ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 959 สื่อวิญญาณ (1)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 959 สื่อวิญญาณ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บน​แผ่น​หิน​สีเหลือง​เข้ม​มีลวดลาย​เก่าแก่​เรียบง่าย​ถูก​สลัก​อยู่​เต็มไปหมด​

ใน​ลวดลาย​คือ​คนโบราณ​ที่​สวม​กระโปรง​ใบไม้​ ชูสอง​มือ​ กลางฝ่ามือ​แยก​ออก​เป็น​ดวงตา​หลาย​ดวง​ จ้องมอง​วังวน​ยักษ์​ที่​กำลัง​หมุน​อยู่​เหนือ​ท้องฟ้า​

ลู่​เซิ่งตั้ง​แผ่น​หิน​ขึ้น​บน​โต๊ะ​หนังสือ​อย่าง​ระมัดระวัง​ ใช้ผ้าขนหนู​ชุบ​น้ำ​หมาดๆ​ เช็ดถู​เบา​ๆ

เนื้อหา​บน​แผ่น​หิน​พลัน​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​ใหม่​

แมลง​สีดำ​ตัวเล็ก​ๆ บางส่วน​ปรากฏ​ใน​ภาพวาด​ พวก​มัน​วนรอบ​วังวน​ขนาด​ยักษ์​ คล้าย​กับ​กำลัง​บินลง​ด้านล่าง​

ดวงตา​สีดำ​ที่​มีลักษณะ​เหมือน​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​ค่อยๆ​ ปรากฏ​ขึ้น​กลาง​วังวน​

สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ส่งแผ่น​หิน​นี้​มาเมื่อ​ก่อนหน้านี้​ สำหรับ​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​ที่​เขา​ต้องการ​ตามหา​ สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ได้​ให้​คำตอบ​อย่าง​รวดเร็ว​ หลังจาก​รวบรวม​ข้อมูล​จำนวนมาก​ พวกเขา​ก็​ส่งแผ่น​หิน​เก่าแก่​นี้​มาให้​

ว่า​กัน​ว่า​มัน​เป็น​วัตถุ​โบราณ​ลึกลับ​ที่​นักโบราณคดี​ขุดค้น​ได้​จาก​ซาก​โบราณ​สถานที่​เก่าแก่​แห่ง​หนึ่ง​

ลู่​เซิ่งไม่สนใจ​ว่า​มัน​มาจาก​ไหน​ เขา​เพียง​สนใจ​ว่า​ดวงตา​บน​แผ่น​หิน​เป็น​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​หรือไม่​

“เธอ​กำลัง​ดู​อะไร​อยู่​” หวัง​จิ้งที่​สวม​เด​รส​สีขาว​เดิน​มาจาก​ด้าน​ข้าง​

เสื้อผ้า​ของ​เธอ​ประหลาด​มาก​ สะอาดสะอ้าน​ตลอดเวลา​ ไม่มีกลิ่น​ผิดแผก​ ถึงขั้น​ไม่ปรากฏ​เหงื่อ​ให้​เห็น​

ส่วน​พวก​แมลง​ที่อยู่​รอบ​ๆ ก็​ไม่อยาก​หยุด​อยู่​รอบตัว​เธอ​ เหมือน​แม้แต่​แมลง​ก็​ยัง​หวาดกลัว​เธอ​

“ของ​น่าเบื่อ​น่ะ​” ลู่​เซิ่งว่า​พลาง​ส่ายหน้า​ “ช่วงนี้​ผม​สนใจ​ไอ้​ของ​สิ่งนี้​ ก็​แค่​ดู​ไปงั้น​ๆ เอง​” เขา​ชี้ดวงตา​สีดำ​กลาง​วังวน​

“อ้อ​” หวัง​จิ้งเดิน​จาก​ทาง​ซ้ายมือ​ของ​ลู่​เซิ่งไปทาง​ขา​มือ​ จากนั้น​ก็​กอด​แขน​เขา​เบา​ๆ

“อยาก​นอน​กับ​ฉัน​ไหม​” เสียง​เย็นชา​ของ​เธอ​กลับ​กล่าว​คำพูด​ที่​ชวน​ให้​คิดลึก​โดยไม่รู้ตัว​

ลู่​เซิ่งมอง​เธอ​อย่าง​หมด​คำพูด​ “พูด​ให้​มัน​ปกติ​ที​ได้​ไหม​”

“อยาก​ นอน​กลางวัน​ไหม​” หวัง​จิ้งเปลี่ยน​วิธี​ ซุก​หน้า​กับ​แขน​ของ​ลู่​เซิ่ง

หลังจาก​อยู่​ใน​ความมืด​คนเดียว​มานานแสนนาน​ อยู่​มาวันหนึ่ง​ก็​ได้รับ​แสงสว่าง​ที่​แตกต่าง​จาก​เดิม​ ก็​ไม่อาจ​ทำใจ​แยกจาก​ อยาก​อยู่​ใน​แสงนั้น​ทุก​วินาที​

ตอนนี้​หวัง​จิ้งเป็น​อ​ยาง​นี้​

“พี่​ไปนอน​ก่อน​เถอะ​” ลู่​เซิ่งชัก​มือ​หนี​ ก้มหน้า​พิจารณา​ตัวหนังสือ​เล็ก​ๆ บน​แผ่น​หิน​ เขา​คิด​จะตรวจสอบ​ว่า​ภาพ​บน​แผ่น​หิน​มาจาก​ยุค​ไหน​และ​สถาน​ที่ใด​ โดย​ดู​จาก​พจนานุกรม​อักษร​โบราณ​

แม้ความรู้สึก​อ่อนนุ่ม​ตอน​แขน​ปัด​ผ่าน​หน้าอก​ของ​หวัง​จิ้งจะไม่เลว​ แต่​ตอนนี้​เรื่อง​หลักสำคัญ​กว่า​

หวัง​จิ้งพิจารณา​แผ่น​หิน​ ก่อน​จะหมุน​ตัวอย่าง​แผ่วเบา​ เดิน​ไปริน​น้ำ​ที่​ห้องครัว​

เธอ​ยก​ขวด​แก้ว​ขึ้น​

น้ำ​ใสใน​ขวด​น้ำ​ที่​ทำ​จาก​แก้ว​ ไหล​ลง​ตาม​แรงโน้มถ่วง​ ออกจาก​ปาก​ขวด​ลง​สู่แก้ว​ใสสะอาด​

ถ้ามีใคร​เห็น​ระดับ​อ​นู​ใน​น้ำ​ได้​ จะเห็น​ไวรัส​และ​แบคทีเรีย​อันเป็น​จุลินทรีย์​เล็ก​ๆ ใน​น้ำ​นับไม่ถ้วน​ พา​กัน​ตาย​ลง​เหมือนกับ​พืช​ที่​แห้งเหี่ยว​ ใน​ทันทีที่​เท​น้ำ​ใส่แก้ว​

“สมกับ​เป็น​เกียรติยศ​แห่ง​นาย​ข้า​” บน​กระจก​ด้าน​ข้าง​ห้องครัว​ปรากฏ​ชาย​ชรา​ผม​ขาว​ที่​มีหน้าซีด​ขาว​ และ​สวม​สูท​สีดำ​คน​หนึ่ง​

ชาย​ชรา​โค้ง​ตัว​ให้​แก่​หวัง​จิ้งเบา​ๆ เหมือนกับ​ตระกูล​ขุนนาง​และ​สุภาพบุรุษ​จาก​ยุค​เก่าแก่​

“ถึงแม้จะเป็น​หนึ่งในสี่​แขน​ของ​นาย​ข้า​ ทั้ง​ยัง​ได้​เห็น​อานุภาพ​เช่นนี้​มานับ​ครั้ง​ไม่ถ้วน​ แต่​ทุกๆ​ ครั้ง​ก็​ยัง​อด​ถอนใจ​ชมเชย​ไม่ได้​” ชาย​ชรา​กล่าว​กับ​หวัง​จิ้งอย่าง​นอบน้อม​

“ที่​เรียก​เธอ​มา เพราะ​มีเรื่อง​จะมอบหมาย​” หวัง​จิ้งหันไป​มอง​ชาย​ชรา​ ทั้งสอง​สบตา​กัน​ ม่านตา​สี่ข้าง​กลายเป็น​สีดำ​สนิท​พร้อมๆ กัน​

“ตามหา​สิ่งนี้​” ใน​ดวงตา​ของ​หวัง​จิ้งปรากฏ​รูปภาพ​ดวงตา​วังวน​บน​แผ่น​หิน​โดยอัตโนมัติ​

ดวงตา​ของ​ชาย​ชรา​นิ่ง​ไปเล็กน้อย​ ก่อน​จะปรากฏ​ภาพ​เดียวกัน​

“รับ​คำสั่ง​”

ใน​ฐานะ​หนึ่ง​ใน​เงาของ​มหาเทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​หรือ​เหตุ​แห่ง​ภัยพิบัติ​ เขา​ตื่นขึ้น​มาจาก​ใน​ความมืด​อัน​ไร้​สิ้นสุด​ ตาม​การตื่น​ของ​หวัง​จิ้ง

เหตุ​แห่ง​ภัยพิบัติ​ไม่ได้​มีเพียง​ใคร​คนใดคนหนึ่ง​และ​ปัจเจกบุคคล​หนึ่ง​ ยังมี​ขุม​กำลัง​น่ากลัว​ที่​มีพลัง​ร้ายกาจ​ถึงขีดสุด​ด้วย​

นั่น​คือ​กองทัพ​ใหญ่​แห่ง​ยุค​โบราณ​ของ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​

ชาย​ชรา​เป็น​เพียง​หนึ่ง​ใน​นี้​

“นอกจากนี้​ นาย​ข้า​ แม้หวัง​ตง​นั่น​จะมีความสามารถ​อยู่​บ้าง​ แต่​ใน​ฐานะ​ร่าง​เดิม​ของ​การทำลายล้าง​ การ​ที่​ท่าน​อยู่​ข้าง​ตัว​เขา​เป็นเวลา​นาน​จะดี​จริงๆ​ หรือ​” ชาย​ชรา​พลัน​เตือน​เสียง​แผ่ว​

“ท่าน​ ไม่ควรจะ​มีจุดอ่อน​”

“เขา​คือ​แสงสว่าง​…ไม่ใช่จุดอ่อน​” ดวงตา​หวัง​จิ้งกลับ​เป็นปกติ​ “ฉัน​ไม่ชอบ​ให้​ใคร​ขัดขืน​ฉัน​ นี่​เป็น​ครั้ง​ที่หนึ่ง​”

ชาย​ชรา​ก้มหน้า​ถอย​ไปอย่าง​นอบน้อม​ด้วย​สีหน้า​คงเดิม​ รอบ​ๆ ตัว​กลายเป็น​เงาดำ​และ​สลาย​หาย​ไป

หวัง​จิ้งก้มหัว​ลง​ ยก​แก้วน้ำ​เดิน​ไปยัง​โถงรับแขก​ด้วย​สีหน้า​ราบเรียบ​

ประตู​ห้องครัว​ค่อยๆ​ งับ​ปิด​ลง​

“แม้นาย​ท่าน​จะเป็น​อมตะ​ แต่​ข้า​ไม่อยาก​จะหลับ​อีก​หลาย​ปี” เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​อย่าง​ไร้อารมณ์​ใน​มิติ​อัน​ว่างเปล่า​

“ไม่เป็นไร​ แค่​คนธรรมดา​คนเดียว​ อยู่​ได้​ไม่กี่​สิบ​กี่​ร้อย​ปีหรอก​ ถือเป็น​งานอดิเรก​ของ​นาย​ท่าน​ก็แล้วกัน​

อย่างไร​สิ่งที่​พวกเรา​ไม่ขาดแคลน​ ก็​คือ​เวลา​…”

“ผู้​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​โลก​คือ​สี่สุดยอด​ราชา​วิญญาณ​ หรือ​มีอีก​ชื่อว่า​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ยุค​โบราณ​”

“พวกเขา​เกิด​จาก​การ​ที่​เหตุ​อัน​ยิ่งใหญ่​และ​กรรม​ที่​ไม่เคย​มีมาก่อน​มาบรรจบ​กัน​กับ​จังหวะ​เวลา​ตั้งแต่​ยุค​โบราณกาล​”

ณ สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​

หวง​ย่า​ติดตาม​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ผู้​เป็น​ตา​ เดิน​อยู่​ใน​อุโมงค์​ใน​ภูเขา​ที่​ทอด​ยาว​และ​มืด​สลัว​

เสียง​ที่​อึมครึม​และ​เคร่งขรึม​ของ​ผู้​เป็น​ตา​ดัง​สะท้อน​อยู่​ใน​อุโมงค์​เป็นระยะ​

“ตอนนี้​มาพูด​เรื่อง​พวก​นี้​ทำไม​กัน​คะ​คุณตา​” หวง​ย่า​ถามอย่าง​สงสัย​

“เป็น​เพราะ​สถานที่​ที่​พวกเรา​กำลัง​เดิน​อยู่​ คือ​ที่ซ่อน​แรก​สุด​ของ​ชิว​ตี๋​อัน​แห่ง​เมอร์​คิว​รี​ หนึ่ง​ใน​เทพ​ทำลายล้าง​ใน​ตำนาน​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กล่าว​อย่าง​ราบเรียบ​

“ใน​หมู่​มาร​มายา​ เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​เป็น​ตัวตน​ระดับ​ราชา​ที่​มีตำแหน่ง​สูงสุด​ ถัด​จากนั้น​จึงเป็น​ระดับ​ที่​เข้มงวด​อย่าง​มาร​ยักษา​ ผู้นำ​อนัตตา​ และ​ปีศาจมาร​มายา​”

“ร่างกาย​บางส่วน​ของ​มาร​ยักษา​ที่​สำนัก​เรา​ผนึก​ไว้​เมื่อ​คราวก่อน​อยู่​ที่นี่​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ชะงัก​ฝีเท้า​ แล้ว​หัน​กลับมา​กล่าว​

“ยา​ย่า​ สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ของ​เรา​ดูเหมือน​ยิ่งใหญ่​ แต่​หลาน​ต้อง​จำไว้​ให้​ดี​ว่า​ เหนือ​พวกเรา​ยังมี​มาร​ยักษา​ของ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ที่​แข็งแกร่ง​ถึงขีดสุด​ มีกำลัง​ที่​ใกล้เคียง​กับ​เทพเจ้า​ใน​ตำนาน​ดำรงอยู่​ด้วย​”

“ชีวิต​ ควรจะ​ระมัดระวัง​ ยำเกรง​ และ​ถ่อมตน​”

หวง​ย่า​พยักหน้า​อย่าง​จริงจัง​

“หนู​จะจำไว้​ค่ะ​”

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​เดิน​ไปด้านหน้า​อีก​ระยะ​หนึ่ง​ก็​หัก​เลี้ยว​ มาถึงหน้า​บึง​น้ำ​สีน้ำเงิน​ที่​เย็นเยียบ​เงียบเหงา​

“อยู่​ที่นี่​ กระโดด​ลง​ไปเถอะ​”

หวง​ย่า​ผงกศีรษะ​ เดิน​ไปด้านหน้า​ แล้ว​กระโดด​ลง​ไปโดย​ไม่พูดพร่ำทำเพลง​

ซู่ม

ละออง​น้ำ​ใน​บึง​น้ำ​สาด​กระจาย​

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​มอง​ภาพ​นี้​อยู่​ด้าน​ข้าง​เงียบๆ​

นี่​เป็น​รางวัล​ของ​หวง​ย่า​ที่​พา​หวัง​ตง​เข้า​สำนัก​ได้​

คุณสมบัติ​ของ​หวัง​ตง​หา​ยาก​เป็น​อย่างยิ่ง​ เป็น​คุณสมบัติ​อัน​น่ากลัว​ที่เกิด​มามีวิญญาณ​แข็งแกร่ง​กว่า​คน​ทั่วไป​สิบ​กว่า​เท่า​

ขอ​แค่​เมล็ดพันธุ์​แบบนี้​เริ่ม​ฝึกฝน​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ ไม่นาน​ก็​จะกลายเป็น​ผู้​เข้มแข็ง​ที่​โดดเด่น​ที่สุด​ได้​

ใช้เวลา​แค่​สิบ​ปี ก็​เป็นไปได้​ถึงขีดสุด​ที่​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​จะให้กำเนิด​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​ผู้นำ​อนัตตา​ออกมา​คน​หนึ่ง​

“พอ​แช่น้ำ​เสร็จ​ ให้​หลาน​พา​หวัง​ตง​มาสำนัก​ แล้ว​เริ่ม​ฝึกฝน​อย่าง​เป็นทางการ​นะ​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กำชับ​เสียงทุ้ม​ต่ำ​

“ค่ะ​!” เสียง​ของ​หวง​ย่า​ดัง​มาจาก​ใน​บึง​น้ำ​ ใน​ความเจ็บปวด​ปรากฏ​ความแน่วแน่​ที่​อธิบาย​ไม่ได้​

สามสิบ​แปด​เท่า​แล้ว​…

ลู่​เซิ่งค่อยๆ​ ลืมตา​ขึ้น​ สิ่งที่​เห็น​คือ​ใบหน้า​งามพริ้ง​เฉยชา​ของ​หวัง​จิ้ง

เวลานี้​พี่สาว​คน​นี้​นอนคว่ำ​อยู่​บน​ตัว​เขา​ หลับตา​งาม คล้าย​กำลัง​ฝันหวาน​

กลิ่นหอม​ประหลาด​จางๆ ลอย​มาจาก​ตัว​หวัง​จิ้ง มุด​เข้า​จมูก​ลู่​เซิ่ง

“เรา​แข็งแกร่ง​ขึ้น​อีกแล้ว​…” ลู่​เซิ่งสัมผัส​การเปลี่ยนแปลง​ที่​เล็ก​ที่สุด​ใน​ตัว​ แม้ว่า​วิชา​ลับ​จะรักษา​ร่างกาย​ร่าง​นี้​ไว้​ใน​สภาพ​ขีดจำกัด​ของ​คนธรรมดา​ ด้วย​การ​ช่วยเหลือ​ของ​ปราณ​ปฐพี​

หรือ​ระดับ​ความ​แข็งแกร่ง​ขีดจำกัด​ที่​สิบ​สามเท่า​

แต่​เขา​ยังคง​สัมผัส​ได้​ถึงพลัง​อัน​เหี้ยมหาญ​ที่​ยิ่งใหญ่​และ​เกรี้ยวกราด​ถึงขีดสุด​ใน​เซลล์​และ​ยีน​ ผ่าน​พันธนาการ​ที่​เหมือนกับ​กรงขัง​ของ​วิชา​ลับ​

“ลุก​ได้​แล้ว​” ลู่​เซิงใช้สอง​มือ​ตบ​ก้น​หวัง​จิ้งเบา​ๆ สัมผัส​อัน​อ่อนนุ่ม​ของ​ถุงน่อง​กับ​ความ​สู้มือ​อัน​อบอุ่น​จาก​ผิว​ ทำให้​เขา​อด​ตื่นเต้น​เล็กน้อย​ไม่ได้​

“ไม่เป็นไร​…” หวัง​จิ้งหลับตา​เอ่ย​เสียง​แผ่ว​ “จะทำ​อะไร​กับ​ฉัน​ก็ได้​”

“พอแล้ว​ ลุก​เถอะ​” ลู่​เซิ่งนิ่ง​ไปครู่หนึ่ง​ อยู่​ๆ ก็​นึกถึง​เฉินอวิ๋น​ซี เพลิง​รา​คะใน​ใจก็​มอด​ลง​

เขา​วาง​หวัง​จิ้งลง​ด้าน​ข้าง​อย่าง​แผ่วเบา​ ก่อน​จะลุกขึ้น​นั่ง​

“เธอ​ชอบ​ไม่ใช่เหรอ​” หวัง​จิ้งเบียด​ขา​เข้าหา​กัน​เบา​ๆ สอง​ขา​กลมกลึง​เรียว​ยาว​พา​ดล​งบ​นขา​ของ​ลู่​เซิ่งช้าๆ

ขา​ยาว​ที่​สวม​ถุงน่อง​สีดำ​เขี่ย​ไปมาบ​นขา​ของ​เขา​ หาก​เปลี่ยนเป็น​ผู้ชาย​คนอื่น​ เกรง​ว่า​คง​เผด็จศึก​เธอ​ไปนาน​แล้ว​

ขณะ​ลู่​เซิ่งกำลังจะ​พูด​

ตู้​ดๆๆ​

โทรศัพท์มือถือ​ก็​สั่น​

เขา​พ่น​ลมหายใจ​ ยื่นมือ​ไปหยิบ​โทรศัพท์​มาดู​ เป็น​หวง​ย่า​นั่นเอง​

เขา​จึงกดปุ่ม​รับสาย​

“ฮัลโหล​”

“มาสำนัก​ได้​แล้ว​นะ​ คู่มือ​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ของ​นาย​เตรียม​ไว้​แล้ว​ สามารถ​เริ่ม​ได้​เลย​” เสียง​ของ​หวง​ย่า​ดัง​มาจาก​โทรศัพท์​

“อื้อ​ เมื่อไร​ล่ะ​” ลู่​เซิ่งเคารพ​ระดับ​พลัง​ของ​โลก​ท้องถิ่น​มาโดยตลอด​ อย่างไร​ก็​ประหยัด​แรง​ได้​เท่าตัว​หนึ่ง​

“พรุ่งนี้​ได้​ไหม​ ฉัน​จะส่งคน​ไปรับ​”

“ได้​” ลู่​เซิ่งใคร่ครวญ​เล็กน้อย​ ช่วง​ปิดเทอม​ใกล้​หมด​แล้ว​ ถึงเวลา​นั้น​เขา​ต้อง​ไปเรียนหนังสือ​เหมือน​หวัง​ตง​คน​เดิม​หรือไม่​ ยัง​บอก​ไม่ได้​

จัดการ​เรื่อง​ทาง​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ก่อน​ค่อย​ว่า​กัน​ดีกว่า​

“เจอกัน​พรุ่งนี้​ ฉัน​จะติดต่อ​นาย​อีกครั้ง​”

“ได้​”

โทรศัพท์​ตัด​สาย​ ไม่ว่า​จะเป็น​หวง​ย่า​หรือ​ลู่​เซิ่ง ความจริง​ไม่มีอะไร​คุย​กัน​

บวก​กับ​หวัง​จิ้งใช้ปลายเท้า​เขี่ย​หน้าอก​เขา​เบา​ๆ

จึงคุย​โทรศัพท์​ต่อ​ไม่ได้​

“จะกินข้าว​เช้าไหม​” ลู่​เซิ่งอุ้ม​หวัง​จิงขึ้น​มาไว้​ด้าน​ข้าง​ แล้ว​ลง​จาก​เตียง​

“ตามใจ​” หวัง​จิ้งลง​จาก​เตียง​ตาม​ ผม​ยา​วสี​ดำ​มัด​ริบบิ้น​สีขาว​ตั้งแต่​เมื่อไร​ก็​ไม่รู้​

เธอ​ไม่ได้​สวม​รองเท้า​ เดิน​อยู่​ด้านหลัง​ลู่​เซิ่งอย่าง​เชื่องช้า​ เหมือนกับ​ลูกสมุน​ ลู่​เซิ่งไปไหน​ เธอ​ก็​ไปด้วย​

“พรุ่งนี้​ผม​จะออก​ไปด้านนอก​” ลู่​เซิงหยิบ​นม​กับ​ขนมปัง​ออก​มาจาก​ใน​ตู้เย็น​พร้อมกับ​อธิบาย​ไปด้วย​

“ไปด้วย​” หวัง​จิ้งมอง​ลู่​เซิ่งนั่งลง​บน​เก้าอี้​ข้าง​โต๊ะกินข้าว​ เบี่ยง​ตัว​คิด​จะนั่งลง​ใน​อ้อม​อก​เขา​ แต่​ลู่​เซิ่งใช้มือ​ดัน​ไปนั่ง​บน​เก้าอี้​ด้าน​ข้าง​

“อย่างนั้น​อย่า​เพิ่ม​ปัญหา​ให้​ผม​ โอเค​ไหม​” ลู่​เซิ่งกำชับ​

“โอเค​”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด