ยอดนักรบจอมราชัน 652 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง 1

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 652 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 652 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 1

ถึงแม้ว่าหลินเฟิงอยากจะกลับไปหาหลินฟานทันทีเพื่อดูว่าเขาเป็นน้องชายของตัวเองหรือเปล่า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพวกพ้องคนสำคัญถึงสองคนอย่างเย่เชียนและหมาป่าผีไป๋ฮวยแล้วหลินเฟิงก็ทิ้งพวกเขาไม่ลงจริงๆและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังมีพี่น้องจากองค์กรเซเว่นคิลที่คอยติดตามเขามาเป็นเวลานานที่ผ่านชีวิตและความตายกันมาเนิ่นนาน ดังนั้นหลินเฟิงจะปล่อยให้พวกเขาต่อสู้โดยปราศจากตนได้อย่างไร?

เย่เชียนสามารถเข้าใจความลำบากใจของหลินเฟิงได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากได้ฟังคำพูดของหมาป่าผีไป๋ฮวยแล้วหลายๆอย่างจึงชัดเจนมาก ซึ่งเย่เชียนก็เคยพูดเอาไว้ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นเหนือกว่าตัวเองในหลายๆด้านและตอนนี้เขาก็ได้ยืนยันจุดหนึ่งแล้วเพราะในแง่ของสติปัญญาหมาป่าผีไป๋ฮวยก็มีความสามารถพิเศษอย่างมากและยังมีอีกหลายๆสิ่งที่เย่เชียนและหลินเฟิงยังไม่สามารถรู้ได้แต่หมาป่าผีไป๋ฮวยสามารถรู้และเข้าใจได้อย่างชัดเจนอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสามร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งการที่ทั้งสามคนที่เป็นดั่งตำนานจะมารวมตัวกันได้นั้นมันไม่ง่ายเลยดังนั้นแน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้จะต้องสั่นคลอนด้วยพายุที่นองเลือดเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่

ตลอดทั้งคืนพวกเขาทั้งสามก็คุยกันถึงวิธีการจัดเตรียมแผนต่างๆ อย่างไรก็ตามแผนส่วนใหญ่ก็ถูกคิดขึ้นโดยหมาป่าผีไป๋ฮวยเพราะเขาคนนี้มองเขี้ยวหมาป่าเป็นศัตรูมาโดยตลอดต่อดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าใจความคิดและแผนการของสมาคมมังกรดำได้ไม่มากก็น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังคิดแผนการที่จะนำมาใช้หลอกล่อโย่วซวนอีกด้วยเพื่อหลอกใช้โย่วซวนสร้างความสับสนวุ่นวายให้กับสมาคมมังกรดำ

อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เชียนพูดถึงการช่วยเหลือหยานฮั่นในการนำตัวเขาออกนอกประเทศญี่ปุ่นนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็โต้แย้งเพราะท้ายที่สุดแล้วหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ไม่ได้ลงรอยหรือมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเหมือนกับเย่เชียน อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เหตุผลเพราะหมาป่าผีไป๋ฮวยเกลียดชังสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแต่อย่างใดเพียงแค่ว่าแผนการในครั้งนี้นั้นมันไม่ธรรมดาจริงๆและมีความละเอียดอ่อนอย่างมากเกินกว่าที่จะให้คนนอกรู้

ภายใต้การโน้มน้าวของหลินเฟิงแล้วในที่สุดเย่เชียนก็พยักหน้าและเข้าใจแต่เขาก็ยังยืนยันที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับหยานฮั่นอย่างเข้มงวดอยู่ดีเพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเย่เชียนก็เคยรับปากกับหยานฮั่นเอาไว้ว่าจะส่งเขาออกจากประเทศญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เย่เชียนจะผิดคำพูดได้ ซึ่งถึงแม้ว่าหยานฮั่นจะไม่ใช่พี่น้องและพวกพ้องของเย่เชียนก็ตามแต่เย่เชียนก็ไม่สามารถปล่อยให้หยานฮั่นเผชิญกับความตายได้เพราะเย่เชียนเห็นแกหวงฟู่ชิงเตี๋ยน

ในช่วงเช้าตรู่ทั้งสามคนก็ได้พักเหนื่อยช่วงสั้นๆและหลังจากนั้นเย่เชียนก็ได้รับสายโทรศัพท์จากม่อหลงโดยบอกว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงกำลังจะจัดประชุมครั้งใหญ่และไม่ต้องถามเลยเพราะเย่เชียนนั้นรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นและนั่นคือการมีสายลับแฝงตัวอยู่ในแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั่นเอง ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากและผลกระทบก็เลวร้ายมาก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องจัดประชุมครั้งใหญ่ ซึ่งเย่เชียนก็คิดอย่างลับๆว่า ‘โย่วซวนนี่ทำสิ่งต่างๆเร็วจริงๆ’

ตอนนี้ทุกคนก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของโย่วซวนแล้ว ซึ่งเย่เชียนนั้นก็รู้ดีว่าบางทีโย่วซวนอาจจะพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตนไปที่แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเพื่อที่เย่เชียนจะได้ไม่เพ่งเล็งไปที่เขา หรือโย่วซวนจะใช้เหตุการณ์นี้เพื่อเริ่มกวาดล้างและทำให้ภายในองค์กรแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงปั่นป่วนและแตกแยกกันเช่นนั้น แต่ทว่าแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นจะต้องเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถึงแม้ว่าเย่เชียนเป็นคนนอกของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงแต่เพราะคราวนี้เหตุการณ์ทั้งหมดดันไปเกี่ยวข้องกับเย่เชียนมากมายและตอนนี้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงกับเย่เชียนก็ได้ร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ ดังนั้นเซี่ยตงไป่จึงบอกให้เซี่ยจือยี่ติดต่อไปหาเย่เชียนโดยบอกว่าให้เย่เชียนมาเข้าร่วมการประชุมภายในของแก๊งฝูชิงด้วย

ตอนนี้ม่อหลงก็เป็นตัวเชื่อมระหว่างเย่เชียนกับแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงแล้ว ดังนั้นแน่นอนว่าการติดต่อทั้งหมดระหว่างทั้งสองฝ่ายม่อหลงจะเป็นคนรับผิดชอบโดยธรรมชาติ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมม่อหลงถึงโทรมาบอกเรื่องดังกล่าว หลังจากที่เย่เชียนพยักหน้าและตกลงเขาก็วางสายไป ส่วนหลินเฟิงและหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์เข้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลินเฟิงก็เอ่ยปากถามว่า “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”

“ม่อหลงโทรมาบอกว่าแก๊งฝูชิงกำลังจะจัดประชุมภายในครั้งใหญ่ในวันนี้และหัวหน้าเขตทั้งหมดจะต้องไปเข้าร่วม..แต่ครั้งนี้เซี่ยตงไป่ขอให้ผมร่วมไปฟังด้วย” เย่เชียนพูด ซึ่งคำพูดของเย่เชียนนั้นแยบยลเพราะเขาพูดว่าไปร่วมฟังแทนที่จะเป็นการเข้าร่วมแบบมีส่วนร่วมเช่นนั้น อันที่จริงตั้งแต่เซี่ยตงไป่เชิญเย่เชียนไปนั่นก็หมายความว่าเย่เชียนได้เข้าร่วมในการอภิปรายแล้วและต้องมีส่วนร่วมไม่มากก็น้อยไม่งั้นการประชุมภายในครั้งใหญ่แบบนี้จะเชิญคนนอกมาได้อย่างไร

“ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกนายทำเมื่อคืนนี้จะไปดึงดูดความสนใจของโย่วซวนจริงๆเพราะงั้นเขาจึงกลัวว่าพวกนายจะสงสัยในตัวเขาดังนั้นเขาจึงโน้มน้าวให้เซี่ยตงไป่จัดการประชุมครั้งนี้ขึ้นมา..เท่าที่ฉันรู้น่ะแก๊งฝูชิงมีการประชุมภายในครั้งใหญ่เพียงแค่สองครั้งเท่านั้นในทุกๆหกเดือนและการประชุมครั้งก่อนก็เพิ่งจะเกิดขึ้นไปเอง” หมาป่าผีไป๋ฮวยพูด “ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็โย่วซวนจะใช้โอกาสนี้เพื่อโจมตีลูกน้องที่จงรักภักดีต่อเซี่ยตงไป่ในการประชุมอย่างแน่นอนและหันเหความสนใจของนายไป..นี่เหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ”

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เย่เชียนพยักหน้าเบาๆและพูดต่อ “แต่ในเมื่อตัวตนของโย่วซวนถูกเปิดเผยแล้วสิ่งต่างๆมันก็จัดการได้ง่ายกว่าเดิมมาก..ไม่ต้องกังวลไปเพราะผมรู้ว่าต้องทำยังไง”

“แน่นอน..ฉันรู้ว่านายรับมือได้..เพราะเรื่องนี้โย่วซวนได้เสียหน้าต่อเขี้ยวหมาป่าของเรามาก” น้ำเสียงของหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ยังคงเหมือนเดิมที่แข็งทื่อและเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกแต่ไม่มีความอาฆาตใดๆ ที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนก็ได้ยินอย่างชัดเจนแล้วว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยพูดออกมาว่า ‘เขี้ยวหมาป่าของเรา’ ซึ่งนั่นหมายความว่าอย่างไร? นี่แสดงให้เห็นว่าในหัวใจของหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นเขายังคงเป็นสมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ามาเสมอ

ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้รังเกียจหมาป่าผีไป๋ฮวยที่พูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนอารมณ์ดีขึ้นมาก ดังนั้นเย่เชียนจึงยิ้มและพูดว่า “พอมีพี่อยู่ที่นี่ด้วยแล้วเหมือนผมจะมั่นใจในทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ”

หมาป่าผีไป๋ฮวยก็เหลือบมองเย่เชียนด้วยหางตาแล้วพูดว่า “นายไปเข้าร่วมการประชุมของแก๊งฝูชิงเถอะ..ฉันรู้ว่านายรู้ตัวว่าต้องทำยังไง..เรื่องนี้ฉันจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็แล้วกัน”

“ผมเข้าใจ..ผมเข้าใจ” เย่เชียนพยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมรู้ว่าถ้ามีพี่อยู่ด้วยมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

หมาป่าผีไป๋ฮวยก็ยิ้มจางๆและไม่ได้พูดอะไรใดๆต่อ

เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่หลินเฟิงแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ..พี่หลินเป็นบอดี้การ์ดของผมเพราะงั้นถ้าพี่ไม่ไปมันก็ไม่ถูกต้องใช่ไหมล่ะ”

หลินเฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ก็ตามนั้น” หลังจากนั้นหลินเฟิงก็ลุกขึ้นจากเตียงและอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

การปรากฏตัวของหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นแน่นอนว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงไม่รู้ เพราะงั้นโย่วซวนเองก็ไม่รู้เช่นกันอีกอย่างหมาป่าผีไป๋ฮวยก็จะไม่เปิดเผยให้โย่วซวนรู้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นที่พวกเขาทั้งสามคุยกันเมื่อคืนนี้นั้นสิ่งที่หมาป่าผีไป๋ฮวยรับผิดชอบก็คือเรื่องลับๆเกี่ยวกับการแทรกซึมต่างๆเพราะสมาคมมังกรดำไม่รู้จักตัวตนของเขา ดังนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็จะไม่ไปเข้าร่วมการประชุมภายในของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง

อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เชียนและหลินเฟิงลุกขึ้นทันใดนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ลุกขึ้นตามซึ่งทั้งสามคนเกือบจะลูกขึ้นพร้อมๆกัน ถึงแม้ว่านิสัยของพวกเขาจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ตามแต่ทั้งสามคนนี้เป็นคนประเภทที่นอนน้อยต่อวันและจะพักผ่อนเพียงสี่หรือห้าชั่วโมงต่อวันเท่านั้นและมันก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้วในหนึ่งวัน ในตอนนี้เย่เชียนและหลินเฟิงก็กำลังยุ่งอยู่กับสิ่งต่างๆดังนั้นแน่นอนว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยเองก็ไม่สามารถหยุดอยู่เฉยๆได้ ไม่เช่นนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยคงไม่มีทางคบกับหวังยู่และทำให้หวังยู่รักเขาได้อย่างแน่นอน

เย่เชียนนั้นไม่ได้ถามเกี่ยวกับหวังยู่เลยและเย่เชียนเองก็ไม่รู้เลยว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยรู้อดีตของเขากับหวังยู่หรือเปล่า แต่ถึงยังไงตอนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้วเพราะหวังยู่คงจะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับหมาป่าผีไป๋ฮวยและอย่างน้อยๆหวังยู่ก็สามารถเปลี่ยนหมาป่าผีไป๋ฮวยและปล่อยให้หมาป่าผีไป๋ฮวยล้มเลิกความคิดเรื่องต่างๆที่หนักหน่วงในใจของเขาได้ นักรบย่อมพ่ายแพ้ต่อความงดงามเสมอ นี่คือสิ่งที่ชิงเฟิงพูดว่ามันอาจจะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถเปลี่ยนคนอย่างหมาป่าผีไป๋ฮวยได้

หลังจากอาบน้ำล้างตัวกันเสร็จเย่เชียนกับหลินเฟิงก็ขับรถไปยังสถานที่ที่แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจัดการประชุม ซึ่งมันเป็นสโมสรในเขตของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงและมักจะใช้สำหรับผู้ที่ชอบดื่มชาโดยภายในมีห้องบ่อน้ำพุร้อนซึ่งสามารถแช่น้ำพุร้อนขณะดื่มชาได้อย่างสบายใจ

เย่เชียนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องชามากเท่าไหร่นักเพราะเขาเป็นคนหยาบๆที่แสร้งทำเป็นเล่าเรื่องชาได้แค่นิดหน่อย อย่างไรก็ตามเขาก็ชอบดื่มชาแต่ไม่ใช่เพราะชามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนแต่เพราะมันมีรสขมและฝาดเล็กน้อยผสมกับรสหวานและกลิ่นหอมๆซึ่งทำให้เย่เชียนชอบเป็นพิเศษ

ระหว่างทางน่าเบื่ออย่างมากเพราะทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเลยเพราะพวกเขามัวแต่คิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่ต้องเผชิญ ซึ่งการประชุมภายในของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงในวันนี้นั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้อันตรายแต่มันก็มีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นสิ่งที่เย่เชียนต้องทำนั้นคือเขาต้องใช้ความเข้าใจในสิ่งต่างๆเพราะถ้าหากเขาไม่ระวังล่ะก็เขาก็อาจเปิดเผยแผนการต่างๆที่เขาวางเอาไว้ซึ่งมันจะส่งผลเสียต่อแผนของเขาอย่างมาก

การผ่อนคลายก่อนการต่อสู้นั้นคือวิธีการคลายความเครียดของเย่เชียนและนี่ยังเป็นกฎเหล็กที่สมาชิกทั้งหมดขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจะต้องปฏิบัติตามเพราะทุกๆคืนก่อนจะทำภารกิจต่างๆนั้นสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าจะต้องผ่อนคลายและสนุกไปกับชีวิตที่อิสระและตราบใดที่พวกมันไม่ทำอันตรายใดๆหรือมีผลกระทบต่อภารกิจล่ะก็พวกเขาจะทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ

ก่อนมาถึงสโมสรนั้นเย่เชียนก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัดเพราะที่แห่งนี้มีสมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงคอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ทุกหนทุกแห่งตามท้องถนน ซึ่งข้างหน้าก็มีขบวนรถขับไปทางสโมสร ดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นน่าจะเป็นผู้นำและหัวหน้าเขตต่างๆของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงที่มาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้

ด้านนอกของสโมสรนั้นก็เต็มไปด้วยสมาชิกแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ผู้นำทั้งหมดของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะมารวมตัวกัน ดังนั้นก็แน่นอนว่ามันจะต้องมีมาตรการป้องกันระดับสูงไม่เช่นนั้นมันก็อาจจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากเวลานี้เพื่อโจมตีแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจนทำให้เหล่าผู้นำของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงล้มตายในคราวเดียวกันเป็นแน่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากโย่วซวนเลือกที่จะจัดการประชุมดังกล่าวในเวลานี้เย่เชียนก็เชื่อว่าเขาไม่ต้องการใช้การประชุมนี้เพื่อให้สมาคมมังกรดำโจมตีแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง เพราะถ้าหากเป็นกรณีนี้โย่วซวนก็สามารถเลือกสถานที่ที่หละหลวมในการประชุมได้ ซึ่งนี่สามารถบ่งบอกได้ว่าโย่วซวนนั้นต้องการหลีกเลี่ยงความสงสัยของเย่เชียนและทำลายโครงสร้างภายในของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงด้วยตัวเองจริงๆ

รถก็มาหยุดที่หน้าประตูทางเข้าสโมสรซึ่งสมาชิกของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็เดินเข้ามาเพื่อเปิดประตูรถให้กับพวกเขา โดยเซี่ยจือยี่กับม่อหลงนั้นก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าแล้วและเมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนและหลินเฟิงนั้นม่อหลงกับเซี่ยจือยี่ทักทายพวกเขาตามธรรมชาติ

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด