ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 960 สื่อวิญญาณ (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 960 สื่อวิญญาณ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั้งสอง​กินข้าว​เช้าแบบ​ลวกๆ​ ด้วยกัน​ ใน​ตอนเช้า​ คน​หนึ่ง​อ่านหนังสือ​ คน​หนึ่ง​อยู่​เฉย​ๆ ใช้เวลา​เช้าอย่าง​เบื่อหน่าย​

จุดประสงค์​ใน​การ​มายัง​โลก​ใบ​นี้​ของ​ลู่​เซิ่ง อันดับ​แรก​คือ​การ​หา​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​ให้​เจอ​ ใน​เมื่อ​ตอนนี้​มีเบาะแส​ ขอ​แค่​ทำความเข้าใจ​ว่า​ดวงตา​ดวง​นั้น​เป็น​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​หรือไม่​ ก็​อาจจะ​ยืนยัน​เป้าหมาย​ได้​

ส่วน​การ​ตรวจสอบ​พลัง​แห่ง​ความว่างเปล่า​เป็น​แค่​จุดหมาย​เสริม​เท่านั้น​

กลับ​นึกไม่ถึง​ว่า​ครอบครัว​ที่​จุติ​ลงมา​ใน​ครั้งนี้​ เหมือน​จะไม่ธรรมดา​อยู่​บ้าง​ พี่สาว​หวัง​จิ้งผู้​เป็น​โรคทางจิต​คล้าย​จะซ่อน​ความลับ​ที่​ไม่อยาก​ให้​ใคร​รู้​เอาไว้​

แต่​เขา​ไม่ได้​มีนิสัย​สืบสาว​ถึงต้นตอ​ ใน​เมื่อ​เป็นความลับ​ ก็​หมายความว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่อยาก​บอก​คุณ​

ใน​เมื่อ​ไม่อยาก​ อย่างนั้น​บังคับ​ไปก็​ไม่มีประโยชน์​

พอ​กิน​อาหารกลางวัน​ที่​สั่งจาก​ร้านอาหาร​เสร็จ​ ลู่​เซิ่งก็​คิด​จะไปเดินเล่น​รอบ​ๆ เสียหน่อย​ การ​อยู่​แต่​ใน​ห้อง​ทำให้​อึดอัด​

เขา​เปลี่ยน​เสื้อผ้า​เรียบร้อย​ แต่​ขณะ​จะออก​ไปด้านนอก​

ก๊อก​ๆ

ประตู​ห้อง​กลับ​ถูก​เคาะ​

เขา​เดิน​ไปเปิดช่อง​ประตู​กัน​ขโมย​

คน​ที่​ยืน​อยู่​นอก​ประตู​ กลับเป็น​หญิง​งามที่​มีหุ่น​สูงเพรียว​คน​หนึ่ง​

“จางฉีซวน​หรือ​” ลู่​เซิ่งมอง​เธอ​อย่าง​สงสัย​

“ฉัน​เป็น​ลูกผู้พี่​นาย​นะ​!” จางฉีซวน​เอ่ย​อย่าง​จนปัญญา​ด้วย​สีหน้า​บึ้งตึง​ แต่​เพิ่งจะ​เอ่ยปาก​ ก็​นึกถึง​ฝ่ามือ​ที่​ลู่​เซิ่งยื่น​มาบัง​ไว้​ด้านหน้า​ตัวเอง​ใน​เหตุการณ์​ครั้งนั้น​

หัวใจ​อด​เต้น​ตึก​ตัก​ไม่ได้​ ก่อน​จะข่มอารมณ์​ที่​พลุ่งพล่าน​

“ได้ยิน​มาว่า​พี่สาว​นาย​กลับบ้าน​แล้ว​ ฉัน​เลย​มาเยี่ยม​พี่​จิ้ง” เธอ​ลด​เสียง​ลง​อ​ยาง​ระมัดระวัง​ “พี่​จิ้ง สบายดี​ไหม​”

“สบายดี​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​ “จะเข้ามา​นั่ง​ไหม​ล่ะ​”

“ไม่ ไม่ล่ะ​” จางฉีซวน​สวม​เสื้อยืด​กับ​กางเกง​ยีนส์​ธรรมดา​ แต่​ยังคง​ขับ​รูปร่าง​ที่​อก​ผาย​สะโพก​งอน​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​ นี่​เป็น​ส่วน​ที่​เธอ​มั่นใจ​ใน​ตัวเอง​ที่สุด​

แต่​เวลานี้​ เธอ​กลับ​ลืม​ตาโต​เล็กน้อย​ มอง​หวัง​จิ้งที่​โผล่​ขึ้น​ด้านหลัง​ลู่​เซิ่งอย่าง​กะทันหัน​

ไม่ใช่เกิด​จาก​ความท้อแท้​ที่​รูปร่าง​ถูก​กลบ​ แต่​เป็น​เพราะ​

กลับ​ให้​คน​ที่​เป็น​โรคทางจิต​อย่าง​เธอ​เดิน​เพ่นพ่าน​ใน​บ้าน​!

นี่​มัน​อันตราย​นะ​!

หวัง​จิ้งที่​ยืน​ด้านหลัง​ลู่​เซิ่งเพียง​มอง​เธอ​เงียบๆ​ จางฉีซวน​ก็​รู้สึก​ขนลุกขนพอง​ รูขุมขน​ผุด​ออกมา​เหมือนกับ​หน่อไม้​หลัง​ฝนตก​

“ฉะ ฉัน​ยัง​มีธุระ​ ขอตัว​ก่อน​นะ​!” จากนั้น​เธอ​ก็​หมุนตัว​วิ่งหนี​อย่าง​ทุลักทุเล​โดย​ไม่พูดพร่ำทำเพลง​

ใน​ใจนึกถึง​ข่าว​อันตราย​มากมาย​เกี่ยวกับ​ลูกผู้พี่​ที่​ได้​เคย​ฟังมาก่อนหน้า​

ลู่​เซิ่งมอง​จางฉีซวน​ที่​ตา​ลี​ตาลาน​หนี​ไปอย่าง​สงสัย​ ไม่ต้อง​หันกลับ​ไป เขา​ก็​สัมผัส​ได้​ถึงร่างกาย​อัน​อบอุ่น​ที่​แนบชิด​กับ​แผ่น​หลัง​ของ​ตน​ สัมผัส​อัน​อวบ​อิ่ม​และ​อ่อนนุ่ม​ทำให้​เขา​เทียบ​กับ​จางฉีซวน​ที่​เพิ่ง​หนี​ไปไม่ได้​

“มีแต่​ฉัน​เท่านั้น​ที่​สนองความต้องการ​ของ​เธอ​ได้​” หวัง​จิ้งเริ่ม​พูดจา​ไร้สาระ​อี​กรอบ​

ลู่​เซิ่งชิน​เสียแล้ว​ เขา​ปิดประตู​ เตรียม​จะนอน​กลางวัน​สัก​งีบ​

แน่นอน​ว่า​เปลือกนอก​คือ​การ​งีบ​ ความจริง​คือ​การฝึกฝน​

เช้าตรู่​วัน​ต่อมา​ คน​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ก็​มาถึง

รถ​สีขาว​ปลอด​จอด​ลง​หน้า​ตึก​ ลู่​เซิ่งพา​หวัง​จิ้งที่​สวม​รองเท้า​เดิน​ออกจาก​ลิฟต์​

คนหนุ่ม​ตัดผม​สั้น​ที่​สวม​ชุด​หม่า​กั้ว[​1]สีขาว​สอง​คน​กำลัง​รอ​อยู่​ที่​ด้าน​ข้าง​รถ​ ต่าง​มอง​มาที่​ลู่​เซิ่ง

“เชิญเลย​ศิษย์​น้อง​” คน​หนึ่ง​ใน​นี้​พูด​พลาง​เปิด​ประตู​รถ​

“นาย​คือ​หนึ่ง​ใน​ศิษย์​ห้า​คน​ที่​ครั้งนี้​ทาง​สำนัก​ของ​เรา​ให้ความสำคัญ​มาก​ที่สุด​ ต่อจากนี้​หากว่า​เจริญก้าวหน้า​ ขอให้​ดูแล​มาก​ๆ ด้วย​ล่ะ​ ฉัน​ชื่อ​เฉินฉี​ เขา​ชื่อ​เย​หรู​หลิน​ เข้า​สำนัก​ก่อนหน้า​หลาย​ปี ถือว่า​เป็น​ศิษย์​พี่​ของ​นาย​”

“สวัสดี​ครับ​ศิษย์​พี่​” ลู่​เซิ่งประสานมือ​ แล้ว​ดึง​หวัง​จิ้งเข้ามา​ “นี่​หวัง​จิ้งพี่สาว​ของ​ผม​ ผม​ชื่อ​หวัง​ตง​”

ชายหนุ่ม​ทั้งสอง​คน​มอง​หวัง​จิ้ง แวบ​แรก​คือ​ความ​ความ​ทึ่ง​ แต่​ถัด​จากนั้น​กลับ​บังเกิด​ความ​ขยะแขยง​ที่​ไร้​ที่มา​ขึ้น​ใน​ใจเอง​โดย​อธิบาย​ไม่ได้​

อารมณ์​อัน​ยาก​บร​ยาย​นี้​ ทำให้​พวกเขา​ขวด​คิ้ว​โดยไม่รู้ตัว​ เบือน​สายตา​ออกจาก​ร่าง​หวัง​จิ้งอย่าง​รวดเร็ว​

หวัง​จิ้งชิน​กับ​การเปลี่ยนแปลง​ทาง​สายตา​ใน​ระดับ​นี้​อยู่แล้ว​

รูปลักษณ์​ของ​เธอ​งดงาม​มาก​ ใส่เสื้อผ้า​เซ็กซี่​ กระโปรง​สีขาว​คลุม​ถึงแค่​กลาง​ขาอ่อน​ ถุงน่อง​ดำ​ขับ​ขา​ที่​เรียว​ยาว​และ​สมบูรณ์แบบ​

แต่​ก็​ไม่มีประโยชน์​

สิ่งมีชีวิต​ใดๆ​ ขอ​แค่​เข้าใกล้​เธอ​ ก็​จะเกิด​ความรังเกียจ​ เมื่อ​อยู่​ด้วย​นาน​เข้า​ก็​จะกลายเป็น​ความเคียดแค้น​ชิงชัง สุดท้าย​ก็​จะแปร​เปลี่ยนเป็น​เจตนาร้าย​และ​จิต​สังหาร​

นี่​เป็นธรรมชาติ​ของ​การทำลายล้าง​

การนำพา​สิ่งมีชิวิต​ทุกอย่าง​สู่การทำลายล้าง​ตาม​ธรรมชาติ​ นี่​เป็น​พลัง​พื้นฐาน​สุด​ของ​เธอ​ หรือ​เหตุ​แห่ง​ภัยพิบัติ​

ขณะเดียวกัน​ก็​เป็น​คำสาป​ที่​ชั่วร้าย​ที่สุด​ด้วย​

ความจริง​ตั้งแต่​ยุค​โบราณกาล​เป็นต้นมา​ เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ไม่ได้​มีเพียง​สี่คน​ ใน​ยุค​ที่​มาก​ที่สุด​มีเกิน​สิบ​คน​

ทว่า​ใน​กาลเวลา​อัน​ยาวนาน​ เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ที่​เหลือ​ต่าง​คลั่ง​ขึ้น​ กลายเป็น​สัตว์ป่า​ที่​รู้จัก​แต่​การ​ทำลาย​

ไม่มีใคร​อยู่​ร่วมกับ​พวกเขา​ได้​ ไม่มีใคร​เข้าใจ​พวกเขา​ ความโดดเดี่ยว​ที่​กินเวลา​ยาวนาน​นี้​ทำให้​พวกเขา​สิ้นหวัง​ใน​ท้ายที่สุด​ และ​เลือก​เข้าใกล้​กัน​ เลือก​ใช้คุณสมบัติ​ทำลายล้าง​ของ​อีก​ฝ่าย​ทำลาย​ตัวเอง​ สุดท้าย​ก็​หาย​ไปจาก​หน้า​ประวัติศาสตร์​

หวัง​จิ้งกลับมา​เกิด​ใหม่​ได้​ยี่สิบ​ปี ย่อม​ทราบ​หลาย​ๆ เรื่อง​จาก​บริวาร​

ความจริง​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ที่​เหลืออยู่​ใน​ตอนนี้​มีคน​หนึ่ง​ที่​เป็นบ้า​ กลายเป็น​สัตว์ป่า​ไปแล้ว​ และ​ถูก​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​คนอื่น​ร่วมมือ​กัน​สังหาร​

หมายความว่า​ บน​โลก​ในเวลานี้​เหลือ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​แค่​สามคน​

บางครั้ง​เธอ​ก็​นึก​ว่า​โชคดี​ ถ้าไม่ใช่ตน​เลือก​ลบ​ความทรงจำ​ของ​ทุก​ชาติ​ทิ้ง​ และ​เกิด​ใหม่​อย่าง​ต่อเนื่อง​ เกรง​ว่า​ตอนนี้​เธอ​คง​เลือก​ทำลาย​ตัวเอง​ไปนาน​แล้ว​

เหตุ​แห่ง​ภัยพิบัติ​เหมือน​จะมีขุม​กำลัง​บริวาร​ยิ่งใหญ่​ แต่​ความจริง​ต่าง​ไม่อยาก​อยู่​ใกล้​เธอ​นาน​เกินไป​

พวกเขา​ก็​เหมือนกับ​คนธรรมดา​ หาก​อยู่​ใกล้​เธอ​นาน​เพียง​เล็กน้อย​ ก็​จะถูก​คุณสมบัติ​ทำลายล้าง​ดึงดูด​สู่การทำลายล้าง​ใน​ท้ายที่สุด​

ตึง​

ประตู​รถ​ปิด​ลง​

ศิษย์​พี่​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​นั่ง​อยู่​แถวหน้า​ ลู่​เซิ่งกับ​หวัง​จิ้งนั่ง​อยู่​แถว​หลัง​ หวัง​จิ้งแอบอิง​บน​ตัว​ลู่​เซิ่ง บางครั้ง​ก็​ส่งเสียง​หายใจ​สม่ำเสมอ​แช่มช้า คล้าย​กำลัง​หลับไหล​

ลู่​เซิ่งหันไป​มอง​นอก​หน้าต่าง​

เป็น​เพราะ​หวัง​จิ้งอยู่​ จึงคุย​เรื่อง​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ไม่ได้​ เรื่อง​นี้​จำเป็นต้อง​เก็บ​เป็นความลับ​ต่อหน้า​คนธรรมดา​ เพื่อ​ที่​รัฐบาล​จะได้​จัดการ​ได้​สะดวก​

ลู่​เซิ่งหันไป​มอง​นอก​หน้าต่าง​ด้วย​ความเบื่อหน่าย​ รถ​รา​ที่​ไหลหลั่ง​ไม่ขาดสาย​ถูก​รถ​คัน​นี้​แซงอย่าง​ต่อเนื่อง​

ศูนย์​ใหญ่​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​อยู่​ไม่ไกล​ รถ​แล่น​เป็นเวลา​ราว​หนึ่ง​ชั่วโมง​ หลังจาก​ขับ​เข้า​อุโมงค์​ยาว​สาย​หนึ่ง​แล้ว​ออกมา​อีกครั้ง​ ก็​เข้ามา​ใน​อาณาเขต​อีก​แห่ง​แล้ว​

ภูเขา​เปลี่ยว​สอง​ด้าน​เชื่อม​ต่อกัน​ไปไม่ขาดตอน​ เห็น​หลุมฝังศพ​ขนาด​ต่างๆ​ ได้​ทั่ว​ภูเขา​

สถานที่​บางส่วน​มีสุสาน​แบบ​สั่งทำ​ แต่​ดู​รกร้าง​มานาน​ ไม่มีใคร​ดูแล​

การดำรงอยู่​ของ​หวัง​จิ้งทำให้​ลู่​เซิ่งรู้สึก​การพา​เธอ​ขึ้น​เขา​จะทำ​อะไร​ไม่สะดวก​ ดังนั้น​ตอน​ไปถึงที่​ตีนเขา​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ เขา​ถึงได้​ให้​หวัง​จิ้งไปอยู่​ใน​โรงแรม​ที่​หรู​ที่สุด​ใน​ตัว​อำเภอ​ใต้​ตีนเขา​

จากนั้น​ก็​สั่งให้​เธอ​อย่า​ไปไหน​ แล้ว​ตาม​ศิษย์​พี่​สอง​คน​ขึ้น​เขา​ไป

สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ฟังชื่อ​เหมือน​เก่าแก่​ แต่​ความจริง​ศูนย์​ใหญ่​ตั้งอยู่​ใน​คฤหาสน์​ที่​สร้าง​ขึ้น​บน​สันเขา​

ลู่​เซิ่งซึ่งนั่ง​รถ​ขึ้น​เขา​ไปตาม​ถนนหลวง​ ไม่นาน​ก็​เห็น​ตึก​ใหญ่​ยอด​แหลม​ที่สูง​สิบ​กว่า​ชั้น​ของ​ศูนย์​ใหญ่​

กลุ่ม​สิ่งก่อสร้าง​สีขาว​ดู​ค่อนข้าง​สะดุดตา​เมื่อ​ตั้งอยู่​กลาง​ป่าเขา​สีเขียว​ชะอุ่ม​

มีกำแพง​สูงสีเทา​ห้อม​ล้อมรอบ​กลุ่ม​สิ่งก่อสร้าง​ บน​กำแพง​มีตาข่าย​ไฟฟ้ากับ​กล้องวงจรปิด​ ซ้ำยังมี​คน​คอย​ลาดตระเวน​อยู่​บน​กำแพง​หนา​

หวง​ย่า​กับ​ชาย​หญิง​วัยกลางคน​หน้าตา​เอาจริงเอาจัง​อีก​หลาย​คน​ยืน​รอ​อยู่​ที่​ประตู​ใหญ่​

รถยนต์​จอด​ลง​ ลู่​เซิ่งลง​จาก​รถ​ หวง​ย่า​เข้ามา​ต้อนรับ​

“ไปเถอะ​ คุณ​ลุง​จัดการ​ทุกอย่าง​ไว้​แล้ว​ ไปเข้าร่วม​การ​ทดสอบ​พื้นฐาน​ก่อน​ จากนั้น​จะประเมิน​ขีดจำกัด​ทางกาย​เนื้อ​ของ​นาย​ ดู​ว่า​เหมาะ​จะฝึกฝน​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​วิชา​ไหน​”

“ได้​” ลู่​เซิ่งมองเห็น​สายตา​พิจารณา​ของ​ชาย​หญิง​วัยกลางคน​เหล่านั้น​ ทราบ​ว่า​ถ้าพวกเขา​ไม่มาด้วยตัวเอง​ ก็​คง​ไม่เชื่อ​ว่า​คุณสมบัติ​ของ​เขา​ดี​ขนาด​ไหน​

แต่​นี่​เป็นธรรมชาติ​ของ​คน​

จากนั้น​เขา​ก็ตาม​หวง​ย่า​เข้าไป​ใน​กำแพง​สูง

พวกเขา​หัก​เลี้ยว​หลาย​รอบ​บน​เส้นทาง​ระหว่าง​กลุ่ม​สิ่งก่อสร้าง​ ไม่นาน​ก็​เข้ามา​ใน​สิ่งก่อสร้าง​สูงใหญ่​ที่​มีหลังคา​โดม​เหมือน​เห็ด​

ขณะที่​เดิน​อยู่​ หวง​ย่า​ก็​คอย​แนะนำ​สิ่งที่​ลู่​เซิ่งสนใจ​ให้​ฟังด้วย​

“จะว่า​ไป เดิมที​บน​โลก​นี้​ไม่มีมาร​มายา​หรอก​ ว่า​กัน​ว่า​ อยู่​มาวันหนึ่ง​ ท้องฟ้า​ก็​ปรากฏ​วังวน​ยักษ์​ เหล่า​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​บน​โลก​ต่าง​ก็​มีดวงตา​สำหรับ​มอง​ภายใน​ จึงเห็น​ร่าง​วิญญาณ​ได้​ หลังจาก​วังวน​กลาง​ท้องฟ้า​ปรากฏ​ เหล่า​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ก็​เห็น​แมลง​สีดำ​นับไม่ถ้วน​ที่​ค่อยๆ​ โผล่​มาจาก​ด้านใน​”

“แมลง​สีดำ​เหรอ​”

“ถูกต้อง​ เป็น​เนื้อหา​บน​แผ่น​หิน​แผ่น​นั้น​ แมลง​สีดำ​ หมอก​ดำ​ สัตว์ประหลาด​สีดำ​ สุดท้าย​นี่​ก็​คือ​มาร​มายา​” หวง​ย่า​แนะนำ​อย่าง​เรียบง่าย​

“มาร​มายา​จะกลืน​กิน​ชีวิต​ และ​ให้ความสำคัญ​กับ​การกลืน​กิน​วิญญาณ​ของ​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ก่อน​ ดังนั้น​พวกเรา​กับ​พวก​มัน​จึงเป็น​ศัตรู​กัน​โดยธรรมชาติ​”

ลู่​เซิ่งพยักหน้า​เหมือน​ฉุก​นึก​อะไร​ได้​ ดูเหมือน​มาร​มายา​จะเหมือน​คน​ที่​มาจาก​ที่อื่น​ ข้าม​จาก​มิติ​อื่น​มายัง​ที่นี่​

ทั้งสอง​เข้าไป​ใน​สิ่งก่อสร้าง​รูป​เห็ด​ คน​สวม​ชุด​หม่า​กั้ว​สีขาว​กลุ่ม​หนึ่ง​ด้านใน​รีบ​รุมล้อม​เข้ามา​ เริ่ม​ตรวจสอบ​ค่า​พลัง​และ​ประเมิน​ข้อมูล​ต่างๆ​ ทาง​ร่างกาย​ให้​แก่​ลู่​เซิ่ง

เพียงแต่​เข็ม​เหล็ก​ที่​ผ่าน​การ​เสริม​แกร่ง​กลับ​แทง​ผิว​ลู่​เซิ่งไม่เข้า​

“ผ่อนคลาย​หน่อย​ๆ! ถ้าคุณ​ไม่ผ่อนคลาย​พวกเรา​ก็​เอา​เลือด​ไปตรวจ​ไม่ได้​นะ​” หมอ​ร้อง​ตะโกน​ด้วย​เหงื่อ​ที่​แตก​เต็ม​ศีรษะ​

ลู่​เซิ่งผ่อนคลาย​ร่าง​อย่าง​หมด​คำพูด​

ยุ่ง​อยู่​นานสองนาน​ ก็​เก็บ​หยด​เลือด​มาจาก​ตัว​เขา​ได้​เล็กน้อย​เท่านั้น​

“จากนี้​จะเป็นการ​ทดสอบ​ขีดจำกัด​กาย​เนื้อ​”

หวง​ย่า​เอง​ก็​หมด​คำพูด​เช่นกัน​ พา​ลู่​เซิ่งขึ้น​บน​บน​สังเวียน​ที่​เหมือนกับ​เวทีมวย​

บน​สังเวียน​มีชายฉกรรจ์​ตัดผม​เกรียน​ยืน​อยู่​สักพัก​แล้ว​

“เฮนรี​ ใช้พลัง​วิญญาณ​” ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​เหมือน​จะรู้​ว่า​ร่างกาย​ลู่​เซิ่งแข็งแกร่ง​ ขึ้นไป​สั่งการ​

“เด็ก​ขนาด​นี้​จะไหว​เหรอ​” เฮนรี​มอง​ลู่​เซิ่งที่​มุด​เข้า​เวที​

“เฮนรี​ถึงขีดจำกัด​ของ​ร่างกาย​มนุษย์​เหมือนกัน​ บวก​กับ​พลัง​วิญญาณ​ เมื่อ​รับมือ​กับ​นาย​ น่าจะ​ประเมินค่า​ขีดจำกัด​ของ​นาย​ได้​” หวง​ย่า​แนะนำ​

“อื้อ​” ลู่​เซิ่งยืด​บ่า​ ยืน​อยู่​กลาง​สังเวียน​

นี่​คือ​โอกาส​ โอกาส​ใน​การประเมิน​ระบบ​พลัง​ของ​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ เขา​คิด​จะลอง​ใช้ขีดจำกัด​ร่างกาย​มนุษย์​สิบ​สามเท่า​ ทดลอง​พลัง​พิเศษ​ของ​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ดู​

หวง​ย่า​ยืน​อยู่​ด้านล่าง​สังเวียน​ มอง​ไปยัง​ด้านนอก​กลุ่มคน​ ที่อยู่​รอบนอก​ไม่ไกล​ออก​ไป หวง​อวิ๋น​ซื่อ​มาถึงที่นี่​ตั้งแต่​เมื่อไร​ก็​ไม่รู้​ ด้าน​ข้าง​เขา​ยังมี​คน​ยืน​อยู่​ด้วย​คน​หนึ่ง​

เป็น​หญิงสาว​ผม​ยาว​ผู้​สวม​แว่นตา​สีขาว​ เธอ​ใส่เสื้อคลุม​สีขาว​ บน​หน้าอก​มีลาย​เสือ​ขนาดใหญ่​ที่​แพรวพราว​อยู่​ด้วย​

“เขา​คือ​หนึ่ง​ใน​ห้า​ตัวเลือก​เมล็ด​วิญญาณ​หรือ​” เธอ​ถามเบา​ๆ

“อนาคต​ต้อง​ฝาก​ไว้​บน​ตัว​ห้า​เมล็ด​วิญญาณ​ซึ่งเป็น​คนรุ่นหลัง​อย่าง​พวกเขา​แล้ว​ และ​คน​ที่​ฉัน​ให้ความสำคัญ​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​หวัง​ตง​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กล่าว​อย่าง​ราบเรียบ​ รอย​แผลเป็น​บน​ศีรษะ​สั่น​เล็กน้อย​เวลา​เขา​พูด​

“ก่อนหน้านี้​มีสี่ไม่ใช่หรือ​” หญิงสาว​ขมวดคิ้ว​

“ปรากฏ​ตัวเลือก​ใหม่​ เป็น​เมล็ดพันธุ์​ที่​ย่า​ซวน​ค้นพบ​ที่​ต่างประเทศ​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ตอบ​

“แต่​หวัง​ตง​เป็น​แค่​นักเรียน​ ให้​เฮนรี​ที่​ฝึก​ถึงขีดจำกัด​ร่างกาย​มนุษย์​ใช้พลัง​วิญญาณ​ มีความจำเป็น​หรือ​” หญิงสาว​กังขา​

“เฮนรี​จะออม​มือ​ให้​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​หยี​ตา​ มอง​สอง​คน​บน​สังเวียน​โค้ง​คำนับ​กัน​ เตรียม​จะเริ่ม​

ลู่​เซิ่งพิจารณา​ชายฉกรรจ์​ร่าง​สูงใหญ่​ที่​ยืน​อยู่​ด้านหน้า​

เฮนรี​ก็​พิจารณา​ลู่​เซิ่งที่​ดู​ร่าง​สมส่วน​เช่นกัน​

“ได้ยิน​มาว่า​นาย​เป็นหนึ่ง​ใน​ห้า​เมล็ดพันธุ์​ที่​สำนัก​เลือก​ใน​ครั้งนี้​เหรอ​ ช่างน่าอิจฉา​จริงๆ​ ร่างกาย​อ่อนแอ​อย่าง​นาย​ได้รับ​เลือก​ให้​เป็น​ห้า​เมล็ด​วิญญาณ​เหรอ​เนี่ย​”

เขา​สวม​นวม​และ​ถูเข้าด้วยกัน​

“รู้​ไหม​ว่า​ฉัน​เหม็น​ขี้หน้า​เด็ก​ๆ อย่าง​พวก​นาย​ตรงไหน​” เขา​ชี้ตา​ตัวเอง​

“สายตา​น่ะ​สายตา​”

เฮนรี​หัวเราะ​

“เจ้าหนู​ ฉัน​น่ะ​ไม่ชอบ​สายตา​นาย​ ถ้าถูก​ฉัน​เล่น​เกือบตาย​ก็​อย่า​มาโทษ​ว่า​ฉัน​ไม่เตือน​ล่ะ​”

“ได้ยิน​มาว่า​เด็ก​รุ่น​ๆ เดียว​กับ​นาย​ชอบ​กลับบ้าน​ไปร้องไห้​ขี้มูก​โป่งกับ​แม่ตอน​โดน​เล่นงาน​ที่สุด​หรือไง​นี่แหละ​” เฮนรี​พ่น​คำ​เยาะเย้ย​บน​สังเวียน​ไปเรื่อยๆ​

ลู่​เซิ่งยืน​อยู่​ที่​เดิม​ด้วย​สีหน้า​ไร้อารมณ์​ ไม่ได้​เคลื่อนไหว​อะไร​

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ที่อยู่​ด้านล่าง​เห็น​ดังนั้น​ก็​พยักหน้า​

“โดน​ยั่ว​ขนาด​นี้​แล้ว​ยัง​ไม่เกิด​โมโห​ จิตใจ​ถือว่า​ยอดเยี่ยม​ทีเดียว​”

หญิงสาว​เสื้อคลุม​ขาว​ก็​พยักหน้า​เช่นกัน​

“ดูเหมือน​ครั้งนี้​พวกเรา​จะเจอ​เมล็ดพันธุ์​ที่​ดี​จริงๆ​”

ตูม​!

ยัง​ไม่ทัน​สิ้น​เสียง​ พื้น​ครึ่งหนึ่ง​ของ​สังเวียน​ก็​แยก​ออก​ เงาดำ​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​ออก​ไปดุจ​กระสุน​ปืนใหญ่​ แล้ว​กระแทก​เข้ากับ​กำแพง​ด้านใน​สิ่งก่อสร้าง​

กำแพง​แตก​ออก​ สิ่งก่อสร้าง​สั่น​ไหว​ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง​หล่น​ลง​มาจาก​เพดาน​หลาย​ส่วน​ เผย​ให้​เห็น​รู​โหว่​รูปร่าง​คน​

หญิงสาว​เสื้อคลุม​ขาว​อ้า​ปาก​ตาค้าง​ คน​ที่​เหมือนกับ​เธอ​ยังมี​หวง​อ​วิ่น​ซื่อ​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​

……………………………………….

 

[1] ชุด​หม่า​กั้ว​ คือ​เสื้อคลุม​สั้น​ที่​ใส่ใน​สมัย​ราชวงศ์​ชิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด