ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 952 มารมายา (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 952 มารมายา (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พลัง​วิญญาณ​กลายเป็น​เลือด​หรือ​” ลู่​เซิ่งหยี​ตา​มองดู​จางฉีซวน​ค่อยๆ​ กลับมา​จากขอบ​ความตาย​อย่าง​น่าอัศจรรย์​ บาดแผล​สมาน​ตัว​ เลือด​ลม​ได้รับ​การ​ชดเชย​ กลับมา​อยู่​ใน​สภาพ​ก่อนที่จะ​ได้รับบาดเจ็บ​

ประสิทธิผล​นี้​มหัศจรรย์​อย่างยิ่ง​ ก่อนหน้านี้​เขา​เคย​เห็น​ความสามารถ​ต่างๆ​ มาไม่น้อย​ แต่​ไม่มหัศจรรย์​เท่า​สิ่งนี้​

หนำซ้ำ​ยัง​คล้าย​ไม่มีผล​ตกค้าง​อะไร​ด้วย​

พอ​ทำ​ทุกอย่าง​เสร็จ​ จ้าว​จ้งจวิน​ก็​หันมา​มอง​ลู่​เซิ่ง

“เพื่อน​ สนใจ​จะศึกษา​ทูต​แห่ง​ภูต​อย่าง​พวกเรา​ไหม​” เขา​พยายาม​เค้น​รอยยิ้ม​จริงใจ​

“อย่า​ไปฟังเขา​ ตาม​ฉัน​มาดีกว่า​ สำนัก​เคลื่อนไหว​ของ​ฉัน​มีประวัติศาสตร์​ยาวนาน​ เป็น​สำนัก​อันดับ​หนึ่ง​อันดับ​สอง​ของ​โลก​สื่อ​วิญญาณ​ ไม่ใช่พวก​ไม่สมประกอบ​อย่าง​เขา​ เรียน​อะไร​ก็​ไม่รู้​มามั่วซั่ว​ มีแต่​ของ​นอกคอก​”

หวง​ย่า​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​เดิน​เข้ามา​เอ่ย​เสียง​เย็น​

นักเรียน​ชาย​คน​นี้​มีคุณสมบัติ​ร่างกาย​โดดเด่น​ถึงขีดสุด​ ถ้ากลายเป็น​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​หรือ​ทูต​แห่ง​ภูต​ เช่นนั้น​จะเป็น​พันธมิตร​ที่​มีพลัง​แข็งแกร่ง​ที่สุด​อย่าง​แน่นอน​

“แต่​ไม่ว่า​ยังไง​ จะอยู่​ที่นี่​ต่อ​ไม่ได้​แล้ว​ ไม่อย่างนั้น​มาร​มายา​กับ​ทูต​แห่ง​ภูต​ใน​ท้องที่​อาจจะ​ค้นพบ​ได้​ ถอย​ก่อน​เถอะ​” หวง​ย่า​เอ่ย​อย่าง​ราบเรียบ​ เก็บ​ดาบ​แล้ว​เดินลง​เขา​ไป

“รอเดี๋ยว​สิ ขอ​เบอร์​นาย​หน่อย​ อีก​เดี๋ยว​นาย​มีอะไร​อยาก​ถามก็​มาถามฉัน​ได้​เลย​” จ้าว​จ้งจวิน​รีบ​เอ่ย​

ลู่​เซิ่งมอง​จางฉีซวน​ที่​สลบ​อยู่​บน​พื้น​

โลก​นี้​น่าสนใจ​กว่า​ที่​เขา​จินตนาการ​ไว้​

หวง​ย่า​โดด​ลง​ไปถึงข้าง​ตัว​จางฉีซวน​อย่าง​แผ่วเบา​ แบก​จางฉีซวน​ขึ้น​บ่า​แล้ว​เดินลง​เขา​ไป

เธอ​คิด​ว่า​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​อยู่​กับ​ผู้ชาย​สอง​คน​อย่าง​พวก​ลู่​เซิ่งตามลำพัง​อาจจะ​เกิด​ปัญหา​

“เมื่อ​ครู่​พวกเรา​ไม่ได้​ยั้ง​มือ​ เลย​ทำให้​เธอ​บาดเจ็บ​ ตอนนี้​ฉัน​จะรับผิดชอบ​พา​เธอ​กลับ​โรงแรม​เอง​” หวง​ย่า​ว่า​ ก่อน​จะรีบ​ลง​เขา​ไป

“ไปเถอะ​ พวกเรา​ก็​ไปด้วย​” จ้าว​จ้งจวิน​เช็ด​เหงื่อ​บน​ศีรษะ​ ก่อน​จะเดินลง​เขา​

สักพัก​ต่อมา​ ลู่​เซิ่งก็​นั่ง​อยู่​ใน​ห้อง​ของ​หวง​ย่า​ภายใน​โรงแรม​แล้ว​

จางฉีซวน​กับ​หวง​ย่า​คน​หนึ่ง​นั่ง​พิง​โต๊ะ​หนังสือ​ คน​หนึ่ง​นั่งขัดสมาธิ​บน​เตียง​ เวลานี้​มอง​ลู่​เซิ่งด้วย​ดวงตา​วาววับ​

“ก่อน​จะถามคำถาม​นาย​ ฉัน​ขอ​แนะนำ​ก่อน​ว่า​ ทูต​แห่ง​ภูต​อย่าง​พวกเรา​คือ​อะไร​” เวลานี้​หวง​ย่า​ไม่ได้​มีท่าทาง​เย็นชา​อย่าง​เมื่อ​ก่อนหน้า​เหลืออยู่​อีก​ ดู​ไม่ต่าง​จาก​เด็กสาว​มัธยม​ทั่วไป​

เธอ​สวม​กางเกง​ยีนส์​ขา​สั้น​กับ​เสื้อยืด​สีขาว​ เหมือน​เด็กสาว​ทั่วไป​

“ได้​สิ” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​และ​บุ้ยใบ้​ให้​อีก​ฝ่าย​เริ่ม​

หวง​ย่า​มอง​จ้าว​จ้งจวิน​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ก่อน​จะเอ่ย​ต่อ​

“บน​โลก​ใบ​นี้​มีคน​ที่​มีพรสวรรค์​แตก​ต่างกัน​ ซึ่งต่าง​จาก​คนธรรมดา​ พวกเขา​ติดต่อ​กับ​วิญญาณ​ที่​ตาย​ไปแล้ว​ สามารถ​คุย​กับ​ผู้ตาย​ และ​ใช้พลัง​ของ​วิญญาณ​ที่​ตาย​ไปแล้ว​ มาเพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​กับ​ตัวเอง​ได้​ พวกเขา​ถูก​เรียก​ว่า​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​”

เธอ​อธิบาย​นิยาม​อย่าง​จริงจัง​

“คุย​กับ​คนตาย​ได้​หรือ​” ลู่​เซิ่งนึก​เฉลียวใจ​

“ใน​หมู่​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​จะมีคน​ที่​มองการณ์ไกล​บางส่วน​ นำ​วิญญาณ​ที่​ติดต่อ​กับ​ตน​มาสิงไว้​บน​อาวุธ​ที่​ใช้วัสดุ​พิเศษ​บางส่วน​ จากนั้น​ก็​ตั้งใจ​ทะนุถนอม​และ​เพิ่ม​ความ​แข็งแกร่ง​ให้​แก่​วิญญาณ​ที่อยู่​ด้านใน​ เพื่อ​ทำให้​อาวุธ​พวก​นี้​ครอบครอง​พลัง​ที่​แข็งแกร่ง​กว่า​เดิม​ นี่​ก็​คือ​ทูต​แห่ง​ภูต​ที่ว่า​ อาวุธ​ที่​ถูก​วิญญาณ​สิงเรียก​ว่า​อาวุธ​ภูต​ใน​ตำนาน​นั่นเอง​”

“หาก​พูด​ให้​เข้าใจ​ก็​คือ​ ทูต​แห่ง​ภูต​อย่าง​พวกเรา​ยืม​พลัง​ของ​วิญญาณ​โบราณ​บน​อาวุธ​ภูต​ได้​ ไม่ใช่คนธรรมดา​ ไม่มีอะไร​ซับซ้อน​” จ้าว​จ้งจวิน​สรุป​

“ไม่ซับซ้อน​จริงๆ​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​ “แล้ว​ของ​ที่​เรียก​ว่า​มาร​มายา​เมื่อ​ก่อนหน้า​คือ​อะไร​”

“นั่น​คือ​สัตว์ประหลาด​ที่​เศษวิญญาณ​มารวมตัวกัน​จาก​ความเคียดแค้น​ชิงชัง แค่​แค้น​พวกเรา​คน​สื่อ​วิญญาณ​เท่านั้น​ ไม่ต้อง​ห่วง​หรอก​ ปกติ​พวก​มัน​ไม่ทำร้าย​คนธรรมดา​” หวง​ย่า​กล่าว​อย่าง​รวบรัด​

“อย่างนั้น​พวก​นาย​ลาก​ฉัน​มาเพื่อ​อะไร​” ลู่​เซิ่งถามอย่าง​ฉงน​

“นาย​เป็น​คน​ที่​มีวิญญาณ​แข็งแกร่ง​โดยกำเนิด​ ต้านทาน​คลื่น​กระแทก​ของ​วิญญาณ​ได้​ ทั้ง​ยัง​ไม่ทำให้​ตัวเอง​บาดเจ็บ​ ผู้​มีวิญญาณ​กล้าแข็ง​แบบนี้​คือ​คุณสมบัติ​ชั้นเลิศ​ใน​การฝึกฝน​เป็น​ทูต​แห่ง​ภูต​” หวง​ย่า​เอ่ย​เสียง​จริงจัง​

“ดังนั้น​ฉัน​เลย​อยาก​ให้​นาย​เข้าร่วม​สำนัก​ของ​ฉัน​ ให้​ฉัน​ทำให้​นาย​กลายเป็น​ทูต​แห่ง​ภูต​ที่​แท้จริง​คน​หนึ่ง​”

“ทูต​แห่ง​ภูต​หรือ​ ให้​ฉัน​หา​อาวุธ​ที่​มีวิญญาณ​สิงอยู่​สัก​ชิ้น​ แล้ว​ให้​มัน​สิงร่าง​ช่วย​ฉัน​สู้งั้น​เหรอ​” ลู่​เซิ่งถามอย่าง​ประหลาดใจ​

“โดย​ทฤษฏี​แล้ว​เป็น​อย่างนั้น​” หวง​ย่า​พยักหน้า​

“แล้ว​การ​สิงร่าง​มีผล​อะไร​ไหม​ สภาพ​แบบนี้​จะทำให้เกิด​ผลข้างเคียง​กับ​มนุษย์​รึเปล่า​” ลู่​เซิ่งถามอีก​

“ไม่มีผลข้างเคียง​อะไร​ทั้งสิ้น​ สำหรับ​คนธรรมดา​จะลด​อายุขัย​ แต่​สำหรับ​พวกเรา​ ไม่มีผลกระทบ​อะไร​เลย​ ปัญหา​อย่างหนึ่ง​ก็​คือ​ การ​แบ่งปัน​ความทรงจำ​ต้อง​ช้เวลา​ ความทรงจำ​ของ​นาย​กับ​วิญญาณ​โบราณ​จะแบ่งปัน​ให้​กัน​ใน​ระดับ​หนึ่ง​ เพื่อ​เพิ่ม​ความ​เข้ากันได้​ของ​สอง​ฝ่าย​ ยิ่ง​ความ​เข้ากันได้​สูงเท่าไร​ อานุภาพ​ที่​พวกเรา​จะใช้ออกมา​พร้อมกัน​ได้​ก็​ยิ่ง​แข็งแกร่ง​มาก​เท่านั้น​ ตัวอย่าง​อย่าง​เป็น​รูปธรรม​ก็​คือ​จ้าว​จ้งจวิน​ แม้เขา​จะถือ​อาวุธ​ภูต​ระดับ​ทอง​ แต่กลับ​สู้ทูต​แห่ง​ภูต​ระดับ​เงิน​อย่าง​ฉัน​ได้​อย่าง​สูสี”

“หมายความว่า​ ความ​เข้ากันได้​ระหว่าง​เขา​กับ​ศัต​รา​ภูต​ที่​เป็น​ปืน​สีทอง​กระบอก​นั้น​ต่ำ​มากสิ​นะ​” ลู่​เซิ่งสรุป​จาก​เรื่องเล่า​

“ถูกต้อง​แล้ว​” หวง​ย่า​พยักหน้า​

“เข้าใจ​แล้ว​” ลู่​เซิ่งผงกศีรษะ​ “ขอโทษ​ด้วย​ ถึงฉัน​อยาก​จะทำความเข้าใจ​โลก​ที่​ทูต​ศัต​รา​ภูต​อย่าง​พวก​นาย​อยู่​ แต่​…ฉัน​ไม่ชอบ​แบ่งปัน​ความทรงจำ​กับ​คนอื่น​ โดยเฉพาะ​คนแปลกหน้า​ที่​มาจาก​ภายนอก​”

พอ​ได้ยิน​คำอธิบาย​ เขา​ก็​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​คน​พิเศษ​กลุ่ม​นี้​อยู่​ใน​สภาพ​ไหน​

ครอบครอง​พลัง​ต่อสู้​ที่​แข็งแกร่ง​ใน​เวลา​อัน​สั้น​โดย​ขอยืม​ทักษะ​ของ​วิญญาณ​โบราณ​ อาจจะ​มีความลับ​บางส่วน​ที่​เรียก​พลัง​วิญญาณ​ใน​ธรรมชาติ​มาสู้ได้​

แต่​ก็​แค่นี้​เท่านั้น​

เขา​ไม่คิด​ว่า​โลก​ใบ​นี้​มีวิญญาณ​โบราณ​ตน​ไหน​ที่​มีคุณสมบัติ​สิงร่าง​ตน​ได้​

ส่วน​การ​ร่วม​แบ่งปัน​ความทรงจำ​ยิ่ง​เป็น​คำพูด​ไร้สาระ​

“นาย​ไม่ลอง​คิด​ๆ ดู​สักหน่อย​เหรอ​” พวก​หวง​ย่า​งุนงง​อยู่​ชั่วขณะ​ ลู่​เซิ่งเพิ่งจะ​ฟังความลับ​จบ​ก็​ปฏิเสธอย่าง​เด็ดขาด​ทันที​

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​ชักชวน​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​

“ไม่มีอะไร​ต้อง​คิด​หรอก​” ลู่​เซิ่งลุกขึ้น​ “พอแล้ว​ พวก​นาย​ตามสบาย​ ต่อจากนี้​ระวัง​รอบ​ๆ หน่อย​ อย่า​ให้​ผู้บริสุทธิ์​โดน​ลูกหลง​ ฉัน​ขอตัว​ ไม่ต้อง​ห่วง​เรื่อง​ของ​พวก​นาย​ล่ะ​ ฉัน​ไม่ปากสว่าง​หรอก​”

เขา​ไม่รอ​ให้​ทั้งสอง​ตอบสนอง​ ก็​โบกมือ​ เปิด​ประตู​แล้ว​จากไป​อย่าง​ผ่าเผย​

จ้าว​จ้งจวิน​ลุกขึ้น​คิด​จะตาม​ไป แต่​ถูก​หวง​ย่า​ห้าม​ไว้​

“ช่างเถอะ​ คน​แบบนี้​ต่าง​กับ​เรา​ คน​อย่าง​เขา​มีจิตใจ​แน่วแน่​ ลง​ได้​ตัดสินใจ​แล้​วจะ​เปลี่ยน​ยาก​มาก​ ไม่อย่างนั้น​คง​ไม่มีวิญญาณ​ที่​กล้าแข็ง​แบบ​นั้น​หรอก​”

“ไม่ลองดู​แล้ว​จะรู้​ได้​ยังไง​” จ้าว​จ้งจวิน​กล่าว​อย่าง​ไม่สนใจ​ แล้ว​ตาม​ออก​ไป

ทัวร์​ดำเนินต่อไป​

นับตั้งแต่​ลู่​เซิ่งกลับ​ถึงห้อง​ หวง​ย่า​กับ​จ้าว​จ้งจวิน​ก็​มัก​ปรากฏตัว​ใน​ขอบเขต​สายตา​ของ​เขา​อย่าง​เหมือน​ตั้งใจ​เหมือน​ไม่ตั้งใจ​

กลับเป็น​ทาง​จางฉีซวน​ที่​พอ​ฟื้น​ขึ้น​มาจาก​การ​สลบไสล​ แล้ว​ค้นพบ​ว่า​ตนเอง​นอน​อยู่​ใน​ห้อง​ ร่างกาย​ไม่เป็นแผล​อะไร​ ก็​สงสัย​อยู่​บ้าง​ว่า​ทุกอย่าง​ที่​ได้​เจอ​ก่อนหน้านี้​เป็น​ความฝัน​

จากนั้น​ก็​ท่องเที่ยว​กับ​ทุกคน​ต่อไป​เหมือน​ไม่มีอะไร​เกิดขึ้น​

ลู่​เซิ่งใช้วิชา​วิญญาณ​สีชาด​ยกระดับ​ร่างกาย​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ความเร็ว​ใน​การ​ยกระดับ​ขั้นพื้นฐาน​คือ​ยกระดับ​สองเท่า​ใน​หนึ่ง​วัน​

เมื่อ​ถึงวันที่​ห้า​ของ​การ​เดินทาง​ คุณสมบัติ​ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​กลายเป็น​สิบ​เท่า​ของ​คน​ทั่วไป​

และ​การ​เดินทาง​ก็​ถึงเวลา​ไปจาก​ที่​แห่ง​นี้​แล้ว​

อันที่จริง​ภูเขาไฟ​มีชีวิต​ที่ว่า​ เป็นการ​รับ​ชมวิว​อยู่​ที่​ตีนเขา​ไกลๆ​ อาศัย​อยู่​ที่​โรงแรม​แห่ง​หนึ่ง​บน​สันเขา​คืนหนึ่ง​ เพื่อ​สัมผัส​ประสบการณ์​ใน​ป่าเท่านั้น​

หาก​จะเปรียบเทียบ​กับ​ครั้งก่อน​ว่า​มีตรงไหน​ที่​ไม่เหมือนเดิม​ นั่น​ก็​คือ​ลูกผู้พี่​จางฉีซวน​ไม่ได้​สร้าง​ปัญหา​ให้​แก่​ลู่​เซิ่งเหมือน​ก่อนหน้า​อีกแล้ว​

ไม่นาน​กรุ๊ป​ทัวร์​ก็​ถึงเวลา​กลับ​

เย็น​วันสุดท้าย​ ทุกคน​ปรึกษา​กัน​ว่า​จะกินข้าว​ด้วยกัน​พร้อมกับ​พักผ่อน​ร้องเพลง​ ลู่​เซิ่งกลับ​ไม่ได้​เข้าร่วม​กิจกรรม​ ออกจาก​ร้าน​คาราโอเกะ​ แล้ว​เดินตาม​ถนนใหญ่​ด้านหน้า​โรงแรม​ มุ่งหน้า​ไปยัง​วนอุทยาน​เพียงลำพัง​

มาร​มายา​ที่​มีพลัง​แห่ง​ความว่างเปล่า​เจือปน​อยู่​เป็น​สิ่งที่​เขา​สนใจ​ที่สุด​

เวลา​พลบค่ำ​ ไฟถนน​หลาย​ดวง​แบ่ง​ภาพ​บน​ถนน​ที่​อึมครึม​ออก​เป็น​ส่วน​ๆ กลุ่มคน​ที่​กระจัดกระจาย​เคลื่อนไหว​อย่าง​ช้าๆ ใต้​ไฟริม​ทาง​ รถ​บางส่วน​เปิด​ไฟสูงแล่น​ผ่าน​ไป พัด​กระป๋อง​เบียร์​กับ​ถุงขยะ​ขึ้น​จาก​พื้น​

ลู่​เซิ่งเดิน​เอื่อย​ไปยัง​วนอุทยาน​ มือ​ซุก​ใน​กระเป๋าเสื้อ​ ก่อนหน้านี้​ครึ่ง​ชั่วโมง​ เขา​ยกระดับ​ถึงความ​แข็งแกร่ง​สิบ​เท่า​ของ​คนธรรมดา​สำเร็จ​แล้ว​

หลังจาก​ทราบ​ระบบ​หลัก​ของ​โลก​ใบ​นี้​ เขา​ก็​ตัด​ความคิด​จะหลอม​รวม​เข้ากับ​ระบบ​ของ​ที่นี่​ เตรียม​จะสะสางความปรารถนา​ผลกรรม​ของ​เด็กหนุ่ม​ จากนั้น​หา​เบาะแส​ของ​พลัง​แห่ง​ความว่างเปล่า​และ​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​ให้​เจอ​ แล้ว​ค่อย​กลับ​ไปพักผ่อน​ที่​โลก​มาร​สวรรค์​

ยิ่ง​ไปด้านหน้า​ เงาคน​บน​ถนน​ยิ่ง​น้อยลง​ ความถี่​ที่​รถ​ผ่าน​มาก็​น้อยลง​ไปกว่า​เดิม​

ไม่ทราบ​ผ่าน​ไปนาน​เท่าไร​ ลู่​เซิ่งหยุด​ฝีเท้า​ยืน​นิ่ง​กับ​ที่​

ใต้​ไฟริมถนน​ดวง​หนึ่ง​ด้านหน้า​ ชาย​ผม​ขาว​ที่​สวม​ชุด​ฮู้ด​สีขาว​นั่ง​อยู่​ มือ​คีบ​บุหรี่​ ควัน​สีแดง​กะพริบ​ใน​เงามืด​ แสดงให้เห็น​ว่า​กำลัง​สูบบุหรี่​อยู่​

ลู่​เซิ่งมอง​อีก​ฝ่าย​ ดึก​ขนาด​นี้​แล้ว​ยังมี​คน​มาสูบบุหรี่​ใน​ที่​เปลี่ยว​ๆ แบบนี้​อีก​

ที่นี่​อยู่​ห่าง​จาก​สถานที่​คึกคัก​อย่าง​น้อย​สิบ​กิโลเมตร​

แต่​นี่​ไม่เกี่ยวกับ​เขา​

เขา​เพียง​ชะงัก​เล็กน้อย​ ก่อน​จะเดิน​ต่อไป​จน​เฉียด​ร่าง​ชาย​ผม​ขาว​

“นี่​” อยู่​ๆ ชาย​ผม​ขาว​ก็​ลุกขึ้น​ โยน​บุหรี่​ลงพื้น​แล้ว​ใช้เท้า​เหยียบ​

“ช่วงนี้​แก​ไปเจอ​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​เข้า​รึเปล่า​” เขา​หันมา​มอง​ร่าง​ลู่​เซิ่งเขม็ง​

ลู่​เซิ่งหันไป​มอง​

“เจอ​มา ทำไม​ล่ะ​”

ชาย​ผม​ขาว​นึกไม่ถึง​ว่า​เขา​จะตอบ​ตรง​ขนาด​นี้​ จึงงุนงง​เล็กน้อย​ ก่อน​จะถามต่อ​

“รู้​ไหม​ว่า​จ้าว​จ้งจวิน​อยู่​ไหน​ บน​ตัว​แก​มีกลิ่นอาย​พลัง​วิญญาณ​ของ​มัน​ อย่า​บอก​ฉัน​ว่า​ไม่รู้​ล่ะ​ ฉัน​ไม่ชอบ​คำตอบ​แบบนี้​”

“จ้าว​จ้งจวิน​หรือ​?” ลู่​เซิ่งพูด​ขึ้นเสียง​เล็กน้อย​ “รู้​สิ”

“มัน​อยู่​ไหน​” ชาย​ผม​ขาว​พยักหน้า​ แล้ว​มอง​นาฬิกาข้อมือ​ “แก​ควร​รู้สึก​โชคดี​นะ​ที่​ตอนนี้​ฉัน​อารมณ์ดี​ ไม่อยาก​ฆ่าคน​ บอก​มา แล้ว​ฉัน​จะปล่อย​แก​ไป”

เท้า​ที่​เดิมที​เตรียม​จะเดิน​จากไป​ของ​ลู่​เซิ่งพลัน​หยุด​ลง​ เขา​หันมา​ มือหนึ่ง​ล้วง​อยู่​ใน​กระเป๋ากางเกง​ มือหนึ่ง​คลาย​คอเสื้อ​ให้​หลวม​ขึ้น​ส่วนหนึ่ง​

จากนั้น​ก็​เดิน​เข้าใส่​ชาย​ผม​ขาว​

เปรี้ยง​!

แล้ว​ต่อย​หมัด​ใส่ดุจ​สาย​ฟ้าแลบ​

แขน​ของ​ลู่​เซิ่งพร่ามัว​ลง​พริบตา​หนึ่ง​ใต้​ไฟริมถนน​ ก่อน​จะกลับมา​ที่​ตำแหน่ง​เดิม​ทันที​

หัว​ของ​ชาย​ผม​ขาว​ระเบิด​ออก​เหมือน​แตง​โมง ศพ​ไร้​หัว​ที่​เหลืออยู่​ยัง​ถือ​บุหรี่​ที่​เพิ่ง​หยิบ​ออกมา​ใหม่​ แล้ว​หงายหลัง​ล้ม​ลง​อย่าง​ไร้​เรี่ยวแรง​

ลู่​เซิ่งก้ม​มอง​ศพ​ ก่อน​จะหมุนตัว​เดิน​ไปยัง​ทิศทาง​ที่​สัมผัส​ได้​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​ต่อ​

เป้าหมาย​ของ​เขา​คือ​มาร​มายา​ ไม่ใช่ขยะ​น่าเบื่อ​เหล่านี้​

เมื่อ​มาถึงระดับ​ของ​เขา​ การ​ฆ่าคน​ระดับ​นี้​ไม่ต่าง​อะไร​กับ​เหยียบ​มด​ตัว​หนึ่ง​ข้างทาง​ให้​ตาย​

ไม่มีอารมณ์​ทุกข์​โศก​ ไม่มีความ​แตกตื่น​สั่นสะท้าน​ เป็นธรรมชาติ​เหมือน​กินข้าว​ดื่ม​น้ำ​

“จริง​สิ แล้ว​ฉัน​ไปฆ่ามัน​ทำไม​” เขา​พลัน​นึกถึง​ปัญหา​นี้​ ใคร่ครวญ​อย่าง​ประหลาดใจ​พร้อมกับ​ผละ​จากไป​ยัง​ที่​ไกล​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด