ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 619 สาวก (1)
บทที่ 619 สาวก (1)
แม้จะแค่สืบดู แต่พอคนส่วนใหญ่ได้ยินคำว่าจันทราแดง สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ไม่อาจล่วงเกิน โหดเหี้ยม เจ้าเล่ห์ ขุมกำลังยิ่งใหญ่ เหล่านี้ล้วนเป็นคำบรรยายและภาพประทับใจต่อจันทราแดง
สาวกจันทราแดงทุกคนต่างเป็นตัวแทนของความอันตราย กลอกกลิ้ง และมุ่งร้าย
เพื่อช่วงชิงทรัพยากรและผลประโยชน์ พวกเขาทำได้ทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการ
แม้สิ่งที่ได้ยินตลอดทางจะเป็นสถานการณ์ด้านลบต่างๆ ทว่าอย่างน้อยลู่เซิ่งก็สืบสถานการณ์ใหม่ได้เรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือ เหมือนว่าสาวกจันทราแดงจะแสวงหาเป้าหมายอย่างหนึ่ง การลุกไหม้แห่งนิรันดร์กาล
นี่เป็นสิ่งที่ชายชราซึ่งดวงตาข้างหนึ่งถูกแทนที่ด้วยเม็ดลำไยสีทองเข้มพูดถึงตอนรอข้ามค่ายกลส่งตัวพร้อมกับลู่เซิ่ง
“ต้นกำเนิดของสาวกจันทราแดงคือผู้ปกครองจันทราแดง และผู้ปกครองจันทราแดงก็มาจากสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ในจักรวาลนับไม่ถ้วน เหมือนจะมีขุมกำลังคล้ายๆ กันนี้เหมือนกับเขา พวกเขาต่างก็แสวงหาการลุกไหม้แห่งนิรันดร์กาลทั้งสิ้น” ชายชราเล่าช้าๆ “ข้าเคยพลิกดูเอกสารนับไม่ถ้วน จึงเข้าใจความหมายที่การลุกไหม้แห่งนิรันดร์กาลซ่อนไว้คร่าวๆ สิ่งใดจะลุกไหม้ไปได้ชั่วนิรันดร์ขณะปล่อยประกายแสงและพลังงานออกมา
“นั่นก็คือชีวิตนิรันดร์ ชีวิตคือการลุกไหม้ การลุกไหม้อันเป็นชั่วนิรันดร์หมายถึงชีวิตนิรันดร์ ชีวิตนิรันดร์…นี่จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาแสวงหา”
“ชีวิตนิรันดร์…”
ลู่เซิ่งพึมพำพลางนึกย้อนถึงคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ของชายชรา จากนั้นในตอนที่แสงสีขาวของค่ายกลส่งตัวสลัวลงเขาก็ยืนอยู่หน้าวังขนาดยักษ์สีแดงชาดแห่งหนึ่ง และสังเกตดูด้านใน
วังสีแดงกว้างใหญ่ไพศาล วังทั้งวังโล่งโจ้ง ไม่มีการประดับประดาหรือลวดลายใดๆ
เหมือนกับเสาศิลาสีแดงที่สูงมากกว่าร้อยหมี่หลายต้นเบียดติดกันอย่างแนบแน่น และเหมือนกับพิณท่อลม(ออร์แกน) สีแดง
ตั้งตรง แข็งแกร่ง แดงฉาน
วังตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าลู่เซิ่งอย่างเงียบๆ
อุณหภูมิร้อนเร่าอย่างน้อยห้าสิบกว่าองศาแผ่กระจายอยู่ในอากาศรอบๆ ความร้อนที่แห้งผากเดือดพล่านพร้อมกับสร้างวังวนบิดเบี้ยวที่โปร่งแสงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าขึ้นกลางอากาศ
‘ที่นี่ไม่มีคนหรือ’ ลู่เซิ่งสงสัยเล็กน้อย ตามเหตุผล สาวกจันทราแดงเป็นขุมกำลังที่มีจำนวนมากที่สุดในนครตราชั่ง ที่นี่เป็นจุดรับสาวกของผู้ปกครองจันทราแดง เหตุใดจึงไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย
เขาลังเลเล็กน้อย เดาว่าตนไม่เจอวิธีการเข้าออก
เหลียวมองดูค่ายกลส่งตัว ลู่เซิ่งเจอสัญลักษณ์สีแดงอันเล็กๆ บนนั้นอย่างรวดเร็ว
มันเป็นสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวสีแดง ในจันทร์เสี้ยวสลักคำว่า ‘หมุน’ เอาไว้
ลู่เซิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปกดบนสัญลักษณ์นี้เบาๆ
สัญลักษณ์สว่างขึ้นพริบตาหนึ่งก่อนจะดับลง
“มีคนใหม่มาอีกแล้วหรือ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลารับสาวกอย่างเป็นทางการ เวลาคือบ่ายสามโมง…” เสียงบุรุษที่เย็นชาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดังมาจากสัญลักษณ์
“บ่ายสามโมงหรือ เข้าใจแล้ว” ลู่เซิ่งพยักหน้าน้อยๆ
“หากอยากจะเข้าร่วมอย่างจริงใจ ให้เตรียมเงินน้ำแข็งไว้หนึ่งหมื่น รวมถึงเตรียมเซ่นสรวงอายุขัย” เสียงนั้นกล่าวต่อ
“เข้าใจแล้ว” ลู่เซิ่งตอบ
เสียงค่อยๆ หายไป
ลู่เซิ่งยืนอยู่ที่เดิมสักพัก จากนั้นก็เดินออกจากค่ายกลส่งตัวมานั่งลงบนที่ว่างด้านข้าง
นอกจากวังสีแดงแล้ว รอบๆ ก็คือป่าศิลาสีเทาหนาแน่นสุดลูกหูลูกตา
ท้องฟ้าเป็นสีเทา ผืนดินเป็นสีเทา ไม่มีเสียงนกหรือแมลงร้อง ราวกับทุกสิ่งคือความเงียบสงัด
นั่งขัดสมาธิอยู่สักพัก ไม่นานนักก็มีผู้บำเพ็ญข้ามมาถึงที่นี่ แต่ก็ข้ามจากไปอย่างรวดเร็ว
ที่นี่ไม่มีอะไรเลย ค่ายกลส่งตัวเองก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จึงมีไม่กี่คนที่ยินยอมรออยู่ที่นี่
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป มีคนที่มีบุคลิกไม่ธรรมดาอีกสองคนเข้ามาถึงที่นี่ แล้วหาที่ว่างรอคอยเหมือนกับลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งไม่พิจารณาคนอื่น หากก้มหน้าก้มตาปรับสภาพจิตของตัวเองเงียบๆ
รออยู่ราวหนึ่งชั่วยามกว่า
อยู่ๆ เสียงซี่ๆ ก็ดังแว่วมา จุดสีดำจุดหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นหน้าเสาศิลาอันเรียบเนียนของวังสีแดง ก่อนจะขยายใหญ่อย่างฉับพลัน
แคว่ก!
มิติถูกฉีกออก เผยให้เห็นร่องแยกสีเทา เป็นร่องแยกสีเทาที่สูงสามหมี่กว่าๆ
ขาสัตว์สีเทาที่หยาบใหญ่และหนักอึ้งข้างหนึ่งยื่นออกมาจากในร่องแยก ขาสัตว์เหมือนกับขาหน้าของกิ้งก่ายักษ์ มีนิ้วแค่สี่ข้าง พังผืดเชื่อมระหว่างปลายนิ้ว ผิวหนาและมีแต่รอยเหี่ยวย่น ให้ความรู้สึกทนทานและทรงพลัง
โครม!
ขาสัตว์วางลงบนพื้นอย่างมั่นคง ตามติดด้วยขาข้างที่สอง ขาข้างที่สาม…
ขาทั้งหมดหกข้างค่อยๆ คลานออกมา กิ้งก่ายักษ์สีเทาที่สูงห้าหมี่กว่าๆ ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าทุกคน
ตอนนี้เมื่อบวกรวมกับลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหน้าค่ายกลแล้ว มีคนแปลกหน้ามารออยู่สิบกว่าคน
บางคนเหมือนกับรู้จักกิ้งก่ายักษ์สีเทาตัวนี้ รีบลุกขึ้นและโค้งตัวคำนับอย่างเคารพ
บางคนจ้องมองอีกฝ่ายอย่างระวังตัว รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากแจ้งสถานะ
ลู่เซิ่งนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างสงบ
กิ้งก่ายักษ์ตัวนี้แลบลิ้นสีแดงอมเทา ดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่งฉายแววโหดเหี้ยมเกรี้ยวกราด
“ที่นี่คือดวงดาวนิลมรณะหมายเลขที่ 311 ในดาราจักรจันทราแดง จุดรับสมัครมีทั้งหมดห้าร้อยจุด พวกเจ้าถูกจัดสรรมาถึงที่นี่ได้ ช่างเป็นโชคที่ไม่เลวจริงๆ”
เสียงของมันแหบพร่าเล็กน้อย และเหมือนกับสตรีสองคนที่มีน้ำเสียงต่างกันพูดซ้อนกัน คนหนึ่งเสียงสูง คนหนึ่งเสียงต่ำ
คนสิบกว่าคนพลันทราบสถานะของกิงก่ายักษ์ พวกที่นั่งอยู่พากันลุกขึ้นและจ้องมองมันด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมกับรอคอยคำพูดต่อจากนี้
กิ้งก่ายักษ์ยิ้มๆ ทั้งยังทำหน้าเยาะเย้ยที่ซับซ้อนถึงขีดสุด
“ด้านในจันทราแดงไม่มีสถานะสูงต่ำรวยจน”
มันลากร่างกายมหึมาเดินวนรอบทุกคนอย่างอ่อนช้อย ขาขนาดใหญ่กลับไม่ส่งเสียงอะไรเลยยามเหยียบลงบนพื้นดิน
“ขอแค่เจ้ารวย! ขอแค่เจ้าสร้างคุณูปการที่มากพอให้แก่จันทราแดงของเรา!” กิ้งก่ายักษ์พูดเสียงดัง “ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังแบบไหน เป็นใคร มาจากเผ่าพันธุ์ใด เจ้าก็เข้าร่วมกับจันทราแดงและรับการถ่ายทอดจากผู้ปกครองได้ทั้งสิ้น”
“จันทราแดงอันยิ่งใหญ่มอบแสงสว่างแก่พวกเรา ภายใต้แสงจันทร์อันบริสุทธิ์นี้ พวกเราทุกคน ทุกชีวิต ต่างเสมอภาค! ต่างก็เป็นพี่น้อง! ต่างก็อาบอยู่ใต้แสงจันทร์เดียวกัน!” กิ้งก่ายักษ์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและคำรามเสียงต่ำอย่างคุ้มคลั่ง
“เอาละ สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว พวกเจ้าต่างก็ตัดสินใจแล้ว มอบเงินมาเถอะ จากนั้นก็มอบอายุขัย มองอะไร ใช่แล้ว มอบให้ข้า ใต้เท้าซีฝูอินที่ยิ่งใหญ่” กิ้งก่ายักษ์อ้าปากพ่นลมกระโชกออกมา เกือบทำให้ผู้คนที่อยู่ข้างๆ ค่ายกลส่งตัวล้มลง
ลู่เซิ่งเหลือบมองคนพวกนั้น ทางนั้นมีสองคนที่เป็นคนธรรมดา อย่างมากสุดก็มีการฝึกฝนสารกายอันเบาบางอยู่นิดหน่อยเท่านั้น คาดว่าพลังฝึกปรือแค่นี้คงได้มาจากการใช้ยา
“พวกเราจะรับประกันได้อย่างไรว่า หลังจากมอบเงินและอายุขัยให้แล้ว จะได้เข้าร่วมจันทราแดงจริงๆ” ชายชราอายุมากซึ่งสองขาบวมพองผิดรูปเล็กน้อยเอ่ยถาม
“ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้พวกเจ้า” กิ้งก่ายักษ์ซีฝูอินเผยบาดแผลที่พึ่งสมานตัวในรูปจันทร์เสี้ยวด้านหน้าทรวงอกบนร่างที่สูงเหลือประมาณ
ด้านในปากแผลมีประกายโลหิตบางเบากะพริบอยู่ รอบๆ ใช้ด้ายสีดำเย็บเอาไว้
“นี่คือสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสาวกจันทราแดง เมล็ดพันธุ์แห่งสายน้ำแดงชาด เอาละ เริ่มสมัครได้!”
กิ้งก่ายักษ์อ้าปาก ลิ้นม้วนเอาม้วนกระดาษสีเทาอ่อนกองหนึ่งออกมาจากในช่องปากแล้วโยนลงบนพื้น
“ถ้าคิดดีแล้ว ให้เก็บม้วนกระดาษไปลงชื่อและลงรอยนิ้วของตัวเอง สัญญาจะสำเร็จลงด้วยตัวมันเอง”
จากนั้นก็มีคนสองคนเข้าไปเก็บม้วนกระดาษมาคลี่ดูทันที
ลู่เซิ่งเข้าไปเก็บม้วนกระดาษขึ้นมาคลี่อ่านเช่นกัน เนื้อหาเหมือนกับสิ่งที่กิ้งก่ายักษ์พูด ไม่มีการเล่นลูกไม้ใดๆ
เขากดนิ้วมือลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเขียนคำว่าลู่เยวี่ยอันเป็นชื่อปลอมของตัวเอง
ม้วนกระดาษไม่ตอบสนอง
ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว แล้วเปลี่ยนเป็นลู่เซิง แต่ยังคงไม่มีการตอบสนอง
ด้วยความจนปัญญา เขาจึงได้แต่เขียนตามจริงว่าลู่เซิ่ง จากนั้นลบชื่อทั้งหมดที่เขียนลงไปก่อนหน้าทิ้ง
ครั้งนี้ม้วนกระดาษพลันลุกไหม้ พริบตาเดียวก็กลายเป็นฝุ่นสีดำโปรยปราย
พริบตาที่ม้วนกระดาษลุกไหม้เสร็จ ตรงหน้าเขาก็พร่ามัว สภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชั่วอึดใจ
เมื่อครู่ยังอยู่ข้างค่ายกลส่งตัวหรือด้านหน้ากิ้งก่ายักษ์ วินาทีต่อมา กลับมาถึงในทางเชื่อมสีดำอมเทาที่โค้งงอ
ลู่เซิ่งมองด้านหลัง ด้านหลังมืดสนิท ไม่มีอะไรสักอย่าง ด้านหน้าเป็นทางเชื่อมล้ำลึกที่ไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ผนังและพื้นเป็นโลหะแวววาว เขากระจายจิตวิญญาณออกไป กลับไม่อาจตรวจสอบสถานการณ์ใดๆ ได้
ลู่เซิ่งนิ่วหน้า นับตั้งแต่มาถึงนครตราชั่ง เขาก็อาศัยการตรวจสอบด้วยจิตวิญญาณแบบดั้งเดิมมาโดยตลอด แต่ไม่อาจตอบสนองความต้องการในการตรวจสอบในยามปกติของเขาได้อีกแล้ว
ที่นี่มีวิธีการป้องกันสภาพดั้งเดิมของจิตวิญญาณของเขามากมาย
“ยินดีต้อนรับสู่เส้นทางบรรยายกฎ” มนุษย์เหล็กที่ประกอบจากโลหะสีดำคนหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากพื้นด้านในทางเชื่อม
“ต่อจากนี้ข้าจะปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งสายน้ำสีชาด รวมถึงถ่ายทอดกฎแห่งจันทราแดงให้ท่าน ถ้าท่านมั่นใจในตัวเอง จะเลือกปฏิเสธการถ่ายทอดกฎแห่งจันทราแดงก็ได้” มนุษย์เหล็กกล่าวอย่างเรียบเฉย “แน่นอนว่า กระบวนการปฏิเสธเจ็บปวดอย่างยิ่ง ถึงขั้นยังเผชิญการคุกคามถึงตายด้วย ทว่าภายใต้การส่องสว่างจากแสงแห่งจันทราอันยิ่งใหญ่ ช่วงนี้ข้ากำลังสร้างของขลัง แต่ขาดวัตถุดิบหายากบางส่วน ถ้าหากท่านช่วยข้าได้สักหนึ่งหมื่นเงินน้ำแข็ง การทดสอบอะไรล้วนไม่มีปัญหา” มนุษย์เหล็กพลันเปลี่ยนมาเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทันที
“ไม่มีปัญหา!” ลู่เซิ่งมีเงินน้ำแข็งอยู่แสนกว่า ซึ่งได้จากการขูดรีดผู้ป่วยโรคเรื้อรังเหล่านั้น ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการใช้พอดี
เขาเดินเข้าไปมอบป้ายเงินน้ำแข็งที่สลักดอกไม้สีขาวหยกให้แก่อีกฝ่าย
นี่เป็นป้ายบุปผาเงินน้ำแข็ง หนึ่งชิ้นหมายถึงหนึ่งหมื่น
พอมนุษย์เหล็กรับป้ายไป สีหน้าก็อ่อนโยนลงกว่าเดิมทันที
“ช่างเป็นพี่น้องที่ใจว้างนัก จันทราแดงชอบพี่น้องที่ใจกว้างอย่างท่านนี่แหละ”
“มา มาเลือกตำแหน่งที่ท่านอยากเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งสายน้ำสีชาดเลย ตำแหน่งไหนก็ได้ ท่านวางใจ ระดับหนึ่งหมื่นไม่เจ็บไม่ปวดเลย นอกจากนี้ท่านไม่ต้องฟังกฎแห่งจันทราแดงก็ได้! สามารถรอการแจ้งเตือนจากเมล็ดพันธุ์แห่งสายน้ำสีชาดในอีกสองวัน แล้วไปพบผู้ปกครองจันทราแดงได้โดยตรงเลย” มนุษย์เหล็กมีน้ำใจขึ้นทันตา
ความจริงกฎแห่งจันทราแดงเป็นการทรมานชนิดหนึ่งซึ่งใช้ทดสอบพลังใจ ด้านในแฝงระเบียบวินัยของพวกสาวกจันทราแดงไว้มากมาย
แต่ว่าหลังจากลู่เซิ่งจ่ายเงิน ระเบียบวินัยพวกนี้ก็ไม่สำคัญอีก เมื่ออยู่ในจันทราแดง ใครมีเงินคนนั้นเป็นเจ้านาย ไม่มีเงินก็จงตกลงนรกไป
ลู่เซิ่งสัมผัสจุดนี้ได้อย่างชัดเจน
เส้นทางการบรรยายกฎผ่อนคลายยิ่ง ถึงขั้นที่มนุษย์เหล็กยังพาเขาเข้าชมคนใหม่ที่กำลังรับการทดสอบการบรรยายกฎด้วย
พอเห็นคนใหม่ที่ทุกข์ทรมานเหล่านั้น มนุษย์เหล็กถึงขั้นให้ลู่เซิ่งเข้าไปลองปรับความแรงและความถี่ของการบรรยายกฎต่อคนใหม่เหล่านี้ดู
ขณะมองดูคนใหม่เหล่านั้นเจ็บปวดเจียนตายด้วยการควบคุมของตัวเอง ลู่เซิ่งก็สัมผัสได้อย่างเต็มเปี่ยมถึงประโยคที่ว่า เงินคือทุกสิ่ง
การเปรียบเทียบที่ชัดเจนนี้ทำให้เขาเข้าใจว่า เหตุใดสาวกจันทราแดงจึงมองทุกอย่างเป็นเงินไปหมด
……………………………………….
Comments