ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 506 กลียุค (4)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 506 กลียุค (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 506 กลียุค (4)

เรือเล็กเหมือนกับกระสวย ลากร่องรอยสีขาวอันยืดยาวบนผิวแม่น้ำสีเขียวมรกต ร่องรอยกระเพื่อมกระจาย ไม่นานก็สลายหายไป

ลู่เซิ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนเรือที่กำลังแล่นต้านลม ท้องเรือด้านล่างเท้าไม่มีคนพาย แต่ยังคงแล่นด้วยความเร็วที่ไม่ลดลง

หากจะบอกกล่าวให้ถูกต้อง ผาดวงดาวตั้งอยู่ในอาณาเขตที่อยู่นอกต้าอิน ใกล้กับแดนรกร้าง

เทือกเขาไพศาลเป็นภูเขาที่มีความประหลาดถึงขีดสุด หญ้าเขียวต้นไม้ยักษ์ขึ้นเขียวชอุ่มด้านใน แต่กลับไม่มีปีศาจหรือมารมารวมตัวกันที่นี่ แม้แต่ความประหลาดลี้ลับก็ไม่มีสักตัวเดียวเช่นกัน

มีแต่สำนักผู้บำเพ็ญอิสระที่ตั้งอยู่กระจัดกระจายส่วนหนึ่งรอบนอกเทือกเขาเท่านั้น

ถ้ำมังกรทองเป็นหนึ่งในนี้ ชิงไป๋อู่เจ้าพันมังกรทอง ถูกผู้คนเรียกว่าประมุขถ้ำมังกรทอง ครอบครองสายเลือดมังกรทองในตำนาน เป็นผู้พิชิตอริยะเจ้าที่ไม่ใช่คนของทางการในใต้หล้าจำนวนไม่กี่คน

กล่าวได้ว่าเขาเฉือนแบ่งดินแดน และใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี

เพียงแต่ตอนนี้กลับลงมือกักขังซูย่วนย่วนผู้เป็นลูกสาวของซูหนิงเฟย เพราะอาวุธเทพหมื่นแปรผัน

‘ว่ากันว่าเจ้าพันมังกรทองผู้นี้มีความสามารถเหนือธรรมดา แถมอายุยังมากกว่าอริยะเจ้าเชียนตู้ จะว่าไปความเป็นมาของเขามีความคล้ายกับซูหนิงเฟยเช่นกัน คือสมัยยังหนุ่มฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนับไม่ถ้วน สุดท้ายมีพระนิรนามรูปหนึ่งที่ผ่านทางมาโน้มน้าวให้กลับเนื้อกลับตัว เขาจึงค่อยเร้นกายในเขาลึก และสร้างสายถ้ำมังกรทองขึ้นมา ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า’

ลู่เซิ่งมาเพียงลำพังเพราะคิดจะรีบเผด็จศึก หลังจากจัดการเรื่องหยุมหยิมนี้เสร็จ เขาจะรีบกลับไปวางภารกิจในอนาคตให้แก่เฮยจิน นอกจากนี้เรื่องจุติก็ต้องเร่งให้เร็วที่สุดเช่นกัน

เขาไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว ถ้าหากว่าเฮยจินไม่ได้หลอกเขา อย่างนั้นก็อธิบายได้อย่างชัดเจนว่า เหตุใดหลายปีมานี้ต้าซ่งกับต้าอินจึงต่อสู้กับพิภพมารถี่มาก ทั้งยังเกิดภัยพิบัติมารอย่างต่อเนื่อง

คงเป็นเพราะพิภพมารต้องการชะลอมหาภัยพิบัติออกไป จึงก่อสงครามไปทั่ว

เพียงแต่ไม่ทราบว่าทำไมเฮยจินถึงได้ใช้น้ำเสียงมั่นใจในตอนที่ยืนยันว่า มหาภัยพิบัติจะมาในอีกสิบสองปีให้หลัง

เวลานี้มีความหมายใดกันแน่ ลู่เซิ่งไม่แน่ใจ

ได้สติกลับมา ลู่เซิ่งหยิบแผนที่ลงสีที่ละเอียดซับซ้อนแผ่นหนึ่งออกมาดูและเทียบเคียงตำแหน่งที่ตนอยู่

‘ผาดวงดาวน่าจะเป็นที่นี่’ เขากวาดตามองรอบๆ ฝั่งสองฝั่งล้วนเป็นผาหินสีเทา ท้องฟ้าเหนือศีรษะมืดครึ้ม แม่น้ำไหลนิ่งไร้เสียง ทั้งๆ ที่ที่นี่น่าจะเป็นจุดหมายแท้ๆ แต่ลู่เซิ่งกลับสัมผัสคลื่นอาวุธเทพหรือสารกายไม่ได้แม้แต่น้อย

“นึกไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะพูดถูก เจ้าสำนักลู่มาด้วยตัวเองจริงๆ” ในตอนที่เขากำลังสงสัย อยู่ๆ บนแม่น้ำด้านหน้าก็มีบุรุษหนุ่มสวมชุดคลุมยาวสีเขียวคนหนึ่งค่อยๆ โผล่มา

“ข้าน้อยประมุขถ้ำมังกร…”

สวบ!

ลู่เซิ่งชักมือออกจากทรวงอกของบุรุษอย่างช้าๆ ร่างของคนตรงหน้าพลันกลายเป็นฝุ่นดำโปรยปราย ไม่ทราบว่าแวบมาโผล่อยู่บนน้ำตรงหน้าผู้นี้ตั้งแต่ตอนไหน

เขาเคลื่อนสายตา จิตวิญญาณกระจายออก พลันมองไปยังถ้ำบนหน้าผาริมแม่น้ำไม่ไกลออกไป

‘เจอแล้ว’

ลู่เซิ่งวูบไหวท่าร่างพุ่งเข้าถ้ำบนเขาดุจสายฟ้าจนเหลือแต่เงา ระยะห่างหลายร้อยหมี่เหมือนกับไม่คงอยู่อย่างไรอย่างนั้น

ด้านในถ้ำมีคนสองคนนั่งขัดสมาธิอยู่ คนหนึ่งผมยุ่งเหยิง ฟันหน้าไม่มี มีดาบใหญ่สีแดงชาดเล่มหนึ่งลอยอยู่ด้านหลัง

อีกคนหน้าซีดขาว หน้าตาเหมือนกับบุรุษที่เพิ่งโผล่ขึ้นตรงหน้าลู่เซิ่งเมื่อครู่ เป็นชิงไป๋อู่ประมุขถ้ำมังกรทองที่มีท่าทางโอหังเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาหน้าซีดเซียว พอเห็นลู่เซิ่งเข้ามาก็เบิกตาโต

“อริยะเจ้าลู่รอประเดี๋ยว! ท่านไม่อยากทราบ…” ตูม!

เสียงยังไม่ทันขาด ร่างของชิงไป๋อู่ก็กะพริบแสงสีทอง พร้อมกับกระเด็นเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำเหมือนกับถูกช้างชนใส่

“รอประเดี๋ยวก่อน! อริยะเจ้าลู่จงอย่าได้บีบคั้นให้พวกเราลงมือกับซูย่วน!” ชายชราผมยุ่งอีกคนแตกตื่น ดาบใหญ่ด้านหลังวาดรอยดาบสีแดงชาดมากกว่าพันสายด้านหน้าตัวเอง รอยดาบนับไม่ถ้วนผาไหม้เป็นดอกไม้สีแดงหลายดอกกลางอากาศเหมือนกับเถาวัลย์ พริบตาเดียวก็สานกันเป็นตาข่ายกึ่งโปร่งแสง

“อย่างนั้นพวกเจ้าก็ลงมือสิ” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับโถมตัวไปด้านหน้า

“ท่าน!?” ชายชรางุนงง ตรงหน้าพลันพร่ามัว เขายังไม่ทันรู้ตัว ร่างท่อนบนพลันรู้สึกเจ็บปวด เห็นแต่สีดำ จากนั้นก็ไม่ทราบอะไรอีก

ลู่เซิ่งบี้ศีรษะของชายชราจนแหลก ไฟหยินสีเขียวมรกตแผ่ขยายออกมาห่อหุ้มและเผาร่างของชายชราทิ้งไป

เปรี้ยง!

ศพชายชราระเบิดออก ดาบใหญ่สีแดงด้านในแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วพุ่งออกไปรอบๆ

“คิดจะหนีต่อหน้าข้าหรือ” ลู่เซิ่งคว้ามือจับ น้ำทะเลสีน้ำเงินด้านหลังกระเพื่อมและลอยขึ้น เดี๋ยวโอบล้อมเดี๋ยวห่อหุ้ม เก็บชิ้นส่วนอาวุธเทพห้าชิ้นเข้าไปจนหมด

“เจ้าสำนักลู่โปรดไว้ชีวิตด้วย!” ด้านในน้ำทะเลมีเสียงวิงวอนจากจิตวิญญาณระดับอริยะเจ้าของชายชราดังมาเลือนราง

“อ้อ? ที่แท้เป็นสายเลือดตระกูลจิ่งหรือนี่” ตอนนี้ลู่เซิ่งแยกแยะอย่างละเอียด พลันพบความลับที่แท้จริงของชายชราผู้นี้

“ใช่แล้ว เจ้าสำนักได้โปรดเมตตาปล่อยข้าไปสักครั้งเถอะ!” ชายชราตะโกนเสียงคร่ำครวญ

“เหตุใดตระกูลจิ่งจึงมีสายตระกูลด้านข้างที่ระหกระเหินอยู่ด้านหน้าอย่างเจ้าได้ ต้องดูผิดแน่” ดวงตาลู่เซิ่งสาดประกายสีฟ้า น้ำทะเลสีน้ำเงินด้านหลังพลันส่งเสียงเบาๆ เหมือนกับมีอะไรระเบิด

แค่อริยะเจ้าใบไม้ทองคำคนเดียว ต้าอินมีอริยะเจ้าอยู่น้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมยามเผชิญหน้ากับเขา ลู่เซิ่ง

หากกล่าวถึงที่สุดแล้ว อริยะเจ้าใบไม้ทองคำก็ไม่แตกต่างจากผู้บำเพ็ญระดับทารกจิตช่วงต้นเท่าไหร่ ในโลกก่อนเขาฆ่ามามากมายนัก

ถึงแม้ถ้าเทียบกับผู้บำเพ็ญระดับทารกจิตในโลกของมู่อวิ๋นแล้ว อริยะเจ้าของที่นี่ถนัดเส้นทางการฆ่ามากกว่า แต่ก็ไม่นับว่าเป็นอะไรสำหรับลู่เซิ่งอยู่ดี

เขายังไม่ได้ใช้จิตวิญญาณเทวปัญญาของตัวเองด้วยซ้ำ เพียงใช้อานุภาพส่วนหนึ่งของไข่มุกกลืนสมุทรที่หลงเหลือมาจากโลกก่อน

ก็กำจัดคนพวกนี้ได้ง่ายๆ แล้ว

แม้เขาจะไม่สามารถนำพลังอาคมอันน่าสะพรึงบนโลกใบก่อนกลับมาด้วยได้ ได้แต่หลอมรวมส่วนหนึ่งเข้ากับกายเนื้อ ก็ถือว่ายกระดับความแข็งแกร่งของกายเนื้อแล้ว

แต่ไข่มุกกลืนสมุทรกลับนำกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่ากฎทางต้าอินจะมีการจำกัดรุนแรงมากจนทำให้ไข่มุกกลืนสมุทรเหลือแค่อานุภาพครึ่งเดียวของในตอนแรกเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ใช้รับมืออริยะเจ้าใบไม้ทองคำทั่วไปได้

‘ก็พอใช้ได้ อย่างไรอากาศของที่นี่ก็ไม่ได้มีปราณวิญญาณฟ้าดินแผ่กระจายอยู่ เมื่อไม่มีปราณวิญญาณ ก็ไม่อาจเพิ่มอานุภาพได้

มีอานุภาพเหลือเท่าไหร่ ก็มีได้แค่เท่านั้น ดีที่กฎเกณฑ์ด้านอื่นไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก อนุภาพของของวิเศษเลยยังหลงเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง’

ลู่เซิ่งนับว่าพอใจ เขาเก็บน้ำทะเลด้านหลังไข่มุกกลืนสมุทร ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไป

ลู่เซิ่งพุ่งไปตามถ้ำด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวก็ข้ามระยะห่างหลายพันหมี่ ไม่นานก็ไล่ทันประมุขถ้ำมังกรทองที่ทั่วร่างเป็นสีทอง กำลังเหาะเหินหลบหนีอยู่

“เจ้าสำนักลู่!มีวาจาก็คุยกันดีๆ เถอะ หากว่าสังหารข้าทิ้ง ท่านไม่มีทางหาเจอว่าซูย่วนย่วนอยู่ที่ไหนแน่!” เวลานี้ประมุขถ้ำมังกรทองเหงื่อกาฬไหลหลั่ง ดีที่ก่อนหน้านี้ฟังคำเตือนของหญิงสาวนางนั้น ไม่ได้พกถ้ำมังกรทองติดตัว ไม่อย่างนั้นรอบนี้จะเสียท่าจริงๆ แล้ว

พลังของลู่เซิ่งไม่ใช่เพิ่งเลื่อนระดับแน่ แค่ความรู้สึกที่ส่งกลับมาในพริบตาที่ร่างแยกถูกฆ่าเมื่อก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่า อย่างน้อยคนตรงหน้านี้ต้องเป็นผู้เหี้ยมหาญในระดับดาวหยก

คนส่วนใหญ่ในหมู่อริยะเจ้าอยู่แค่ในระดับใบไม้ทองคำ คนที่บรรลุระดับดาวหยกได้ถือเป็นผู้โดดเด่น ถ้าหากเขามีพลังฝึกปรือแบบนี้ คงไม่ต้องเปลี่ยนสถานะออกจากตระกูลและมายังแดนรกร้างแห่งนี้หรอก

“ถ้ำมังกรทองเป็นอาวุธเทพชิ้นหนึ่ง ตอนนี้ไม่อยู่บนตัวข้า ข้าให้คนอื่นนำไปวางไว้ในสถานที่ที่ซ่อนเร้นที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สถานที่นั้นมีแต่ข้าที่ทราบ…”

เคร้ง!

ยังพูดไม่ทันจบ ลู่เซิ่งก็ใช้มือข้างหนึ่งสะบัดไปโดนหน้าผากด้านหน้าชิงไป๋อู๋ แต่โดนเยื่อบางสีทองอ่อนชั้นหนึ่งป้องกันเอาไว้

แต่ว่าเยื่อบางสีทองป้องกันได้แค่พริบตาเดียว ก็แตกออกดังแกร๊กภายใต้การเผาไหม้จากเปลวไฟสีเขียวที่แผ่ออกมาข้างใต้มือลู่เซิ่งทันที

“ดาบเก้ามังกรเบิกเมฆา!” ชิงไป๋อู่ทราบว่าเวลานี้มาถึงนาทีเป็นตายแล้ว จึงทิ้งแผนการเกลี้ยกล่อมลู่เซิ่ง แล้วโคจรจิตวิญญาณทั่วร่างสุดชีวิต เพื่อกระตุ้นพลังทางสายเลือดและพลังของอาวุธเทพ ก่อนจะใช้สองมือฟันดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมาของตัวเอง

ประกายแสงสีทองอร่ามรวมตัวกันกลางมือของเขาประดุจสายน้ำ จากนั้นก็ยืดขยายกลายเป็นดาบโค้งเรียวยาวที่ปล่อยเปลวไฟสีทองออกมาเล่มหนึ่ง

มังกรอสรพิษสีขาวบริสุทธิ์เก้าตัวที่สลักไว้บนใบดาบลอยออกมาล้อมรอบดาบยาวราวกับงู และส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง

“อ๊าก!!” ชิงไป๋อู่ตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง ใส่ทุกอย่างที่มีในดาบนี้ พลังงานทั้งหมดในอาวุธเทพ รวมถึงพลังทางสายเลือดมังกรทองของตัวเอง ไหลเข้าไปในดาบนี้โดยไม่เหลือเก็บไว้แม้แต่น้อย

แสงสีทองสาดส่องในถ้ำ พริบตาเดียวก็ระเบิดออกเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงเล็ก

โฮก!

มังกรอสรพิษสีขาวเก้าตัวลุกไหม้และทะยานขึ้นฟ้า ก่อนจะกลายเป็นมังกรสีทองเก้าตัว จากนั้นก็พุ่งใส่ลู่เซิ่งตามประกายดาบที่สว่างไสวตรงกลาง

“กลืนสมุทร” ลู่เซิ่งชี้ไปด้านหน้าอย่างเรียบเฉย

น้ำทะเลสีน้ำเงินด้านหลังกระเพื่อมปรากฏขึ้น ก้อนโลหะสีทองอมน้ำเงินก้อนหนึ่งลอยขึ้นจากในน้ำ แล้วเข้าไปต้านรับดาบเก้ามังกรสีทองด้วยความเร็วสูง

ตูม!

สองสิ่งปะทะกันซึ่งหน้า เกิดการระเบิดอันน่ากลัวในทันทีทันใด

เขาครึ่งซีกระเบิดอย่างฉับพลัน แสงสีทองหลายสายกับเสาน้ำสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากรอยแตก

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ แสงสีทองมืดสลัวลง เสาน้ำสีน้ำเงินค่อยๆ สลายไปเช่นกัน

เขาถล่มลงไปครึ่งหนึ่ง ถ้ำกลายเป็นซากปรักหักพังกลางแจ้ง

ชิงไป๋อู่หายใจกระหืดกระหอบ กึ่งคุกเข่าอยู่ในซากปรักหักพัง มือหนึ่งถือดาบยาวสีทอง อาภรณ์บนตัวถูกระเบิดทำลายไปแล้ว เผยให้เห็นเกราะด้านในสีเหลืองทอง

ลู่เซิ่งลอยอยู่กลางอากาศ หันหน้าเข้าหาเขา ตอนนี้โบกมือเล็กน้อย เก็บไข่มุกกลืนสมุทรที่เหลือครึ่งหนึ่งกลับมา

แกร๊ก

เพิ่งจะจับไว้ ผิวของไข่มุกกลืนสมุทรพลันแตกเป็นรอยรอยหนึ่ง

ลู่เซิ่งสีหน้าเคร่งขรึมอย่างฉับพลัน

“ไอ้บัดซบ!”

ทันใดนั้นเขาวูบไหวร่างไปโผล่ตรงหน้าชิงไป๋อู่ แล้วเอื้อมมือไปบีบคอของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

“หยุดซะ!” อยู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากท้องฟ้า

ลู่เซิ่งทำเป็นไม่ได้ยิน กรงเล็บคว้าที่ลำคอของชิงไป๋อู่โดยตรง

แต่วินาทีถัดมา แขนที่ขาวเหมือนกับหยกก็โผล่ขึ้นด้านหน้าเขา แล้วขวางกรงเล็บของเขาเอาไว้เหมือนกับเคลื่อนย้ายได้ในพริบตา

เปรี้ยง!

ลู่เซิ่งถูกกระแทกถอยหลังไปหลายหมี่ ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชาและพุ่งไปด้านหน้าอีกครั้ง

“คร่าวิญญาณ!” เงากรงเล็บหลายสายระเบิดออกจากสองมือของเขาดุจสายฟ้าแลบ แล้วพุ่งใส่คนผู้นั้นจากสี่ทิศแปดทาง

“ข้าบอกให้หยุดไง!” เจ้าของแขนพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับรับเงากรงเล็บทั้งหมดของลู่เซิ่งไว้ติดต่อกันเหมือนสายฟ้าฟาด

“ทำลายของวิเศษของข้า สมควรตายหมื่นครั้ง!” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเย็นชา ร่างขยายใหญ่ด้วยความเร็วสูง ปากฉีกไปถึงใบหูอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นฟันเลื่อยคมกริบสามแถว

“ข้าจะชดใช้ให้เอง!” สตรีผู้นั้นพลันตะโกน

ตูม!

ฝ่ามือของลู่เซิ่งปะทะกับสตรีซึ่งหน้า คลื่นโจมตีสีขาวในรูปแบบจานกลมระเบิดขึ้นระหว่างทั้งสองอย่างฉับพลัน ภูเขาที่คลื่นโจมตีสัมผัสถูกตัดแบ่งจนพังทลายในชั่วอึดใจ

“อาจารย์บอกแต่แรกก็จบแล้ว” ลู่เซิ่งหดร่างลงสู่สภาพเดิมอย่างฉับพลัน พร้อมกับมองสตรีกระโปรงดำตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

ซูหนิงเฟยแสดงสีหน้าพิลึก หอบหายใจพร้อมกับจ้องมองเขา “เจ้ายังรู้ว่าข้าเป็นอาจารย์เจ้า!…ดีที่ข้ามาทัน! ไม่อย่างนั้นถ้าเจ้าฆ่าเขา แล้วข้าจะไปหาย่วนย่วนที่ไหน”

“ข้าไม่สนหรอก” ลู่เซิ่งใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม “ลูกสาวของอาจารย์ไม่ใช่ลูกสาวข้า แต่ข้าเชื่อว่าอาจารย์ไม่มีทางปล่อยให้ลูกหลานตัวเองตายง่ายๆ แบบนี้อยู่แล้ว”

ซูหนิงเฟยพลันสะอึก

รอบนี้นางใช้ร่างหลักมาเอง ในการต่อสู้อย่างเร่งรีบเมื่อครู่ นางค้นพบอย่างเลือนรางว่าลู่เซิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว แม้จะใช้กายเนื้อสู้กันเท่านั้น แต่สามารถต่อสู้กับร่างหลักของนางได้โดยไม่พ่ายแพ้ในเวลาสั้นๆ

ต่อให้นางจะอยู่ในสภาพร่างมนุษย์ แต่อย่างน้อยก็มีพลังทำลายล้างระดับดาวหยกอยู่ดี

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด