ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 944 ก่อนเหตุการณ์ (2)
ยมโลก
“อะไรนะ!? อุทยานสวรรค์ถูกราชาของเผ่าหงส์เพลิงถล่มหรือ!?” ร่างขนาดมโหฬารของหมิงเหอ ที่นั่งอยู่บนผิวทะเล ตกใจจนตัวสั่น เบิกตาโต
ไม่ไกลออกไปคือคุนเผิงที่เพิ่งจะรักษาท่อนล่างได้ ลอยอยู่กลางอากาศ
เวลานี้คุรุปีศาจผู้นี้ผุดสีหน้าอึมครึม ไม่มีความทะนงตนที่เหมือนมีเหมือนไม่มีสมัยอยู่ที่อุทยานปีศาจเหลืออีกแล้ว
“ถูกต้อง จักรพรรดิสวรรค์กับตี้ซวินพ่ายแพ้พร้อมกัน ซีเหอได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้พวกพระองค์ถูกเผ่าเวทไล่ล่า เอาตัวเองไม่รอด ส่วนเทพปีศาจที่เหลือส่วนใหญ่ถูกราชาหงส์เพลิงลู่เซิ่งใช้วิชาลับควบคุมไว้ ตอนนี้อุทยานสวรรค์อยู่ในการปกครองของเผ่าหงส์เพลิง แม้แต่การบุกรุกของเผ่าเวทเมื่อก่อนหน้าก็ถูกลู่เซิ่งนั่นโจมตีกลับมา”
พอนึกถึงแสงสีดำน่าสะพรึงที่ปล่อยออกมาในพริบตาสายนั้น คุนเผิงก็ยังหวาดกลัวไม่หาย
แสงชนิดนั้นราวกับบดขยี้ทุกอย่างและทำลายโครงสร้างวัตถุทั้งมวลได้ แม้แต่เส้นขนอันแข็งแกร่งที่เขาภาคภูมิใจก็ป้องกันได้ไม่กี่น้ำ
“ลู่เซิ่ง…” หมิงเหอพลันนึกถึงหงส์เพลิงที่เคยเกิดความขัดแย้งกับตนตัวนั้น หรือจะเป็นมัน
“ตอนนี้ข้าไม่มีที่ไป ได้แต่มาหวังพึ่งสหายเก่าท่านแล้ว” คุนเผิงมองหมิงเหออย่างจนใจ
สหายเก่าคนนี้เคยเลียนแบบหนี่ว์วาในการสร้างมนุษย์บรรลุธรรม โดยสร้างเผ่าพันธุ์หนึ่งขั้นมา แล้วเรียกว่าอสูร
แต่เพราะทางด้านนี้ไม่ได้เก่งกาจเท่าหนี่ว์วา เผ่าพันธุ์ที่สร้างขึ้นมาจึงมีข้อบกพร่องแทบทั้งหมด ทั้งยังมีความสามารถสืบพันธุ์ไม่เพียงพอ
ตอนนี้กำลังขยายพันธุ์ในยมโลกอย่างช้าๆ
แต่ความได้เปรียบของหมิงเหอคืออยู่มานาน ดังนั้นเผ่าอสูรจึงให้กำเนิดมือดีไม่น้อย ถือว่ามีขุมกำลังยิ่งใหญ่
การสวามิภักดิ์กับยมโลกอย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่าสถานที่อื่น
“คุรุปีศาจกล่าวผิดแล้ว ยมโลกของข้ารกร้างกว้างขวาง การที่คุรุปีศาจมาอยู่ด้วย ย่อมเป็นความปรารถนาของข้า ทว่า…” หมิงเหอเปลี่ยนเรื่อง
“เหตุใดพวกมหาเทพตงหวงจึงได้พ่ายแพ้ง่ายขนาดนี้ นี่ไม่สมเหตุสมผลกระมัง”
คุนเผิงก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน ปะทะกันครั้งเดียว พอพบว่าเสียเปรียบก็ยอมแพ้ทันที เหมือนมหาเทพจะเป็นฝ่ายยอมทิ้งเองมากกว่า
“พวกเราสามารถจับมือกับสหายร่วมเส้นทางคนอื่นๆ มิสู้สร้างอุทยานปีศาจที่เหมือนกันขึ้นในยมโลก และต่อสู้กับอุทยานสวรรค์นั่น ราชาหงส์เพลิงนั่นก็แค่พวกพันธุ์ผสม กล้าดีอย่างไรตั้งตัวเป็นจักรพรรดิสวรรค์ อีกาทองสามขาเมื่อก่อนหน้ายังพอว่า อย่างไรก็เป็นผู้วิเศษสถาปนา แต่ราชาหงส์เพลิงตัวนี้ เหอะๆ” หมิงเหอความคิดแล่น หมายตาตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์มานานแล้ว
ตอนนี้มีโอกาสพอดี
คุนเผิงเห็นเหมือนกันว่านี่เป็นความคิดที่ดี ยมโลกกล่าวได้ว่าเป็นฐานทัพใหญ่ของบรรพชนหมิงเหอ ธารนรกไม่ดับสูญ เขาก็ไม่ตาย ไม่จำเป็นต้องกลัวสัตว์ประหลาดหนวดอมตะของอุทยานสวรรค์เลย
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้…”
ฟ้าว!
ยังไม่ทันขาดคำ แสงสีแดงเจิดจ้าสายหนึ่งก็พุ่งมาจากฟ้า ส่องยมโลกที่ดำสนิทให้เป็นสีแดงอ่อนๆ
แสงสีแดงนั้นเหมือนลูกศรดอกหนึ่ง และเหมือนเสาไฟต้นหนึ่ง แต่คล้ายรอยดาบสายหนึ่งมากกว่า
คุนเผิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างงงงวย
บรรพชนหมิงเหอหน้าเปลี่ยนสี สายตาจับจ้องแสงสีแดงสายนั้น
“นี่มัน…!?”
ฆ่า!
ทันใดนั้น ทัพปีศาจจากอุทยานสวรรค์ที่ขี่ลมปีศาจนับไม่ถ้วนก็พรั่งพรูออกมาจากแสงสีแดงเหมือนกับน้ำไหลหลาก
ทัพทหารจำนวนหลายล้านพุ่งมาดุจก้อนกรวด โถมตัวใส่แม่น้ำนรกที่ยิ่งใหญ่ไพศาลด้านล่างอย่างมืดฟ้ามัวดิน
กลางแม่น้ำนรกสีดำสนิทก็มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงแผดคำราม
ยักษ์ร่างบึกบึนที่มีผิวสีแดงเข้ม สวมเกราะศึกสีแดง และมีแขนหกข้างนับไม่ถ้วน พากันลอยขึ้นมา ขี่ควันเลือดเข้าปะทะกับทหารปีศาจ
ยังมีนางอสูรที่ยั่วยวนหยาดเยิ้มควงแถบผ้า มอบแสงโลหิตให้แก่เหล่าอสูร
“อุทยานปีศาจจับตัวคนทรยศคุนเผิง ผู้ขัดขวางฆ่าไม่มีละเว้น!” เสียงคำรามชนิดทำแก้วหูแทบแตกดังมาจากในเสาแสงสีแดง
ไม่นานนักเสาแสงก็เหมือนถูกฉีกให้ขยายขึ้น สัตว์ประหลาดร่างกำยำที่มีหัวเป็นกระเรียนตัวเป็นคนมุดออกมาจากด้านใน
สัตว์ประหลาดตัวนั้นมีร่างเป็นสีดำสนิท เปลือยท่อนบน เผยกล้ามเนื้อที่หนั่นแน่นราวก้อนหิน
เปลวไฟสีดำสนิทลุกโชนออกมาจากลูกตาสีม่วงคู่หนึ่ง
สิ่งที่ทำให้คนหวาดสะพรึงที่สุดก็คือ การดำรงอยู่ที่มีหัวเป็นกระเรียนตัวเป็นคนตนนี้ยันยมโลกเอาไว้เกือบทั้งหมด ร่างกายเกือบหลายแสนลี้ราวกับเสาสวรรค์ ดันท้องฟ้าสีดำของยมโลกบิดเบี้ยวน้อยๆ
หมิงเหอเห็นดังนั้นก็ขนลุกขนพอง หัวใจหวิวโหวง
เคยเห็นปรากฏการณ์ฟ้าดินมาตั้งมากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นอะไรยิ่งใหญ่แบบนี้มาก่อน!
ต่อให้เป็นคุนเผิง ต่อหน้าสัตว์ประหลาดตนนี้ก็เป็นแค่ถั่วงอกเท่านั้น
“กลิ่นอายนี้มัน…!?” คุนเผิงหน้าเหยเก ร่างขนาดยักษ์ยของเขาถูกพบในทันที แต่สิ่งที่ทำให้เขางุนงงก็คือ เป้าหมายแรกของทหารปีศาจเหล่านั้นไม่ใช่ตน หากเป็นทะเลโลหิตหรือแม่น้ำนรกด้านล่าง
ฉับพลันนั้นเขาก็ทราบถึงแผนการแท้จริงของอุทยานปีศาจ
มันต้องการหาข้ออ้างเพื่อยื่นมือมาถึงยมโลก
ตูม!
เวลานี้ทหารปีศาจจำนวนมากควงศัสตราในมือ หนวดสีดำอมม่วงจำนวนมากงอกออกมาจากด้านหลัง เข้าปะทะกับเผ่าอสูรด้านล่างอย่างหนักหน่วง
ทันทีที่คลื่นหนึ่งดำหนึ่งแดงสองสายพุ่งเข้าใส่กัน แขนขาและเศษเนื้อจำนวนมากก็กระจายออกมาทันที
ไม่นานเหตุการณ์อันพิสดารก็บังเกิด
ทะเลโลหิตเปล่งแสงสีแดงด้วยความเร็วสูง แขนขากับเศษเนื้อของเหล่าอสูรที่ถูกกระแทกจนตายไปในตอนแรก ประกอบเป็นอสูรตัวใหม่ เข้าประหัตประหารกับทหารปีศาจต่อไป
และหลังจากทหารปีศาจจำนวนมากถูกฉีกทึ้ง หนวดจำนวนมากในตัวก็ถูกพ่นออกมา เกี่ยวกระหวัดคลานไต่เข้าหากัน แล้วกลับเป็นร่างเดิมของทหารปีศาจอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาดอมตะ
สงครามเพิ่งเริ่ม ก็ตกสู่สภาพยื้อยันทันที
บรรพชนหมิงเหอผุดสีหน้าคร่ำเคร่ง สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นข่าวร้าย เป็นเพราะจำนวนของอสูรไม่ใช่คู่มือของทหารปีศาจ
ทหารปีศาจมีมากมายไร้ขอบเขต พร้อมเรียกระดมพลได้เป็นหลายพันล้านตลอดเวลา
ทางอสูร อย่างมากสุดก็มีเพียงหลายล้าน สองฝั่งอยู่กันคนละระดับโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ดูเหมือนยังสู้ได้ แต่อีกไม่นาน
ฟ้าว!
ในเวลานี้เอง ไกลออกไปก็มีแสงสีแดงอีกสายพุ่งลงมาอีก
เสาแสงพุ่งเข้าใส่ทะเลโลหิต เหมือนเสายักษ์ยันฟ้าที่แทงใส่มหาสมุทร
ทหารปีศาจจำนวนเหลือคณานับพรั่งพรูออกมาอีก สิ่งที่โผล่มาพร้อมกันคือ เทพปีศาจที่คืนร่างเดิมอีกตนหนึ่ง
พอเทพปีศาจพวกนี้ปรากฏตัว หมิงเหอกับคุนเผิงก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
ราชาอสูรของเผ่าอสูรมีอย่างมากสุดสามตัว เทียบเท่ากับระดับเทพปีศาจสามตน
แต่เทพปีศาจของอุทยานปีศาจไม่ได้มีแค่สาม…
เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดเทพปีศาจซึ่งบินมาตนแล้วตนเล่า คุนเผิงก็กระพือปีกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา
ในฟ้าดินแห่งนี้ นอกจากผู้วิเศษกับจอมอริยะบางส่วน ไม่มีใครสกัดการหลบหนีของเขาได้
เขาหนีไปแล้ว แต่หมิงเหอกลับหนีไม่รอด
เขามองดูแสงสีแดงสายที่สามพุ่งลงมาจากฟ้า ฉีกท้องนภาของยมโลกด้วยสีหน้าอึมครึม
“ข้าอยากจะเห็นนักว่า เจ้าจะเอาอะไรมายึดทะเลโลหิตของยมโลก!” ขอแค่ทะเลโลหิตยังอยู่ เขาก็เป็นอมตะ
อย่างมากก็แค่ถูกฆ่าไม่กี่ครั้ง เขาหมิงเหอไม่เคยกลัวสงครามผลาญกำลังอยู่แล้ว!
พอนึกถึงตรงนี้ หมิงเหอก็ผุดสีหน้าเหี้ยมเกรียม ร่างที่สูงหลายพันหมี่ลอยขึ้นบนอากาศ นำหน้าพุ่งเข้าใส่อาณาเขตที่ตัวตนหัวกระเรียนร่างเป็นคนอยู่ ตามการบุกเข้าไปของเผ่าอสูร
“ฆ่า!”
…
หงอวิ๋นเล่นหมอกสีม่วงหลายสายในมือ หัวคิ้วขมวด ไม่ทราบว่าจะศึกษาความลี้ลับในปราณม่วงสร้างโลกอย่างไรดี
เขาได้ปราณม่วงสร้างโลกมานานแล้ว แต่ผ่านมาหลายปี ก็ยังไม่มีเค้าเงื่อน
ผู้ที่ได้ปราณม่วงคือ สามพิสุทธิ์ เจ้าลัทธิซีฟาง ผู้วิเศษหนี่ว์วา ต่างก็บรรลุธรรมอย่างราบรื่น มีแต่เขาเท่านั้น
เขาทราบว่าปราณม่วงนี้ไม่เพียงหมายถึงตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์แห่งสุดท้ายในฟ้าดินเท่านั้น ทั้งยังบรรจุอานุภาพที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดเอาไว้ เป็นพลังแห่งแหล่งกำเนิดโลกบรรพกาล
“ตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์…” ครั้งนี้หงอวิ๋นกักตนแต่ยังคงไร้ผลลัพธ์ นี่ทำให้จิตใจที่สงบมาร้อยๆ ล้านปีของเขาเริ่มกระวนกระวายเล็กน้อย
“นี่คือพลังของต้นกำเนิดโลก คนที่ตอนนี้ยังไม่บรรลุ ยังคงเก็บไว้ในมือ เกรงว่าจะเหลือแค่ข้าคนเดียว…” หงอวิ่นถอนใจอย่างจนปัญญา ร่างกายค่อยๆ ระเบิดกลายเป็นเมฆหมอกสีแดงกลุ่มหนึ่งลอยออกจากในถ้ำ
เพิ่งจะออกมา เขาก็เห็นด้านนอกวังเมฆาเพลิงมียันต์ข้อความนับไม่ถ้วน กำลังลอยวนเวียนและส่งเสียงร้องเหมือนกับนกสีแดงที่มาประชุมกัน
“มากขนาดนี้เชียว!?” เขารีบปลดผนึก ให้ยันต์จดหมายลอยเข้ามา
ยันต์ข้อความเหมือนหยดฝนบินมาถึงข้างกายเขา แล้วพากันระเบิดกลายเป็นเมฆหลายสายมุดเข้าไปในตัว
ยันต์ข้อความเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเขา เอาไว้ให้สหายสนิทจำนวนมากติดต่อเป็นการเร่งด่วน
มีแต่ตอนอันตรายที่สุดเท่านั้น สหายร่วมเส้นทางเหล่านั้นถึงจะส่งยันต์ข้อความที่ใช้ขอความช่วยเหลือแบบนี้มาให้
และตอนนี้ก็มียันต์ข้อความมากมายถูกส่งออกมา นี่ทำให้หงอวิ่นเกิดสังหรณ์ร้ายในใจ
เขาสงบจิตใจ แล้วเริ่มตรวจสอบข้อความที่ส่งมาในนั้น
“สหายหงอวิ๋น! รีบมาช่วยด้วย!”
“ถ้ำหยวนซิ่ง รีบมา!”
“สหายรีบมาเถอะ!”
“สหาย ข้าตายไม่ได้ตั้งตัว โปรดช่วยเหลือบุตรี…”
“สหายรีบมา! รีบมา!”
“ฆ่าๆๆๆ! ฮ่าๆๆๆ!”
“อุทยานปีศาจ…!”
ข้อความที่กระวนกระวายหลายท่อนระคนเสียงที่วิปลาสเหมือนมารร้าย ทะลักเข้าสมองของหงอวิ๋น
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป สะบัดกางแขนเสื้อออก เมฆสีแดงผืนใหญ่กลายเป็นคันฉ่องสีแดงสูงสิบกว่าหมี่กลางอากาศ
จากนั้น เขาก็สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ควันแดงอันเป็นยันต์ข้อความหลายสิบแผ่นที่เพิ่งดูดซับไป ลอยออกมาจากในตัวเขา แล้วหายเข้าไปในคันฉ่อง
คันฉ่องเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วสูง ไม่นานก็กลายเป็นสีแดงเข้ม
สายน้ำสีแดงที่เหมือนเดือดพล่านพลิกตัว ราวกับหมอกข้นที่บิดเบี้ยวพลุ่งพล่าน
หงอวิ๋นตั้งสมาธิมองคันฉ่อง รอผลลัพธ์สุดท้ายของอาคมนี้
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ คันฉ่องไม่แสดงอะไรให้เห็นเลย
สหายสนิทของเขาส่วนใหญ่เป็นเทพปีศาจในอุทยานปีศาจ กับจอมอริยะพเนจรบนผืนดิน และข้อความส่วนใหญ่ทีส่งมาคือเทพปีศาจในอุทยานปีศาจ…
“หรือว่าอุทยานปีศาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เขาที่เป็นพ่อพระกังวลอยู่บ้าง
แกว๊ก
ในพริบตานี้เอง หงส์เพลิงสีขาวที่มีร่างมโหฬารตัวหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากในคันฉ่อง
จะงอยปากขนาดยักษ์กับดวงตาสีทองขาว พุ่งเข้าใส่ร่างของหงอวิ๋นอย่างรุนแรง จากนั้นก็ค่อยๆ ทะลุผ่านตัวเขาไป กลายเป็นเมฆหมอกสลายหายไปอย่างช้าๆ
หงอวิ๋นสะดุ้งโหยง ถอยหลังหลายก้าว ถึงจะพบภาพเสมือนที่แสดงให้เห็นในคันฉ่อง
“สหายเก่าหงอวิ๋น ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือ”
ทันใดนั้นกลางท้องฟ้าที่อยู่นอกวังเมฆาเพลิงไกลออกไป ก็มีแสงไฟสายหนึ่งพุ่งลงจากฟ้า หยุดอยู่บนชั้นเมฆด้านหน้าวัง กลายเป็นบุรุษรูปงามสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิสีแดงเพลิงคนหนึ่ง
“ลู่เซิ่งหรือ” หงอวิ๋นหันไปมองบุรุษนั้น สีหน้าแปลกใจ ข่มหัวใจที่เต้นโครมครามเพราะความตื่นตระหนกเอาไว้
“เหตุใดเจ้ามีเวลามาหาข้าเล่า”
ลู่เซิ่งหัวเราะ เขาไล่คุนเผิงไปแล้ว นับว่าเปลี่ยนชะตาของหงอวิ๋นทางอ้อม เพียงแต่มีบางเรื่องที่เขาเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ
แต่พูดเรื่องพวกนี้ยังเร็วเกินไป เขาคิดจะใช้โลกบรรพกาลเป็นฐานทัพหลัก ตรวจสอบดวงตาแห่งความเลวทรามต่อไป มหาเทพเป็นคนละทิ้งตำแหน่งจักรพรรดิเอง ส่วนทางเผ่าเวทเสียบรรพชนเวทไปสองคน ทั้งสองฝ่ายก็ถือว่าต่างฝ่ายต่างสูญเสีย ไม่สามารถสร้างความวุ่นวายได้ชั่วคราว
ดังนั้น เขาคิดจะจุติไปยังจักรวาลใหม่เพื่อหาที่อยู่ของครอบครัวอีกครั้ง พลังอาวรณ์จำนวนมหาศาลในวังเทพอาทิตย์ ทำให้เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมต่อการจุติครั้งใหม่
……………………………………….
Comments