ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 975 ราชาวิญญาณ (5)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 975 ราชาวิญญาณ (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แอนดี้​มองตาม​นิ้ว​ของ​ลู่​เซิ่งไปอย่าง​สงสัย​

“ตรงนั้น​หรือ​ ตรงนั้น​มีอะไร​หรือ​ขอรับ​” น้ำเสียง​ของ​เขา​สับสน​ คล้าย​จะแปลกใจ​เล็กน้อย​

“นาย​มองไม่เห็น​เหรอ​ เจ้านี่​ไง” ลู่​เซิ่งเดิน​เข้าไป​ชี้ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​ “ของ​ที่อยู่​ตรงนี้​เป็น​วัตถุ​ที่​ฉัน​ตามหา​มาโดยตลอด​”

“หา​” แอนดี้​ไม่เข้าใจ​ว่า​ลู่​เซิ่งพูด​อะไร​

“ขออภัย​ด้วย​ฝ่าบาท​ แม้จะเข้าใจ​ความหมาย​ของ​ท่าน​ แต่​ตำแหน่ง​ที่​ท่าน​ชี้นั้น​ว่างเปล่า​ไม่มีอะไร​อยู่เลย​” เขา​ตอบ​อย่าง​นอบน้อม​

“ว่างเปล่า​หรือ​?” ลู่​เซิ่งขมวดคิ้ว​มุ่น​ ก่อน​จะพิจารณา​ภาพ​น้ำมัน​อี​กรอบ​ “ภาพ​นี้​ นาย​ไปได้​มาจาก​ไหน​”

“นี่​เป็น​ภาพ​ต้นฉบับ​ที่​ถูก​เก็บ​ไว้​ใน​วัง​อัฟ​กาลี​ที่​ใช้ความสามารถ​ทาง​วิทยาการ​ถ่าย​ไว้​ ศิลปิน​มีชื่อเสียง​คน​หนึ่ง​เมื่อ​พัน​ปีก่อน​เป็น​ผู้​รังสรรค์​ขึ้น​ ดังนั้น​ความจริง​ภาพ​นี้​จึงมาจาก​บันทึก​เมื่อ​พัน​ปีก่อน​” แอนดี้​อธิบาย​

“ศิลปิน​เมื่อ​พัน​ปีก่อน​หรือ​” ลู่​เซิ่งลูบ​ตำแหน่ง​ของ​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​เบา​ๆ แม้ภาพ​น้ำมัน​นี้​จะถูก​คัดลอก​มา แต่​ยังคง​สัมผัส​พื้นผิว​ที่​ชัดเจน​ของ​มัน​ได้​

“ท่าน​เห็น​ว่า​ตรงนั้น​มีสิ่งของ​จริงๆ​ หรือ​” แอนดี้​เดิน​เข้าไป​ลูบ​ตำแหน่ง​ที่​ลู่​เซิ่งแตะ​อย่าง​สงสัย​

ยังคง​เรียบ​เนียน​ ให้​ความรู้สึก​สัมผัส​ของ​กระดาษ​เหมือนเดิม​

ภาพ​นี้​เป็น​ภาพพิมพ์​ที่​เขา​หา​เจอ​จาก​รูปภาพ​ต้นฉบับ​มากมาย​ ดู​จาก​ตอนนี้​ เหมือน​จะมีบางอย่าง​ที่​เป็น​ปริศนา​อยู่​จริงๆ​

“ไม่เป็นไร​ ทิ้ง​ภาพ​นี้​ไว้​ที่นี่​ นาย​ไปก่อน​เถอะ​” ลู่​เซิ่งว่า​พลาง​ส่ายหน้า​

“ขอรับ​ ข้าน้อย​ขอลา​” แม้จะแปลกใจ​มาก​ แต่​แอนดี้​ยังคง​ทำตาม​กฎ​พื้นฐาน​ของ​บริวาร​ กลาย​เป็นควัน​ดำ​สลาย​ไปเงียบๆ​

บริวาร​ของ​ภัยพิบัติ​แห่ง​ผลกรรม​เช่น​พวกเขา​มองออก​ว่า​ คน​ผู้​นี้​อาจจะ​เป็น​ราชา​เทพ​ในอนาคต​ ดังนั้น​การทำตาม​คำสั่ง​ของ​เขา​จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่​

โดยเฉพาะ​หลังจาก​เห็น​การต่อสู้​ระหว่าง​ลู่​เซิ่งกับ​มาร​ยักษา​ มนุษย์​หมอก​ดำ​ก็​ยอมสยบ​ต่อ​เขา​อย่าง​เต็มใจ​

ลู่​เซิ่งถือ​ภาพ​น้ำมัน​ไปหา​ที่​แขวน​ไว้​บน​ผนัง​แห่ง​หนึ่ง​ใน​ห้องรับแขก​ ก่อน​จะถอยหลัง​ออกมา​พิจารณา​อย่าง​ละเอียด​

ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​นั้น​ลอย​อยู่​เหนือ​สามเทพ​ ส่องสว่าง​ให้​ทุกสิ่ง​เหมือน​ดวงอาทิตย์​

นี่​ทำให้​เขา​ที่​นึก​มาโดยตลอด​ว่า​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​เป็น​ของธรรมดา​เริ่ม​เปลี่ยนความคิด​

ครอบครัว​หายสาบสูญ​มาโดยตลอด​ และ​คำนวณ​ออกมา​ได้​ว่า​ต้องหา​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​ให้​เจอ​ ถึงจะเจอ​ครอบครัว​ได้​ ระหว่าง​นั้น​คล้าย​จะมีกลิ่นอาย​ของ​แผน​ร้าย​อยู่​รำไร​

แต่​เขา​คอย​ระแวดระวัง​และ​ทำ​อะไร​ใจเย็น​มาโดยตลอด​ ใคร​กัน​แน่​ที่​วางแผน​เล่นงาน​เขา​อย่าง​ตั้งใจ​ขนาด​นี้​

‘ช่างเถอะ​ อย่า​เพิ่ง​ไปคิด​เลย​ พรุ่งนี้​ไปโพรง​หมื่น​วิญญาณ​ ดู​ว่า​จะสำเร็จ​หรือไม่​ ถ้าไม่ไหว​จริงๆ​ ก็​ควร​ระวังตัว​หน่อย​ หาก​ทำลาย​ดาวเคราะห์​ดวง​นี้​ เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ก็​น่าจะ​ตาย​ ถึงเวลา​นั้น​ค่อย​รีบ​พา​คน​หนี​’ ลู่​เซิ่งวางแผน​ใน​ใจ

คน​ซ่อมแซม​คฤหาสน์​มาถึงอย่าง​รวดเร็ว​ ลู่​เซิ่งกลัว​จะทำให้​หวัง​จิ้งหนวกหู​ เลย​อุ้ม​เธอ​ไปไว้​ใน​รถ​ด้านนอก​

หวัง​จิ้งดูเหมือน​จะเหนื่อย​มาก​จึงหลับ​เป็น​ตาย​ ถ้าไม่ใช่ลมหายใจ​ดัง​สม่ำเสมอ​ ทรวงอก​สะท้อน​ขึ้น​ลง​ คน​ที่​ไม่รู้​คง​นึก​ว่า​ตาย​ไปแล้ว​

เดิมที​ลู่​เซิ่งคิด​จะรอ​ให้​หวัง​จิ้งฟื้น​ขึ้น​มาก่อน​ แล้ว​ค่อย​ไปที่​โพรง​หมื่น​วิญญาณ​

เพียงแต่​สิ่งที่​นึกไม่ถึง​ก็​คือ​ การ​หลับใหล​ใน​ครั้งนี้​ของ​เธอ​เหมือนกับ​จะไม่ตื่นขึ้น​มาแล้ว​ ไม่ขยับเขยื้อน​และ​ไม่กิน​ไม่ดื่ม​ถึงสี่วัน​ เอาแต่​หลับ​ตลอดเวลา​

มนุษย์​หมอก​ดำ​มิน​เค​อก​ลับ​มาแล้ว​ แต่​พวกเขา​ต่าง​จากลู่​เซิ่งตรง​ที่​ไม่กล้า​เข้าใกล้​หวัง​จิ้งมากเกินไป​ เพียงแต่​พอ​ลู่​เซิ่งค้นพบ​ลวดลาย​ใหม่​บน​ข้อมือ​ของ​หวัง​จิ้งแล้ว​ถามพวกเขา​ พวก​มนุษย์​หมอก​ดำ​จึงบอก​เขา​ว่า​ เป็นไปได้​ถึงขีดสุด​ที่นั่น​จะเป็น​ตราประทับ​ที่​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​องค์​อื่น​ทิ้ง​ไว้​

เป็น​สิ่งที่​ใช้ตามหา​เธอ​ได้​ทุกเวลา​

ลู่​เซิ่งที่​คิดถึง​ความปลอดภัย​ของ​หวัง​จิ้งจึงตัดสินใจ​พา​เธอ​ไปโพรง​หมื่น​วิญญาณ​ด้วย​ รอ​ให้​เธอ​ฟื้น​ขึ้น​มาเอง​

และ​ก่อนที่จะ​มุ่งหน้า​ไปเริ่ม​พิธี​ที่​โพรง​หมื่น​วิญญาณ​ ตาม​ทฤษฎี​แล้ว​ เขา​จะต้อง​ยกระดับ​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ถึงขีด​สูงสุด​เสีย​ก่อน​

ยิ่ง​พื้นฐาน​ของ​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​แข็งแกร่ง​มาก​เท่าไร​ โอกาส​ใน​การ​เป็น​ราชา​วิญญาณ​ก็​ยิ่ง​สูงมาก​เท่านั้น​

ก่อนหน้า​นั้น​ ลู่​เซิ่งจำเป็นต้อง​ไปสำนัก​เคลื่อน​ภูผา​

เหล่า​ผู้อาวุโส​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​รอ​มานาน​แล้ว​ ความจริง​ห้า​เมล็ด​วิญญาณ​ที่​พวกเขา​คัดเลือก​เป็นการ​เตรียมตัว​เพื่อให้​มุ่งหน้า​ไปยัง​โพรง​หมื่น​วิญญาณ​แล้ว​สำเร็จ​เป็น​ราชา​วิญญาณ​

ความจริง​ธรรมเนียม​นี้​มีมานาน​หลาย​ปีแล้ว​

หากว่า​กัน​จริงๆ​ ลู่​เซิ่งเป็นหนึ่ง​ใน​แผนการ​เก่าแก่​ และ​เป็น​เพียง​คน​คน​หนึ่ง​ที่​มีอัตรา​สำเร็จ​ค่อนข้าง​สูงเท่านั้น​

ใน​ถ้ำที่​มืด​สลัว​

แสงเทียน​วูบ​ไหว​และ​ปลด​ปล่อยแสง​สีเหลือง​อ่อน​ออกมา​ส่องสว่าง​ใบหน้า​ของ​หนุ่มสาว​ห้า​คน​ซึ่งนั่ง​อยู่​บน​พื้น​

ลู่​เซิ่งอยู่​ใน​นี้​ด้วย​เช่นกัน​ เขา​นั่งขัดสมาธิ​เงียบๆ​ คอย​ฟังจอม​อาวุโส​กับ​ผู้อาวุโส​รอง​ที่อยู่​บน​แท่น​อธิบาย​จุดสำคัญ​ของ​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​

เขา​ย่อม​ไม่ได้มา​ที่นี่​เพื่อ​เรียน​ ความจริง​ตัว​เขา​ได้​ดูดซับ​ความรู้​เกี่ยวกับ​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​จาก​ตา​ของ​หวง​ย่า​ที่​เป็น​ผู้อาวุโส​ตั้งแต่​เดือน​แรก​ที่​กลายเป็น​เมล็ด​วิญญาณ​แล้ว​

ตอนนี้​สาเหตุ​ที่​รอ​อยู่​เงียบๆ​ เป็น​เพราะ​มารยาท​เท่านั้น​

คาบ​เรียน​ดำเนิน​ไปเป็นเวลา​สี่สิบ​นาที​ จนกระทั่ง​กระดิ่ง​ด้านนอก​ดัง​ขึ้น​เบา​ๆ ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​ค่อยๆ​ ลุกขึ้น​และ​โค้ง​ตัว​ให้​ทุกคน​

พวก​นักเรียน​ก็​รีบ​โค้ง​ตัว​คารวะ​ตอบ​เช่นกัน​

นี่​เป็น​มารยาท​เวลาเรียน​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​

นี่​เป็น​การแสดง​ความเคารพ​ของ​อาจารย์​ต่อ​นักเรียน​ที่​พยายาม​เรียนรู้​เพื่อ​อุทิศ​พลัง​ของ​ตน​ให้​สำนัก​

รวมถึง​เป็น​การแสดง​ความเคารพ​ที่​อาจารย์​ช่วย​ถ่ายทอดวิชา​และ​แก้​ข้อสงสัย​ให้​แก่​นักเรียน​ด้วย​

“เอาล่ะ​ คาบ​นี้​พอ​เท่านี้​ ทุกคน​ ดีใจ​มาก​ที่​พวก​เธอ​ให้​ฉัน​กับ​ศาสตราจารย์​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​สอน​ หลังจาก​ศาสตราจารย์​เบิร์ด​จาก​จักรวรรดิ​อิน​เฟอร์​มาสอน​ สำนัก​เรา​จะทยอย​เชิญคณบดี​พา​นอ​สจาก​แดน​เหนือ​ใหม่​ รอง​อธิการบดี​โจว​อวิ๋น​ไค​จาก​มหา​วิทยา​ลับ​เฟิงเต๋อ​ รวมถึง​…”

จอม​อาวุโส​พูดจา​อย่าง​ฉะฉาน​อยู่​บน​แท่น​

ผู้อาวุโส​รอง​หรือ​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ ตา​ของ​หวง​ย่า​รีบร้อน​ลงมา​ แล้ว​ตบ​ไหล่ลู่​เซิ่งตอน​เดินผ่าน​

ทั้งสอง​คน​หนึ่ง​หน้าหนึ่ง​หลัง​ ผลัก​ประตู​ทางออก​ที่อยู่​หลัง​ถ้ำออก​ไป

“เธอ​จะไปโพรง​หมื่น​วิญญาณ​ใน​สภาพ​นี้​ ไม่น่าจะ​เก็บเกี่ยว​ประสบการณ์​สำเร็จ​นะ​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​มอง​ลู่​เซิ่งพลาง​ส่ายหน้า​น้อย​ๆ เขา​ไม่ได้​พูดถึง​เรื่อง​ราชา​วิญญาณ​ เพียงแค่​พูดถึง​การ​เก็บเกี่ยว​ประสบการณ์​เท่านั้น​

“ผม​แค่​อยาก​จะลอง​ไปดู​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อย่าง​ไม่นำพา​

“ถ้าแค่​ไปดู​ จะต้อง​ทำ​เข้าใจ​ก่อน​ว่า​แม้จะอนุญาต​ แต่​เธอ​ห้าม​บุกเข้าไป​ด้านใน​เด็ดขาด​ สาเหตุ​ที่​ราชา​วิญญาณ​ได้​ชื่อว่า​ราชา​วิญญาณ​ เพราะ​จำเป็นต้อง​แบกรับ​วิญญาณ​ของ​สิ่งมีชีวิต​นับไม่ถ้วน​ รอง​รับหน้าที่​ที่​พังทลาย​ของ​พวกเขา​ ต้อง​ใช้วัตถุดิบ​ วิธีการ​ และ​การ​เตรียมตัว​นับไม่ถ้วน​”

ครั้งนี้​แตกต่าง​จาก​การ​ทำ​อย่าง​ลวกๆ​ เหมือน​สมัย​ที่แล้ว​มา หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ให้ความสำคัญ​กับ​การ​ไปยัง​โพรง​หมื่น​วิญญาณ​ของ​ลู่​เซิ่งใน​ครั้งนี้​เป็นอย่างมาก​

เป็น​เพราะ​ลู่​เซิ่งมีกาย​เนื้อ​แข็งแกร่ง​เกินไป​ อีก​ทั้ง​ความก้าวหน้า​ใน​การ​ฝึก​วิชา​วิญญาณ​ก็​เหมือน​ตะวันขึ้น​พัน​ลี้​ แม้เขา​จะไม่ทราบ​ว่า​ลู่​เซิ่งใช้เครื่องมือ​ปรับเปลี่ยน​ฝึกฝน​และ​ที่​ยัง​ไม่ได้​เพิ่ม​ระดับ​เพราะ​ต้องการ​ประหยัด​พลัง​อาวรณ์​

แต่​อย่าง​น้อย​เขา​ก็​คิด​ว่า​ ความเร็ว​ใน​การ​ยกระดับ​ของ​ลู่​เซิ่งน่า​ตกตะลึง​เกินไป​

“เธอ​ยัง​หนุ่ม​ ขณะเดียวกัน​จิตใจ​ก็​ต้อง​ถูก​เคี่ยว​กรำ​อีก​มาก​ เธอ​ดู​สิ ประวัติส่วนตัว​ของ​ราชา​วิญญาณ​ทั้งหมด​ใน​สมัยก่อน​ต่าง​ผ่าน​ประสบการณ์​เฉียด​ตาย​มามากมาย​ ประสบการณ์​พวก​นั้น​ทำให้​พวกเขา​ได้​เคี่ยว​กรำ​จิตใจ​และ​ตั้งตัว​ได้​ก่อนที่จะ​สำเร็จ​การ​ใหญ่​”

“ครับ​ ผม​เข้าใจ​ อย่างนั้น​ราชา​วิญญาณ​ที่​เหลืออยู่​ใน​ตอนนี้​ไม่ทราบ​มีกี่​คน​เหรอ​ครับ​” ลู่​เซิ่งถาม

“แม้สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ของ​พวกเรา​จะเป็น​องค์กร​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​สาธารณรัฐ​แล้ว​ แต่ว่า​รากฐาน​ยัง​ตื้นเขิน​เกินไป​ ต่าง​ชั้น​กับ​องค์กร​ระดับโลก​ของจริง​มาก​เหลือเกิน​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ตอบ​ไม่ตรง​คำถาม​

“พวกเรา​เฝ้าค้นหา​มานาน​หลาย​ปี ถึงจะเจอ​เส้นทาง​ที่​กลายเป็น​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ได้​ ทว่า​ เส้นทาง​นี้​จะสำเร็จ​หรือไม่​ จะสร้าง​ราชา​วิญญาณ​ได้​หรือไม่​ ยังคง​เป็น​ปริศนา​”

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​พา​ลู่​เซิ่งมาถึงหอคอย​สูงที่อยู่​ทาง​ตะวันออก​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ ก่อน​จะแยกกัน​เป็นหนึ่ง​หน้าหนึ่ง​หลัง​ปีน​ขึ้น​หอคอย​

ยาม​เฝ้าประตู​ลงมา​ด้วยตัวเอง​ มอบ​ห้อง​ให้​แก่​คน​ทั้งสอง​

“ความจริง​องค์กร​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ใน​แต่ละ​ที่​ของ​โลก​ต่าง​ก็​วางแผน​ทำให้​ราชา​วิญญาณ​ปรากฏตัว​ขึ้น​อีกครั้ง​ วิธีการ​ของ​พวกเรา​ยัง​นับว่า​ปรานี​ มีองค์กร​อีก​ไม่น้อย​ที่​ถูก​จัด​เป็น​ลัทธิ​นอกรีต​และ​องค์กร​น่ากลัว​ ว่า​กัน​ว่า​ใน​สามองค์กร​ใหญ่​ระดับโลก​มีคน​คอย​ติดต่อ​กับ​กับ​ราชา​วิญญาณ​ที่​หลง​เหลืออยู่​ ระดับ​นั้น​เป็น​สิ่งที่​พวกเรา​ต่าง​ปรารถนา​”

ลู่​เซิ่งที่​ยืน​อยู่​ด้าน​หลังเขา​ อดกลั้น​ไม่ส่งเสียง​

ที่แท้​องค์กร​จาก​ทั่ว​ทั้งโลก​ก็​กำลัง​ทดลอง​สร้าง​ราชา​วิญญาณ​หรือ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ เดิมที​เขา​ยัง​นึก​ว่า​ทาง​ฝั่งสำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ลึกลับซับซ้อน​ เหมือนกับ​มีความลับ​ของ​ตัวเอง​

ดู​จาก​ตอนนี้​ที่แท้​ก็​เป็น​แค่​ตัวประกอบ​

“ถ้าเขา​รู้​ว่า​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ที่​แท้จริง​คือ​หญิงสาว​ผู้​สลบไสล​ที่​เขา​ลง​ค่าย​กล​ผนึก​ด้วยตัวเอง​ใน​ตอนเช้า​ของ​หลาย​วันก่อน​ และ​ยัง​เป็น​พี่สาว​ของ​ลูกศิษย์​ตัวเอง​ จะไม่ตกใจ​จน​เป็นบ้า​ไปเลย​เหรอ​”

พึง​ทราบ​ว่า​นอกจาก​ลู่​เซิ่งแล้ว​ หาก​ใคร​สัมผัส​กับ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​นาน​เกินไป​ จะเกิด​ความคิด​ทำลาย​ขึ้น​โดยอัตโนมัติ​

เป็น​เพราะ​ลู่​เซิ่งใช้พรม​ขนสัตว์​อำพราง​ร่าง​หวัง​จิ้งไว้​ และ​พอ​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ลง​ตรา​ผนึก​เสร็จ​ก็​ให้​เขา​พา​ไปที่อื่น​ทันที​

ไม่อย่างนั้น​สถานการณ์​จะย่ำแย่​แล้ว​

“หวัง​ตง​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ที่​เดิม​หันหน้า​หา​ดวงอาทิตย์​ก็​เบือน​ศีรษะ​มา “ใน​ฐานะ​ศิษย์​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ บน​ตัว​เธอ​มีความหวัง​ที่​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​และ​ความหวัง​ที่​สาธารณรัฐ​ฝาก​เอาไว้​ พูด​ได้​ว่า​ เธอ​เป็น​คน​แรก​ที่​มีโอกาส​สำเร็จ​เป็น​ราชา​วิญญาณ​มาก​ที่สุด​เท่าที่​ประวัติศาสตร์​เคย​มีมา ดังนั้น​ รับปาก​ฉัน​สิว่า​ถ้าเจอ​เรื่อง​อะไร​ จะคำนึงถึง​สถานการณ์​ใหญ่​ ไม่ปล่อย​ให้​ตัวเอง​เสี่ยงอันตราย​ง่ายๆ​ ทำได้​ไหม​”

ลู่​เซิ่งรู้​ว่า​เขา​กำลัง​พูด​เรื่อง​ที่​ตน​มุ่งหน้า​ไปยัง​เทือกเขา​อัน​มีร์​ตามลำพัง​ หลังจาก​เขา​สลัด​ผู้คุ้มกัน​มาก​ฝีมือ​ที่​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ส่งไปทิ้ง​ ทาง​นี้​ก็​ปั่นป่วน​ทันที​

แม้ผู้​ที่​สนับสนุน​เขา​ใน​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​หลัก​ๆ จะเป็น​ขุม​กำลัง​ที่​ผู้อาวุโส​รอง​เป็น​ผู้นำ​ แต่​แค่​ขุม​กำลัง​ของ​ฝ่าย​นี้​ก็​มีความสำคัญ​ใน​ทุก​การเคลื่อนไหว​แล้ว​

สามารถ​สั่งให้​เฮลิคอปเตอร์​ติดอาวุธ​บิน​อยู่​เหนือ​ประเทศ​อื่น​ได้​ การ​ระดม​ขุม​กำลัง​กับ​ทรัพยากร​แบบนี้​ถือเป็น​ความวุ่นวาย​สำหรับ​ประเทศ​เล็ก​ๆ ที่อยู่​ใกล้​เทือกเขา​อัน​มีร์​

เกิด​ว่า​คน​บน​เฮลิคอปเตอร์​สติ​หลุด​แล้ว​สะบัดมือ​กราด​ปืนกล​จาก​ท้องฟ้า​ หรือ​ยิง​ขีปนาวุธ​ออก​ไปสอง​สามลูก​

นั่น​ก็​จะกลายเป็น​โศกนาฏกรรม​ระดับโลก​อย่าง​แท้จริง​

ดังนั้น​ลู่​เซิ่งจึงทราบ​ถึงการ​สนับสนุน​เขา​จาก​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ที่อยู่​ใน​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​

ความจริง​ตอนที่​กลับมา​เจอ​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ เขา​เห็น​ดวงตา​ของ​ชาย​ชรา​ผู้​นี้​เกือบจะ​ลุกเป็นไฟ​แล้ว​ ถ้าไม่ใช่ว่า​กลัว​ลงมือ​แล้ว​สู้ไม่ได้​ อีก​ฝ่าย​คงจะ​เข้ามา​ตบหน้า​เขา​ทันที​

“ไม่ต้อง​ห่วง​ครับ​ ผม​จะยึด​ความปลอดภัย​ของ​ตัวเอง​เป็นหลัก​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​อย่าง​จริงจัง​

หวง​อ​วิ่น​ซื่อ​เพ่งมอง​ลู่​เซิ่งอยู่​สักพัก​ จึงใจเย็น​ลง​

“จำคำพูด​ของ​ตัวเอง​ไว้​ให้​ดี​ ฉัน​หวัง​ว่า​จะมีสัก​วันที่​เดิน​ออก​ไปแล้ว​ สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​หรือ​แม้แต่​สาธารณรัฐ​ภูมิใจใน​ตัว​เธอ​”

“…” บรรยากาศ​นี้​มัน​…

ลู่​เซิ่งหมด​คำพูด​ นี่​กำลัง​อบรม​ทาง​ความคิด​ให้​เขา​เหรอ​

“จะว่า​ไป ครั้งนี้​เพราะ​เรื่อง​ของ​เธอ​ ระดับสูง​ของ​สาธารณรัฐ​ได้​ทุ่มเท​ความพยายาม​ไปมากมาย​ ทาง​ฝ่าย​เรา​เอง​ก็​มีคนใน​สำนัก​ไม่น้อย​ที่​เป็น​ข้าราชการ​ระดับสูง​กับ​ระดับ​นายพล​ ดังนั้น​…เวลา​เจอ​อะไร​ก็​จงห้าม​กลัว​ พวกเรา​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​เธอ​ ทั่ว​ทั้ง​สาธารณรัฐ​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​เธอ​”

สีหน้า​ของ​ชาย​ชรา​มีความ​เคร่งขรึม​น่าเกรงขาม​

“แต่​ก็​จงอย่า​ทะนง​ตน​เพราะ​สาเหตุนี้​เช่นกัน​ จงควบคุม​ร่างกาย​และ​ควบคุม​จิตใจ​ให้​ดี​ แต่​ก็​อย่า​ระมัดระวัง​เกินไป​ ตอนนี้​เธอ​เพิ่ง​อายุ​สิบ​แปด​เอง​”

“เข้าใจ​แล้ว​ครับ​” เวลานี้​ลู่​เซิ่งถึงเพิ่ง​นึก​สถานะ​ของ​หวัง​ตง​ออก​ ที่แท้​ตัวเอง​ยังคง​เป็น​นักเรียน​มัธยม​ที่​เพิ่ง​อายุ​ได้​สิบ​เจ็ดสิบ​แปด​ปี

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด