ยอดนักรบจอมราชัน 690 การแข่งขันศิลปะการต่อสู่

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 690 การแข่งขันศิลปะการต่อสู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 690 การแข่งขันศิลปะการต่อสู่

เย่เชียนได้โทรหาหวังหูกับอังเดรคูลอฟส์เพื่อบอกเกี่ยวกับเรื่องของเซี่ยตงไป่และกำชับให้หวังหูระมัดระวังเซี่ยตงไป่อย่างเคร่งครัด สำหรับคูลอฟส์อังเดรนั้นเย่เชียนบอกว่าเขายังไม่จำเป็นต้องมาที่ประเทศญี่ปุ่นเพราะตอนนี้สถานการณ์ของประเทศญี่ปุ่นยังไม่กลับสู่ปกติ ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้กองกำลังต่างชาติเข้ามาในตอนนี้

ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ากับมาเฟียคูลอฟส์จะไม่ใช่ความลับแต่หลายๆคนก็ยังไม่รู้และแม้แต่ผู้คนในประเทศรัสเซียต่างก็ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของเย่เชียนกับคูลอฟส์อังเดร ดังนั้นสำหรับเย่เชียนแล้วถือได้ว่าพลังของคูลอฟส์อังเดรนั้นเป็นกองกำลังลับของเขาเองและแน่นอนมันไม่สามารถเปิดเผยให้ทุกคนรู้ได้ โดยเฉพาะต่อหน้าเซี่ยตงไป่เพราะตอนนี้เย่เชียนนั้นไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเซี่ยตงไป่นั้นเปนคนแบบไหนเขาจึงระมัดระวังอย่างมาก

คูลอฟส์อังเดรนั้นไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการเตรียมการของเย่เชียนและหลังจากทักทายกันไม่กี่ครั้งเขาก็วางสายไป เหตุผลที่เขาสัญญากับเย่เชียนว่าจะมาที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อช่วยเย่เชียน ยิ่งไปกว่านั้นคูลอฟส์อังเดรเองก็ยังต้องการกำจัดแก๊งยามากุจิเพราะความคับแค้นใจเก่าๆระหว่างแก๊ง แต่เนื่องจากสิ่งต่างๆกำลังเปลี่ยนไปคูลอฟส์อังเดรก็เกรงว่าเขาอาจจะไม่สามารถทำอะไรกับแก๊งยามากุจิได้ในขณะนี้ ดังนั้นการทำตามที่เย่เชียนแนะนำนจึงเหมาะสมกว่าอย่างยิ่ง นอกจากนี้คูลอฟส์อังเดรก็ยุ่งมากเมื่อเร็วๆนี้ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องต่างๆที่ประเทศญี่ปุ่นเลยเพราะเรื่องต่างๆที่ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งภูมิภาคก็ทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก

ในฐานะเจ้ามือพนันรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเขาต้องการทำเงินและไม่ใช่แค่อาศัยผลที่แท้จริงของเกมต่างๆเท่านั้นเพราะเขาต้องทำนายและวางแผนเพื่อควบคุมทิศทางของเกมและควบคุมตอนจบด้วยมือของเขาเองเพื่อให้เขาสามารถทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งในโลกธุรกิจนี้สิ่งที่ขาดมากที่สุดคือนักพนันรายใหญ่ดังนั้นผลกำไรของนักพนันจึงมีอย่างมหาศาลมาก ยกตัวอย่างเช่นคาสิโนในลาสเวกัสประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีมูลค่าการแลกเปลี่ยนเงินตรารายวันสูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐและโอกาสในการทำกำไรก็มีสูงมาก

หลังจากกลับมาถึงโรงแรมก็พบว่าไป๋ฮวยนั้นกลับมาแล้วและเย่เชียนก็เล่าสั้นๆให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในการประชุมภายในของแก๊งฝูชิงในวันนี้ จากนั้นก็บอกการคาดเดาของหลินเฟิงเพื่อดูว่าไป๋ฮวยจะคิดอย่างไรบ้างและมีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับสำนักชาโด้ซากุระหรือไม่

อย่างไรก็ตามไป๋ฮวยก็ส่ายหัวโดยบอกว่าเขาไม่รู้จักสำนักชาโด้ซากุระเลยและบอกเพียงว่าพวกเธอเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

เหตุการณ์นี้ทำให้เย่เชียนหงุดหงิดมากกว่าเดิมเพราะการที่เขาไม่เข้าใจคู่ต่อสู้ของเขานั้นมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างมาก นอกจากนี้เมื่อสังเกตฮัวหยินแล้วดูเหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องเขี้ยวหมาป่ามากและดูเหมือนว่าเธอจะชัดเจนเพราะสิ่งนี้ก็สมเหตุสมผลมากเช่นกัน หลายสิ่งเกี่ยวกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นไม่ลึกลับเท่ากับองค์กรเซเว่นคิล ซึ่งหลายๆองค์กรต่างก็รู้จักองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ดังนั้นการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ไม่รู้จักนั้นมันน่ากลัวมากเพราะจะมีสิ่งที่ตนไม่รู้อีกมากมายและสิ่งเหล่านั้นอาจทำให้แผนการต่างๆล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิง

ไป๋ฮวยก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน..ฉันจะตรวจสอบเธอให้ชัดเจน..ชาโด้ซากุระงั้นเหรอ..ช่างน่าสนใจจริงๆ”

“ไป๋ฮวยนายไม่เคยสืบเรื่องของพวกเธอเลยเหรอ?” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เท่าที่ฉันรู้มาสำนักชาโด้ซากุระมีกฎที่มีมาช้านานว่าถ้าใครมีความรักล่ะก็เธอจะต้องถอนตัวออกจากสำนักเท่านั้น”

“มันมีกฏแบบนั้นจริงๆเหรอ?” เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “นั่นก็ไม่เลวเลยเพราะในเขี้ยวหมาป่าของเราก็มีพี่น้องที่โสดหลายคน..ถ้าให้พี่น้องของเราไปมัดใจพวกเธอล่ะมันจะเป็นยังไง?..อาจเป็นไปได้ที่เราจะทำลายสำนักชาโด้ซากุระโดยที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากัน..นอกจากนี้พวกเรายังได้กองกำลังเพิ่มมาอีกด้วย”

ไป๋ฮวยก็หันไปมองหลินเฟิงแล้วพูดว่า “ฉันไม่สนใจผู้หญิงเหล่านั้นหรอก” จากนั้นเขาก็มองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “อย่าดูถูกพวกเธอขนาดนั้น..พวกเธอฝึกฝนการโปรยเสน่ห์มาอย่างเคร่งครัดและพวกเธอก็ชัดเจนมากเกี่ยวกับจุดอ่อนของผู้ชาย..ถ้านายไม่เชื่อก็ลองดูเองสิ”

เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “หยุดเลย..ถ้าสาวๆที่บ้านของผมรู้ล่ะก็วันดีๆของผมคงจะต้องจบลงอย่างแน่นอน” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็เปลี่ยนเรื่องแล้วถามว่า “ว่าแต่พี่ไป๋..มันมีอะไรเกิดขึ้นในสมาคมมังกรดำหรือเปล่า?..การที่องค์กรทหารรับจ้างเรดซันถูกทำลายไปพวกเขามีการตอบสนองยังไงกันบ้าง?”

“พวกมันโกรธเกรี้ยวอย่างมากแต่ตอนนี้สมาคมมังกรดำกำลังประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องเมื่อเร็วๆนี้และบางคนก็ถึงกับรับมือไม่ได้และเนื่องจากเหตุการณ์ล่าสุดทำให้ตระกูลนินจาฟูมะและนินจาของสำนักอิงะบางส่วนเริ่มโจมตีสมาคมมังกรดำอย่างต่อเนื่อง..จนในตอนนี้ผู้นำอาวุโสของสมาคมมังกรดำหลายสิบคนต่างก็ถูกลอบสังหารและนอกจากนี้แก๊งยามากุจิ..ส่วนพวกตระกูลนินจาฟูมะกับตระกูลดันโซก็ดูเหมือนจะทำสงครามกันอย่างต่อเรื่อง..และดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการออกจากการควบคุมของสมาคมมังกรดำ..เพราะงั้นฉันก็คิดว่าสมาคมมังกรดำน่าจะวุ่นวายมากพอแล้ว..ดังนั้นเมื่อองค์กรทหารรับจ้างเรดซันถูกทำลายไปพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ตำหนิบุคลากรภายในเท่านั้น” ไป๋ฮวยพูดอย่างช้าๆ

“แล้วชิบะชิเงโอะล่ะ?..เธอไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอเพราะชิบะโชโกะผู้นำองค์กรทหารรับจ้างเรดซันคือลูกสาวของเขาแล้วเขาไม่กังวลเกี่ยวกับชีวิตหรือความตายของลูกสาวเลยเหรอ?” เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วถาม

“ชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะสมาชิกของสมาคมมังกรดำนั้นเดิมทีเป็นบุคลากรทางทหารเพราะงั้นพวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะเสียสละญาติพี่น้องและครอบครัวเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรและตอนนี้ยิ่งสมาคมมังกรดำกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตและอยู่ในช่วงเวลาของการเลือกตั้งพรรรัฐบาลแล้วถึงแม้ว่าชิบะชิเงโอะจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวแต่เขาก็ต้องเลือกองค์กรก่อน..อย่างไรก็ตามเมื่อทุกอย่างเริ่มคงที่และมีเสถียรภาพแล้วแน่นอนว่าสมาคมมังกรดำจะต้องเริ่มทำการแก้แค้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย” ไป๋ฮวยพูด

เย่เชียนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของไป๋ฮวยเพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของสมาคมมังกรดำแล้วพวกเขาก็ไม่ควรที่จะเริ่มดำเนินการใดๆกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในตอนนี้ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาเอง หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ในเมื่อชิบะชิเงโอะไม่สนใจลูกสาวของเขาถ้างั้นเราก็ไม่ต้องรอทางสมาคมมังกรดำเคลื่อนไหวแล้ว..พี่ไปผมจะปล่อยให้พี่กับพี่เทียนเฉินจัดการชิบะโชโกะก็แล้วกัน..เค้นข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับสมาคมมังกรดำออกจากปากของเธอให้ได้”

ไป๋ฮวยก็พยักหน้าเบาๆและตกลง

“ว่าแต่วันนี้วันที่เท่าไหร่?” เย่เชียนถาม

“วันที่สิบ..พรุ่งนี้เป็นวันคนโสด” หลินเฟิงตอบ

“วันคนโสด 11 พฤศจิกายน..ดูเหมือนว่ามันจะตรงกับงานการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ที่จัดโดยบริษัทฟูมะกรุ๊ป” เย่เชียนแสยะยิ้มแล้วพูด

“นายได้รับเชิญเข้างานใช่ไหม?..ถ้างั้นก็อย่าลืมไปเข้าร่วมรอบคัดเลือกวันพรุ่งนี้ด้วยล่ะ” หลินเฟิงพูด

“แน่นอนผมอยากไปอยู่แล้ว..แต่ผมไม่อยากเห็นคนจีนของเราเสียหน้าและศักดิ์ศรี..ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ต้องการเห็นคนที่มีความสามารถในประเทศญี่ปุ่นด้วยเพราะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยฟูมะกรุ๊ปซึ่งเป็นของตระกูลนินจาอิงะ..ดังนั้นผมคิดว่าคนจากสมาคมมังกรดำจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์แน่นอนและพวกเขาจะเข้ามาแทรกแซงและสร้างปัญหาและเมื่อนั้นก็จะมีกองกำลังที่ไม่รู้จักเกิดขึ้นอีกมากมาย..ผมเองก็อยากที่จะลองอะไรบางอย่าง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย หลังจากหยุดไปชั่วขณะเขาเหลือบมองไปที่หลินเฟิงอีกครั้งและถามว่า “ยังไงก็ตามถ้าผมปลอมตัวเข้าไปมันก็ไม่มีใครจำผมได้หรอกใช่มั้ย?”

“ถ้าคนที่ไม่คุ้นเคยกับนายก็ไม่มีทางรู้ได้หรอก..แต่ถ้าเป็นฉันน่ะเหรอฉันก็รู้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว..นายควรถามไป๋ฮวยดูว่าเขาจะคิดยังไงกับเรื่องนี้..แต่ในมุมมองของฉันแล้วถ้าไม่ใช่พวกเราฉันก็คิดว่ามันคงไม่มีใครสามารถรู้ได้หรอก” หลินเฟิงพูด

“เอาเถอะต่อให้ผมจะกลายเป็นขี้เถ้าถึงยังไงพี่ไป๋ก็จำผมได้อยู่ดี..ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของบุคคลจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่ทว่าการเคลื่อนไหวและบุคลิกภาพมันไม่สามารถปกปิดได้..แต่ถ้าไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” เย่เชียนพูด

ไป๋ฮวยก็ยิ้มอย่างไม่แยแสแต่คำพูดของเย่เชียนนั้นไม่ผิดเลยเพราะถึงแม้ว่าเย่เชียนจะกลายเป็นขี้เถ้าไปถึงยังไงไป๋ฮวยก็จำได้อยู่ดีแต่ไม่ใช่จากรูปลักษณ์ภายนอกที่แต่เป็นออร่ารอบๆร่างกายของเย่เชียน ซึ่งก็เหมือนกับตอนที่เย่เชียนสามารถสัมผัสถึงพลังบางอย่างรอบๆตัวของไป๋ฮวยได้และไม่ว่าไป๋ฮวยจะสวมชุดแบบไหนแต่เย่เชียนก็สามารถสัมผัสได้อยู่ดี ดังนั้นสัมผัสทางจิตวิญญาณมันสามารถรู้ถึงกันได้โดยไม่ต้องสื่อสารด้วยวาจาและไม่จำเป็นต้องมองหน้ากันตลอดจนสามารถรับรู้ซึ่งกันและกันผ่านการเคลื่อนไหวเพียงเล็กๆน้อยๆหรือแม้แต่ลมหายใจได้

เมื่อไม่กี่วันก่อนเย่เชียนได้ลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เอาไว้แล้วและเขาก็บอกให้ซ่งหลันส่งช่างแต่งหน้าจากสาขาภาพยนตร์และการบันเทิงภายใต้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยปลอมตัวเย่เชียนไปเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ ซึ่งการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยบริษัทของฟูคาเอดะซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตระกูลอิงะ ดังนั้นงานการแข่งขันในครั้งนี้จะต้องกระตุ้นความสนใจจากกองกำลังต่างฝ่ายมากมาย ยกตัวอย่างเช่นสมาคมมังกรดำเพราะพวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร? ซึ่งพวกเขาจะต้องสร้างปัญหาและตอบโต้ตระกูลนินจาอิงะและยังมีกองกำลังอื่นๆที่ขัดแย้งกับตระกูลฟูมะอีก เมื่อถึงตอนนั้นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้จะต้องมีชีวิตชีวาและร้อนระอุอย่างมาก ดังนั้นเย่เชียนก็จะสามารถสัมผัสกับพลังที่แท้จริงของประสิทธิภาพการต่อสู้ทุกแขนงได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่ใช้ชื่อจริงของเขาแต่เป็นนามแฝง ‘หลงหยุน’ ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่เคยคิดที่จะชนะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้และไม่เคยคิดที่จะคว้าแชมเปี้ยนที่มีเงินรางวัลหลายสิบล้านเลยเพราะจุดประสงค์ของเขาคือการเข้าไปแทรกแซงและทำความรู้จักคู่ต่อสู้ของเขาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

เย่เชียนนั้นมักจะบอกว่าหลี่เหว่ยกับชิงเฟิงเป็นคนประเภทที่ต้องการให้โลกใบนี้วุ่นวายและชอบที่จะเข้าไปพัวพันกับหายนะต่างๆ ซึ่งอันที่จริงบางครั้งเย่เชียนเองก็เป็นเช่นนั้นและไป๋ฮวยก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะในความเป็นจริงถ้าเขาต้องการเข้าใจและรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามนั้นก็จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้ แต่ในฐานะผู้ชมมันอาจจะมองเห็นสิ่งต่างๆได้มากกว่า อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับนานาชาติดังนั้นถ้าหากเย่เชียนเข้าไปแทรกแซงล่ะก็อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ทำให้คนจีนต้องอับอายใช่ไหม? ด้วยเหตุนี้ไป๋ฮวยจึงไม่คัดค้านใดๆ

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด