ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 961 เบาะแส (1)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 961 เบาะแส (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ก้อนหิน​ก้อน​ใหญ่​ร่วง​กราว​ลง​มาจาก​เพดาน​

คน​ที่​มุงดู​อยู่​โดยรอบ​เหมือน​ตื่น​จาก​ฝัน​ รีบ​หลบ​และ​ป้องกัน​หิน​ที่​ตก​ลงมา​

ลู่​เซิ่งชัก​แขน​ออกจาก​พื้น​ สังเวียน​รอบ​ๆ เขา​เหมือนกับ​ถูก​มังกร​ยักษ์​เหยียบ​ใส่ ปรากฏ​หลุม​ลึก​ขนาด​มหึมา​ที่​มีเส้นผ่าศูนย์กลาง​ห้า​เมตร​กว่า​ๆ

และ​สังเวียน​ก็​มีขนาด​เพียง​หก​เมตร​เท่านั้น​

ตูม​

เงาคน​สาย​หนึ่ง​ร่วง​ดิ่ง​ลง​มาจาก​ใน​รู​โหว่​รูปคน​บน​เพดาน​ กระแทก​กับ​พื้น​ กลิ้ง​ไปหลาย​ตลบ​ ใบหน้า​นั้น​คือ​เฮนรี​

ร่าง​ของ​เขา​ห่อหุ้ม​อยู่​ใน​ม่าน​แสงโปร่งแสง​เบาบาง​ สภาพ​น่าอนาถ​ ใบหน้า​อาบ​เลือด​ แต่​เหมือนว่า​จิตใจ​จะไม่เลว​

“กะ​…เก่ง​มาก​ไอ้​หนู​!” เขา​เค้น​รอยยิ้ม​และ​ยก​นิ้วโป้ง​ให้​แก่​ลู่​เซิ่ง

“ขอโทษ​ที​ ผม​ไม่ได้​ตั้งใจ​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​ขอโทษ​อย่าง​รู้สึก​ผิด​

เขา​มองออก​ว่า​อีก​ฝ่าย​จงใจยั่วโมโห​ เขา​จึงออกแรง​ช่วย​สาธิต​ให้​เขา​เห็น​เท่านั้น​ เพียงแต่​นึกไม่ถึง​ว่า​…

“นี่​คือ​ขีดจำกัด​ของ​เธอ​เหรอ​ ไม่เลว​! ไม่เลว​เลย​!” ด้าน​ข้าง​มีเสียง​ปรบมือ​ดัง​มา

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กับ​หญิง​สวม​เสื้อคลุม​ขาว​ค่อยๆ​ เข้ามา​ใกล้​ แหวก​ฝูงชน​ออกมา​ ใบหน้า​ประดับ​ด้วย​รอยยิ้ม​แตกตื่น​ยินดี​

“กาย​เนื้อที่​แข็งแกร่ง​แบบนี้​จะต้อง​บ่ม​เพาะกาย​วิญญาณ​ที่​แข็งแกร่ง​ถึงขีดสุด​ได้​แน่นอน​!” หญิงสาว​สวม​เสื้อคลุม​ขาว​ถอนใจ​ชมเชย​ “ครั้งนี้​พวกคุณ​โชคดี​จริงๆ​”

“หวัง​ตง​ นี่​ตา​ฉัน​เอง​!” หวง​ย่า​รีบ​วิ่ง​เข้ามา​แนะนำ​

“สวัสดี​ครับ​ผู้อาวุโส​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​ทักทาย​

“ไม่ต้อง​เกรงใจ​ไป” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ “เอาล่ะ​ เฮนรี​เอง​ก็​ไม่เป็นไร​ มีโล่​คุ้มกัน​ฉุกเฉิน​อยู่​ด้วย​ เขา​แค่​บาดเจ็บ​ภายนอก​เท่านั้น​ ดูเหมือน​น่า​ตกใจ​ แต่​ความจริง​แค่​ถลอก​ๆ”

“ไปโถงสำนัก​ด้วยกัน​เถอะ​” เขา​เสนอ​ “คัมภีร์​สื่อ​วิญญาณ​อยู่​ที่นั่น​หมด​แล้ว​”

“หาก​คิด​จะเป็น​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ อันดับ​แรก​ต้อง​เรียน​คัมภีร์​สื่อ​วิญญาณ​ หรือ​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​เสีย​ก่อน​ และ​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ก็​มีหลากหลาย​ประเภท​ สิ่งที่​นาย​ต้อง​ทำ​คือ​การ​ตามหา​ประเภท​ที่​เหมาะกับ​ตัวเอง​มาก​ที่สุด​” หวง​ย่า​อธิบาย​เพิ่ม​

ลู่​เซิ่งพยักหน้า​ มอง​เฮนรี​ที่​ถูก​รุม​ช่วยชีวิต​อยู่​ไม่ไกล​ออก​ไป และ​เอ่ย​อย่าง​เป็นห่วง​อยู่​บ้าง​

“เขา​ไม่เป็นไร​แน่​เหรอ​ครับ​”

“ไม่เป็นไร​หรอก​ การ​คุ้มกัน​จาก​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​จะทำให้​เขา​ฟื้นฟู​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ วางใจ​เถอะ​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ

ลู่​เซิ่งอด​มอง​เฮนรี​อี​กรอบ​ไม่ได้​ เขา​กำลัง​กระอัก​เลือด​คำโต​ออกมา​ หน้า​ซีดเผือด​ ราวกับ​จะขาดใจตาย​ได้​ทุกเวลา​

“ตกลง​ครับ​” ใน​เมื่อ​อีก​ฝ่าย​ว่า​มาแบบนี้​ เขา​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก​

หวง​อ​วิ่น​ซื่อ​กับ​หญิงสาว​สวม​ชุด​คลุม​ขาว​เป็น​ฝ่าย​นำทาง​ กลุ่มคน​เดิน​ไปยัง​สิ่งก่อสร้าง​ทรง​หอคอย​แห่ง​หนึ่ง​ ณ ส่วนลึก​

“การฝึกฝน​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​อันตราย​เป็นอย่างมาก​ หาก​มีปัญหา​หรือ​ข้อขัดข้อง​อะไร​ สามารถ​มาหา​ฉัน​ได้​เลย​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กล่าว​กับ​ลู่​เซิ่งอย่าง​อ่อนโยน​ยิ่ง​ “นี่​เป็น​เบอร์โทรศัพท์​ และ​อีเมลล์​ของ​ฉัน​”

เขา​ส่งกระดาษ​แผ่น​หนึ่ง​ให้​ลู่​เซิ่ง

“ครับ​ ขอบคุณ​ครับ​ผู้อาวุโส​”

“นอกจากนี้​ หลานสาว​ของ​ฉัน​หวง​ย่า​จะพยายาม​ตอบ​สนองความต้องการ​ใน​ชีวิตประจำวัน​ของ​เธอ​อย่าง​เต็มที่​ หาก​มีธุระ​แล้ว​ติดต่อ​ฉัน​ไม่ได้​ ให้​ติดต่อ​เธอ​ก่อน​ได้​เลย​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“เข้าใจ​แล้ว​” ลู่​เซิ่งผงกศีรษะ​

ทุกคน​เดิน​เข้าไป​ใน​หอคอย​สูง

หอคอย​เหมือนกับ​รูป​ของ​ดีเอ็นเอ​ที่​หมุน​ขด​ขึ้น​ด้านบน​ ตรงกลาง​ของ​ตัว​หอคอย​ที่​เหมือนกับ​ห่วง​โซ่ยีน​คือ​ลิฟต์​โลหะ​ที่​บาง​และ​ปลอดโปร่ง​

ตอนที่​ลิฟต์​พุ่ง​ขึ้น​ด้านบน​ มีลม​เย็น​มากมาย​โกรก​เข้ามา​ผ่าน​ร่อง​แยก​

ลิฟต์​ขึ้นไป​ด้านบน​อย่าง​รวดเร็ว​ ชั้น​ที่​สิบ​ ชั้น​ที่​ยี่สิบ​ ชั้น​ที่​สามสิบ​ ตอนที่​ใกล้​จะถึงชั้น​บนสุด​นั่นเอง​

ผัวะ​

“เธอ​รู้​ไหม​ว่า​ตัวเอง​ทำ​อะไร​อยู่​เจินเย่!”​

กลาง​ระเบียง​ใน​หอคอย​ชั้น​ที่สาม​สิบเอ็ด​ทางขวามือ​ ชายหนุ่ม​หล่อเหลา​ผม​ทอง​คน​หนึ่ง​ผลัก​หญิงสาว​บน​ตัว​ออก​ไปอย่าง​กระหืดกระหอบ​ เม้มริมฝีปาก​ล่าง​ที่​เลือด​ออก​ ใช้สายตา​เศร้าใจ​ โกรธแค้น​ และ​ใจสลาย​มอง​หญิงสาว​ที่​เงียบขรึม​ สวม​เสื้อ​สีดำ​สนิท​ และ​สวม​สร้อยข้อมือ​กระดิ่ง​

หวง​ย่า​อด​เอา​มือ​ปิดหน้า​ไม่ได้​

“คนคน​นั้น​คือ​ศิษย์​พี่​ของ​นาย​ เป็นหนึ่ง​ใน​ห้า​เมล็ด​วิญญาณ​ ชื่อ​เฟ่ย​เสี่ยว​ ด้าน​ข้าง​เขา​คือ​เจินเย่​ หนึ่ง​ใน​ศิษย์​เมล็ด​วิญญาณ​ที่​เป็นเพื่อน​สมัย​เด็ก​ของ​เขา​ เจินเย่​ชอบ​เฟ่ย​เสี่ยว​มานาน​แล้ว​ ตอนนี้​ดู​เห​มือ​น.​..”

เธอ​ไม่ได้​พูด​ต่อ​ ตอนนี้​ลู่​เซิ่งเห็น​หญิงสาว​ที่​ชื่อ​เจินเย่​หมุนตัว​วิ่ง​ไป เฟ่ย​เสี่ยว​ยืน​นิ่ง​อยู่กับที่​ สุดท้าย​ก็​ไล่ตาม​ไปด้วย​สีหน้า​เป็นกังวล​

“นึกถึง​สมัย​โน่น​ ฉัน​เอง​ก็​เคย​จีบ​เด็กผู้ชาย​คน​หนึ่ง​เหมือนกัน​” หญิงสาว​เสื้อคลุม​ขาว​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​อ่อนโยน​

“จากนั้น​ล่ะ​” หวง​อวิ๋นฉือ​ถามอย่าง​สงสัย​

“ต่อมา​มาร​มายา​มาถึง เขา​ตาย​ทั้ง​ครอบครัว​” หญิงสาว​เสื้อคลุม​ขาว​ค่อยๆ​ หุบ​ยิ้ม​

“เอาล่ะ​ มาถึงแล้ว​” ลิฟต์​ขึ้นไป​เรื่อยๆ​ จนถึง​ชั้น​บนสุด​

กระแส​อากาศ​กระจาย​ตัว​ ประตู​ลิฟต์​ค่อยๆ​ เปิด​ออก​ เผย​ให้​เห็น​ระเบียง​เย็นเยียบ​ที่​มืด​สลัว​และ​ล้ำลึก​สอง​ฟาก​ข้าง​

“ที​นี่​คือ​ยอด​หอคอย​เหรอ​ครับ​” ลู่​เซิ่งถามพลาง​ขมวดคิ้ว​

“ห​นี่​งใน​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ เคย​ได้ยิน​เรื่อง​ผี​ทะลุ​กำแพง​ไหม​ นี่​เป็นผล​อย่างหนึ่ง​” หวง​อวิ๋น​ชื่อ​อธิบาย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“ผี​ทะลุ​กำแพง​ ความจริง​เป็น​วิชา​วิญญาณ​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​การ​รบกวน​จิตใจ​และ​การ​ใช้ภาพหลอน​อำพราง​ แต่​หลังจาก​ภาพหลอน​นี้​ผ่าน​การพัฒนา​มาหลาย​ปี ก็​มั่นคง​ถึงขีดสุด​แล้ว​” ดังนั้น​พวกเรา​จึงใช้ผี​ทะลุ​กำแพง​สร้าง​ภาพหลอน​บน​ตัว​คน​ และ​บันทึก​สิ่งที่​ต้อง​บันทึก​ลง​ไปใน​ภาพหลอน​”

“ดูเหมือน​มิติ​ทับซ้อน​มาก​ใช่ไหม​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ก้าว​ออกจาก​ลิฟต์​ “แต่​ความจริง​เป็น​ภาพหลอน​ที่​เกิดขึ้น​เพราะ​ประสาทสัมผัส​ของ​เธอ​ได้รับ​ผลกระทบ​เท่านั้น​ ความรู้​และ​วิชา​วิญญาณ​ของ​พวกเรา​ถูก​เก็บ​อยู่​ใน​ภาพหลอน​”

ลู่​เซิ่งเกิด​ความสนใจ​เล็กน้อย​ เก็บ​ความรู้​เอาไว้​ใน​ภาพหลอน​หรือ​ นี่​กลับเป็น​ความคิด​ที่​ไม่เลว​ทีเดียว​

“พวกเรา​มาทำความรู้จัก​กับ​ธรรมชาติ​ของ​มาร​มายา​ก่อน​เถอะ​…”

หวัง​จิ้งนั่ง​อยู่​บน​กรอบ​หน้าต่าง​ ผม​ยา​วสี​ดำ​ปลิว​ตาม​ลม​ เผย​ให้​เห็น​ต่างหู​ดอกบัว​ดำ​ที่​ติด​ไว้​บน​ติ่ง​หู​

เธอ​นั่ง​แบบนี้​มานาน​เท่าไร​ก็​ไม่รู้​ หลังจาก​ลู่​เซิ่งส่งเธอ​มายัง​ห้อง​ของ​โรงแรม​แห่ง​นี้​ เธอ​ก็​นั่ง​อยู่​ตำแหน่ง​นี้​มาโดยตลอด​ ไม่ขยับ​ไปไหน​

“เจอ​หรือยัง​ สิ่งที่​น้องชาย​ฉัน​ต้องการ​หา​ ของ​สิ่งนั้น​” เธอ​โพล่ง​ถาม

“นาย​ข้า​ ให้​เวลา​พวกเรา​อีกหน่อย​เถอะ​…มีเบาะแส​บ้าง​แล้ว​” เสียง​ผู้หญิง​ที่​แหลม​สูงคน​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​ใน​ห้อง​

“เร่งมือ​เข้า​เถอะ​ ฉัน​อยาก​จะมอบ​ความประหลาดใจ​ให้​เขา​” หวัง​จิ้งเอ่ย​อ​ยาง​ราบเรียบ​

“นอกจากนี้​ นาย​ข้า​ ประมุข​แห่ง​บูรพา​กำลังจะ​ตื่น​แล้ว​ ต้องการ​ตามตัว​บุตรี​ของ​ตัวเอง​กลับ​ไป…ท่าน​ว่า​”

“ไม่ต้อง​สนใจ​” หวัง​จิ้งสีหน้า​ไม่เปลี่ยนแปลง​ “บน​โลก​ใบ​นี้​ไม่ใคร​ขัดขืน​ฉัน​ได้​ ต่อให้​เป็น​เขา​ ก็​ไม่เว้น​”

“แต่​ทำ​แบบนี้​ต่อไป​จะดี​จริงๆ​ หรือ​” เสียง​ผู้หญิง​เสียง​นั้น​ถามเบา​ๆ

“ไปเสีย​” หวัง​จิ้งหลับตา​ ไม่พูด​อะไร​อีก​

เสียง​ผู้หญิง​ทราบ​ว่า​ตน​พลั้งปาก​ไป จึงเงียบเสียง​ และ​จากไป​ไกล​อย่าง​รวดเร็ว​

ตูม​

การ​สั่นสะเทือน​เบา​ๆ ส่งมาจาก​พื้น​หอคอย​

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ที่​กำลัง​อธิบาย​ประวัติ​การศึกษา​มาร​มายา​ให้​ลู่​เซิ่งฟังชะงัก​ไปเล็กน้อย​

“ผู้อาวุโส​ นักโทษ​ฝ่าวงล้อม​ที่สาม​ได้​แล้ว​ ตอนนี้​เทวทูต​เจ็ด​เค​หาสน์​กำลัง​ล้อม​จับกุม​อยู่​ ยัง​ขวาง​มัน​ไว้​ไม่ได้​ค่ะ​” ผู้หญิง​ที่​สวม​เสื้อ​แนบเนื้อ​สีแดงเข้ม​คน​หนึ่ง​ปรากฏตัว​ขึ้น​ด้าน​ข้าง​หวง​อ​วิ่น​ซื่อ​และ​รายงาน​เบา​ๆ

“พวก​มัน​ฝ่าวงล้อม​ได้​ยังไง​ ฉัน​จำได้​ว่า​แจ้งให้​ตา​เฒ่าเก้า​ไปแล้ว​นี่​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​นิ่วหน้า​ ถามเสียงทุ้ม​ต่ำ​

“สถานการณ์​แน่ชัด​ๆ ยัง​ไม่ทราบ​ค่ะ​ แต่​เจ้านั่น​สนิท​กับ​นาย​น้อย​ พวกเรา​สัมผัส​ได้​ถึงคลื่น​ที่​กระจาย​ขึ้น​บน​ตัว​นาย​น้อย​ เป็นไปได้​ว่า​จะ…” หญิง​คลุม​หน้า​รายงาน​

“เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ​” หญิงสาว​สวม​เสื้อคลุม​ขาว​ถาม

“เรื่องเล็ก​ๆ น่ะ​ มาร​มายา​สาย​เลือดผสม​มนุษย์​ตน​หนึ่ง​เกิด​คลั่ง​ขึ้น​มา ทำร้าย​คน​ไปไม่น้อย​ สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ของ​เรา​ส่งคน​ไปจัดการ​แล้ว​ เพียงแต่​นึกไม่ถึง​ว่า​เจ้าเลือดผสม​นั่น​จะมีความเกี่ยวข้อง​กับ​เจ้าลูก​ชั่ว​ด้วย​ ไม่ทราบ​ใช้วิธี​อะไร​ล่อลวง​เขา​”

“พวกเรา​จัดการ​ได้​แน่​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​เอ่ย​อย่าง​มั่นใจ​เต็ม​ร้อย​

“อย่างนั้น​ก็ดี​” หญิงสาว​สวม​เสื้อคลุม​ขาว​พยักหน้า​

ลู่​เซิ่งยืน​มอง​หวง​ย่า​อยู่​ด้าน​ข้าง​ หญิงสาว​คน​นี้​กำลัง​อธิบาย​สถานการณ์​ให้​เขา​ฟังเบา​ๆ

“เดิมที​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ของ​เรา​มีหน้าที่​รักษา​ความมั่นคง​ใน​ที่ลับ​ของ​สาธารณรัฐ​ ดังนั้น​แม้ว่า​มาร​มายา​กับ​เลือดผสม​เผ่า​มนุษย์​จะเป็น​มาร​มายา​ แต่​ก็​เป็น​ตัวแปร​ที่​ไม่แน่นอน​ถึงขีดสุด​เช่นกัน​ จำเป็นต้อง​ปราบปราม​ให้ได้​”

“ดังนั้น​เลย​เกิด​ปัญหา​ แถมยังมี​พวก​เดียวกัน​เข้าร่วม​ด้วย​หรือ​” ลู่​เซิ่งย้อน​

หวง​ย่า​สะอึก​ แต่​ยังคง​เค้น​รอยยิ้ม​ออกมา​ได้​

“นี่​เป็น​แค่​อุบัติเหตุ​ มีผู้เฒ่า​ที่​เก้า​ออกหน้า​ เชื่อ​ว่า​ไม่นาน​ก็​แก้ไข​ได้​”

“ดีแล้ว​” ลู่​เซิ่งไม่สนใจ​เรื่อง​ใน​บ้าน​คนอื่น​

“ฉัน​จะอธิบาย​ประวัติ​การศึกษา​มาร​มายา​ให้​ฟังต่อ​นะ​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​สั่งการ​ไปพอประมาณ​ ก่อน​จะหมุนตัว​มาพูด​ต่อ​

“ตั้งแต่​อดีต​จนถึง​ปัจจุบัน​ การศึกษา​มาร​มายา​ของ​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ได้​ทำ​มาหลาย​พันปี​แล้ว​…” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ยัง​ไม่ทัน​พูด​จบ​ หอคอย​ก็​สั่นสะเทือน​อีกครั้ง​

ไม่นาน​ก็​มีคน​สวม​เสื้อ​สีแดง​คน​หนึ่ง​มาพูดคุย​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​อี​กรอบ​

“ย่า​ย่า​ หลาน​ไปจัดการ​ปัญหา​นี้​หน่อย​”

หวง​ย่า​พยักหน้า​ ก่อน​จะค่อยๆ​ ล่าถอย​ไป

“เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​” ลู่​เซิ่งถามตามตรง​

“มีหนู​สอง​ตัว​เข้ามา​ใน​สำนัก​ ไม่ต้อง​สนใจ​ เดี๋ยว​ก็​จัดการ​ได้​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​เอ่ย​อย่าง​ราบเรียบ​

ทว่า​เขา​นึกถึง​เรื่อง​หนึ่ง​ทันที​

“เอาเถอะ​ เธอ​อยาก​จะเห็น​ว่า​การต่อสู้​ที่​แท้จริง​ของ​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​เป็น​ยังไง​ไม่ใช่เหรอ​ ตามมา​ดู​กับ​ฉัน​สิ”

“ได้​เหรอ​ครับ​” ดวงตา​ของ​ลู่​เซิ่งฉายแวว​ตื่นเต้น​

“ได้​สิ ย่า​ย่า​ลงมือ​ เดี๋ยวเดียว​ก็​จัด​การคน​บุกรุก​ได้​ ถึงเธอ​จะยังอยู่​ใน​ระดับ​เงิน​ แต่​ห่าง​จาก​ระดับ​ใบไม้​ทองคำ​แค่​ก้าว​เดียว​เท่านั้น​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​พา​ทุกคน​ลง​ลิฟต์​อีกครั้ง​

ตอนที่​ลง​ไปถึงชั้นล่าง​สุด​ เพิ่งจะ​เดิน​ออกจาก​ลิฟต์​ ก็​เห็น​ศิษย์​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ถูก​เล่นงาน​กอง​อยู่​เต็ม​พื้น​ด้านหน้า​หอคอย​

สิ่งที่​น่าอัศจรรย์​ก็​คือ​ ศิษย์​ทุกคน​ได้รับบาดเจ็บ​จน​สลบ​ไป ไม่มีใคร​เสียชีวิต​

หวง​ย่า​ถือ​หอก​ยาว​ต่อสู้​กับ​คนหนุ่ม​ผม​ขาว​ที่​สวม​เสื้อกล้าม​สีแดง​คน​หนึ่ง​

ใน​มือ​คนหนุ่ม​คือ​ขวาน​ศึก​เป็นประกาย​วาววับ​ การเคลื่อนไหว​กลับ​ไม่ได้​หนักอึ้ง​เท่า​คนอื่นๆ​ ที่​ถือ​อาวุธ​หนัก​

ค่อนข้าง​ปราดเปรียว​ทีเดียว​

เค​ร้ง!​

ขวาน​ศึก​วาด​เป็น​ร่องรอย​ประหลาด​ฟัน​ใส่หอก​ของ​หวง​ย่า​อย่าง​แรง​ แรงกดดัน​อัน​หนักอึ้ง​กระแทก​เธอ​ถอยหลัง​ออก​ไปหลาย​ก้าว​

การต่อสู้​ของ​คน​ทั้งสอง​ไม่ได้​น่าดู​เท่าไร​ ดู​เหมือนกับ​คนธรรมดา​ที่​ร่ายรำ​อาวุธ​สอง​คน​กำลัง​ประหัตประหาร​กัน​

ไม่มีเอฟ​เฟค​พิเศษ​ แต่ว่า​ลู่​เซิ่งก็​มอง​ความ​อันตราย​ออก​

“คนธรรมดา​หรือ​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​มองออก​ว่า​เด็กหนุ่ม​ผม​ขาว​คน​นั้น​เป็น​คนธรรมดา​ แต่​คนธรรมดา​คนเดียว​กลับ​บุก​ตะลุย​มาถึงที่นี่​ได้​ แม้แต่​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​มากมาย​ขนาด​นี้​ก็​เอาไม่อยู่​หรือ​

เวลานี้​ศิษย์​เมล็ด​วิญญาณ​สอง​คน​อย่าง​เจินเย่​กับ​เฟ่ย​เสี่ยว​ที่​เจอ​ก่อนหน้า​มาถึงแล้ว​ ไม่เพียง​เท่านั้น​ ยังมี​ชาย​ชรา​ที่​มีกลิ่นอาย​เหี้ยมหาญ​หลาย​สาย​ และ​สวม​เกราะ​หนัง​กับ​ชุด​ต่อสู้​สีดำ​รุด​มาถึงเช่นกัน​

“หยุด​มือ​!” ชาย​ชรา​ส่งเสียง​อย่าง​ฉับพลัน​

หวง​ย่า​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​กระโดด​ตีลังกา​ถอยหลัง​ครั้งหนึ่ง​ ล่าถอย​ออกจาก​วง​ต่อสู้​อย่าง​ผ่อนคลาย​ แล้วไป​ถือ​หอก​ยาว​ยืน​อยู่​ข้าง​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​

เด็กหนุ่ม​ผม​ขาว​หยุด​คม​ขวาน​ ช้อนตา​มอง​รอบข้าง​

“เอา​สมบัติ​ครอบครัว​คืน​มาให้​ฉัน​นะ​!” สายตา​ของ​เขา​ฉายแวว​โมโห​ใน​ความ​เย็นชา​

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด