ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 608 จุดไฟ (2)
บทที่ 608 จุดไฟ (2)
นี่เป็นเพราะเลือดลมยิ่งใหญ่เกินไป บวกกับพละกำลังที่เครื่องมือปรับเปลี่ยนยกระดับอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งในตอนนี้ นอกจากมองเพื่อกะระยะไม่ได้แล้ว ที่เหลือล้วนไม่แตกต่างจากดวงตาของมนุษย์ธรรมดา
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะใช้ร่างกายร่างนี้นานๆ อยู่แล้ว ครั้งนี้ความคิดของเขาคือรีบสะสางผลกรรมและรีบกลับ
ดังนั้นข้อด้อยแค่นี้จึงไม่สำคัญ เนื่องจากเขาใช้ประสาทการฟังและความรู้สึกสัมผัสชดเชยได้อย่างสมบูรณ์ ความได้เปรียบของกระต่ายอยู่ที่มีประสาทการฟังที่แข็งแกร่งโดยกำเนิด
บรู๊ว!
เสียงเห่าหอนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เงาหมาป่าหลายสายเริ่มผลุบโผล่ขึ้นในพงหญ้าด้านล่าง
ฝูงหมาป่ากำลังรวมตัวกัน
ลู่เซิ่งกลับไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ยังคงรอต่อไป
งูหลามสีดำตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว สายตากวาดมาทางเขา พลันรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย จึงเหลียวดูเขาไปมา
‘กระต่าย? กระต่ายปีนต้นไม้ได้หรือ ข้าน่าจะตาฝาด’
เซนดาผู้เป็นงูหลามส่ายศีรษะ แล้วเลื้อยเข้าหากระรอกตัวหนึ่งที่กำลังโดดเหยงๆ อยู่บนยอดไม้อีกแห่งหนึ่ง
เทียบกับลู่เซิ่งที่ไม่เคลื่อนไหวแล้ว เขาสนใจกระรอกที่กระโดดไปกระโดดมามากกว่า
เซนดามีร่างกายใหญ่มาก กระรอกตัวหนึ่งเป็นได้แค่ของว่างสำหรับเขาเท่านั้น ร่างกายมหึมาที่ยาวสิบกว่าเมตรของเขา ต่อให้อยู่บนต้นไม้โบราณก็เป็นสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่ง
เวลานี้เขาเลื้อยคดเคี้ยวไปตามลำต้น แค่มองดูไกลๆ ก็สัมผัสความรู้สึกถึงพละกำลังอันยืดหยุ่นที่ลื่นไหลและสมส่วนได้แล้ว
ร่างกายที่ใหญ่เท่าแขนท่อนปลายของมนุษย์ผู้ใหญ่ขยับเขยื้อนไปตามลำต้นอย่างต่อเนื่อง
ลู่เซิ่งไม่ได้สนใจมัน หากจ้องมองฝูงหมาป่าด้านล่างต่อไป
หมาป่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ไม่นานนัก หมาป่าตัวเขื่องที่มีขนเป็นสีเทาอมดำตัวหนึ่งก็เดินออกมาจากฝูงอย่างช้าๆ
มันคือราชาหมาป่าแอนดี้
ชื่อนี้มันได้ยินมาจากมนุษย์ที่เข้ามาในป่า รู้สึกฟังเข้าท่า เลยเอามาตั้งเป็นชื่อของตัวเอง
แอนดี้ตัวใหญ่เป็นห้าเท่าของหมาป่าตัวอื่น เมื่อบวกรวมกับหางแล้ว ตัวมันยาวเกือบสองเมตร ขนทั่วร่างปุกปุยอ่อนนุ่ม แถมยังสะอาดและเป็นระเบียบ มองดูก็รู้ว่ามีรูปลักษณ์ไม่เลว
คืนนี้พวกมันมารวมตัวกันเพื่อจับกลุ่มล่าฝูงควายที่อยู่ใกล้ๆ เวลากลางดึกเป็นเวลาที่แอนดี้ชอบมากที่สุด
บรู๊ว!
มันเริ่มอธิบายกฎของครอบครัวเสียงดัง พวกมันคือเผ่าหมาป่า เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีความเป็นเอกภาพมากที่สุด พลังของกลุ่มทำให้พวกมันไม่ต้องเกรงกลัวคู่ต่อสู้ตัวไหน เสือเหรอ หมีเหรอ จระเข้เหรอ ล้วนไม่ต้องกลัว
พวกมันเป็นราชาอย่างสมศักดิ์ศรีในพื้นที่แห่งนี้!
การบรรยายกฎครอบครัวเป็นเรื่องที่ต้องทำทุกครั้งก่อนออกศึก และเป็นขั้นตอนที่แอนดี้ใช้ประกาศศักดา
เสียงรอบๆ ต่างเงียบลง หมาป่าทุกตัวต่างหมอบร่างลงเพื่อฟังคำสั่งสอนของราชาหมาป่า
การลอบโจมตีในครั้งนี้จะต้องรักษาเป็นความลับอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหากฝูงควายรู้ตัว ครั้งนี้พวกมันจะไม่เพียงหาอาหารไม่ได้ ยังอาจจะเกิดการบาดเจ็บล้มตายด้วย
ลู่เซิ่งรอคอยเงียบๆ โดยไม่ขยับเขยื้อน
คำสั่งสอนของราชาหมาป่าใกล้จะจบลงแล้วตามเวลาที่ผ่านไป เสียงฮือๆ ทุ้มต่ำค่อยๆ กลายเป็นสั้นกระชั้นอย่างช้าๆ
แกรก
อยู่ๆ เสียงกิ่งไม้เขย่าที่ดังมากก็ลอยมาจากด้านข้างลู่เซิ่งไม่ไกล
“ใครกัน!?” แอนดี้พลันเงยหน้ามองต้นไม้ที่ลู่เซิ่งอยู่
ลู่เซิ่งขมวดคิ้วพลางเบือนหน้าไปมองต้นเสียง งูหลามเซนดาโจมตีกระรอกไม่โดน กำลังจับจ้องมองกระรอกที่หนีรอดไปตาเป็นมันอยู่
แต่ไหนแต่ไหร่มาพวกงูจะเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ การที่ไม่ถูกพบตัวจึงเป็นเรื่องปกติ ขณะนี้มันกำลังจะทำการโจมตีครั้งที่สอง แต่ลู่เซิ่งกลับจับจ้องมันไว้
ความรู้สึกถึงอันตรายสุดบรรยายที่น่าขนลุกขนพองบังเกิดในใจเซนดา มันไม่ได้เจอความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว
นับตั้งแต่มันตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สิ่งมีชีวิตที่มอบความรู้สึกถึงอันตรายแบบนี้ให้แก่มันได้ในบริเวณใกล้ๆ นี้ก็เหลืออยู่น้อยนิดเต็มที
“เจ้า” ลู่เซิ่งยื่นขาออกไปชี้ที่เซนดา “ลงไป”
เซนดาค่อยพบว่าไม่ไกลออกไปมีกระต่ายตัวหนึ่งนั่งอยู่จริงๆ!?
“ฟ่อ?” มันไม่เข้าใจความหมายที่ลู่เซิ่งพูด มันไม่ใช่พวกมีสติปัญญาที่พูดได้ เป็นเพียงสัตว์ป่าธรรมดาเท่านั้น
แต่ตอนนี้ต่อให้เซนดาจะลงไปก็สายไปเสียแล้ว
ราชาหมาป่าแอนดี้เดินมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้และเงยหน้ามองพวกเขาอยู่
“กระต่ายเหรอ เจ้าก็คือกระต่ายที่ยืนสองขาตัวนั้นสินะ ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้ามาก่อน” เห็นได้ว่าแอนดี้เป็นพวกมีสติปัญญา จึงพูดได้คล่อง
“ช่างเถอะ”
เห็นดังนั้นลู่เซิ่งก็ไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป
เขากระโดดลงจากคาคบ แล้วนั่งอย่างมั่นคงบนพื้นหญ้าด้านหน้าแอนดี้
การเคลื่อนไหวหมดจด ทั้งยังดูทรงพลังอย่างบรรยายไม่ถูกด้วย
แอนดี้ขมวดคิ้ว “กระต่ายประหลาด เจ้าไม่กลัวเหรอ รอบๆ ตัวเจ้ามีหมาป่ามากกว่าสองร้อยตัว พวกมันทุกตัวล้วนแข็งแกร่งกว่าเจ้าหนังเทาแมวป่าที่เจ้าฆ่าทิ้งไป”
“กลัวหรือ” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกับเจ้า แต่มาเพื่อตักเตือนเจ้าต่างหาก”
ตักเตือนข้าหรือ” แอนดี้งุนงง นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินเรื่องน่าขำแบบนี้ กระต่ายตัวหนึ่งมาเพื่อตักเตือนราชาหมาป่าแอนดี้อย่างนั้นหรือ
“เจ้าจะตักเตือนอะไรข้า” มันกลั้นหัวเราะและกล่าวอย่างผ่อนคลาย
ลู่เซิ่งหยีตา
“ข้านำการชี้แนะแห่งโชคชะตามาตักเตือนเจ้า ว่าอย่าดำเนินการฆ่าที่ไร้ความหมายอีกเลย”
“หือ” แอนดี้หัวเราะ “แล้วทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย เจ้าก็แค่…กระต่ายตัวหนึ่งเท่านั้น”
เขาเดินวนรอบลู่เซิ่ง ดวงตาฉายความมุ่งร้ายและความคิดฆ่าฟันออกมา
ทว่าไม่นานนัก หญ้าสีเขียวที่นุ่มนิ่มก็ถูกส่งไปถึงด้านหน้าเขา
“ลองดูสิ” ลู่เซิ่งยืนอยู่ด้านหน้าเขาด้วยสีหน้าจริงใจ “สิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะการกินเนื้อมีแต่การทำร้ายกันและกัน มีแต่การกินหญ้าเท่านั้นถึงจะขจัดความแค้น และทำให้ทุกชีวิตเกิดความเสมอภาคได้”
แอนดี้มองลู่เซิ่งเหมือนคนเป็นโรคประสาท
หมาป่าที่อยู่รอบๆ ชมดูเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาแปลกประหลาด
“เจ้า…จะให้ข้า…กินหญ้างั้นเหรอ?!” แอนดี้ลืมตาโต เหมือนพบเรื่องที่น่าขำที่สุด
“กินเถอะ” ลู่เซิ่งยื่นหญ้าเข้าไปใกล้อีกนิด “พอกินแล้วเจ้าก็จะเข้าใจสาเหตุที่ข้าทำแบบนี้เอง”
หญ้าเส้นนี้เป็นหญ้าพิเศษที่เขาสร้างขึ้นโดยผสมเนื้อของเชื้อราชนิดหนึ่งเข้าไปผ่านด้ายกระตุ้นวิญญาณ ให้ความรู้สึกสัมผัสเหมือนเนื้อ ทั้งยังมีโภชนาการเต็มเปี่ยม ควรจะตอบสนองความต้องการของสัตว์กินเนื้อได้มากพอ
แอนดี้มองหญ้าเขียวที่ลู่เซิ่งส่งให้
ผัวะ
มันยื่นขาออกมาปัดหญ้ากระเด็นออกไป หญ้าสีเขียวมรกตถูกขย้ำจนแหลกเละและกระจายเต็มพื้นด้านข้าง
“ฮ่าๆๆๆ! น่าขำจริงๆ! กระต่ายตัวเดียวกลับกล้ามาเกลี้ยกล่อมให้ราชาหมาป่าแห่งเผ่าหมาป่ากินหญ้างั้นเหรอ!?” แอนดี้หัวเราะลั่นอย่างอดไม่ได้
ลู่เซิ่งค้างอยู่ในท่ายื่นหญ้า เพียงแต่สายตาค่อยๆ ล้ำลึกขึ้น
“ดูเหมือนเจ้าจะปฏิเสธความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของโชคชะตาแล้ว”
เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับทิ้งเศษหญ้าที่เหลือในมือทิ้ง
“โชคชะตาหรือ ความปรารถนาหรือ กระต่ายโง่เง่าเอ๋ย สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือจะหนีจากที่นี่อย่างไรต่างหาก…”
พรวด!
แอนดี้ยังพูดไม่ทันจบ ก็กระอักเลือดออกมา ร่างกระเด็นออกไปเหมือนถูกรถไฟชนใส่ ตีลังกาพร้อมกับกระแทกใส่ต้นไม้หยาบใหญ่ด้านหลัง
เปรี้ยง!
เกิดเสียงดังสนั่น ใบไม้พากันร่วงลงมา
“ความปรารถนาของโชคชะตายิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้” ลู่เซิ่งชักฝ่ามือขวากลับมาพร้อมกับเดินเข้าหาแอนดี้ที่ล้มอยู่
“เจ้าหมาป่าน้อยโง่เง่าเอ๋ย ถึงกับกล้าปฏิเสธโชคชะตา จงดู นี่คือการจัดการของโชคชะตา”
ลู่เซิ่งจับขนบนศีรษะของแอนดี้ และยกหัวมันขึ้นมา
แอนดี้โต้ตอบไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ เมื่อครู่มันถูกอะไรกระแทกใส่กัน มันไม่รู้
แต่จะต้องเป็นฝีมือของกระต่ายตัวนี้แน่!
“ฆ่ามันซะ!” แอนดี้ขู่คำรามอย่างสับสน
ตอนแรกฝูงหมาป่าที่อยู่รอบๆ งุนงง จากนั้นก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป พากันคำรามอย่างโกรธแค้น แล้วพุ่งเข้าหาลู่เซิ่งที่อยู่ตรงกลางหลายตัว
“ผู้ที่ไม่กินหญ้า ล้วนต้องตาย!” ลู่เซิ่งคำรามขึ้นเช่นกัน เลือดลมทั่วร่างพลิกม้วน ปุ่มกล้ามเนื้อจำนวนมากเคลื่อนไหวใต้ผิวของเขา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวก็เปลี่ยนจากลูกแมวกลายเป็นแมวป่า
แต่ว่าเมื่อเทียบกับแมวภูเขาแล้ว เขาในตอนนี้เป็นผลรวมของกล้ามเนื้อที่น่ากลัวดุร้ายกลุ่มหนึ่ง
ขนสีเทาถูกกล้ามเนื้อสีแดงเข้มดึงสายตาไป ครู่เดียวลู่เซิ่งก็ตัวใหญ่เท่าหมีสีเทาขนาดย่อมๆ ตัวหนึ่งแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะหูที่เขาเก็บไว้ด้านหลังยาวพอ หมาป่าที่อยู่รอบๆ คงไม่มีตัวไหนคิดว่าเขาเป็นกระต่าย
โครม!
ลู่เซิ่งสะบัดแขนทิ้งแอนดี้ไป แล้วต่อยหมัดใส่เอวของหมาป่าตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามา
พละกำลังอันมหาศาลตามมาด้วยพลังระเบิดที่น่ากลัว พริบตาเดียวก็เกิดเสียงกระดูกถูกกระแทกหักดังมา
“โชคชะตาบอกให้พวกเจ้ากินหญ้า! พวกเจ้ากลับไม่กินเหรอ!? หาที่ตาย!”
ลู่เซิ่งกำลังแสดงตัวอย่างให้ป่าทั้งป่าให้เห็นโดยการเชือดหมาป่าให้ลิงดู!
เขาเบี่ยงตัว หมาป่าสองตัวจึงชนใส่กันเองกลางอากาศ จากนั้นก็ถูกเขาฟาดล้มกับพื้น หัวกะโหลกยุบ ใกล้ตายอยู่รอมร่อ
ลู่เซิ่งสืบเท้าไปด้านหน้าอีกก้าว แล้วต่อยหมัดที่ใหญ่กว่าศีรษะของตัวเองสองเท่ากว่าๆ ออกมาใส่หัวหมาป่าที่กำลังพุ่งเข้ามา
เปรี้ยง!
ไขสมองไหลออกมา
“พวกเจ้าล้วนเป็นผู้ต่อต้านโชคชะตา!” ลู่เซิ่งแผดเสียงพร้อมพุ่งตัวออกไป ทุกครั้งที่ตะปบขาใส่ล้วนมีหมาป่าถูกฆ่า
พละกำลังอันมหาศาลของเขาแทบจะตายเมื่อโดนกระแทกใส่ แทบพิการเมื่อโดนถากๆ
พอหมาป่าธรรมดาจับตัวเขา ก็จะถูกกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเหี้ยมหาญป้องกันไว้ ได้แต่สร้างบาดแผลตื้นๆ บนผิว แม้แต่เลือดก็ไม่ไหลสักหยด
แอนดี้มองดูอยู่ด้านข้างอย่างอ้าปากตาค้าง
เพียงไม่กี่นาทีสั้นๆ ก็มีหมาป่าอย่างน้อยมากกว่าร้อยตัวถูกลู่เซิ่งตะปบข่วนจนตายคาที่ หมาป่าที่เหลือคิดจะใช้กลยุทธ์ล้อมจับ แต่ว่าความเร็วที่ระเบิดในพริบตากลับไม่สูงเท่าลู่เซิ่ง เลยถูกฆ่าไปสิบกว่าตัวในชั่วอึดใจ
“เป็น…เป็นไปไม่ได้…นี่ไม่ใช่ความจริง!?” เขาพึมพำ นี่มันกระต่ายอุบาทว์อะไรกัน?!
บรู๊ว!
เสียงเห่าหอนน่ากลัวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หมาป่าสองร้อยกว่าตัวในตอนแรกเหลือแค่พวกหมาป่าที่ชรา อ่อนแอ พิการ และอมโรคแค่สิบกว่าตัวตามเวลาที่ผ่านไป
พวกมันคอยปกป้องแอนดี้ พร้อมทั้งจ้องมองกระต่ายสีเทาที่ยืนอยู่กลางกองเลือดและซากศพจำนวนมากด้วยความระมัดระวัง ระคนตกตะลึง
กระต่ายแค่ตัวเดียว…กระต่ายตัวเดียว…กลับฆ่าสมาชิกมากกว่าครึ่งของพวกมันจนเหี้ยน
นี่มันกำลังฝันไปชัดๆ!
แอนดี้รู้สึกเหลือเชื่อ หมาป่าตัวอื่นๆ ก็รู้สึกเหลือเชื่อเช่นกัน พวกมันต่างพยายามกัดลิ้นเพื่อใช้ความเจ็บปวดพิสูจน์ว่าทุกสิ่งนี้เป็นความฝันของพวกมัน
ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ แม้จะกัดลิ้นจนเลือดออกแล้วก็ยังเห็นฉากหน้ากลัวตรงหน้าอยู่ดี
“เห็นหรือยัง เป็นเพราะพวกเจ้าไม่กินเนื้อ พละกำลังของพวกเจ้าถึงได้อ่อนแอขนาดนี้” ลู่เซิ่งเอ่ยเบาๆ “ข้าใช้แค่หมัดก็ต่อยพวกเจ้าทุกตัวจนตายได้แล้ว”
“ไม่กินโว้ย! พวกเรา…ไม่มีแรงอยู่แล้วต่างหาก!” แอนดี้ฝืนยันร่างขึ้น มันถูกลู่เซิ่งฟาดใส่จนงุนงงตั้งแต่แรก ตอนนี้ยังไม่ได้สติดี สมองคงได้รับความกระทบกระเทือนแล้ว
แอนดี้ในตอนนี้จ้องมองลู่เซิ่งด้วยสายตาเคียดแค้น
“ไม่” ลู่เซิ่งโต้ “เนื้อสร้างมลทินให้แก่กายเนื้อของพวกเจ้าต่างหาก”
เขากวาดตามองหมาป่าที่เหลืออยู่ทีละตัวๆ
“พวกเจ้ามีแรงเท่าควายหรือไม่”
“…”
“แข็งแกร่งเท่าวัวป่าไหม”
“…” วัวป่าโตเต็มวัยสามารถขวิดหมาป่าตายได้
“ยิ่งอย่าว่าแต่ยีราฟกับช้าง อย่างนั้น พวกเจ้ารู้เหตุผลไหม” ลู่เซิ่งถามเสียงแผ่วต่ำ
“…”
“เป็นเพราะพวกเจ้ากินเนื้อยังไงเล่า!” ลู่เซิ่งชี้ไปที่แอนดี้พร้อมกล่าวเสียงดัง “เพื่อกินเนื้อ พวกเจ้าจะต้องตามล่าสัตว์ตัวอื่นจนเสียพลังงานเป็นจำนวนมาก ส่วนการกินหญ้านั้น เจ้าแค่จำเป็นต้องหาสถานที่เพื่อหมอบลงเท่านั้น เจ้าจะกินตรงไหนก็ได้ ทั้งไม่เสียพลังงาน ทั้งไม่ต้องแก่งแย่ง แถมยังเพลิดเพลินกับทุกสิ่งและเพิ่มแรงได้อย่างสงบ”
ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างเชื่องช้า
“อยางนั้นพวกเจ้ายังมีเหตุผลอะไรที่จะไม่กินหญ้าอีกเล่า”
พวกหมาป่ามีสติปัญญาต่ำอยู่แล้ว แอนดี้เองก็มีความรู้จำกัดเช่นกัน จึงไม่ทราบว่าควรโต้เถียงอย่างไรดี ได้แต่มองดูลู่เซิ่งอย่างมึนงงง รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดเหมือนจะมีเหตุผลจริงๆ
……………………………………….
Comments