ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 611 ล่อ (1)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 611 ล่อ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 611 ล่อ (1)

นิ้วของลู่เซิ่งเคาะลงบนพื้นแข็งเบาๆ ส่งเสียงดังกระจ่าง

เขากำลังไตร่ตรองอยู่ว่า จะติดต่อกับมนุษย์ในโลกนี้ดีหรือไม่

ดูจากการทดลองในช่วงนี้ของเขา กฎพลังงานของที่นี่จำกัดเลือดลมน้อยที่สุด แต่กลับจำกัดระบบพลังอย่างอื่นอย่างรุนแรง

ตอนนี้ผลกรรมความปรารถนาของกระต่ายเกือบสำเร็จแล้ว จึงต้องพิจารณาว่าการใช้เวลาและสมาธิไปติดต่อกับมนุษย์จะได้มากกว่าเสีย หรือเสียมากกว่าได้

หลังใคร่ครวญสักพัก ลู่เซิ่งก็ตัดสินใจกลับบ้าน

โลกใบนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดเล็กน้อย ไม่ใช่ปัญหาด้านระบบพลัง หากเป็นความแตกต่างของพวกมีสติปัญญาและพวกสัตว์ป่าที่ทำให้เขาคิดไม่ออกบางจุด

หนำซ้ำในบันทึกของเผ่ากระต่ายเมื่อก่อนหน้านี้ยังได้พูดถึงด้วยว่าก่อนหน้านี้เคยมีปราชญ์ที่ยืนสองขาปรากฏตัวมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ถึงขีดสุดที่ปราชญ์ตัวแรกที่ปรากฏตัวขึ้นมาจะเป็นมารสวรรค์คนอื่นที่จุติลงมา

ความจริงมีเลศนัยล้ำลึกไปหน่อย และลู่เซิ่งก็ไม่คิดจะออกจากป่าไปสืบด้วย

‘พอแค่นี้ก็แล้วกัน…’ ตอนนี้ระเบียบของป่าถูกตั้งขึ้นแล้ว แถมเขายังได้ผลิตหญ้าติดมันและหญ้าเขียวธรรมดาขึ้นมาหลายเวอร์ชั่นด้วย

มีหญ้าที่ดูดซับโลหะ มีหญ้าที่ดูดซับดิน และมีหญ้าที่ขอแค่มีน้ำก็เติบโตได้ รวมถึงหญ้าที่เป็นกาฝากต้นไม้ซึ่งกินแมลงกับปุ๋ยได้อีก

ถึงขั้นมีหญ้าที่แยกชิ้นส่วนกระดูกของศพได้

หญ้าแต่ละชนิดเติมเต็มข้อบกพร่องของวัฏจักรระบบนิเวศในอาณาเขตเล็กๆ ของป่า

สิ่งที่นำมาคือทุกที่ที่ตาเนื้อมองเห็นได้มีแต่หญ้า

การแพร่พันธุ์ของหญ้าพวกนี้มีความเร็วน่าตกตะลึงและน่ากลัวมาก หญ้าแต่ละเส้นหนาและอวบอิ่ม สมาชิกของลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดแค่จำเป็นต้องกลับป่าและหาสถานที่ที่ตัวเองคิดว่าสะดวกสบาย จากนั้นค่อยนอนลงเพื่อกินหญ้าก็พอ

ในพุ่มหญ้าที่งอกขึ้นรอบๆ ไม่มีหญ้าเส้นไหนที่กินไม่ได้

หลังจากกินหญ้ารอบตัวหมดแล้ว แค่เดินไปสองก้าวแล้วนอนลง ก็จะกินได้ต่อ

พวกสัตว์กินเนื้อได้ส่วนแบ่งดีกว่า กอปรกับแรงกดดันจากลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์ พวกมันจึงค่อยๆ กลายเป็นผู้กินหญ้าไปโดยปริยาย

และถ้าเกิดคุ้นชินกับชีวิตอันแสนสบายที่อยู่ไหนก็กินได้นี้แล้ว สัตว์ร้ายที่กินเนื้อเป็นอาหารเมื่อก่อนหน้านี้ก็จะเริ่มขี้เกียจ

แค่นอนก็อิ่มท้องได้แล้ว ยังจะสร้างความแค้นและทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยไปทำไมอีก

บวกกับพวกสุดโต่งบางส่วนโดนลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์กำจัดทิ้งไปแล้ว ทำให้ป่าทั้งผืนเจริญรุ่งเรืองขึ้น

“อย่างนั้นพวกเจ้ารู้สึกว่า รสชาติระหว่างกินหญ้าติดมันกับเนื้อ อย่างไหนดีกว่า” ลู่เซิ่งได้สติกลับมา ก่อนมองดูราชาหมีดำกับราชาเสือที่อยู่ด้านล่าง

“ย่อมเป็นเนื้อ!” ราชาหมีดำสูดหายใจลึกราวกับต้องการดิ้นให้หลุดจากแรงกดดันอันแข็งแกร่งของลู่เซิ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงดัง “ถึงหญ้าติดมันจะมีรสชาติหลากหลาย เวลากินก็สะดวกสบาย แถมยังมีเยอะแยะและเติบโตเร็ว แต่เนื้อเป็นอาหารที่แท้จริงของเรา หากไม่กินเนื้อ เนื้อก็ไม่เพิ่ม! พอเนื้อไม่เพิ่ม ก็จะมีแต่ผอมลงๆ รวมถึงไม่มีแรง!”

ราชาเสือพยักหน้าเห็นด้วยจากด้านข้าง

“แต่ข้าก็กินหญ้าเหมือนกัน เจ้าดูข้าสิ เจ้าว่าข้าผอมมากไหมล่ะ” ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ “พวกเจ้าเป็นตัวแทนฝั่งกินเนื้อในป่า ความจริงน่าจะเข้าใจมากกว่าว่าสัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินหญ้า ใครมีแรงเยอะกว่า”

พอกล่าวคำพูดนี้ออกไป ราชาหมีดำกับราชาเสือต่างไร้คำพูดโต้ตอบ

ราชาเสือคิดเถียง แต่พอคำพูดมาถึงมุมปาก กลับพูดอะไรไม่ออก อย่าว่าแต่ช้างหรือยีราฟเลย ต่อให้เป็นควายป่า แค่ดูพละกำลังอย่างเดียว ก็แข็งแรงกว่ามันมากแล้ว

นอกจากตัวตนพิเศษอย่างมัน วัวป่าส่วนใหญ่ล้วนมีแรงเยอะกว่าเสือทั้งนั้น

ส่วนช้างก็ยิ่งแล้วใหญ่

“ดังนั้น…ลองดูหน่อยเถอะ…” ลู่เซิ่งยิ้มให้แก่ราชาสัตว์ทั้งสองตัวอย่างอ่อนโยน

……

หลายวันต่อมา

ลู่เซิ่งเคลื่อนร่างใหญ่มหึมาไปยังส่วนลึกของโบราณสถาน

ด้านหลังเขาคือระดับสูงของลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์

รอบๆ มีหัวหน้าลัทธิชิเอล นอกจากระดับสูงกินหญ้าเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีราชาสรรพสัตว์ที่มีสีหน้าเคารพเลื่อมใสอย่างราชาหมีดำกับราชาเสือเพิ่มมาสองตัว

เทียบกับหลายวันเมื่อก่อนหน้านี้ ขนาดร่างกายของพวกมันใหญ่ขึ้นไม่น้อย โดยขยายใหญ่ถึงสี่เมตรกว่าๆ แล้ว

หลังจากเติมด้ายกระตุ้นวิญญาณให้ พวกมันก็กลายเป็นผู้สนับสนุนที่ซื่อสัตย์ของหญ้าติดมันโดยสมบูรณ์

เป็นเพราะการล่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการต่อปริมาณอาหารของพวกมันได้

ลู่เซิ่งไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเดียว นอกจากเติมด้ายกระตุ้นวิญญาณให้แล้ว เขาก็เพียงชำระบัญชีให้พวกมีสติปัญญาอยางสัตว์ร้ายสองตัวเท่านั้น

ด้วยปริมาณอาหารที่พวกสัตว์กินเนื้อมีในตอนนี้ ถ้าหากกินเนื้อจนหมด ใช้เวลาแค่หนึ่งปี ป่าทั้งผืนก็จะไม่เหลืออะไร้ที่เลี้ยงพวกมันได้อีก

ปริมาณอาหารของพวกมันที่ได้รับการเติมเลือดลมจากด้ายกระตุ้นวิญญาณเพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่ากลัว

เป็นสิบกว่าเท่าของของเดิม

ต่อมาพวกระดับสูงทั้งหลายได้ทำตัวเป็นแบบอย่างและพยายามโน้มน้าวใจทั้งสองด้วยวิธีการต่างๆ นานา ยังมีฝูงสัตว์ร้ายบางส่วนที่กลับเนื้อกลับตัวอย่างเสือชีตามาเล่าประสบการณ์ให้ฟังอีก

หลังจากราชากระรอกฟาดราชาเสือเมื่อก่อนหน้าจนสลบเป็นครั้งที่สาม และราชาหมีดำถูกราชาวัวป่าสะบัดหางใส่จนปลิวและกระดูกหักทั้งตัว

ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งสองก็รับรู้ว่า หากยังไม่กินหญ้าอีก พวกมันก็จะตกสู่ชั้นต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างแท้จริง

ตอนนี้พวกมันสู้แรงของราชาหนูไม่ได้ด้วยซ้ำ

ดังนั้นหลังจากทั้งสองหยั่งเชิงเผ่าพันธุ์สิบกว่าเผ่าติดต่อกัน ก็พลันพบว่าตนเองใกล้จะตกสู่ชั้นกลางถึงชั้นล่างของห่วงโซ่อาหารแล้ว

หลังจากใคร่ครวญอย่างเจ็บปวด ในที่สุดราชาสัตว์ทั้งสองก็ตื่นรู้

ต่อจากนั้น ทั้งสองก็กลายเป็นหนึ่งในสาวกที่ซื่อสัตย์ที่สุดของลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงของด้ายกระตุ้นวิญญาณ

“ท่านปราชญ์จะไปที่ไหนหรือ โลกมนุษย์งั้นหรือ” ราชากวางคิดจะติดตามไปด้วย แต่เป็นเพราะคำสั่งของลู่เซิ่งเมื่อก่อนหน้านี้ มันจึงไม่กล้าไม่ทำตาม กีบเท้าที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรกว่าๆ ขูดดินอย่างกระสับกระส่ายโดยไม่รู้ตัว

“บางทีนะ ก่อนหน้านี้ท่านปราชญ์ตั้งใจถามข้าถึงสถานการณ์ทุกอย่างในโลกมนุษย์” ราชาหมีดำตอบเบาๆ

“ท่านปราชญ์…จะยังกลับมาไหม” มีสัตว์ตัวหนึ่งถามเสียงแผ่ว

หัวหน้าลัทธิชิเอลไม่ได้ตอบ มันเพียงเพ่งมองลู่เซิ่งที่ใหญ่ปานภูเขาซึ่งกำลังออกห่างไปเท่านั้น

“สถานที่ที่มีหญ้า ย่อมมีหญ้าศักดิ์สิทธิ์กำลังลุกโชน…นี่คือปณิธานของท่านปราชญ์…”

เสียงศรัทธาดังมาจากด้านข้างมัน

เป็นราชาเสือ

มันสวมเสื้อคลุมตัวยาวที่สานจากใบไม้ ร่างสูงห้าเมตรกว่าๆ ถูกปิดคลุมอยู่ในเสื้อคลุม ใบหน้าของมันซ่อนอยู่ในความมืดมิด ทำให้ไม่อาจเห็นสีหน้าของมันในตอนนี้

“ใช่แล้ว…ปณิธานแห่งหญ้าศักดิ์สิทธิ์…พวกเราจะสืบทอดต่อไป” ชิเอลพยักหน้าช้าๆ

เขตที่สี่ของนครตราชั่ง ถ้ำใต้ดิน

บนค่ายกลที่เกิดจากการรวมตัวของเส้นสายสีดำมากมาย ร่องแยกสีเทาค่อยๆ เปิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง

พรึ่บ!

แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมา แล้วทิ้งตัวลงบนพื้นรอบนอกค่ายกลอย่างแผ่วเบา กลายเป็นบุรุษหนุ่มที่มีปราณมารสีดำห่อหุ้มทั่วร่างคนหนึ่ง

แสงสีเขียวกะพริบขึ้นด้านหลังเขา ปรากฏกระต่ายเทาที่เหมือนกับพระพุทธรูปที่ยิ่งใหญ่มหึมา

‘ทนไม่ไหวแล้วๆ! ถึงแม้โลกในครั้งนี้จะเรียบง่าย แต่ถึงกับทำให้จุติเป็นกระต่าย มีตัวแปรซ่อนอยู่มากเกินไปแล้ว’ ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว พอสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่ใหญ่ขึ้นเท่าหนึ่ง ก็อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

ไม่มีใครชอบเป็นกระต่าย เขาก็เหมือนกัน

หลังจากสะสางผลกรรมความปรารถนาเรียบร้อย เขาก็เรียกร่างหลักออกมาเพื่อกระตุ้นให้พลังกีดกันของโลกใบนั้นช่วยให้ตนหลุดออกมาในทางอ้อมทันที

การรวมผืนป่าเป็นหนึ่งและทำให้ป่าสงบสุข รวมถึงทำให้ทุกคนกินหญ้าด้วยกัน เขาได้ทำไปหมดแล้ว ลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์เป็นหัวใจหลักที่เขาก่อตั้งขึ้น

ลัทธิอันงมงายที่ฟังคำสั่งเขาโดยสมบูรณ์นี้มีตัวตนเหี้ยมหาญที่มีพลังและศักยภาพไม่เลวอยู่ด้วย

อย่างเช่นราชาหมีดำ ราชาเสือ และราชาจระเข้

โดยเฉพาะราชาจระเข้ หลังจากกลายเป็นสาวกผู้ศรัทธาแล้ว ในการผสมด้ายกระตุ้นวิญญาณ หากเป็นสัตว์ตัวอื่นผสมแค่เส้นเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่มันถึงกับผสมตั้งสามเส้น

ขนาดร่างกายของมันใหญ่โตที่สุดในบรรดาสัตว์ที่เปลี่ยนมากินหญ้า โดยยาวถึงยี่สิบกว่าเมตร สูงถึงห้าเมตร ขอแค่ใส่วิชาเยื่อดำเข้าไปอีก ก็จะกลายเป็นกำลังรบที่เทียบเคียงได้กับระดับผู้ถืออาวุธทันที

‘จดบันทึกโลกใบนี้เอาไว้ก่อน ครั้งหน้าอาจจะยังมีประโยชน์อยู่’

ลู่เซิ่งพ่นลมหายใจออกช้าๆ และเริ่มตรวจสอบผลลัพธ์จากการจุติครั้งนี้

‘จิตวิญญาณใหญ่ขึ้นสามส่วน ของส่วนหนึ่งที่เจอในโบราณสถานแห่งนั้นถูกกระแสวังวนมิติเวลาป่นเป็นผงไปหมดแล้ว เหลือแค่ตัวอย่างเลือดของร่างหลักที่บ่มเพาะที่นั่นเท่านั้น’

เขาไม่สามารถนำร่างของกระต่ายที่ใหญ่ถึงแปดสิบกว่าเมตรมาด้วยได้ เพราะไม่มีความสามารถย่อส่วน ด้วยความจนปัญญา ลู่เซิ่งเลยได้แต่สูบเลือดทั้งหมดออกมาหลอมเป็นไข่มุกเลือดเม็ดหนึ่ง แล้วพกติดตัวก่อนจะจากมา

จากนั้นก็เผาซากศพทั้งหมดทิ้ง

ลู่เซิ่งอ้าปากและแลบลิ้นยาวออกมา พร้อมกับแผ่ลิ้นที่ม้วนไว้ออก เผยให้เห็นไข่มุกเลือดสีแดงก่ำที่ซ่อนอยู่ด้านในสุด

ไข่มุกเลือดเป็นสีแดงเข้ม แต่ผิวมีลวดลายสีเขียวหลายสาย ทั้งยังมีกลิ่นหอมของหญ้าเข้มข้นยามดมดู

‘เอามาใช้เสริมเลือดลมได้โดยตรง’ ลู่เซิ่งม้วนไข่มุกเลือดเข้าปากอีกรอบ ก่อนจะกลืนลงไป

ไม่นานเลือดลมอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มทะลักไหลเข้าไปในร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง เลือดลมของกระต่ายสีเทายิ่งใหญ่จนถึงขีดจำกัดที่โลกใบนั้นรองรับไม่ได้แล้ว

พอกลืนลงไป ลู่เซิ่งก็สัมผัสได้ทันทีว่าร่างและผิวหนังเริ่มร้อนขึ้น

ด้ายกระตุ้นวิญญาณเส้นใหม่ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มเกิดขึ้นมาด้วยความเร็วสูง และเติมเต็มช่องว่างของด้ายกระตุ้นวิญญาณที่เขามอบให้สัตว์ป่าเมื่อก่อนหน้านี้

ไม่นานก็เติมเต็มช่องว่างจนหมด เลือดลมที่ยิ่งใหญ่ไพศาลกลับถูกใช้ไปแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น ส่วนที่เหลือเริ่มหลอมรวมกลายเป็นด้ายกระตุ้นวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นด้ายกระตุ้นวิญญาณจำนวนมากก็ไหลเข้าไปในหลุมดำหลุมที่สองในสามขีดจำกัดใหญ่ด้วยการควบคุมของลู่เซิ่ง

หลุมดำหลุมแรกก่อกำเนิดสมบัติพิสดารที่ใช้ยกระดับได้ในเวลาสั้นๆ อย่างหัวใจแห่งโลหิตขึ้นมา

ลู่เซิ่งคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลุมดำหลุมที่สองจะให้กำเนิดอะไร

ด้ายกระตุ้นวิญญาณนับไม่ถ้วนทะลักเข้าไปในหลุมดำ แต่ก็ยังไม่อาจเติมเต็มได้เหมือนกับร้อยสายธารไหลลงสู่มหาสมุทร

ลู่เซิ่งยืนอยู่ในถ้ำอย่างสงบนิ่ง จากนั้นก็เดินไปยังห้องของตัวเองอย่างไม่รีบไม่ร้อนในตอนที่เลือดลมยังไม่ถูกใช้จนหมด

เดินตามทางเดินลงด้านล่าง ตัดทะลุห้องและโถงใหญ่ว่างเปล่าหลายแห่ง ไม่นานนัก ลู่เซิ่งก็เจอเสือดำกลายพันธุ์ที่ซ่อนอยู่ในชั้นที่ลึกที่สุด

ปีกข้างหนึ่งของเสือดำถูกฉีกออก ทั่วตัวมีแต่บาดแผลเต็มไปหมด ดวงตาข้างหนึ่งถูกควัก ขาหลังทั้งสองข้างโดนตัดขาด มันลากตัวมากับพื้นจนรอยเลือดแห้งไปแล้ว คิดว่ามันคงมารอที่นี่อยู่นานแล้วตอนที่ได้รับบาดเจ็บ

“เกิดอะไรขึ้น” ลู่เซิ่งกระจายจิตวิญญาณออกไปสัมผัสบริเวณรอบๆ

แมลงเม่าที่ปล่อยออกไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็หายไปด้วยเช่นกัน

“มีคน…มากวาดล้าง…ถูกข้าพบเข้า…” เสือดำตอบกระท่อนกระแท่น

“กวาดล้างหรือ” ลู่เซิ่งดวงตาเย็นเยียบลง

เขาได้เตรียมใจไว้แล้วตอนที่แสร้งทำเป็นโจรดักปล้นคนมีเงินระหว่างทาง เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาเร็วปานนี้

หนำซ้ำยังมาตอนที่เขาจุติพอดีอีก

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด