ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 967 สถานการณ์ (1)
กรรซ์
แรดขนาดยักษ์ที่หนังหนาเหมือนกับสวมเกราะไว้ทั้งตัวก้มหัวพลางร้องคำรามใส่ลู่เซิ่ง
“รีบหนีเร็ว เป็นแรดเกราะนิล พระเจ้าช่วย” แจ๊คหน้าซีด รีบมองหาต้นไม้ใหญ่แถวๆ นี้ที่สามารถปีนขึ้นได้
“หนีไปแล้ว” ลู่เซิ่งมองแรดเกราะนิลที่หมุนตัวเผ่นหนีไป “ไม่เป็นไร ไม่ต้องตาม อีกเดี๋ยวจะเจอตัวใหม่อีก ที่นี่มีสัตว์แบบนี้เยอะมาก”
แจ๊คอยากร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตา
เขาหมายถึงอยากให้พวกเขาหนีไปต่างหาก…ดีที่แรดตัวนั้นหนีไปแล้ว ไม่อย่างนั้นหากโดนชน เกรงว่าจะไม่ต่างอะไรจากถั่วงอก
ลู่เซิ่งหันไปมองคนทั้งสี่ แจ๊คกับเฌอมานขาสั่น แต่อย่างไรก็ยังยืนได้มั่น ส่วนเบนกลับหน้าซีด ยันมือกับต้นไม้ด้านข้าง ใกล้จะเดินไม่ไหวแล้ว
มีแต่เจย์ลาที่หอบน้อยๆ ถือว่าเยือกเย็น
เขามีความคิดจะหยั่งเชิงองค์กรผู้สื่อวิญญาณระดับโลกอย่างองค์กรทับทิมเพราะความใคร่รู้
ดังนั้นจึงพาสี่คนนี้มาด้วย
“ไปเถอะ” เขาหันหน้ากลับไปเดินทางต่อ
ที่นี่อยู่ใกล้กับส่วนที่ลึกที่สุดของเทือกเขา ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ ยังไม่พบว่ามีมารมายาปรากฏตัวขึ้นเลย
เดิมทีเขาคิดจะมาลองดูว่า สัตว์ประหลาดที่อยู่เหนือกว่ามารมายาอยู่ในระดับไหน แต่เดินมาถึงนี่แล้ว ถึงกับไม่มีอันตรายๆ ใดๆ เหมือนเป็นหุบเขาลึกธรรมดา
นี่ออกจะพิกลบ้างแล้ว
บนพุ่มหญ้าตรงเนินลาดเบื้องหน้า หมาป่าสีดำหลายตัวกำลังก้มหน้าฉีกขย้ำกวางป่าตัวหนึ่งกินอย่างตะกละตะกลาม พร้อมทั้งส่งเสียงซึ่งผสมระหว่างน้ำลายกับเสียงลมหายใจออกมา
พอเห็นหมาป่าสีดำกลุ่มนี้ ฝีเท้าที่เดิมทีกำลังเดินหน้าของลู่เซิ่งก็หยุดลงในที่สุด
ฮึ่ม…
หมาป่าสีดำพวกนี้ค้นพบคนห้าคนที่เข้ามาใกล้แล้ว จึงพากันเงยหน้ามองมาทางนี้
ลู่เซิ่งเห็นอย่างชัดเจนว่า ใบหน้าของหมาป่าสีดำฝูงนี้มีแมลงที่เหมือนกับไส้เดือนสีแดงเข้มไต่อยู่เต็มไปหมด
“หมาป่าหลังดำ พระเจ้าช่วย เยอะขนาดนี้เชียว” แจ๊คเริ่มตะโกนขึ้นอีกครั้ง
ลู่เซิ่งกำลังจะลงมือ พลันเห็นหมาป่าหลังดำฝูงนี้เริ่มล่าถอยออกไปพลางมองซ้ายมองขวา เหมือนกับรอบตัวพวกมันมีอะไรบางอย่างที่น่าประหวั่นพรั่นพรึง
ลู่เซิ่งขมวดคิ้วกวาดตามองรอบๆ ปัจจุบันร่างกายร่างนี้ของเขาเพียงแค่พัฒนาความสามารถด้านประสาทสัมผัสกับกายภาพแบบองค์รวมเท่านั้น
ทางด้านวิชาสื่อวิญญาณไม่ได้ยกระดับมากนัก จนถึงตอนนี้วิชาสื่อวิญญาณของเขาเพิ่งอยู่ในระดับเจ็ด อย่างไรแม้จะมีพลังอาวรณ์พันล้านหน่วย แต่ว่าถึงจะเพิ่มระดับสิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างวิชาสื่อวิญญาณมากเท่าไร เขาก็สามารถคว่ำพวกมันได้ด้วยฝ่ามือเดียวอยู่ดี
การใส่พลังอาวรณ์เข้าไปไม่ใช่การสิ้นเปลืองหรอกหรือ
ฮึ่ม
หมาป่าหลังดำทั้งฝูงหมุนตัวเผ่นหนีไป ทิ้งอาหารที่เพิ่งกินได้แค่ครึ่งเดียวไว้
ครั้งนี้แม้แต่พวกแจ๊คเองก็รู้สึกผิดปกติแล้ว
“หมาป่าหลังดำพวกนี้เหมือนจะผิดปกติอยู่บ้าง” เฌอมานเป็นนักศึกษาที่วิจัยทางด้านนี้โดยเฉพาะ ทั้งยังเคยทำการวิจัยเรื่องนี้กับศาสตราจารย์สาขาสัตววิทยาคนหนึ่งในมหาวิทยาลัย ทำให้ค่อนข้างไวกับพฤติกรรมของพวกสัตว์
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในสายตาของพวกเขา หมาป่าหลังดำพวกนี้มีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับหมาป่าทั่วไป
แผ่นหลังที่เกร็งมาโดยตลอดของเจย์ลาเริ่มผ่อนคลายลง เธอมองลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหน้าแวบหนึ่ง
“น่าจะเป็นเพราะคนด้านหน้าพกมูลสัตว์ป่าที่สามารถไล่นักล่าระดับต่ำพวกนี้ได้เอาไว้” เธอเตือนเฌอมานเบาๆ
“มูลสัตว์ป่าเหรอ” เฌอมานกระจ่างแจ้ง
เจย์ลาพลันฉุกนึกอะไรได้ จึงกดหน้าอกของตนเองเบาๆ ตรงนั้นห้อยคริสตัลสีดำไว้เส้นหนึ่ง เป็นของขวัญวันเกิดที่ทวดของเธอมอบให้ และกำชับไม่ให้เธอถอดออก
จากนั้นก็ฉุกนึกถึงเหตุการณ์ที่ชายลึกลับคนนั้นต้องการสะกดจิตตน แต่ตนกลับดิ้นหลุดได้
จี้ที่อยู่ตรงหน้าอกของเธอส่งความเจ็บปวดทิ่มแทงมาเพื่อปลุกเธอให้ตื่นจากการสะกดจิต
เธอใคร่ครวญ ตอนที่ติดตามคนด้านหน้า ตัวเธอที่ก้มหน้าก็เห็นตะขาบพิษที่เพิ่งมุดออกมาจากด้านล่างตัวหนึ่ง
เธอกำจี้ที่หน้าอกไว้ ก่อนจะเห็นตะขาบที่อยู่ใต้เท้ารีบหลบออกไปด้านข้างโดยไม่ได้แตะต้องตัวเธอ
‘เป็นอย่างที่คิดเลย จี้นี้มีประโยชน์จริงๆ ด้วย’ เจย์ลามั่นอกมั่นใจ
‘ดูเหมือนแรดตัวเมื่อกี้ ก็น่าจะหนีไปเพราะจี้ของฉันเหมือนกัน’ เธอพลันคาดเดาถึงความเป็นไปได้นี้
‘ถ้าไม่ใช่เพราะจี้ของฉัน คนคนนี้น่าจะต้องเจออันตรายจากแมลงมีพิษนับไม่ถ้วนไปแต่แรกแล้ว ตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือจากฉันแท้ๆ ยังบังอาจคิดเล่นงานฉัน แถมยังทำท่าจะตามมาหรือไม่ตามมาก็แล้วแต่อีก คนแบบนี้น่าขยะแขยงจริงๆ’ เจย์ลาครุ่นคิดอย่างเคียดแค้น
ขณะมองดูชายคนนั้นเดินเข้าหาพื้นที่ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม ความจริงเธอมีความคิดจะถอยหลังแต่แรกแล้ว
แต่พอเห็นพวกแจ๊ค ก็รู้สึกว่าถ้าตนออกจากที่นี่ตามลำพัง เกิดมีปัญหาอะไรจะไม่มีคนคอยดูแล
‘ต้องลากคนมาด้วยกันสักคน’ เธอตัดสินใจ
เดินทางต่ออีกสักพัก ไม่นานก็ตกเย็น
“พวกคุณพักผ่อนตรงนี้ก่อน ฉันจะไปหาฟืนกับกิ่งไม้มาก่อไฟ ระวังตัวด้วย ห้ามออกจากอาณาเขตนี้ล่ะ” ลู่เซิ่งกำชับ
จากนั้นเขาก็กองผลไม้ป่าทั้งหมดที่รวบรวมได้ระหว่างทางไว้ในโพรงไม้ใหญ่
เดิมในโพรงไม้มีงูเหลือมสีดำตัวหนึ่ง แต่พอเขาเข้าไปใกล้ งูเหลือมตัวนั้นก็เลื้อยหนีทันที
แม้แต่แมลงมีพิษกลุ่มหนึ่งกับสัตว์ป่าอย่างพวกลิงบนต้นไม้ใหญ่ก็เตลิดหนีเช่นกัน
เหมือนกับเห็นผีก็ไม่ปาน
ลู่เซิ่งจัดให้พวกแจ๊คอยู่ด้านใน จากนั้นตัวเองก็ออกไปเก็บฟืน กิ่งไม้ และใบไม้มาก่อไฟ
รอจนลู่เซิ่งเดินไปไกลแล้ว
เจย์ลาก็มองพวกเบนกับแจ๊คที่อิดโรยอ่อนแรง ก่อนจะเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ
“จะบอกความลับอย่างหนึ่งกับพวกนาย…สัตว์ป่าพวกนั้น พวกแรดกับหมาป่าหลังดำเมื่อกี้นี้ที่หนีไปเป็นเพราะของอย่างหนึ่งที่ฉันพกไว้”
แจ็คงุนงง สบตากับเฌอมาน แล้วมองไปยังเจย์ลา
“เธอแน่ใจเหรอเจย์ลา อย่าล้อเล่นกับพวกเรานะ นี่ไม่ขำเลย”
“ไม่ได้ล้อเล่น” เจย์ลากล่าวอย่างจริงจัง “ฉันสาธิตให้พวกนายดูก็ได้” เธอดึงจี้ออกมาจากหน้าอก
นั่นคือจี้คริสตัลสีดำทรงกลมที่ผิวถูกขัดจนเรียบเนียนเหมือนกระจก
ตรงขอบมีลวดลายเล็กๆ สีแดงเข้ม
…
ระหว่างคาคบไม้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
หมอกสีดำรูปร่างเหมือนมนุษย์หลายกลุ่มค่อยๆ เผยออกมา
“สัตว์วิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ ไล่ไปหมดแล้วใช่ไหม”
“อือ ไล่ไปหมดแล้ว”
“จัดการเรียบร้อย”
“หวังว่าจะไม่เกิดปัญหานะ ที่นี่เป็นเขตด้านในแล้ว ทุกคนเก็บงำกลิ่นอายไว้หน่อย”
“พวกเราควบคุมอาณาเขตไว้ พยายามอย่าทำให้สัตว์วิญญาณแถวนี้รู้ตัวมากเกินไป”
การติดต่อกันของเหล่ามนุษย์หมอกดำแสดงความเหนื่อยล้า
ที่นี่เป็นเขตด้านในของเทือกเขาอันมีร์ สัตว์ร้ายที่อยู่โดยรอบเป็นสัตว์วิญญาณที่ถูกพลังวิญญาณกัดกร่อน ทำให้ดุร้ายผิดปกติ ต่อให้เป็นพวกเขา ก็ต้องใช้พลังเก้ากระทิงสองพยัคฆ์ ถึงจะปกป้องพวกลู่เซิ่งได้ตลอดรอดฝั่ง
ส่วนจี้ชิ้นเล็กๆ บนตัวเจย์ลาเอามาใช้ไล่แมลงได้ แต่หากเจอสัตว์วิญญาณที่ใหญ่หน่อยหรือเปลี่ยนร่างได้ ก็สามารถกินคนไปพร้อมกับของได้ภายในคำเดียวแล้ว
“มาถึงที่นี่คงพอได้แล้ว ขอแค่เขาไม่พบร่องรอยใต้ดิน ก็น่าจะไม่มีปัญหา” มนุษย์หมอกดำที่เป็นผู้นำก้มหน้ากล่าว “ถ้าท่านหวังตงหาไม่เจอสักที ก็น่าจะถอยเอง…”
เปรี้ยง!
อยู่ๆ ก็มีมนุษย์หมอกดำกลุ่มหนึ่งตัวสั่นและระเบิดออก
มนุษย์หมอกดำกลุ่มหนึ่งกระจายตัวยึดครองชัยภูมิเอาไว้ทันที
“ไหนดูซิ ข้าเจออะไรเนี่ย” งูเหลือมยักษ์สีแดงตัวหนึ่งเลื้อยลงมาจากยอดไม้ สองตาเรืองแสงสีเขียวอ่อนๆ ขณะจ้องมองมนุษย์หมอกดำอย่างละโมบ
“พวกเด็กๆ จอมซุกซนนี่เอง” งูเหลือมสีแดงตวัดลิ้น แสดงสีหน้าที่เหมือนกับมนุษย์ถึงขีดสุด
มนุษย์หมอกดำที่เป็นผู้นำร่างสั่นเทา
“โฮเซลัน…ยุ่งแล้ว แบ่งกำลังครึ่งหนึ่งไปช่วยเขา ข้าจะถ่วงเวลานางไว้เอง”
ในฐานะเจ้าอนัตตาของราชาเทพเหมือนกัน แม้เขาจะมีพลังแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย แต่ที่นี่คือเทือกเขาอันมีร์
เป็นถิ่นของราชาเทพที่อยู่อีกฝั่ง
“คิดหนีเหรอ พวกเจ้าหนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” งูเหลือมแดงหัวเราะลั่น “ส่วนทางแก้วตาดวงใจของราชาเทพฝั่งพวกเจ้านั่น…อีกไม่นานจะมีคนไปเอาใจเขาเอง…นึกไม่ถึงว่า…แค่ออกมาเดินเล่น ก็จะเจอเรื่องประหลาดใจได้”
โฮเซลันรู้จักมนุษย์หมอกดำพวกนี้ดี และคนที่ทำให้หมอกดำที่มีพลังเหี้ยมหาญกลุ่มนี้คอยปกป้องได้ จะต้องเป็นคนที่เทพแห่งการทำลายล้างผู้นั้นทะนุถนอมที่สุดแน่
เดิมทีพวกมันเพียงได้รับข่าวว่าท่านผู้นั้นเอ็นดูผู้สื่อวิญญาณธรรมดาคนหนึ่ง แต่ตอนนี้คงไม่ได้แค่เอ็นดูแล้ว
“ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ ฮ่าๆๆ ถ้าจัดการพวกเจ้าได้ จะต้องเจอตำแหน่งราชาเทพฝั่งพวกเจ้าแน่นอน”
โฮเซลันเหินร่างมหึมาพุ่งใส่มนุษย์หมอกดำอย่างรุนแรง
“บาเนส ทางนี้ให้ข้าจัดการเอง เจ้าไปจับตัวผู้สื่อวิญญาณคนนั้นมาซะ”
ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลออกไป
ชายหัวล้านที่มีหนังหุ้มกระดูกเหมือนซากศพคนหนึ่ง ยิ้มอย่างแปลกประหลาดขณะมองงูเหลือมยักษ์สีแดงกับหมอกดำที่กำลังพัวพันกัน
“ไม่มีปัญหา”
เขาก้มตัวพุ่งไปยังทางลู่เซิ่งทันที
พรึ่บ
หลังเกิดเสียงเบาๆ ร่างก็หายไปจากที่ไกล
“บ้าเอ๊ย” มนุษย์หมอกดำที่เป็นผู้นำพลันร้อนใจ
เขาจินตนาการออกว่า ราชาเทพจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังทราบว่าหวังตงถูกจับ ตอนนี้ได้แต่หวังให้พรรคพวกที่อยู่ทางนั้นสู้มนุษย์ศพได้
…
พวกเจย์ลาแอบขโมยผลไม้ที่ลู่เซิ่งเก็บไว้ไป วิ่งเหยาะๆ กลับตามทางเดิมโดยถือจี้ไว้สำหรับเปิดทาง
เป็นอย่างที่คาด พวกแมลงเล็กๆ ระหว่างทางหลีกหนีเจย์ลากันเอง ไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่น้อย
รอลู่เซิ่งนำฟืนกลับมายังโพรงไม้ นอกจากหินที่กระจัดกระจายก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว
‘นอกจากจะไม่ให้เงินฉันแล้ว แม้แต่ผลไม้ที่ฉันเก็บมาก็ยังขโมยไปอีก...’ ลู่เซิ่งส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ‘ความเชื่อใจพื้นฐานระหว่างคนด้วยกันล่ะ’
เขานั่งลงก่อเตาหินที่กระจัดกระจายขึ้นใหม่
ทันใดนั้นหมอกดำกลุ่มหนึ่งก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นด้านข้างเขา
“รีบหนีเร็ว รีบหนีไปซะหวังตง” หมอกดำกลายเป็นมนุษย์ ที่มีกะโหลกเรืองแสงสองกลุ่ม ก่อนจะพุ่งเข้ามาคว้าจับแขนของลู่เซิ่งและลากขึ้นด้านบนอย่างร้อนใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะบนตัวมันไม่มีจิตสังหารและเจตนาร้าย ลู่เซิ่งคงจะฟาดฝ่ามือใส่ไปแล้ว
“แกเป็นใครเนี่ย!?” ลู่เซิ่งตั้งสติอย่างประหลาดใจ
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ ลู่เซิ่งก็หันไปด้านหลัง
มนุษย์หมอกดำอีกกลุ่มพุ่งมายังที่นี่ด้วยความเร็วสูง
“รีบพาเขาไปเร็วแอนดี้!” มันร้องตะโกน
สวบ
แขนข้างหนึ่งแทงทะลุออกมาจากท้องของมัน
มนุษย์หมอกดำพลันชะงัก ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะสลายตัวไป
……………………………………….
Comments