ยอดนักรบจอมราชัน 883 คำเตือนไร้สาระ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 883 คำเตือนไร้สาระ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 883 คำเตือนไร้สาระ

เย่เชียนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าซือจื้อกับหลี่เหว่ยจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้ ซึ่งหลี่เหว่ยนั้นใช้ชีวิตไร้สาระเกินไปนิดหน่อยแต่ถ้าคนอย่างซือจื้อรักเขาจริงๆล่ะก็นั่นคงจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีเพราะอย่างน้อยๆถ้าเธอสามารถทำให้คนอย่างหลี่เหว่ยสงบลงได้และตั้งใจทำงานให้ดีขึ้นล่ะก็นั่นคงเป็นสิ่งที่ดีและความสำเร็จของหลี่เหว่ยก็จะสูงขึ้นโดยธรรมชาติ

หลี่เหว่ยกลอกตาไปมาและไม่สนใจเขาอีกจากนั้นก็เดินออกจากสนามบินและเมื่อเขาไปถึงรถของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเย่เชียนก็เคาะหน้าต่างรถจากนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ลดกระจกลงแล้วพูดว่า “หืม..ไอ้หนูมาทำอะไรที่นี่..มันบังเอิญจริงๆ”

“จริงเหรอ?” เย่เชียนพูด “ดูเหมือนว่าปู่จะไม่ได้ตั้งใจมาหาผมสินะงั้นผมขอตัวก่อน”

“เอาหน่าคิดซะว่าเราเจอกันโดยบังเอิญดีกว่า..เอาล่ะไปกินข้าวด้วยกันเถอะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ปู่ผมรู้ว่าปู่ไม่สบายใจแต่มันไม่มีอะไรหรอกหน่า” เย่เชียนพูด “ข่าวกรองของปู่ค่อนข้างไวเลยนี่หน่า..ดูสิเฟิงหลานกับหลี่เหว่ยเพิ่งจะมาถึงที่นี่แต่ปู่ก็รู้ได้..ไม่ว่าผมจะพูดยังไงปู่ก็ยังไม่เชื่อผมใช่มั้ย?”

“ทำไมฉันต้องเชื่อเอ็งด้วย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดต่อ “ฉันเตือนเอ็งไปแล้วนะว่าที่นี่มันอยู่ใต้ฝ่าเท้าของจักรพรรดิและถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันก็ไม่สามารถช่วยอะไรเอ็งได้”

“มาเถอะ..มาคุยกันดีกว่า” เย่เชียนจากนั้นเขาก็หันไปมองเฟิงหลานกับหลี่เหว่ยแล้วพูดว่า “เร็วเข้ามีคนจะเลี้ยงพวกเรา..ถ้าอยากกินอะไรก็นั่งคิดเมนูกันรอได้เลย..ผู้อำนวยการหวงฟู่ของเราใจกว้างมาก”

“ผมได้ยินมาว่าคาเวียร์และฟัวกราส์สีทองและหอยเป๋าฮื้อและหูฉลามของปักกิ่งล้วนแต่อร่อยทั้งนั้น..ผมไม่เคยกินมาก่อนเลยเพราะงั้นคราวนี้ผมจะไม่พลาด!” หลี่เหว่ยเลียปากแล้วพูด

“ไอ้บ้านี่เอ็งจะกินอะไรเยอะแยะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ฉันเป็นแค่ข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำมาก..ฉันไม่รวยเท่าพวกเอ็งหรอก”

“ใครจะไปรวยกว่าข้าราชการในสมัยนี้..ประชากรชาวจีนตั้งกี่ล้านคนและภาษีก็ไม่ใช่น้อยๆเพราะงั้นข้าวราชการนี่แหละรวยที่สุดแล้ว” เย่เชียนพูด “เอาล่ะปู่นำไปก่อนเดี๋ยวเราจะตามไปทีหลัง..คราวนี้เราจะคุยกันอย่างจริงจัง”

หวงฟู่ชิงเตี๋ยนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ได้..ไปกันเถอะ..พวกเอ็งรีบตามมาเร็วๆก็แล้วกัน”

หวังฟูจิงเป็นโรงแรม 6 ดาวแห่งเดียวในปักกิ่งและผู้คนจำนวนมากที่รับประทานอาหารที่นี่ก็ล้วนเป็นคนสำคัญทางการเมืองหรือชนชั้นสูงในแวดวงธุรกิจและดารานักแสดงชั้นนำของจีนเท่านั้น การตกแต่งเป็นแบบคลาสสิกอย่างสมบูรณ์และมีเสน่ห์ของจีนโบราณมาก เมื่อคนเดินเข้าไปย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในอุโมงค์เวลาและหวนคืนสู่สมัยโบราณ

อาหารที่นี่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองปักกิ่งเช่นกันและว่ากันว่าเชฟที่นี่เป็นทายาทของเชฟราชวงศ์ในวังแห่งยุคราชวงศ์ในวัง คนที่มาที่นี่เพื่อรับประทานอาหารและไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้สัมผัสชีวิตแบบจักรพรรดิและได้ลิ้มรสอาหารที่จักรพรรดิในสมัยนั้นเคยลิ้มลองนั่นเอง

กว่าจะมากินที่นี่ได้นั้นมีเงินอย่างเดียวไม่ได้เพราะต้องมีสถานะที่สูง ซึ่งจากจำนวนประชากรในเมืองปักกิ่งมีเพียง 30% เท่านั้นที่สามารถเข้ามารับประทานอาหารที่นี่ได้ ซึ่งเห็นได้ว่าโรงแรมแห่งนี้ไม่ใช่โรงแรมธรรมดาและไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้ามาได้

ในห้องส่วนตัวVIPนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเย่เชียน,เฟิงหลาน,หลี่เหว่ยและโต๊ะก็เต็มไปด้วยจานอาหารนานาชนิด

“ผมได้ยินมาว่าอาหารในงานเลี้ยงของชาวแมนจูเรียที่นี่ค่อนข้างโด่งดัง..เราควรสั่งสิ่งนี้ด้วย” เย่เชียนเหลือบมองหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วพูด

หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดด้วยความขมขื่นและเสียงหัวเราะแห้งๆว่า “เอ็งบ้าไปแล้วเหรอถ้าเราสั่งอาหารแบบจัดเต็มแบบนั้นฉันคงจะล้มละลายจริงๆ..ฉันจ่ายไม่ไหวหรอก..อีกอย่างอาหารตอนนี้ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะแต่พวกเรามีกันแค่ไม่กี่คนเอ็งจะกินให้ตายเลยรึไง”

“ไม่เป็นไรหรอก..เราแค่ห่อกลับบ้านถ้าเรากินไม่หมด” หลี่เหว่ยพูด

“เอาเถอะๆ..เอ็งอยากกินอะไรก็สั่งๆไปซะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างขมขื่น “นี่เย่เชียน..บอกความจริงกับฉันทีว่าเอ็งคิดจะทำอะไร..ฉันได้ยินจากตาแก่หม่าแล้วว่าในอีกหนึ่งเดือนเอ็งจะ…”

“อ๊ะๆ…” ก่อนที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะพูดจบเย่เชียนขัดจังหวะคำพูดของเขาด้วยการไออย่างรวดเร็วและจ้องมองเขาอย่างดุเดือดและขยิบตาให้เขา ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เข้าใจและเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ฉันรู้เรื่องที่ญี่ปุ่นแล้ว..ฉันสั่งให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไปที่นั่นช่วยค้นหาที่อยู่ของชิงเฟิงอีกแรงแล้ว..เอ็งต้องใจเย็นๆอย่าเพิ่งทำอะไรที่นั่น..ว่าแต่พวกเอ็งมาทำอะไรที่นี่กัน?”

“ไม่ใช่ว่าเราต้องการสร้างปัญหาแต่พวกนั้นสร้างปัญหาให้เราต่างหาก” หลี่เหว่ยพูด “เมื่อไหร่ที่เขี้ยวหมาป่าถูกคุกคามและถ้าเราไม่ตอบโต้มันก็ไม่ใช่หมาป่าแต่เป็นสุนัข..คราวนี้ตระกูลชางกวนหาเรื่องเราก่อนเพราะงั้นถ้าเราไม่ทำอะไรเลยเราจะไม่ถูกหัวเราะเยาะเหรอครับ”

หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องนั้นฉันก็รู้มาบ้างแล้วว่าชางกวนเจ้อไม่ได้เป็นทายาทที่น่าพอใจนัก..เขาถูกส่งเขาไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็กเพราะงั้นตอนนี้ชางกวนเจ้อจึงต้องการเปลี่ยนสถานะของเขาในตระกูลชางกวนด้วยการทำลายเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของพวกเอ็ง..เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้อยู่”

“เป็นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่มันไม่สามารถยกโทษให้ได้” เฟิงหลานพูด “ในพจนานุกรมเขี้ยวหมาป่านั้นหากมีสงครามก็ต้องสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันเสมอ..ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นเพียงพฤติกรรมส่วนตัวของชางกวนเจ้อก็ตามแต่เขี้ยวหมาป่าของเราจะโต้กลับและถอนรากถอนโคนศัตรูเสมอ..ครั้งนี้พวกมันคือคนที่ต้องการที่จะเริ่มสงครามก่อน..ผู้อำนวยการหวงฟู่คอยจับตามองพวกเรามานานแล้วเพราะงั้นคุณก็น่าจะเข้าใจเจตนารมณ์และอุดมคติของพวกเราใช่มั้ย?..เขี้ยวหมาป่าก็ยังเป็นเขี้ยวหมาป่าวันยังค่ำ..พวกเรารู้ขอบเขตและอะไรควรหรือไม่ควรเสมอ”

“ฉันรู้..แน่นอนฉันรู้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ก่อนหน้านี้มันคงจะไม่เป็นอะไรแต่ตอนนี้สถานการณ์ในปักกิ่งเริ่มซับซ้อนขึ้นแล้วและความขัดแย้งในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้วด้วย..หากพวกเอ็งดำเนินการกับตระกูลชางกวนในเวลานี้มันจะทำให้สถานการณ์ในปักกิ่งซับซ้อนมากขึ้นและในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจีนคงจะนั่งอยู่เฉยๆและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นคงจะไม่ได้” หลังจากหยุดชั่วขณะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “เย่เชียนฉันคิดว่าเรื่องนี้เอ็งก็น่าจะรู้ดีเพราะงั้นเอ็งมีความคิดเห็นอะไรบ้างมั้ย?”

“ผมขอเขาไปแล้ว” เย่เชียน “เขาสัญญากับผมว่าจะกันไม่ให้ฝ่ายต่างๆเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และสั่งให้เจ้าหน้าที่ในปักกิ่งไม่เข้ามาแทรกแซง..แต่ปู่ไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะผมเองก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร..ซึ่งแผนการทั้งหมดที่จะดำเนินกับตระกูลชางกวนจะเป็นการกระทำเชิงพาณิชย์ทั้งหมดและจะไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่นเพราะงั้นปู่สามารถวางใจได้เลย”

“ใครจะไปเชื่อ..มันไม่มีอะไรที่เป็นเชิงพาณิชย์อย่างสมบูรณ์หรอกในทุกวันนี้..นอกจากนี้ตระกูลชางกวนก็มีเครื่อข่ายที่แน่นแฟ้นเพราะงั้นมันจะเป็นการดำเนินการเชิงพาณิชย์ทั้งหมดได้ยังไง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด

“แล้วปู่จะให้ผมทำยังไง” เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ผมรู้ว่าปู่ทำเพื่อประโยชน์ของตัวผมเองแต่ผมจะทำในแบบของผมเองแต่ผมสัญญาว่ามันจะไม่มีอะไรเลวร้ายเพราะผมต้องแก้ปัญหาเรื่องที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้วรีบไปที่ญี่ปุ่น” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ผมรับรองได้เลยว่าผมจะไม่ทำอะไรกับตระกูลชางกวนในเมืองหลวงเพราะผมได้จัดเตรียมแผนเอาไว้แล้วไม่ต้องกังวลไป”

“เย่เชียนเอ็งได้คิดบ้างหรือเปล่าว่าเมื่อตระกูลชางกวนถูกนายทำลายแล้วกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆงั้นเหรอ..ถึงแม้ว่าตระกูลชางกวนจะเป็นเพียงตระกูลในแวดวงธุรกิจแต่ความสัมพันธ์ของพวกเขากับรัฐบาลนั้นก็ค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว..พวกเขาจะปล่อยเอ็งไปง่ายๆงั้นเหรอ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด

“ไม่มีใครสามารถกำหนดอนาคตได้หรอก..เพราะงั้นถ้าพวกเขาไม่ยอมก็ให้พวกเขามาหาผมเลยสิ” เย่เชียนพูดต่อ “โถ่ปู่เราก็รู้จักกันมานานแล้วปู่ยังไม่เข้าใจนิสัยของผมอีกเหรอ..ตั้งแต่ผมตัดสินใจว่าถ้าฉันต้องการทำอะไรผมก็จะไม่สนใจผลที่ตามมาอยู่แล้ว..เอาเถอะเค่อเอ๋อร์ก็น่าจะบอกเรื่องนั้นกับปู่แล้วเพราะงั้นปู่ควรไปดูแลสำนักหยุนหยานเหมินให้ดี..ไม่อย่างนั้นมันอาจจะเกิดอะไรขึ้นจนปู่ต้องเสียใจก็ได้นะ”

หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ไอ้หนู..ฉันรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ถ้าฉันพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะงั้นฉันก็แค่อยากจะเตือนเอ็งให้เอ็งจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าทุกๆอย่างที่เอ็งทำอย่าให้มันมากเกินไปก็พอ..ไม่อย่างงั้นฉันจะช่วยอะไรเอ็งไม่ได้เลยและอย่าคิดว่าที่เอ็งมีตาแก่นั่นช่วยเอ็งจะทำอะไรก็ได้ล่ะ”

เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เห็นผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”

“เย่เชียนฉันรู้ว่าความทะเยอทะยานของเอ็งนั้นยิ่งใหญ่กว่าใครๆและฉันก็รู้ว่าเอ็งกำลังคิดอะไรอยู่..แต่เอ็งไม่กลัวว่าวันหนึ่งรัฐบาลจีนจะหมายหัวของเอ็งเลยเหรอ..เอ็งควรจะเพลาๆมือบ้าง..แต่ก็นะด้วยสถานะของเอ็งในตอนนี้ที่มีทั้งตระกูลเย่กับตระกูลหม่าอยู่เบื้องหลังเอ็งฉันก็คิดว่าน้อยคนนักในรัฐบาลกลางที่จะกล้าทำอะไรเอ็ง..แต่ฉันก็หวังว่าเอ็งจะไม่ทำอะไรที่มันโจ่งแจ้งจนเกินไปและเอ็งต้องคำนึงถึงประเทศชาติด้วย..เอ็งห้ามทำลายผลประโยชน์ของประเทศเด็ดขาด” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ใช่แค่ฉันหรอกเพราะฉันคิดว่าตาแก่หม่าก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน?”

“ปู่ผมคิดว่าปู่คิดมากเกินไป..นี่อาจจะเป็นอาการของวัยชราใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด “ผมคิดว่าตอนนี้ปู่เอาเวลาไปจัดการเรื่องของอาจารย์ฮัวดีกว่า..บางทีปู่อาจจะยังพอเปลี่ยนแปลงอะไรได้ผมเชื่อแบบนั้น”

หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระก่อน..บอกฉันทีว่าคราวนี้เอ็งกำลังพยายามทำอะไร..ฉันจะดูว่าฉันจะร่วมมือกับเอ็งได้หรือเปล่า..อย่ามาปิดบังอะไรฉัน”

เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “โถ่เอ๊ยผมเคยพูดเอาไว้นานแล้วว่าผู้อำนวยการหวงฟู่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด..เป็นไงล่ะ..เขานี่แหละควรค่าแก่การเคารพมากที่สุด”

“หยุดประจบสอพลอสักทีรีบๆพูดมาเถอะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด