ยอดนักรบจอมราชัน 858 อารมณ์ของแม่ม่ายดำ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 858 อารมณ์ของแม่ม่ายดำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 858 อารมณ์ของแม่ม่ายดำ

เมื่อได้ยินเสียงปืนจากโรงแรมเถียหนานก็เดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในและเมื่อเห็นเย่เชียนเดินออกมาเถียหนานก็รีบเดินไปหาเขาและอ้าปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ

เย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วเดินออกไปเพราะถึงแม้ว่าเจียงซินและผู้หญิงคนนั้นจะตายไปแล้วแต่เขารู้สึกว่าเขาควรทำอะไรบางอย่างเพื่อพวกเขาทั้งสองและอย่างน้อยๆที่สุดก็ต้องล้างแค้นให้พวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

เรื่องราวที่ตามมาทั้งหมดจะถูกส่งให้กับเถียหนานและชื่อของเจียงซินจะหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล ทั้งไฟล์และเอกสารของเขาก็จะถูกลบออกไปด้วย อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถคุณงานความดีที่เขาเคยทำเพื่อประเทศชาติไปได้และชื่อของเขาจะถูกจารึกเอาไว้ในหัวใจของพี่น้องทุกคนในหน่วยพิทักษ์มังกรเสมอ

ณ เมืองปินไห่ในบ้านพักสุดหรูคิ้วของแม่ม่ายดำจือเหวินขมวดเข้าหากันแน่นและใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความเย็นชา ซึ่งตั้งแต่เย่เชียนกวาดล้างพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ไปแม่ม่ายดำจือเหวินก็กลายเป็นคนที่มีอำนาจและอิทธิพลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและอิทธิพลของเธอก็ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในเวลาเพียง 2 ปี อิทธิพลของเธอได้ขยายไปถึงสามเมืองใหญ่ๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเมื่อพูดถึงชื่อแม่ม่ายดำจือเหวินแล้วผู้คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่างก็ต้องตกตะลึงและหวาดผวา

ในช่วงสองปีที่ผ่านมาแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นมักจะคิดถึงใครบางคนในใจเสมอและคนๆนั้นเป็นคนที่ช่วยให้เธอบรรลุสถานะปัจจุบันของเธอโดยทางอ้อมและคนๆนั้นก็คือเย่เชียน ชื่อนี้ปรากฏอยู่ในใจของเธอเป็นครั้งคราวและทำให้เธอไม่สามารถปล่อยวางได้ เธอไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเย่เชียนเพราะเธอถือว่าหยางเทียนนั้นเป็นผู้ชายของเธอมาตลอดและเธอก็ลังเลที่จะยอมรับว่าจู่ๆก็มีชายอีกคนหนึ่งเข้ามาในหัวใจของเธอ อย่างไรก็ตามต่อให้พยายามหนีและสลัดออกไปเท่าไรเธอก็หนีไม่พ้นและชื่อเย่เชียนก็ราวกับฝันร้ายของเธอที่ปรากฏและสั่นคลอนอยู่ในหัวใจของเธออยู่บ่อยครั้ง

ตรงข้ามของแม่ม่ายดำจือเหวินชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่ 40 ปี หนิวเปิ่นเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเมืองปินไห่และไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายเขา แต่ทว่าทุกคนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเป็นผู้อยู่ใต้การควบคุมของแม่ม่ายดำจือเหวินและสำหรับประเด็นนี้ทุกๆคนในเมืองต่างก็ต้องเคารพแม่ม่ายดำจือเหวินผู้นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันมั้ย?” แม่ม่ายดำจือเหวินเหลือบมองหนิวเปิ่นแล้วพูดว่า “หนิวเปิ่น..ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่หน้าโรงแรมเยอะจัง”

“มันไม่เกี่ยวกับผมเลย..ผมสั่งคนไปสืบหาแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น..มันเป็นอาชญากรพกอาวุธปืนที่หลบหนีเข้าไปในโรงแรมและนั่นก็เป็นสาเหตุที่ตำรวจระดมพลไปปิดล้อม” หนิวเปิ่นเช็ดเหงื่อที่หน้าผากอย่างกังวลใจแล้วพูด เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลพอสมควรแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ม่ายดำจือเหวินแล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกดดันอยู่เสมอและเขาไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่แม่ม่ายดำจือเหวินตรงๆ

“จริงเหรอ?” แม่ม่ายดำจือเหวินสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณทำอะไรหนิวเปิ่น..คุณเป็นนักธุรกิจที่ติดตามหยางเทียนในสมัยนั้น..ฉันไม่เห็นด้วยกับหลายๆอย่างเพราะในช่วงสองปีที่ผ่านมาเราพัฒนากันเร็วมากและตำรวจก็จับตาดูเรามานานแล้ว..ฉันบอกไปกี่ครั้งแล้วว่าเราต้องทำตัวเงียบๆไม่โจ่งแจ้งอย่าสร้างปัญหาอะไรแต่คุณกลับกักขังพนักงานหญิงบริษัทเอาไว้ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรม!”

หนิวเปิ่นก็ตัวสั่นและพูดอย่างเร่งรีบ “คุณจือผมผิดไปแล้วช่วยเห็นแก่หน้าของหยางเทียนเถอะ..ผมสัญญาว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก..ผมจะแก้ไขมันให้ดีและรับประกันว่ามันจะไม่กระทบต่อบริษัท”

“สัญญา?..คุณจะใช้อะไรมาสัญญา” แม่ม่ายดำจือเหวินตะโกนอย่างรวดเร็ว “หนิวเปิ่นฉันบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าคุณต้องการเล่นกับผู้หญิงเหมือนของเล่นคุณก็ควรจะมีจิตใต้สำนึก..ตอนนี้บริษัทอยู่แถวหน้าของวงการธุรกิจและถ้าหากเราไม่ระวังความพยายามเวลาหลายปีของเราก็จะสูญเปล่า”

“ผมผิดเอง..คราวนี้เป็นความผิดของผมเอง” หนิวเปิ่นรีบพูด “อย่างไรก็ตามผมสัญญาว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทเพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอำนาจหรืออิทธิพลอะไร..ถึงแม้ว่าตำรวจจะช่วยผู้หญิงคนนั้นได้ผมก็สามารถใช้ใครสักคนไปมอบเงินเพื่อปิดปากได้อยู่ดี”

“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” แม่ม่ายดำจือเหวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “เมื่อกี้..ผอ.เหลียวโทรมาบอกว่าคนรักผู้หญิงคนนั้นบุกเข้าไปในโรงแรมพร้อมปืนและโชคดีที่คุณไม่อยู่ที่นั่นไม่อย่างนั้นคุณจะยังมีชีวิตอยู่มั้ย?..ฉันไม่โทษที่คุณเล่นกับผู้หญิงแบบนั้นหรอกแต่อย่างน้อยๆคุณก็ต้องเข้าใจนะว่าผู้หญิงบางคนแตะต้องไม่ได้..ฉันถามจริงในโรงแรมมีผู้หญิงไม่พอให้คุณเล่นหรือไง?”

หนิวเปิ่นก็ก้มหน้าลงและลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เอ่อคุณจือครับเราได้จัดการหลักฐานทั้งหมดไปแล้วและตำรวจก็ไม่มีหลักฐานที่จะสาวมาถึงตัวเราเลย”

“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” แม่ม่ายดำจือเหวินก็สูดลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะไม่ปล่อยคุณไป..ไม่ว่าคุณจะเป็นใครฉันก็จะไม่ยอมให้บริษัทได้รับอันตรายเพราะคุณคนเดียว”

หนิวเปิ่นก็เงียบราวกับจั๊กจั่นแล้วเขาจะกล้าพูดได้อย่างไร ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าแม่ม่ายดำจือเหวินไม่ใช่ผู้ดูแลบริษัทแต่เขาก็กลัวแม่ม่ายดำจือเหวินมากและไม่กล้าที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ในแง่ของวิธีการแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นเด็ดขาดกว่าหยางเทียนเพราะเขาเคยเห็นวิธีการของแม่ม่ายดำจือเหวินด้วยตาของเขาเองแล้ว

ความจริงก็คือแม่ม่ายดำจือเหวินมีความกล้าหาญและเด็ดขาดกว่าหยางเทียนและถึงแม้ว่าหยางเทียนจะเป็นคนสร้างอิทธิพลและอำนาจในอดีตก็ตามแต่หลายๆแห่งก็เป็นอุตสาหกรรมและธุรกิจที่ผิดกฎหมายแต่หลังจากที่แม่ม่ายดำจือเหวินขึ้นครองอำนาจเธอก็เริ่มทำให้ธุรกิจถูกกฎหมายและทำการตลาดให้บริษัท ดังนั้นเธอจึงสามารถเข้ารับตำแหน่งได้อย่างยิ่งใหญ่และถึงแม้ว่าในอดีตพยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่จะกดดันเธออย่างหนักหน่วงแต่เนื่องจากหลวนปิงลี่ถูกกำจัดโดยเย่เชียนจึงทำให้แม่ม่ายดำจือเหวินสามารถแสดงความแข็งแกร่งของเธอได้อย่างเต็มที่และการพัฒนาขององค์กรก็รวดเร็วยิ่งขึ้น แน่นอนว่าแม่ม่ายดำจือเหวินรู้ดีว่าพวกที่ก่อกวนและขัดขวางเธอจะไม่มีวันหมดไปเพราะเมื่อเธอก้าวขึ้นไปถึงระดับหนึ่งเธอก็จะถูกรัฐบาลปราบปรามอย่างแน่นอนดังนั้นเธอจึงต้องการเลือกเส้นทางใหม่ที่ดีกว่าและมั่นคงกว่านั่นเอง

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมจำนวนมากจะถูกลบทิ้งไปแล้วแต่เงินจำนวนไม่น้อยและอิทธิพลของอำนาจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มีมากขึ้นและที่สำคัญกว่านั้นทุกอย่างก็ถูกกฎหมายไปตามลำดับและสามารถเปิดเผยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงน้อยลงและไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากรัฐบาล

ขณะพูดบอดี้การ์ดก็เข้ามาจากด้านนอกแล้วพูดว่า “หัวหน้าครับ..มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเย่เชียนรออยู่ข้างนอกครับ..เขาต้องการขอพบหัวหน้า” บอดี้การ์ดพูด

แม่ม่ายดำจือเหวินก็ตกตะลึงและรู้สึกร่าเริงขึ้นมาทันทีแต่ก็มีความคิดและความเขินอายที่อธิบายไม่ได้ “เขามาที่นี่ทำไม..มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอเขาถึงได้มาหาฉัน?” แม่ม่ายดำจือเหวินอดคิดไม่ได้

“หัวหน้าครับ…” บอดี้การ์ดตกตะลึงไปชั่วขณะเขาจึงถามต่อ “ให้เขาเข้ามามั้ยครับ?”

แม่ม่ายดำจือเหวินก็ตื่นขึ้นจากความคิดและพูดว่า “ถ้าเขาต้องการเข้ามานายคิดว่านายสามารถหยุดเขาได้งั้นเหรอ..ให้เขาเข้ามา!” จากนั้นเธอก็หันไปมองที่เปิ่นเยว่และพูดว่า “เอาเถอะมันไม่ใช่ธุระของคุณเพราะงั้นคุณกลับไปได้แล้ว..แต่จำเอาไว้ว่าเหตุการณ์หลังจากนี้มันจะต้องรุนแรงมากเพราะงั้นบอกคนข้างล่างนี้ให้ใจเย็นๆไม่งั้นก็อย่ามาโทษว่าฉันหยาบคายก็แล้วกัน..คุณด้วยถ้ายังกล้าก่อความเดือดร้อนให้ฉันอีกครั้งฉันจะไปหาคุณด้วยตัวเอง”

“เข้าใจแล้วครับ!” หนิวเปิ่นตอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า “งั้นผมขอตัวไปก่อนนะครับ!”

แม่ม่ายดำจือเหวินก็โบกมือของเธออย่างใจร้อนโดยไม่สนใจที่จะมองเขา

ที่ประตูเย่เชียนกับหนิวเปิ่นก็เดินสวนกันและปฏิกิริยาของเย่เชียนก็หยุดชะงักและเขาก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “หนิวเปิ่นรอก่อน!” จากนั้นเย่เชียนก็หันมองไปที่แม่ม่ายดำจือเหวินเล็กน้อย

แม่ม่ายดำจือเหวินก็สูญเสียอาการในขณะที่เธอเหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันนานเลยคุณเย่”

เย่เชียนก็ยิ้มเยาะแล้วพูด “ดูเหมือนว่าวิสัยทัศน์ของผมจะผิดไป..ผมผิดหวังในตัวคุณจริงๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนแม่ม่ายดำจือเหวินก็รู้สึกถึงความสูญเสียที่อธิบายไม่ได้และความเศร้าโศกในใจของเธอ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดด้วยความตกตะลึงว่า “คุณเย่ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูด..มันเกิดอะไรขึ้นถ้ามีอะไรผิดปกติหรือฉันทำอะไรพลาดไปคุณเย่ช่วยบอกฉันที..ตราบใดที่คุณพูดว่ามันเป็นความผิดของฉันต่อให้คุณต้องการหัวของฉันจือเหวินคนนี้ก็จะไม่ลังเล”

“จริงเหรอ?” เย่เชียนสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและเดินเข้าไปข้างในแล้วพูดว่า “หนิวเปิ่น!..มานี่!” ท่าทีที่แข็งกร้าวของเย่เชียนนั้นค่อนข้างรับไม่ได้และถ้าเป็นคนอื่นแม่ม่ายดำจือเหวินจะไม่มีวันยอมทนและไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถหรืออิทธิพลมากแค่ไหนก็ตามแต่ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เย่เชียนสามารถทำให้เธอรู้สึกถึงความปั่นป่วนทางอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูกในหัวใจของเธอและเธอแค่รู้สึกว่าเย่เชียนนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์

แม่ม่ายดำจือเหวินเหลือบมองหนิวเปิ่นและโบกมือให้เขาเข้ามาจากนั้นเขาก็เดินตามเย่เชียนไปอย่างรวดเร็วและหลังจากที่เห็นเย่เชียนนั่งลงบนโซฟาแม่ม่ายดำจือเหวินก็นั่งลงตรงข้ามเขา “คุณเย่โปรดบอกฉันทีว่ามีเรื่องอะไร..คุณทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจเลย” แม่ม่ายดำจือเหวินพูด “ต่อให้ฉันต้องตายอย่างน้อยๆก็ขอให้ฉันได้รู้ความจริงจะได้มั้ย?”

เย่เชียนก็หยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อของเขาอย่างช้าๆและคาบเอาไว้ในปากของเขา เมื่อเห็นเช่นนั้นแม่ม่ายดำจือเหวินก็รีบหยิบไฟแช๊กมาจุดไฟให้เขาดังนั้นเย่เชียนจึงโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจุดไฟบุหรี่และสูดเข้าไปลึกๆ ยิ่งเย่เชียนเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่แม่ม่ายดำจือเหวินก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากเท่านั้นเพราะเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงหยิบบุหรี่จากโต๊ะกาแฟแล้วจุดไฟและจ้องมองเย่เชียนอย่างเงียบๆด้วยความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้ในดวงตาของเธอ

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด