าผีไป๋ฮวยแย่งชิงดาบปีศาจมาจากราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงเมื่อครั้งนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ไม่รู้เลยว่ามีคนที่ถูกสังเวยด้วยดาบนี้ตั้งกี่คน เนื่องจากมันเป็นดาบปีศาจจึงมีความพิเศษโดยธรรมชาติและแตกต่างจากอาวุธอื่นๆ ซึ่งสิ่งที่ดาบปีศาจมุรามาซะชอบมากที่สุดคือการได้ดื่มเลือดของมนุษย์สดๆ ในการล้างใบมีดเช่นเดียวกับกริชดาวตกของม่อหลงที่มันต้องได้ดื่มเลือด

ทุกครั้งพฤติกรรมของหมาป่าผีไป๋ฮวยดูเหมือนจะต่อต้านเย่เชียนกับเขี้ยวหมาป่าอย่างมาก ซึ่งนับตั้งแต่ที่เย่เชียนก้าวเข้าไปในองค์กรเขี้ยวหมาป่านั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็มักจะปรากฏตัวในช่วงเวลาคับขันเสมอ อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เขาทำบางสิ่งก็เหมือนกับว่ามันได้ช่วยให้เย่เชียนได้รับผลประโยชน์ทุกครั้ง ท้ายที่สุดหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ตัดสินใจออกจากเขี้ยวหมาป่าและเลือกที่จะไม่กลับไปที่เขี้ยวหมาป่าไปแล้วเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตามหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ยังคงทำเช่นนั้นอยู่และมีเพียงเย่เชียนเท่านั้นที่จะรู้สึกได้ แต่เรื่องแบบนี้ไม่สามารถพูดได้เมื่อทั้งสองคนเผชิญหน้ากันจริงๆ

ค่ำคืนที่มืดมิดกำลังกลืนกินเมืองทั้งเมืองและก่อนที่ใครจะรู้ตัวมันก็ไม่ทันเสียแล้ว

เย่เชียน,หมาป่าผีไป๋ฮวยและชิงเฟิงต่างก็เหลือบมองไปยังโยชิดะยืนอยู่และเห็นว่าเขากำลังมองขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านเหรินชุนไป่จากนั้นก็ค่อยๆ เดินอ้อมไปที่ประตูหลังบ้าน

“ไอ้หมอนั่นทำอะไร” ชิงเฟิงฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “เหมือนว่าเขาต้องการปีนท่อน้ำใช่ไหมมันโง่มาก..เพราะข้างๆมันมีบันไดแต่เขากลับเลือกที่จะปืนท่อ”

“นี่คือความแตกต่างระหว่างทหารรับจ้างและนักฆ่า..เพราะทหารรับจ้างส่วนใหญ่จะบุกโจมตีด้านหน้าจรงๆ ในขณะที่นักฆ่าให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ..โยชิดะได้รับการฝึกวิชานินจามาอย่างเคร่งครัดในตระกูลอิงะที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น..เพราะงั้นจึงต้องเคลื่อนไหวแบบนักฆ่า” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูด ซึ่งดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะอารมณ์ดีมากเพราะเขาพูดกับชิงเฟิงตั้งหลายคำ

อันที่จริงไม่ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะโหดร้ายเพียงใดแต่ถึงยังไงเขาก็เป็นคน ถึงแม้ว่าเขาจะจงใจระงับอารมณ์ที่โหดร้ายเอาไว้แต่มันก็ไม่สามารถระงับได้ตลอดเวลาอยู่ดี ซึ่งลึกๆ แล้วเขาก็หวังว่าจะมีเพื่อนที่สามารถพูดคุยกันได้และยิ่งไปกว่านั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยเองก็ค่อนข้างที่จะชอบคนอย่างชิงเฟิงถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะชอบทำเรื่องไร้สาระก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้เกลียดชิงเฟิงเท่ากับสมาชิกคนอื่นๆ ของเขี้ยวหมาป่า ดังนั้นจึงทำให้ความสมดุลทางอารมณ์เปลี่ยนไปและทำให้หมาป่าผีไป๋ฮวยพูดกับชิงเฟิงมากขึ้น

ในฉากนี้เย่เชียนมองเห็นได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเขาและเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขเล็กน้อยในใจเพราะในความเป็นจริงเย่เชียนก็ยังคาดหวังให้หมาป่าผีไป๋ฮวยกลับไปที่เขี้ยวหมาป่าอยู่เหมือนกันและถึงแม้ว่าเขาจะต้องสละตำแหน่งผู้นำของเขี้ยวหมาป่าไปก็ตามแต่เย่เชียนก็ไม่ลังเลที่จะทำเช่นนั้น ซึ่งตอนนี้ที่หมาป่าผีไป๋ฮวยพูดหลายๆ อย่างกับชิงเฟิงแบบนี้แน่นอนว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยยังคงคิดถึงเขี้ยวหมาป่าอยู่ในใจแต่เขาแค่แสดงออกไม่เก่งเท่านั้น

บุคลิกที่ไร้ความกังวลของชิงเฟิงนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพูดคุยกับคนอย่างหมาป่าผีไป๋ฮวยเพราะไม่ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะเฉยเมยสักแค่ไหนแต่เด็กคนนี้ก็ไม่สนใจเลยและเขาก็ยังสามารถคุยกันได้โดยหน้าตาเฉย สำหรับหมาป่าผีไป๋ฮวยผู้โดดเดี่ยวแล้วพฤติกรรมของชิงเฟิงมักจะทำให้ความเฉยเมยที่หมาป่าผีไป๋ฮวยมีอยู่นั้นหายไป

“ไปดูกันเถอะ..เราจะพลาดการแสดงดีๆ แบบนี้ไปไม่ได้” ชิงเฟิงยักไหล่และพูดอย่างแผ่วเบา

หมาป่าผีไป๋ฮวยก็หันหน้ามองไปที่เย่เชียนและชิงเฟิงแล้วพูดว่า “ถ้าพวกนายจะเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ไม่เป็นไรแต่ฉันหวังว่าพวกนายจะจำสิ่งที่พวกนายเพิ่งจะพูดเอาไว้ได้และไม่เข้าไปยุ่ง”

“ไม่ต้องกังวลไป..มันไม่ใช่ธุระของผม” ชิงเฟิงยิ้มอย่างมีความสุขและยื่นมือออกมาตบไหล่หมาป่าผีไป๋ฮวยเบาๆ ซึ่งหมาป่าผีไป๋ฮวยก็หันกลับมามองอย่างเย็นชาและเดินออกไปทางบ้านของเหรินชุนไป่ ฉากนี้ทำให้เย่เชียนตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะอารมณ์ของหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นไม่ชัดเจนอย่างยิ่งเพราะถึงแม้ว่าเขาจะสามารถพูดคุยกับหมาป่าผีไป๋ฮวยได้แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขายอมรับแล้วบางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจและฆ่าชิงเฟิงในทันทีก็เป็นได้ ที่สำคัญกว่านั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็เกลียดคนที่แตะไหล่ของเขานับประสาอะไรกับชิงเฟิง อย่างไรก็ตามชิงเฟิงก็ดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลยดังนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยจึงไม่สนใจอะไรใดๆ

ร่างกายของหมาป่าผีไป๋ฮวยก็เริ่มนิ่งไปและใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เย่เชียนประหลาดใจก็คือหมาป่าผีไป๋ฮวยไม่ได้ทำอะไรเลยแต่ปัดมือของชิงเฟิงออกไป จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปข้างในและเมื่อเห็นเช่นนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะถ้าหากหมาป่าผีไป๋ฮวยทำอะไรบางอย่างในตอนนี้จริงๆ ล่ะก็มันจะเป็นปัญหาอย่างยิ่ง

ส่วนชิงเฟิงนั้นดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลยแต่เมื่อหมาป่าผีไป๋ฮวยปัดมือของเขาออกไปเขาก็ยักไหล่เล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตามเขามองไปที่เย่เชียนโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นดวงตาของเย่เชียนที่ดูเหมือนจะสื่อถึงความหมายบางอย่าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอยู่กับชิงเฟิงเหราะหลังจากเป็นพี่น้องกันมาหลายปีชิงเฟิงก็รู้ความหมายในสายตาของเย่เชียน แต่เย่เชียนก็รู้ดีว่าที่ชิงเฟิงทำลงไปนั่นเป็นวิธีแสดงความสนิทสนมกับหมาป่าผีไป๋ฮวยอย่างชัดเจนและจุดประสงค์ก็เพื่อดึงหมาป่าผีไป๋ฮวยกลับมายังเขี้ยวหมาป่า แต่เมื่อชิงเฟิงเห็นหมาป่าผีไป๋ฮวยปัดมือตัวเองออกไปเขาก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เพราะถ้าความคิดของหมาป่าผีไป๋ฮวยเปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายขนาดนั้นมันคงไม่ทำให้สถานการณ์ต่างๆ เหมือนทุกวันนี้เป็นแน่ เพราะเย่เชียนนั้นรู้จักหมาป่าผีไป๋ฮวยมากที่สุดและเขาก็รู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้นและไม่มีทางที่จะทำให้หมาป่าผีไป๋ฮวยกลับเข้าเขี้ยวหมาป่าได้และอาจมีเพียงแค่จุดจบของหมาป่าผีไป๋ฮวยแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่ต้องการเห็นตอนจบเช่นนี้

อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ชิงเฟิงสามารถปล่อยวางเรื่องต่างๆ ได้เพราะเขาต้องการให้หมาป่าผีไป๋ฮวยกลับมายังเขี้ยวหมาป่าเช่นกันและเย่เชียนก็หวังเช่นเดียวกับชิงเฟิง

หลังจากนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างเงียบๆ และขึ้นบันไดไปยังชั้นบนที่เหรินชุนไป่อาศัยอยู่ ซึ่งเย่เชียนและชิงเฟิงก็เดินตามเขาเข้าไปแต่ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลยและบรรยากาศก็ดูน่าเบื่อเล็กน้อยและไม่มีใครเปิดปากเพื่อทำลายสถานการณ์ดังกล่าว

เรื่องของการจัดการเซฟตี้และกลอนที่ประตูนั้นเป็นหน้าที่ของชิงเฟิงโดยธรรมชาติเพราะชิงเฟิงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปลดล็อกแต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรในเชิงขโมยเลย ซึ่งชิงเฟิงก็หยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาและหยิบชิ้นส่วนเหล็กบางๆ ออกมาสอดเข้าไปในรูกุญแจและขยับมันสองสามครั้งจากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกได้อย่างง่ายดาย

โยชิดะนั้นมีความสามารถอย่างมากและเขาก็ได้ฆ่าเหรินชุนไป่เรียบร้อยแล้ว เพราะเมื่อเย่เชียน,หมาป่าผีไป๋ฮวยและชิงเฟิงเดินเข้าไปในบ้านพวกเขาก็เห็นเหรินชุนไป่นอนอยู่บนพื้นโดยที่คอของเขาบิดไปมาเห็นได้ชัดว่าโยชิดะนั้นได้หักคอเขาอย่างรุนแรง

เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเหรินชุนไป่ไม่มีโอกาสรอดและจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าของเขาและมันเกิดจากลูกชายของเขาเหรินเฉาเพียงคนเดียวแต่ในทางอ้อมมันก็เป็นความรับผิดชอบของเขาด้วยเพราะเขาไม่สั่งสอนลูกชายของตัวเองให้ดีจนเขาเอาแต่ใจและหยิ่งผยองมากเกินไปมันจะนำไปสู่สถานการณ์ในวันนี้ได้อย่างไร

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในบ้านพวกเขาทั้งสามคนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้จากห้องนอนซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสลดใจมากและพวกเขาทั้งสามก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเพราะพวกเขาได้ยินอย่างเป็นธรรมชาติว่าเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนนั้นหมายถึงอะไรและมันต้องเป็นการกระทำของสัตว์ร้ายอย่างโยชิดะที่ต้องการจะทำ

เย่เชียนนั้นสามารถเพิกเฉยต่อโยชิดะที่ฆ่าเหรินชุนไป่ได้แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อการกระทำที่ผิดศีลธรรมแบบนี้ได้ ซึ่งเย่เชียนก็ขมวดคิ้วและกำลังจะพุ่งเข้าไปแต่หมาป่าผีไป๋ฮวยเอื้อมมือมาห้ามเขาแล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาเป็นเหยื่อของฉัน? ” หลังจากพูดจบเขาก็เดินตรงไปที่ประตูห้องนอนโดยไม่สนใจเย่เชียนอีกต่อไปและเตะประตูห้องนอนเข้าไป

ในห้องนอนพวกเขาเห็นหญิงวัยกลางคนนอนกระเซอะกระเซิงอยู่บนเตียงและมีรอยฝ่ามือที่เห็นได้ชัดบนใบหน้าและกางเกงชั้นในของเธอก็หลุดออกจนหมดและร่างกายของเธอก็เปิดเผยจนเปลือยครึ่งท่อน ซึ่งหญิงวัยกลางคนน่าจะเป็นภรรยาของเหรินชุนไป่และมีอายุอย่างน้อยๆ สี่สิบปี แต่เนื่องจากการที่เธอรักษาสุขภาพดีเธอจึงยังดูไม่แก่และยังดูสวยอีกด้วย ส่วนโยชิดะนั้นก็ถอดเสื้อผ้าเช่นกันโดยมีเพียงกางเกงในตัวเดียวที่เหลืออยู่บนร่างกายท่อนล่างของเขาและเมื่อเห็นใครคนหนึ่งเตะประตูเข้ามาโยชิดะก็ถึงกับผงะและเขาก็รีบหันหน้าไปมอง

เมื่อเห็นใครบางคนเข้ามาหญิงวัยกลางคนก็ไม่มีเวลามาสนใจใส่เสื้อผ้าของเธอราวกับว่าเธอได้พบผู้ช่วยชีวิตเธอจึงรีบเข้ามากอดต้นขาของหมาป่าผีไป๋ฮวยและอ้อนวอนว่า “ได้โปรดช่วยฉันช่วยด้วย”

หมาป่าผีไป๋ฮวยก็หันหน้าไปและชำเลืองมองเธอ ซึ่งการแสดงออกบนใบหน้าของเขาดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักและเขาก็จับหัวของหญิงวัยกลางคนด้วยมือทั้งสองข้างและบิดมันอย่างแรงและได้ยินเพียงเสียงหักของกระดูกจากนั้นหญิงวัยกลางคนก็ก็ล้มลงไปกับพื้น

ฉากนี้ค่อนข้างทำให้โยชิดะประหลาดใจและเขาก็ถึงกับผงะเพราะเขาไม่สามารถคาดเดาถึงความตั้งใจของทั้งสามคนได้เลย

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด