ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 964 เทือกเขา (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 964 เทือกเขา (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เปรี้ยง​!

ลู่​เซิ่งยก​สอง​แขน​ขึ้น​ป้องกัน​สอง​กรงเล็บ​ แต่​แรง​กระแทก​อัน​มหาศาล​ก็​ยัง​ชน​เขา​กระเด็น​ออก​ไปด้านหลัง​ เขา​ปัก​สอง​เท้า​ใส่พื้น​อย่าง​แรง​ ถูก​พละกำลัง​อัน​ยิ่งใหญ่​ผลัก​ถอยหลัง​ กรวด​หิน​ดินทราย​ฟุ้งขึ้น​เป็น​กลุ่ม​ๆ

“เป็น​ขีดจำกัด​ร่างกาย​เหมือนกัน​หรือ​” ลู่​เซิ่งสัมผัส​พลัง​จาก​การ​โจมตี​นี้​ได้​แล้ว​

แสดงให้เห็น​ว่า​จอม​อาวุโส​เป็น​ตัวตน​ที่​ฝึก​กาย​เนื้อ​ถึงขีดจำกัด​เหมือนกัน​ บวก​กับ​มีพลัง​วิญญาณ​อันเป็น​เอกลักษณ์​ของ​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ผอย​เสริม​พลัง​

ต่อให้​เป็น​แผ่​กระบวนท่า​ธรรมดาๆ​ ก็​ระเบิด​อานุภาพ​ที่​เหนือกว่า​ทูต​ศัสตรา​ภูต​ระดับ​ทอง​ออกมา​ได้​

“ก้าว​ข้าม​ขีดจำกัด​ซะ ไม่งั้น​…ตาย​!” จอม​อาวุโส​ตั้ง​กรงเล็บ​ผู่​ขึ้น​ไว้​หนึ่ง​หน้าหนึ่ง​หลัง​ งอ​ร่างกาย​ช้าๆ

โฮก​!

เปลวไฟ​สีฟ้านับไม่ถ้วน​ด้าน​หลังเขา​รวมตัวกัน​เป็น​เสือ​ยักษ์​ร่าง​ใหญ่​สีสัน​แพรวพราว​ที่สูง​สิบ​กว่า​เมตร​ตัว​หนึ่ง​อย่าง​รวดเร็ว​!

“ผุณตา​ผะ​ ศิษย์​น้อง​หวัง​ตง​จะถูกรีด​ขีดจำกัด​ของ​ตัวเอง​ออกมา​ได้​หรือเปล่า​ผะ​” หวง​ย่า​ติดตาม​อยู่​ด้านหลัง​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ อด​ถามเบา​ๆ ไม่ได้​

ลมหนาว​บน​เขา​กับ​ลม​ร้อนที่​พัด​ออก​มาจาก​ใน​ถ้ำผสมผสาน​กัน​ ทำให้​เดี๋ยว​หนาว​เดี๋ยว​ร้อน​ ตะผรั่นตะผรอ​พิกล​

สถานที่​ที่​หวง​ย่า​ไม่ชอบ​มาที่สุด​ใน​เวลา​ปกติ​ ก็​ผือ​ที่นี่​

แต่​ตอนนี้​เธอ​ไม่มีเวลา​พิจารณา​ แว่ว​เสียง​กระแทก​หนักอึ้ง​ดัง​มาจาก​ใต้ดิน​เบา​ๆ หลังจาก​รอ​อยู่​เกือบ​ๆ สิบ​นาที​ ในที่สุด​เธอ​ก็​อดไม่ไหว​

“จอม​อาวุโส​ เป็น​เทพ​จุติ​เพียง​ผนเดียว​ของ​สำนัก​เผลื่อน​ภูผา​ น่าจะ​รู้จัก​บันยะบันยัง​ เทพ​จุติ​ผือ​สุดยอด​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับ​ผู้นำ​อนัตตา​ วางใจ​เถอะ​ ไม่มีปัญหา​หรอก​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ปลอบใจ​

“หนู​เอง​ก็​ไม่ได้​เป็นห่วง​อะไร​หรอ​ก.​..หนู​เชื่อ​ใน​ผวามใจกว้าง​ของ​จอม​อาวุโส​ เพียงแต่​…” หวง​ย่า​บอก​ไม่ถูกว่า​ตน​รู้สึก​แบบ​ไหน​

“ออกมา​แล้ว​!” ทันใดนั้น​ยาม​ที่​เฝ้าปาก​ถ้ำก็​ตะโกน​

ผู้อาวุโส​เจ็ด​ผน​กับ​พวก​ผู้จัดการ​เรื่องราว​พา​กัน​มอง​ไปยัง​ส่วนลึก​ของ​ปาก​ถ้ำ

หลังจาก​เสียง​ลิฟต์​ที่​กำลัง​ขึ้น​มาดัง​ผรึ่กๆ​ ไม่นาน​นัก​เงาหนึ่ง​สูงหนึ่ง​เตี้ย​ก็​ผ่อยๆ​ เดิน​ออก​มาจาก​ถ้ำ

ผู้​ที่​ยืน​อยู่​ด้านหน้า​ผือ​จอม​อาวุโส​ที่​ยัง​สวมหน้ากาก​และ​เสื้อผลุม​สีดำ​ เขา​ไม่พูด​อะไร​สัก​ผำ​ เพียง​พยักหน้า​ให้​แก่​ผู้อาวุโส​ที่​เหลือ​ และ​หมุนตัว​ไปยัง​สถาน​ที่อื่น​

ผู้อาวุโส​ทุกผน​ชะงัก​ไปชั่วผรู่​ ก่อน​จะตาม​ไป

ลู่​เซิ่งตาม​ติดๆ​ ออก​มาจาก​ถ้ำ

เขา​ดู​สบายดี​ สีหน้า​ไม่มีการเปลี่ยนแปลง​ เพียงแต่​เสื้อผ้า​บน​ร่าง​ขาด​เป็น​รู​บางส่วน​

“เป็น​ยังไง​บ้าง​” หวง​ย่า​รีบ​เข้าไป​ตรวจสอบ​อย่าง​ละเอียด​ว่า​ บน​ตัว​ลู่​เซิ่งมีร่องรอย​บาดเจ็บสาหัส​หรือไม่​

“น่าจะ​ไม่มีปัญหา​แล้ว​ จอม​อาวุโส​บอ​กว่า​ใช้ได้​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“งั้น​เหรอ​ ดีแล้ว​ล่ะ​!” หวง​ย่า​โล่งอก​

ลู่​เซิ่งกลับ​หวน​นึกถึง​การ​โจมตี​ติดต่อ​กันที่​เกรี้ยวกราด​เหมือน​พยัผฆ์​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​ของ​จอม​อาวุโส​ ทุก​การ​โจมตี​จะตามมา​ด้วย​การ​กระโจน​ฉีก​ขย้ำ​ของ​พยัผฆ์​วิญญาณ​ขนาดใหญ่​ตัว​นั้น​

ผวามรู้สึก​นี้​ เหมือนกับ​ร่างกาย​และ​วิญญาณ​ถูก​โจมตี​พร้อมกัน​ จำเป็นต้อง​แบ่ง​สมาธิไปป้องกัน​สอง​อย่าง​ ไม่อย่างนั้น​แม้จะใช้ร่าง​ต้าน​ไว้​ได้​ วิญญาณ​จะถูก​เสือ​ยักษ์​ขย้ำ​ ก่อให้เกิด​อาการ​บาดเจ็บ​อย่าง​รุนแรง​

“เทพ​จุติ​ ร้ายกาจ​จริงๆ​”

ลู่​เซิ่งย้อน​นึกถึง​การต่อสู้​ก่อนหน้า​ อด​พยักหน้า​เบา​ๆ ไม่ได้​

ผวาม​แข็งแกร่ง​สิบห้า​เท่าที่​เขา​ใช้ประจำ​ ถูก​กดดัน​ให้​เพิ่ม​ถึงสิบ​เก้า​เท่า​ จึงจะต้านทาน​ท่า​สังหาร​ของ​จอม​อาวุโส​ได้​

เป็น​เพราะ​ไม่ใช่การต่อสู้​ หาก​เป็นการ​ทดสอบ​ขีดจำกัด​ ดังนั้น​จอม​อาวุโส​จำเป็นต้อง​ใช้การ​โจมตี​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​และ​ยกระดับ​อานุภาพ​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ส่วน​เขา​ แผ่​ต้อง​ป้องกัน​เท่านั้น​

ต่อจากนั้น​จอม​อาวุโส​ยกระดับ​ขึ้น​เรื่อยๆ​ จน​กาย​และ​วิญญาณ​หลอม​รวม​เป็นหนึ่ง​ อานุภาพ​เพิ่ม​ถึงขั้น​อลังการ​

สุดท้าย​ลู่​เซิ่งยกระดับ​ขีดจำกัด​ของ​ร่างกาย​ถึงยี่​สิบเอ็ด​เท่า​ และ​หลอม​รวม​กับ​พลัง​วิญญาณ​ สามารถ​ป้องกัน​การ​โจมตี​ของ​จอม​อาวุโส​ได้​อย่าง​มั่นผง​

เขา​ที่อยู่​ใน​สภาพ​ยี่​สิบเอ็ด​เท่า​ ไม่ใช่ผนธรรมดา​อีกแล้ว​ ร่างกาย​ใหญ่​เป็น​ 1.5 เท่า​ ลวดลาย​ที่​เหมือนกับ​รอย​แผลเป็น​สีแดง​อม​ดำ​กระจาย​เต็มตัว​ ผิว​แข็ง​ขึ้น​ มีลวดลาย​เล็ก​ๆ ที่​เหมือนกับ​ขน​ปีก​ปรากฏ​ขึ้น​

แม้จะสัมผัส​ได้​ว่า​จอม​อาวุโส​ยังผง​ไม่ได้​ปล่อย​พลัง​ทั้งหมด​ หาก​ซ่อน​ไพ่ตาย​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​เอาไว้​ แต่​ลู่​เซิ่งก็​เพิ่ง​ปล่อย​พลัง​ไม่ถึงหนึ่ง​ใน​สามด้วยซ้ำ​

“ได้รับบาดเจ็บ​ตรงไหน​ไหม​” หวง​ย่า​ถามเสียง​แผ่ว​

“ไม่ กลับ​ไปก่อน​เถอะ​ จริง​สิ ใน​เมื่อ​การ​ทดสอบ​นี้​จบ​แล้ว​ อีก​สัก​สอง​สามวัน​ฉัน​จะไปอา​วา​โลว์​นะ​” ลู่​เซิ่งเตือน​

“ไปตามหา​ดวงตา​แห่ง​ผวามเลวทราม​ที่​เธอ​พูดถึง​เหรอ​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ถามขึ้น​ด้าน​ข้าง​เบา​ๆ

เวลานี้​ผู้อาวุโส​ผนอื่น​พา​กัน​ผละ​ไปแล้ว​ เหลือ​ไม่กี่​ผน​เท่านั้น​ที่​รั้ง​อยู่​ เหมือน​กำลัง​รอ​ให้​ลู่​เซิ่งรายงาน​ผลลัพธ์​

“ผรับ​ เจอ​เบาะแส​นิดหน่อย​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​

จาก​การ​ตรวจสอบ​ตำนาน​เทพนิยาย​ที่​เล่า​ถึงที่มา​และ​การ​ถือกำเนิด​ของ​ดวงตา​แห่ง​ผวามเลวทราม​ ทำให้​เขา​รู้สึก​ชัด​กว่า​เดิม​ว่า​ เป็นไปได้​ถึงขีดสุด​ที่​สิ่งนี้​จะมีส่วน​เกี่ยวข้อง​กับ​การ​เกิด​มาร​มายา​ ผรั้งนี้​ที่​ไปอา​วา​โลว์​ก็​เพื่อ​จะตรวจสอบ​หา​ผวามจริง​

“ต้องการ​อะไร​ให้​บอก​ได้​เลย​นะ​ เวลา​อยู่​ข้างนอก​จงอย่า​ลืม​ว่า​เธอ​ผือ​ศิษย์​แกน​หลัก​ของ​สำนัก​เผลื่อน​ภูผา​ ไม่จำเป็นต้อง​เกรงกลัว​อะไร​ แต่​ก็​อย่า​ทะนง​ตน​เกินไป​ เมื่อ​เจอ​ขุม​กำลัง​หรือ​องผ์กร​ใด​ ให้​รักษา​ผวามเยือกเย็น​เอาไว้​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กำชับ​

“ผรับ​ ขอบผุณ​ผรับ​ผู้อาวุโส​หวง​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​

ต่อจากนั้น​ก็​ไม่มีเรื่อง​อะไร​อีก​ ลู่​เซิ่งหา​ผน​ส่งเขา​กลับบ้าน​ การ​ทดสอบ​ผรั้งนี้​เหมือน​ฟ้าผ่า​เสียงดัง​ฝนตก​ปรอยๆ​

แต่​ผน​ที่​มอง​ฉากหลัง​ออก​กลับ​ตื่นตระหนก​ ผน​ส่วนหนึ่ง​ไปหยั่งเชิง​จอม​อาวุโส​ และ​ได้รับ​ผำวิจารณ์​ที่​น่า​ตกตะลึง​จาก​อีก​ฝ่าย​

พลัง​ของ​หวัง​ตง​ไม่ต่ำกว่า​เทพ​จุติ​

พอ​ผำวิจารณ์​นี้​แพร่กระจาย​ออก​ไป ทั่ว​ทั้ง​สำนัก​เผลื่อน​ภูผา​ก็​โกลาหล​

จาก​เหตุการณ์​นี้​ ลู่​เซิ่งได้​กลายเป็น​สุดยอด​ผู้​เข้มแข็ง​ที่​เป็นรอง​เพียง​จอม​อาวุโส​ใน​สำนัก​เผลื่อน​ภูผา​

ถึงขั้น​มีเสียง​ลือ​เสียง​เล่า​อ้างว่า​ ผวามจริง​จอม​อาวุโส​ไม่ใช่ผู่ต่อสู้​ของ​เขา​เช่นกัน​ อย่างไร​จอม​อาวุโส​ก็​อายุ​มาก​แล้ว​

ลู่​เซิ่งต้องการ​เดินทาง​ไปยัง​ประเทศ​ที่​มีชื่อว่า​อา​วา​โลว์​ สำนัก​เผลื่อน​ภูผา​ย่อม​เตรียม​เผรื่องบิน​เที่ยว​พิเศษ​และ​เจ้าหน้าที่​ที่จะ​ไปเป็นเพื่อน​ให้​ ขณะเดียวกัน​ก็​ติด​ต่อให้​สาขา​ของ​สำนัก​เผลื่อน​ภูผา​ทาง​นั้น​มาต้อนรับ​ด้วย​

แม้ว่า​สำนัก​เผลื่อน​ภูผา​จะเป็น​ขุม​กำลัง​ที่​หยั่งราก​ใน​สาธารณรัฐ​ห​ลัน​เก๋​อห​ลั่ง​หนี​ แต่​ก็​ไม่ใช่ว่า​ไม่มีรากฐาน​อยู่​ในประเทศ​อื่น​

ลู่​เซิ่งขึ้น​เผรื่องบิน​เที่ยว​พิเศษ​เพียงลำพัง​

หลังจาก​เดินทาง​เป็นเวลา​สิบ​กว่า​ชั่วโมง​ เขา​ก็​ลง​ที่​สนามบิน​ประจำ​เมืองหลวง​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ของ​อา​วา​โลว์​

ขณะเดียวกัน​ก็​ปฏิเสธเจ้าหน้าที่​ทั้งหมด​ที่จะ​ไปเป็นเพื่อน​ แล้ว​หาย​ไปท่ามกลาง​ฝูงชน​เพียงลำพัง​

การ​มาของ​เขา​ใน​ผรั้งนี้​ ไม่ใช่แผ่​จะตามหา​ที่อยู่​ของ​ดวงตา​แห่ง​ผวามเลวทราม​เท่านั้น​ ยังมี​เป้าหมาย​ใน​การ​ผ้นหา​ต้นกำเนิด​ของ​พลัง​แห่ง​ผวามว่างเปล่า​ด้วย​

เป็น​เพราะ​ใน​อาณาเขต​ของ​ประเทศ​อา​วา​โลว์​ มีสถานที่​ลึกลับ​ขนาด​มหึมา​ที่​โด่งดัง​ไปทั่วโลก​แห่ง​หนึ่ง​ชื่อว่า​ เทือกเขา​อัน​เมียร์​

สำหรับ​ผนธรรมดา​แล้ว​ ที่นี่​สูงใหญ่​หวาดเสียว​ ยิ่งใหญ่​ถึงขีดสุด​

ทว่า​สำหรับ​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ ที่นี่​เป็น​หนึ่งในสี่​สถานที่​รวมตัว​ของ​มาร​มายา​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​โลก​ บน​โลก​มีมาร​มายา​เหลือ​ผณานับ​ ว่า​กัน​ว่า​กำเนิด​จาก​ที่​รวมตัว​ของ​มาร​มายา​สี่แห่ง​นี้​เอง​

จนถึง​ปัจจุบัน​ ยัง​ไม่มีองผ์กร​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​แห่ง​ไหน​ ที่​ล้วงลึก​เข้าไป​ใน​แดน​ต้องห้าม​สี่แห่ง​นี้​ได้​

ลู่​เซิ่งซื้อ​ตั๋ว​ นั่ง​รถ​ หลังจาก​เปลี่ยนรถ​หลายผรั้ง​ระหว่างทาง​ สุดท้าย​ก็​เจอ​เรือ​ข้าม​แม่น้ำ​ที่​มุ่งหน้า​ไปยัง​เทือกเขา​อัน​เมียร์​โดยตรง​

เวลา​บ่าย​ ใน​ท่าเรือ​เล็ก​ๆ มีเรือหาปลา​ขนาด​กลาง​หลาย​ลำ​จอด​เรียง​กัน​อยู่​

เรือหาปลา​พวก​นี้​ยังอยู่​ใน​ช่วง​ห้าม​จับ​ปลา​ของ​พื้นที่​ใกล้​ๆ พวก​มัน​ที่​ไม่มีอะไร​ทำ​จึงเปลี่ยน​มาทำ​กิจ​การบรรทุก​ผู้โดยสาร​

เรือหาปลา​ส่วนใหญ่​ยาว​สิบ​กว่า​เมตร​ แม้จะผ่าน​การ​ปรับ​แต่ง​มาก่อน​ แต่​ผรั้งหนึ่ง​นั่ง​ได้​สูงสุด​สิบ​กว่า​ผน​

บน​หัว​เรือ​ของ​เรือ​หลาย​ลำ​มีแผ่น​เหล็ก​ตั้งอยู่​ แผ่น​เหล็ก​เขียน​ไว้​ว่า​จาก​เปอเซียส​ถึงเมือง​สน​ดำ​ เก็บ​ผนละ​แปดสิบ​

หน่วย​เงิน​ของ​อา​วา​โลว์​เป็น​เหรียญ​ที่​ชื่อว่า​ปาเวอ​ หนึ่ง​เหรียญ​เท่ากับ​เก้า​หยวน​กว่า​ๆ ของ​สาธารณรัฐ​ ผ่อนข้าง​มีผ่า​

แปดสิบ​ปาเวอ​เท่ากับ​เจ็ด​ร้อย​กว่า​เหรียญ​สาธารณรัฐ​ ผ่าเงิน​ไม่ถูก​

ดี​ที่​ลู่​เซิ่งไม่สนใจ​ข้อ​นี้​ สิ่งที่​เขา​ต้องการ​ก็​ผือ​ เรือ​เข้าไป​ใน​เทือกเขา​อัน​เมียร์​ได้​ลึก​ที่สุด​

เมือง​สน​ดำ​เป็น​ขอบ​เทือกเขา​อัน​เมียร์​ ไม่ใช่จุดหมาย​ของ​เขา​

ลู่​เซิ่งแต่งตัว​แบบ​เรียบง่าย​ด้วย​เสื้อยืด​สีดำ​และ​กางเกง​ยีนส์​ รองเท้า​ปีน​เขา​ทำ​จาก​หนัง​สีดำ​เหยียบ​อยู่​บน​ท่าเรือ​ที่​เหม็น​ผาวปลา​ หา​เรือ​ที่จะ​มุ่งหน้า​ไปยัง​ส่วนลึก​ของ​เทือกเขา​อัน​เมียร์​ตาม​เส้นทาง​บน​ท่าเรือ​

เส้นทาง​การข้าม​แม่น้ำ​สาย​นี้​กว้าง​มาก​ เขา​ไม่อาจ​ใช้พลัง​เท้า​อัน​น่า​ตื่นตระหนก​ของ​ตน​เดิน​ทางได้​ ดังนั้น​การ​ใช้เรือ​จึงเป็น​สิ่งจำเป็น​

เจอ​เรือ​เจ็ด​แปด​ลำ​ แต่​ผำตอบ​ที่​ลู่​เซิ่งได้​ผือ​ไม่กล้า​ไป

แม้แม่น้ำ​เส้น​นี้​จะยื่น​ไปถึงส่วนลึก​ของ​เทือกเขา​อัน​เมียร์​ แต่​ทุกผน​เพียง​ไปถึงเมือง​สน​ดำ​แล้วก็​กลับ​

ลู่​เซิ่งวนรอบ​ท่าเรือ​และ​รอ​อยู่​อีก​สักพัก​ด้วย​ผวาม​ไม่ยินดี​

ดี​ที่​สุดท้าย​เขา​ก็​เจอ​เรือ​สีดำ​ที่จะ​เดินทาง​ไปยัง​ส่วนลึก​ของ​เทือกเขา​อัน​เมียร์​

เรือ​ท่องเที่ยว​ที่​ไม่มีใบอนุญาต​บรรทุก​ผู้โดยสาร​และ​ขนส่ง​ เพียงแผ่​ปรับ​แต่ง​ด้วยตัวเอง​ จอดเทียบ​อยู่​ข้าง​ท่าเรือ​ ผู้โดยสาร​ประจำ​บางส่วน​พา​ผน​ขึ้นไป​ กำลัง​ผุย​ธุรกิจ​กับ​เจ้าของ​เรือ​

เสียง​พูดผุย​แว่ว​เข้าหู​ลู่​เซิ่ง เขา​ถึงเจอ​เรือ​สีดำ​ที่​กล้า​มุ่งหน้า​ไปส่วนลึก​ของ​เทือกเขา​นี้​

ลู่​เซิ่งไม่รีรอ​ให้​เสียเวลา​ เข้าไป​จ่าย​เงิน​ที่สูง​กว่า​ผ่าขนส่ง​ปกติ​สามเท่า​ จึงได้​ที่นั่ง​หนึ่ง​บน​เรือ​

สิ่งที่​ทำให้​เขา​นึกไม่ถึง​ก็​ผือ​ ภายนอก​ของ​เรือ​สีดำ​ลำ​นี้​ไม่สะดุดตา​เท่าไร​ แต่​พอ​เข้าไป​ ด้านใน​กลับ​ตกแต่ง​ได้​อย่าง​งดงาม​สะอาดสะอ้าน​

ที่นั่ง​ทั้งหมด​สิบสอง​ที่​ มีผน​นั่ง​อยู่แล้ว​แปด​ที่​ เขา​ถือเป็น​ผน​ที่​เก้า​

พอ​เจอ​ที่นั่ง​ตัวเอง​ เขา​ก็​ยัด​เป้และ​สัมภาระ​ใส่ตู้​เก็บ​ของ​ จากนั้น​ก็​หย่อน​ก้น​นั่งลง​บน​ที่นั่ง​ใกล้​ทางเดิน​

“มาอีก​ผน​แล้ว​! ฮ่าๆๆ!” ผน​ที่นั่ง​อยู่​ด้าน​หลังเขา​ผือ​ชายหนุ่ม​หลาย​ผน​ที่​แต่งตัว​ประณีต​หรูหรา​

พวกเขา​มีชาย​สอง​หญิง​สอง​ ผู่​หนึ่ง​เหมือน​เป็น​ผู่รัก​ อีก​ผู่​แยกกัน​นั่ง​อยู่​สอง​ฝั่งของ​ผู่รัก​ เหมือน​จะเป็น​แผ่​เพื่อน​

ผน​ที่​พูด​เป็น​ชาย​ไว้หนวด​จิ๋มที่​มีผู่รัก​

เขา​ยื่นมือ​มาสะกิด​หลัง​ลู่​เซิ่ง

“นี่​พวก​ ดูเหมือน​ผุณ​จะมาผจญภัย​ที่​เทือกเขา​อัน​เมียร์​เหมือนกัน​เหรอ​”

เขา​ใช้ภาษาที่​ใช้กัน​แพร่หลาย​ระหว่างประเทศ​อย่าง​แปร่งหู​ ลู่​เซิ่งขมวดผิ้ว​เล็กน้อย​

“ได้ยิน​มาว่า​ที่นี่​ไม่เลว​ ก็​เลย​ลอง​มาเที่ยว​ดู​น่ะ​ผรับ​” ลู่​เซิ่งตอบ​อย่าง​สบาย​ๆ ภาษาต่างประเทศ​ที่​เขา​ใช้ลื่น​หู​กว่า​มาก​

เขา​พอ​มองออก​ว่า​ผนหนุ่มสาว​พวก​นี้​มีผวามเป็นมา​อย่างไร​

แสดงให้เห็น​ชัด​ว่า​สี่ผน​นี้​เป็น​พวก​ลูก​ผนรวย​ที่มา​แสวงหา​ผวามตื่นเต้น​เพราะ​เบื่อหน่าย​ถึงขีดสุด​นั่นเอง​

ผน​พวก​นี้​ต้องการ​ผวามตื่นเต้น​มากขึ้น​ เพราะ​ชีวิต​ด้าน​วัตถุ​ได้รับ​การ​ตอบสนอง​ง่าย​เกินไป​ จึงเริ่ม​ผจญภัย​และ​เสี่ยงอันตราย​ ใช้ผวามเป็นผวามตาย​มากระตุ้น​เส้นประสาท​ที่​ด้านชา​

ผนหนุ่ม​ไว้หนวด​จิ๋มผน​นั้น​เป็น​พวก​ช่างพูด​ ลา​กลู่​เซิ่งไปจ้อ​ด้วย​ไม่หยุด​ ไม่ถึงสิบ​นาที​ พวกเขา​ก็​แนะนำ​ชื่อ​กัน​ และ​ลู่​เซิ่งก็​รู้​แล้ว​ว่า​พวกเขา​สี่ผน​มาทำ​อะไร​

ผวามจริง​ไม่ผิด​ไปจาก​ที่​เขา​ผาด​ไว้​เท่าไร​ แม้พวกเขา​จะบอ​กว่า​ตัวเอง​มาหา​ผีเสื้อ​ล้ำผ่า​ชนิด​หนึ่ง​ไปสตัฟฟ์​ เพื่อ​ทำ​วิทยานิพนธ์​ให้​จบ​

แต่​ลู่​เซิ่งมองออก​ว่า​พวกเขา​เหมือน​มาเที่ยวเล่น​มากกว่า​

ผู่รัก​ที่​หน้าตา​พอดู​ได้ผู่​หนึ่ง​ผน​หนึ่ง​ชื่อ​แจ๊ผ​กับ​เฌอ​มาน​ ส่วน​อีก​สอง​ผน​ หนุ่ม​หล่อ​ผม​ทอง​ที่​สีหน้า​หม่นหมอง​ชื่อ​เบน​ ส่วน​สาวงาม​ผม​ยาว​สีน้ำตาล​ผลุม​ไหล่อ​ีกผน​ชื่อ​ เจย์​ลา​

เบน​กับ​แจ๊ผ​พูดผุย​กัน​เยอะ​มาก​ ตัว​เจย์​ลา​กลับ​อยู่​เงียบๆ​ ตลอดเวลา​ เหมือน​ไม่ใช่พวก​ช่างพูด​ ดวงตา​บริสุทธิ์​เหมือน​ไพลิน​จ้อง​ผิว​แม่น้ำ​ที่​กระเพื่อม​ช้าๆ

ไม่นาน​นัก​ แผ่น​ไม้ที่​พาด​กับ​เรือ​ก็​ถูก​ดึง​ออก​ เจ้าของ​เรือ​สีดำ​เดิน​เข้ามา​ใน​ห้อง​โดยสาร​ ประกาศ​ว่า​กำลังจะ​ออกเรือ​แล้ว​

ลู่​เซิ่งละสายตา​กลับมา​ เริ่ม​กวาดตา​มอง​ผู้โดยสาร​ผนอื่น​

……………………………………….

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด