ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 875 ปกครอง (1)
ตูม!
ในที่สุดร่างเทพนอกรีตตนหนึ่งก็ระเบิดกลายเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดขนาดเล็กๆ นับไม่ถ้วน ทะลักเข้าหาลู่เซิ่งอย่างมืดฟ้ามัวดิน หมายจะใช้กลยุทธ์คลื่นคนรุมโจมตีลู่เซิ่ง
เทพนอกรีตตนหนึ่งพ่นของเหลวกับใยแมงมุมออกมาทั่วอวกาศ เทพนอกรีตตนหนึ่งกราดพ่นลำแสงที่เหมือนกับลูกศรนับไม่ถ้วนใส่ลู่เซิ่งด้วยจำนวนมหาศาล
“ฮ่าๆๆๆ!” ลู่เซิ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดาบสิบกว่าคู่ในมือแทบกลายเป็นเงาหลายสาย เงาทุกสายต่างมีพลังน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นสามารถใช้ทะลวงดวงดาวได้ทีเดียว
ระหว่างที่เงาดาบกรีดใส่ ทุกๆ สิ่งกลายเป็นความว่างเปล่า เมื่อโดนร่างเทพนอกรีต สิ่งที่ตามมาก็คือเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดและโกรธแค้น
เทพนอกรีตพวกนี้ถนัดอาคมแทบทุกตัว อาคมทุกอาคมมีอานุภาพสูงสุดขีด มากพอจะทำลายดาวเคราะห์ได้ แต่เมื่อไล่ตามลู่เซิ่งไม่ทันก็ไร้ความหมาย
การรุมโจมตีของพวกมันเป็นเพียงเรื่องน่าขันสำหรับลู่เซิ่งเท่านั้น กระแสอนุภาคจำนวนมากวนเวียนรอบตัวเขา เพียงฟันใส่หนึ่งดาบ กระแสอนุภาคจะกลายเป็นพายุพุ่งออกไป
สิ่งกีดขวางทั้งหมดในอวกาศถูกกระแสอนุภาคที่มีพลังกระแทกอันน่ากลัวชนใส่จนกระจัดกระจาย
เทพนอกรีตหลายตนพ่ายแพ้ติดต่อกัน แม้แกนหลักของพวกมันจะอยู่ในส่วนลึกของห้วงความว่างเปล่า จึงไม่มีวันตาย ณ ที่แห่งนี้ แต่แกนกลางก็เสียหายอย่างสาหัส
เลือดเนื้อนับไม่ถ้วนรวมตัวกันกลางอวกาศกลายเป็นกรงเนื้อขนาดมหึมา เทพนอกรีตที่เหลืออยู่ถูกขังไว้ข้างใน
ลู่เซิ่งเคลื่อนย้ายอยู่ด้านในอย่างรวดเร็ว ร่างกายอันมหึมาของเทพนอกรีตหลายตนแหลกสลายภายใต้คมดาบของเขา ทำอะไรเขาไม่ได้ทั้งสิ้น
กระแสดาบอากาศสีเทารวมตัวกันกลางอวกาศ อนุภาคสีรุ้งจำนวนมากวนเวียนอยู่รอบคมดาบ เหมือนกับแต่งแต้มเติมสีสันให้กับมัน
ฉัวะ!
ร่างจริงของเทพนอกรีตสองตนถูกหนึ่งดาบฟันเป็นหลายท่อน ก่อนจะระเบิดออก
“ซีร์”
เทพนอกรีตที่เหลืออยู่คำราม
“เจ้ายังไม่ลงมืออีก ฆ่ามันซะ! กลืนกินมันซะ! เจ้าย่อมไปถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่”
ฉัวะ!
ประกายดาบวาดผ่าน ทำให้มิติอวกาศบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เทพนอกรีตที่ร้องคำรามสองตนถูกฟันตัวขาดสะพายแล่งไปถึงเท้า
ร่างกายของพวกมันราวกับถูกพลังอันมหาศาลที่มองไม่เห็นจับไว้แล้วฉีกทึ้ง ออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยส่งเสียงร้องโหยหวน
ลู่เซิ่งลอยอยู่กลางอวกาศ แขนนับไม่ถ้วนข้างลำตัวถือดาบอากาศสีขาวไว้แน่นขนัด มองไปไกลเหมือนกับปีกสีขาวขนาดมหึมาสองคู่
ดาราจักรที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆ หมุนวน แสงดาวในดาราจักรถูกย้อมเป็นสีม่วงอย่างเชื่องช้า
ลู่เซิ่งมองไปยังดาราจักรแห่งนั้น เขายืนอยู่บนตัววาเลียน เทพนอกรีตปลาวาฬที่สู้กับพันเทวะเมื่อครู่
เทพนอกรีตที่โผล่มาเป็นตนแรกตนนี้มีพลังแข็งแกร่งและพิสดารที่สุด ถูกเขาสังหารมาสามรอบ จนต้องฟื้นฟูด้วยความเร็วสูง ตอนนี้ถูกเขาจับไว้ ขณะกำลังจะฆ่าอีกหนหนึ่ง กลับต้องหยุดลงเพราะการหมุนวนของดาราจักรที่อยู่ไกลออกไป
“ซีร์? หมายความว่าเจ้าเป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกมันใช่ไหม” ลู่เซิ่งสะบัดเลือดบนดาบทิ้ง เลือดของเทพนอกรีตนับไม่ถ้วนเดือดพล่านรอบตัวเขา หมายจะกัดกร่อนร่างหลักของเขา แต่ก็ถูกสนามพลังไร้รูปร่างกันออกไปโดยอัตโนมัติ
“ข้าก็แค่นึกสงสัยเท่านั้น…” แสงสีม่วงเข้มหลายสายเบ่งบานออกมาจากดาราจักรไกลออกไปอย่างเชื่องช้า แสงสว่างรวมตัวเป็นมนุษย์รูปงามสูงกว่าห้าเมตรตรงเบื้องหน้าลู่เซิ่ง
นั่นคือร่างของสตรีผิวขาวบริสุทธิ์มีแขนสี่ข้าง เธอสวมเกราะงามประณีตสีดำสนิทฉลุลายอย่างดุร้าย ด้านหลังมีโลหะขนาดยักษ์เหมือนกางเขนลอยอยู่ คล้ายกับเครื่องประดับและอาวุธ
สิ่งที่ทำให้คนตกใจก็คือสองตาของเธอ
กาแล็กซี รูโหว่ ความว่างเปล่า และความยิ่งใหญ่หมุนวนอยู่ในดวงตาของเธอ ราวกับในร่างของเธอบรรจุดาราจักรทั้งหมดไว้
เมื่อมองไปด้านในดวงตาของเธอ จะเห็นดาราจักรขนาดมหึมากลุ่มหนึ่ง หมุนวนและกะพริบแสงอยู่กลางเขตมืดมิดของอวกาศอันไกลแสนไกล
“ข้าก็แค่นึกสงสัย…ว่าเจ้ามาจากที่ใด ความรู้ของเจ้า…ไม่อาจบันทึกได้…ทุกสิ่งของเจ้า…ข้าไม่เจอกฎเกณฑ์ใดๆ” ซีร์ตอบอย่างราบเรียบ
“จากนั้นเล่า” ลู่เซิ่งยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าไม่อยากฆ่าข้าแล้วหรือ ข้าฆ่าสหายของเจ้าไปตั้งมากมาย”
“พวกเขาไม่มีทางตาย” ซีร์เอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้าคือเทพแห่งการบันทึก การเคลื่อนไหวของดาราจักร การเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง ล้วนเป็นร่องรอยของข้า แกนหลัก ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะครอบครองได้ จงมอบให้ข้าเสีย แล้วข้าจะมอบของชดเชยในระดับเดียวกันให้” นางเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“พูดง่ายจริง แล้วถ้าข้าไม่มอบให้เล่า” ลู่เซิ่งยิ้มเย็นชา
อวกาศพลันเงียบสงัด
ตูม!
แทบจะเป็นในชั่วเสี้ยววินาที ระหว่างหน้าอกกับท้องของลู่เซิ่งยุบจมลงไป
ตัวเขาเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ โดนพลังกระแทกอันยิ่งใหญ่ชนใส่ช่องท้อง ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
พลังกระแทกมหาศาลชนจนเขากระเด็นไปด้านหลัง
“ข้าจะบันทึกชีวิตของเจ้า จนกระทั่ง…ตาย” ซีร์ยกมือขึ้น ร่างพลันหายวับ แล้วปรากฏตัวในอวกาศด้านหลังลู่เซิ่ง
การเคลื่อนไหวของเธอว่องไวสุดขีด สี่แขนกลายเป็นเงาสี่สาย ฟาดใส่ร่างลู่เซิ่งอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ทุกการโจมตีแผงไปด้วยพลังอันน่ากลัวชนิดที่สามารถทะลวงดาวเคราะห์ได้อยู่อีกด้วย
ตูมๆๆๆ!
เสียงกระแทกที่ดังสนั่นลอยมาจากบริเวณรอบข้างอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของลู่เซิ่งถูกโจมตีอย่างน้อยหลายหมื่นครั้งในไม่กี่วินาทีสั้นๆ
ความสามารถในการฟื้นฟูอันร้ายกาจของเขาคิดจะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ถูกพลังอันมหาศาลฉีกทึ้งอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
เขาคิดจะตอบโต้ แต่พลังกระแทกที่ส่งมาอย่างต่อเนื่องได้กระแทกพลังที่เขาสร้างขึ้นจนสลายไป
ตูม!
ลู่เซิ่งพุ่งเข้าไปในดาวเคราะห์ดวงเล็กที่กำลังหมุนอยู่ทางซ้ายของโลก
คลื่นทรายสูงใหญ่ที่เหมือนกับคลื่นทะเลกระเซ็นขึ้นมาบนผิวดาวเคราะห์ขมุกขมัว ถัดจากคลื่นทรายสูงหลายพันเมตร มีหลุมอันน่ากลัวที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายหมื่นเมตรก็ปรากฏขึ้นในพริบตา
ซีร์ค่อยๆ ชักมือกลับ
“ความตายของเจ้าเป็นสิ่งที่ชะตาชีวิตกำหนดไว้แล้ว ถึงดิ้นรนไปก็ไร้ความหมาย”
“ข้าขอบันทึกว่า ร่างเทพของเจ้าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ บาดแผลที่หนึ่งยาวตั้งแต่หัวจรดอวัยวะเพศ ร่างกายแยกเป็นหกส่วน”
เธอยกมือขึ้น ดาบยาวขนาดใหญ่สีดำสนิทเปล่งแสงสีม่วงเล่มหนึ่งรวมตัวขึ้นกลางฝ่ามือ
ฟ้าว!
จากนั้นเธอก็ฟันดาบลงไป
ดาวเคราะห์ดวงเล็กทั้งดวงถูกหั่นครึ่งแยกจากหนึ่งเป็นสอง แล้วระเบิดอย่างไร้สุ้มเสียงใดๆ
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน ซีร์ฟันอีกสองดาบดุจสายฟ้าฟาด สามดาบพาดเกี่ยวกันเป็นรูปทรงประหลาด
ตูม!
ดาวเคราะห์ที่ถูกหั่นเมื่อครู่โดนฟันออกเป็นหกส่วน ฝุ่นผงสีเทากับเศษชิ้นส่วนกลายเป็นธุลีอวกาศสีเหลืองที่ขมุกขมัวผืนใหญ่ หลังจากการระเบิดของแกนดาว
ซีร์ผุดสีหน้าสงบนิ่ง ขณะสั่นสะเทือนพลังเทพกลายเป็นพายุ พัดพาธุลีด้านหน้าจนกระจัดกระจาย
ทว่าด้านในธุลีว่างเปล่า ลู่เซิ่งที่เมื่อกี้ยังอยู่ได้หายตัวไปแล้ว
“ข้าขอบันทึกว่า บาดแผลที่สองจะทะลุศีรษะจากซ้ายไปขวา อาวุธแห่งแสงทะลวงหว่างคิ้วทะลุออกหลังท้ายทอย”
เธอตะปบสองมือเป็นครั้งที่สอง แสงสว่างแหลมคมสว่างไสวราวกับคริสตัลสีม่วงสายหนึ่ง ปรากฏขึ้นกลางความว่างเปล่า
เธอถือหนามแหลม แล้วปาออกไป
หนามแหลมสีม่วงเจาะทะลวงมิติ ก่อนจะหายไปจากที่เดิม
ในอวกาศที่อยู่ไม่ไกลออกไปพลันมีเสียงระเบิดดังมา
หนามแหลมสีม่วงปกคลุมอวกาศที่เศษธุลีผืนนั้นอยู่ การระเบิดอันรุนแรงกระจายแสงสีม่วงเข้มข้นออกไป ส่องสว่างมุมทุกมุมของมิติผืนนี้
“ข้าจะขอบันทึกว่า จิตวิญญาณสุดท้ายของเจ้าจะถูกดึงออกมา กลายเป็นพายุแห่งจักรวาล หมุนวนรอบดาวต้นกำเนิดชั่วนิรันดร์” ซีร์กางแขนอีกรอบ ไม้กางเขนสีดำขนาดยักษ์ด้านหลังมีเถาวัลย์โลหะสีเทากลุ่มใหญ่ค่อยๆ เลื้อยขึ้นมา
เถาวัลย์ทุกเส้นกระจายเส้นแสงสีม่วงเล็กๆ ด้านในเส้นแสงหลายสายพวกนั้นมีอักขระลี้ลับที่เดี๋ยวรวมตัวเดี๋ยวสลาย
อักขระพวกนี้กำเนิดขึ้นตลอดเวลา และสลายไปทุกวินาทีเช่นกัน ชีวิตของพวกมันมีเพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆ แต่เสี้ยววินาทีสั้นๆ นี้ กลับสามารถกำหนดการเปลี่ยนแปลงของวงแหวนเวทประหลาดที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมากได้
“ไปเถอะ” ซีร์ไม่พบร่องรอยของลู่เซิ่ง แต่เธอไม่ต้องตามหา พลังเทพของเธอย่อมเกาะติดบนร่างอีกฝ่ายตามคลื่นพลังกับจิตวิญญาณ
นี่คือการโจมตีข้ามมิติ ไม่อาจหลบพ้น
ไม้กางเขนหายไปอย่างฉับพลัน กลายเป็นทรายเล็กๆ สีม่วงนับไม่ถ้วน
ไม่นานนัก ทรายเล็กๆ นับไม่ถ้วนก็รวมตัวเป็นกลุ่ม ตรงกลางค่อยๆ แยกออก เผยให้เห็นศพของลู่เซิ่งที่มาตอนไหนก็ไม่ทราบ
เขาเป็นเหมือนที่เธอบันทึกไว้จริงๆ ร่างถูกแยกเป็นหกส่วน ศีรษะถูกคมแสงสีม่วงเจาะทะลุจากคิ้วไปถึงท้ายทอย
“จบแล้ว” ซีร์หรี่ตาเล็กน้อย
เปรี้ยง!
ร่างลู่เซิ่งระเบิดกลายเป็นทรายเล็กๆ โปร่งแสงนับไม่ถ้วน ก่อนจะถูกทรายสีม่วงห่อหุ้ม ลอยไปยังทางโลก
“นี่คือจุดจบ ผู้หยามเทพจะพินาศในที่สุด แม้แต่จิตวิญญาณก็ไม่อาจคงอยู่ได้อีก” เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เสียงดังก้องไปถึงด้านในมหาวิทยาลัยมิสกาที่อยู่บนโลก
เหมือนกับกำลังพูดให้ตัวตนลึกลับบางอย่างได้ยิน
“บัดนี้…จงสลายไปเสีย…” เธอยกมือขึ้นชี้ทรายสีม่วงที่กำลังเริงระบำกลุ่มนั้น
ทราย “…”
“จงสลาย…” ซีร์ชี้อีกรอบ
ทราย “…”
“…” ซีร์เผยสีหน้าไร้อารมณ์ แสงสีรุ้งหลายสายค่อยๆ ลอยขึ้นจากร่าง
เธอชี้ไปทางทรายอีกรอบ
“ด้วยนามของซีร์ จงสลายไปเสีย!” เสียงของเธอดังขึ้นอย่างเลือนราง
ทรายหมุนวนต่อไป ไม่ขยับแม้แต่น้อย…ถึงขั้นตรงกลางมีฟองผุดออกมาสองฟอง แล้วระเบิดดังโผละๆ
“…” ดวงตาของซีร์พลันเหี้ยมเกรียมขึ้น
“โลกใบนี้…กำลังรองรับข้า…” เสียงของชายที่คุ้นเคยกระเพื่อมออกมาจากด้านในทรายสีม่วงอย่างเชื่องช้า
ลมไร้รูปร่างกระจายไปทั่วอวกาศ ทรายสีม่วงกระจัดกระจายเริงระบำ ก่อนจะรวมตัวกลายเป็นยักษ์ร่างมโหฬารที่สูงมากกว่าพันเมตรตนหนึ่ง
ผิวของยักษ์ถูกทรายสีม่วงปกคลุม ด้านในร่างมีวัตถุลึกลับล่องหนชนิดหนึ่งกำลังไหลเวียน
ใบหน้าของยักษ์เป็นใบหน้าของลู่เซิ่งเช่นก่อนหน้านี้
ซีร์เบิกตากว้าง ทั้งที่คนตรงหน้าเพิ่งถูกเธอดึงจิตวิญญาณออกมาบดขยี้เป็นผุยผงแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้…
“เจ้า…!?”
สีหน้าเธอแข็งทื่อ ขณะกำลังจะเอ่ยปากถาม
ตูม!
ฝ่ามือยักษ์สองข้างในอวกาศประกบเข้าด้วยกันจากด้านข้างอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น บีบเธอไว้ตรงกลาง
พลังที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวปกคลุมซีร์ไว้กลางฝ่ามือได้ในพริบตา
“บังอาจ!” แสงสีม่วงสายหนึ่งทะลวงฝ่ามือยักษ์ออกมา ฝ่ามือและแขนสองข้างถูกฉีกทำลาย
แสงสีม่วงจำนวนมากไต่ขึ้นบนร่างยักษ์อย่างรวดเร็ว พลังเทพแห่งการทำลายล้างนับไม่ถ้วนทำให้ร่างยักษ์แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
เพียงแต่ฝุ่นผงหมุนกลางอวกาศรอบหนึ่ง แล้วรวมตัวเป็นร่างยักษ์ของลู่เซิ่งในอีกเขต
เปรี้ยง!
เขาฟาดฝ่ามือใส่ข้างลำตัวซีร์ที่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง
Comments