ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 980 อัจฉริยะ (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 980 อัจฉริยะ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ หอคอย​ฝึกฝน​

หญิงสาว​สอง​คน​ที่​สวม​เครื่องแบบ​ลูกศิษย์​กำลัง​สู้กัน​ใน​ระยะ​ประชิดตัว​ใน​โถงใหญ่​

กระบวนท่า​ของ​ทั้งสอง​ดุดัน​ทรงพลัง​และ​รวดเร็ว​ว่องไว​ เพียงแต่​คน​หนึ่ง​แรง​มาก​ คน​หนึ่ง​ปราดเปรียว​ จึงยาก​ตัดสิน​ผลลัพธ์​อยู่​ชั่วขณะ​

เหล่า​ศิษย์​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ที่อยู่​รอบ​ๆ พา​กัน​มามุงดู​

ผู้อาวุโส​สามคน​นั่ง​นิ่ง​อยู่​บน​ที่นั่ง​อีก​ด้าน​ ชมการต่อสู้​จาก​ระยะไกล​ มีคน​ขมวดคิ้ว​เป็นระยะ​

“บน​โลก​ใบ​นี้​มีวิชา​ดูดซับ​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​อยู่​ไม่น้อย​ วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ของ​พวกเรา​ก็​ไม่ต่าง​จาก​วิชา​อื่น​ แต่​เหนือกว่า​ตรง​คำ​ว่า​หนักแน่น​ ไม่เอนเอียง​สงบนิ่ง​ ไม่ก้าวร้าว​ และ​ไม่ทิ้ง​ผลเสีย​ไว้​”

จอม​อาวุโส​อธิบาย​ช้าๆ

“ดังนั้น​ การฝึกฝน​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​จึงต้อง​พยายาม​เลือก​วิญญาณ​วีรชน​ที่​เข้ากับ​ตัวเอง​ได้​ เพื่อ​นำมา​สิงอาวุธ​ช่วยเหลือ​ตัวเอง​”

“ไม่เอนเอียง​สงบนิ่ง​อะไร​กัน​ พูด​ถึงที่สุด​แล้ว​มัน​ก็​คือ​ธรรมดา​สามัญไม่ใช่เหรอ​คะ​ พูด​เสีย​น่าฟัง​เชียว​” หวง​ย่า​ที่นั่ง​อยู่​ด้านหลัง​คุณตา​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​อด​บ่น​เบา​ๆ ไม่ได้​

สาเหตุ​ที่​เธอ​ไม่ได้​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ของ​สำนัก​อย่าง​ตั้งใจ​ เป็น​เพราะ​วิชา​นี้​ใช้เวลา​มากเกินไป​นั่นเอง​

มัน​ต้อง​ใช้เวลา​และ​ความตั้งใจ​มากมาย​ รอ​เธอ​ฝึก​สำเร็จ​ เกรง​ว่า​อายุ​จะปาไปสามสิบ​สี่สิบ​แล้ว​

ถึงเวลา​นั้น​ จะเรียน​มหาวิทยาลัย​อยู่​ไหม​ จะแต่งงาน​อยู่​ไหม​ นี่​มัน​เป็นการ​ใช้ชีวิต​วัยหนุ่มสาว​อย่าง​เสียเปล่า​ไม่ใช่หรือ​

ความจริง​ไม่ใช่แค่​เธอ​เท่านั้น​ แม้แต่​กับ​หวัง​ตง​ หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ก็​ไม่เคย​พูดถึง​ความคิด​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ให้​เขา​ฟังมาก่อน​ ไม่อย่างนั้น​คงจะ​มอบ​วิชา​ให้​นาน​แล้ว​

และ​เป็น​เพราะ​แบบนี้​ เขา​ถึงได้​หา​วิชา​วิญญาณ​ระดับสูง​ที่​มีความเหมาะสม​กว่า​อีก​วิชา​ให้​แก่​หวัง​ตง​กับ​หลานสาว​ของ​ตน​แทน​ มัน​สามารถ​ดูดซับ​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ได้​เช่นกัน​ แม้จะรุนแรง​ไปเล็กน้อย​ สิ้นเปลือง​ทรัพยากร​ไปบ้าง​ แต่​ก็​ปลอดภัย​หาก​มีผู้อาวุโส​คอย​ดูแล​

ในความเป็นจริง​ มีแต่​ศิษย์​ธรรมดา​ที่​ไม่มีเบื้องหลัง​และ​ทรัพยากร​ใน​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​เท่านั้น​ ถึงจะเลือก​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​เป็น​วิชา​ระดับสูง​ของ​ตัวเอง​ในอนาคต​

ส่วน​ลูกศิษย์​ที่​มีหนทาง​ต่าง​ก็​เลือก​วิชา​จาก​สถาน​ที่อื่น​ นี่​แทบจะ​กลาย​เป็นความลับ​ที่​ใครๆ​ ใน​สำนัก​ต่าง​ก็​รับรู้​ไปแล้ว​

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ที่​มองดู​สอง​คน​ด้านล่าง​สู้กัน​อย่าง​ดุเดือด​เกิด​ความกังวล​อยู่​บ้าง​ พรุ่งนี้​จะเป็น​วันที่​ขบวน​ซึ่งจะมุ่งหน้า​ไปยัง​โพรง​หมื่น​วิญญาณ​ออกเดินทาง​

การยืนกราน​ของ​หวัง​ตง​ทำให้​เขา​กระสับกระส่าย​ แต่​พอ​ได้ยิน​คำ​บ่น​ของ​หลานสาว​ เขา​ก็​เถียง​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​

“วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​เป็น​วิชา​สืบทอด​ของ​สำนัก​เรา​ เก่า​คร่ำครึ​ไปบ้าง​จริงๆ​ แต่​ก็​ถูก​จัด​อยู่​ใน​อันดับ​หนึ่งร้อย​เจ็ดสิบ​สามของ​วิชา​ขั้นสูง​จาก​ทั่วโลก​นะ​ ตัว​มัน​ก็​มีประโยชน์​เหมือนกัน​”

ถึงจะพูด​แบบนี้​ แต่​ความจริง​เขา​เอง​ก็​ทราบ​ว่า​ วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​เป็น​วิชา​ระดับ​รอง​ๆ ของ​โลก​

ที่​ชมจน​เกิน​จริง​ไปบ้าง​ ก็​เพราะ​ต้อง​การปิดทอง​ใส่หน้า​ตัวเอง​ ไม่ว่า​อวย​อย่างไร​ ความจริง​ก็​ยังคง​เป็น​เหมือนเดิม​อยู่ดี​

“เชอะ​ ใน​ศึก​ประ​ลองของ​สหพันธ์​เมื่อ​คราวก่อน​ ศิษย์​พี่​ซ่งที่​ฝึก​ถึงระดับ​สามของ​สำนัก​ของ​พวกเรา​แพ้​แบบ​ไหน​กัน​ล่ะ​คะ​” หวง​ย่า​แสดง​ความรังเกียจ​

“กระบวนท่า​ ความกล้า​ ต่าง​ก็​ไม่แพ้​ให้​อีก​ฝ่าย​ แต่​ใน​การ​เปรียบเทียบ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​พลัง​วิญญาณ​กลับ​แพ้​ติดต่อกัน​สิบ​สามครั้ง​ ตอนนี้​เขา​หมดอาลัยตายอยาก​ เปลี่ยนไป​ฝึก​วิชา​อื่น​แล้ว​ มีอย่าง​เหรอ​คะ​ การป้องกัน​ก็​สู้คนอื่น​ที่​เน้น​การป้องกัน​ไม่ได้​ การฟื้นฟู​ก็​สู้คนอื่น​ที่​เน้น​การฟื้นฟู​ไม่ได้​ การ​คง​สภาพ​พลัง​วิญญาณ​ก็​เป็น​ซี่โครง​ไก่​เหมือนกัน​ พูด​ถึงที่สุด​คือ​ทำได้​ทุกอย่าง​ แต่​ไม่ดี​สัก​อย่าง​”

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ตบ​หัว​หลานสาว​ตัวเอง​ผัวะ​หนึ่ง​

“ควบคุม​ตัวเอง​หน่อย​” แต่​ความจริง​เขา​ก็​ไม่ปฏิเสธเช่นกัน​

ศิษย์​ระดับ​เงิน​ส่วนใหญ่​ใน​สำนัก​ต่าง​ก็​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ แม้ตัว​วิชา​จะธรรมดา​ไร้​จุดเด่น​ แต่​ก็​มีข้อดี​ตรง​ที่​มั่นคง​ไม่ซับซ้อน​

ตอนนี้​คน​ที่​ยังคง​รักษา​ธรรมเนียม​ ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​อย่าง​แท้จริง​ นอกจาก​พวก​ศิษย์​ที่​ไร้​หนทาง​แล้ว​ ก็​มีเฒ่าสี่ เฒ่าห้า​ และ​เฒ่าเจ็ด​

ผู้อาวุโส​สามคน​อย่าง​พวกเขา​แน่ใจ​ว่า​ วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​เป็น​รากฐาน​ที่​แท้จริง​ของ​สำนัก​ แม้แต่​จอม​อาวุโส​เอง​ก็​อาศัย​วิชา​นี้​สร้าง​สำนัก​ขึ้น​มาใหม่​เช่นกัน​

‘พวกเรา​จะทิ้ง​การสืบทอด​ที่​หลง​เหลืออยู่​ของ​บรรพชน​แล้ว​ไปหา​สิ่งอื่น​ไม่ได้​’

พอ​นึกถึง​ตรงนี้​ หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ก็​ค่อนข้าง​จนปัญญา​

เขา​เอง​ก็​อยาก​จะรักษา​ธรรมเนียม​ไว้​เช่นกัน​ แต่​ทำ​อย่างไร​ได้​ ทุกครั้งที่​ออก​ไปประลอง​ ทั้งๆ ที่​เขา​มีประสบการณ์​และ​ความมั่นใจ​เหนือกว่า​ใคร​ แต่​ด้าน​พลัง​วิญญาณ​กลับ​อ่อนด้อย​ ทำให้​ตาม​คนอื่น​ไม่ทัน​

“เชิญ!”

“ศิษย์​พี่​โปรด​อ่อนข้อ​”

ตอนนี้​ด้านล่าง​มีการ​ประ​ลองของ​ผู้​ฝึกฝน​วิชา​ใหม่​และ​วิชา​เดิม​พอดี​

ศิษย์​หญิง​ที่​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ตาม​ธรรมเนียม​มาสามปี แพ้​ให้​แก่​ศิษย์​น้อง​ที่​ฝึกฝน​วิชา​วิญญาณ​ซึ่งสืบทอด​ใน​ตระกูล​อย่า​สง่าผ่าเผย​

และ​ศิษย์​น้อง​คน​นี้​ก็​เป็น​คน​ที่​เธอ​พา​เข้า​สำนัก​ด้วยตัวเอง​เมื่อ​หนึ่ง​ปีก่อน​

ศิษย์​หญิง​คน​นั้น​ชื่อ​เจิ้งซิ่ว​ห​ลิง​ เวลานี้​มอง​สอง​มือ​ของ​ตัวเอง​อย่าง​อึ้ง​ๆ กึ่ง​คุกเข่า​บน​พื้น​ด้วย​สีหน้า​หดหู่​

คน​ที่​มีสีหน้า​เช่นเดียวกับ​เธอ​ยังมี​ศิษย์​คนอื่นๆ​ รอบตัว​เธอ​ที่​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​อย่าง​หนัก​เช่นกัน​

พวกเขา​เห็น​เธอ​ถูก​ศิษย์​น้อง​เอาชนะ​ ทั้ง​ยัง​เป็นการ​เอาชนะ​ได้​อย่าง​สบาย​ๆ

วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ที่​ยิ่งใหญ่​ถึงกับ​สู้วิชา​วิญญาณ​ประจำ​ตระกูล​ที่​โผล่​มาจาก​ไหน​ก็​ไม่รู้​ไม่ได้​

ความรู้สึก​นี้​ อารมณ์​อัน​เจ็บปวด​นี้​ เหมือนกับ​ก้อนหิน​ยักษ์​กด​ทับ​ทรวงอก​จน​หายใจไม่ออก​

‘นี่​คือ​ความจริง​เห​รอ.​..’ เจิ้งซิ่ว​ห​ลิง​หวน​นึกถึง​ความเด็ดเดี่ยว​ใน​ตอนที่​ตน​ต้อง​การรักษา​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​และ​ธรรมเนียม​ของ​สำนัก​อย่าง​แน่วแน่​

เธอ​จินตนาการ​ว่า​ ต่อให้​วิชา​นี้​จะแย่​อย่างไร​ ก็​คง​ไม่แย่​เท่าไหร่​…กลับ​นึกไม่ถึง​ว่า​

ศิษย์​ที่อยู่​รอบข้าง​บ้าง​ก็​กำหมัด​แน่น​ บ้าง​ก็​หดหู่​ท้อแท้​ แม้คน​ส่วนใหญ่​จะมีสีหน้า​คงเดิม​ แต่​ความเร่าร้อน​ใน​ใจและ​ความเชื่อมั่น​ที่​มีต่อ​วิชา​ดั้งเดิม​ของ​สำนัก​ ถูก​กระทบกระเทือน​อย่าง​เงียบงัน​อีกครั้ง​

วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ไม่ไหว​จริงๆ​ หรือ​…

ความรู้สึก​เศร้าใจ​ที่​ธรรมเนียม​กำลังจะ​หาย​ไป ค่อยๆ​ ก่อตัว​ใน​หัวใจ​ของ​ศิษย์​จำนวนมาก​

จอม​อาวุโส​เอง​ก็​เผย​สีหน้า​ไร้อารมณ์​และ​ทอดถอนใจ​เงียบๆ​ เช่นกัน​…

“หือ​?”

ทันใดนั้น​สีหน้า​เขา​ก็​เปลี่ยนแปลง​ เงยหน้า​มอง​ไปยัง​ที่​ไกล​

“นี่​มัน​…มีคน​กำลัง​ดูดซับ​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​อยู่​?! นี่​มัน​ความเร็ว​อะไร​กัน​! เร็ว​มาก​!”

ไม่ใช่แค่​เขา​เท่านั้น​ รอง​ผู้อาวุโส​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ก็​สีหน้า​เปลี่ยนแปลง​เช่นกัน​ รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​พลัน​สลาย​หาย​ไป สายตา​มอง​ไปยัง​ทิศทาง​ที่​มีความ​แปรปรวน​ส่งมา

“ความเร็ว​กลืน​กิน​ระดับ​นี้​…ใคร​กัน​!?” เขา​สัมผัส​ได้​อย่าง​เลือนราง​ว่า​ สนาม​พลัง​วิญญาณ​ที่​พลัง​วิญญาณ​สาย​นี้​กระจาย​ออกมา​เหมือน​จะคุ้นๆ​ อยู่​บ้าง​

ผู้อาวุโส​สอง​คน​พา​กัน​ลุกขึ้น​ ถัด​จากนั้น​ผู้อาวุโส​สามที่นั่ง​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ที่สาม​ก็​ลุกขึ้น​ตาม​ พร้อมกับ​มอง​ไปยัง​ที่​ไกล​ด้วย​สีหน้า​คร่ำเคร่ง​

ความ​แปรปรวน​จาก​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ทาง​ด้าน​นั้น​รุนแรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ แล้ว​

“ไปดู​ไหม​!?” จอม​อาวุโส​สบตา​กับ​ผู้อาวุโส​อีก​สอง​คน​ ทั้ง​สามต่าง​ผงกศีรษะ​พร้อมกัน​ ก่อน​จะลุก​ออกจาก​ที่นั่ง​ไป

เวลานี้​ความ​แปรปรวน​ของ​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​สาย​นั้น​ส่งผล​ต่อ​ผู้จัดการ​เรื่องราว​และ​ศิษย์​บางส่วน​เหมือนกับ​วัตถุ​จับต้อง​ได้​แล้ว​

คน​พวก​นี้​ต่าง​ก็​เป็น​สุดยอด​ผู้​เข้มแข็ง​ที่​มีพลัง​อยู่​ใน​ระดับ​หัวกะทิ​ของ​สำนัก​ พวกเขา​ส่วนใหญ่​อยู่​ใน​ระดับ​ทองคำ​

พวกเขา​ต่าง​สัมผัส​ได้​ถึงความ​แปรปรวน​ของ​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ระดับ​นี้​

แม้ความ​แปรปรวน​จะเบาบาง​มาก​ แต่​สามารถ​ส่งมาจาก​ตำแหน่ง​ที่​ไกล​ขนาด​นั้น​ได้​ ความ​แปรปรวน​ตรง​ใจกลาง​จะรุนแรง​ถึงขนาด​ไหน​

ดี​ที่​ตรงนั้น​ห่าง​จาก​ตรงนี้​ไม่ไกล​ ยอด​ฝีมือ​บางส่วน​ที่​มีสัมผัส​แข็งแกร่ง​จึงพุ่ง​ตาม​ไปยัง​ทาง​นั้น​ด้วย​ความเร็ว​สูง

การ​กระตุ้น​ความ​แปรปรวน​ใน​ชีพจร​ดิน​ที่​รุนแรง​ถึงขนาด​นี้​ใน​ระยะห่าง​ที่​ใกล้​แบบนี้​ สำหรับ​สำนัก​ที่​อาศัย​ชีพจร​ของ​ผืนดิน​ใน​การฝึกฝน​อย่าง​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​แล้ว​ มัน​ชัดเจน​แจ่มแจ้งถึงขีดสุด​

อย่างไร​พวกเขา​ก็​อาศัย​มัน​ใน​การฝึกฝน​ ย่อม​ตรวจสอบ​พลัง​วิญญาณ​ใน​ชีพจร​ดิน​ใกล้ชิด​กว่า​ขุม​กำลัง​ทั่วไป​

ราก​ไม้สีเหลือง​อ่อน​อัน​แน่นขนัด​ยื่น​เหยียด​ออก​มาจาก​ร่าง​ลู่​เซิ่ง ดูดซับ​พลังงาน​สีดำ​ใน​ลักษณะ​เหนียว​ข้น​มากมาย​ออก​มาจาก​ใน​ผืนดิน​

นั่น​คือ​พลัง​วิญญาณ​ดวงดาว​ หรือ​ก็​คือ​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ที่​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​พูดถึง​

พลัง​อาวรณ์​เหมือนกับ​ปกคลุม​ด้านนอก​ด้านใน​ร่างกาย​ของ​ลู่​เซิ่งไว้​ชั้นหนึ่ง​ ร่วมกับ​เยื่อ​ป้องกัน​บน​วิญญาณ​

หลังจาก​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ทะลัก​เข้าไป​ ก็​จะถูก​เยื่อ​ป้องกัน​ชั้นนี้​กรอง​สิ่งเจือปน​ให้​เหลือ​เพียง​พลัง​วิญญาณ​ที่​บริสุทธิ์​ที่สุด​ ก่อน​จะไหล​เข้าไป​ใน​ร่าง​วิญญาณ​ของ​ลู่​เซิ่งต่อ​

การกรอง​แบบนี้​มีความเร็ว​ถึงหลาย​ร้อย​หน่วย​ต่อ​วินาที​

พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ที่​ต่อเนื่อง​ทะลัก​เข้าไป​ใน​ร่าง​ของ​เขา​อย่าง​บ้าคลั่ง​ จากนั้น​ก็​เกิดปฏิกิริยา​ทาง​เคมี​กับ​พลัง​วิญญาณ​ของ​ลู่​เซิ่ง สอง​สิ่งเพิ่มจำนวน​ขึ้น​อย่าง​รวดเร็ว​

พลัง​วิญญาณ​ของ​ลู่​เซิ่งที่​เดิม​มีมาก​ถึงสามล้าน​กว่า​ดูรา​ ขยายตัว​ขึ้น​อีกครั้ง​เหมือน​เติม​ลม​

มนุษย์​หมอก​ดำ​มากมาย​ที่​เฝ้าอยู่​นอก​คฤหาสน์​มองดู​พลัง​วิญญาณ​ของ​ลู่​เซิ่งที่​เพิ่มขึ้น​อย่าง​รวดเร็ว​เหมือน​รับ​ชมเรื่อง​สนุก​

พร้อมกับ​ทอดถอนใจ​ว่า​ ผู้ชาย​ของ​ราชา​เทพ​เป็น​อัจฉริยะ​จริงๆ​ ความเร็ว​ยกระดับ​ใน​การฝึกฝน​พลัง​วิญญาณ​ที่​เร็ว​ขนาด​นี้​หา​ได้​ยาก​อย่างยิ่ง​

แอนดี้​เอง​ก็​อยู่​ใน​จำนวน​นี้​เช่นกัน​ แต่​ก่อนหน้านี้​เขา​เคย​เห็น​คุณสมบัติ​ร่างกาย​อัน​น่ากลัว​ที่​ลู่​เซิ่งใช้สะกด​มาร​ยักษา​มาก่อน​ จึงไม่ได้​ตกใจ​กับ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​พลัง​วิญญาณ​มาก​นัก​

ทว่า​ต่อมา​ หลังจาก​พลัง​วิญญาณ​ขึ้นไป​ถึงสามล้าน​กว่า​ดูรา​ ก็​ถึงกับ​เพิ่มขึ้น​อย่าง​รวดเร็ว​อีกครั้ง​

อีก​ทั้ง​การ​ยกระดับ​ใน​ครั้งนี้​ยัง​เป็น​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ที่​แตก​ต่างกัน​โดยสิ้นเชิง​ด้วย​

พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​กับ​พลัง​วิญญาณ​ของ​ตัวเอง​เป็น​คนละ​ความหมาย​

การสกัด​พลัง​วิญญาณ​ของ​ตัวเอง​ เหมือนกับ​ของ​ที่​ตัวเอง​มีอยู่แล้ว​ เพียงแต่​วาง​ไว้​ใน​ลิ้นชัก​เท่านั้น​ กระบวน​การใช้งาน​จึงเทียบ​ได้​กับ​การ​ดึง​ลิ้นชัก​แล้ว​หยิบ​ออกมา​

ส่วน​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ นั่น​คือ​ของ​ของ​คนอื่น​ คุณ​จะต้อง​บุกเข้าไป​ใน​บ้าน​คนอื่น​แล้ว​ค้น​ให้​ทั่วถึง​จะเจอ​พลัง​วิญญาณ​ได้​ หลังจาก​เจอ​แล้ว​ จะต้อง​เปลี่ยน​มัน​ให้​กลายเป็น​สิ่งที่​ตัวเอง​ใช้ได้​

เอี๊ยด​!

รถจี๊ป​และ​รถ​ยนตร์​หลาย​คัน​จอด​ลง​ใน​เขต​คฤหาสน์​ริม​ทะเลสาบ​อย่าง​รวดเร็ว​

จอม​อาวุโส​ถูก​คนหนุ่ม​สวม​เสื้อเชิ้ต​สีขาว​คน​หนึ่ง​ประคอง​ลง​จาก​รถ​ ก่อน​จะเงยหน้า​มอง​คฤหาสน์​ที่​ปิด​อยู่​ของ​ลู่​เซิ่ง

รอง​ผู้อาวุโส​กับ​ผู้อาวุโส​สามก็​พา​กัน​ลงรถ​เช่นกัน​

ถัด​จากนั้น​จึงเป็น​ผู้จัดการ​เรื่อง​ราวกับ​ศิษย์​หัวกะทิ​คนอื่นๆ​

หวง​ย่า​ติดตาม​อยู่​ด้านหลัง​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ เธอ​จำคฤหาสน์​ที่​ลู่​เซิ่งอยู่​ได้​แทบ​ทันที​

ถัด​จากนั้น​ยังคง​มีศิษย์​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​เร่งรุด​มาถึง รถ​หลาย​คัน​พา​กัน​จอด​ใน​ถนน​เขต​นี้​อย่าง​ต่อเนื่อง​

การจราจร​ที่​เดิม​ปลอดโปร่ง​ ติดขัด​อย่าง​รวดเร็ว​

ตำรวจจราจร​หลาย​คน​ต้องการ​เข้าไป​รักษา​กฎระเบียบ​ และ​ขับไล่​การ​รวมกลุ่ม​ที่​ผิดปกติ​ของ​พวกเขา​ แต่​พอ​มีผู้จัดการ​คน​หนึ่ง​เข้าไป​เจรจา​ พวกเขา​ก็​ตกใจ​เหงื่อ​แตก​เต็ม​ศีรษะ​ หมุนตัว​วิ่งหนี​ทันที​

แม้กลุ่มคน​ที่​ผ่าน​ทาง​มาจะสัมผัส​ไม่ได้​ว่า​มีอะไร​เกิดขึ้น​ แต่​ดู​จาก​รูปการณ์​กลับเป็น​เหตุการณ์​ใหญ่โต​ที่​หา​ได้​ยาก​ จึงพา​กัน​มาปักหลัก​มุงดู​ บ้าง​ก็​หยิบ​โทรศัพท์​ออกมา​ถ่ายรูป​

“ไล่​คน​ผ่าน​ทาง​พวก​นี้​ไปให้​หมด​” จอม​อาวุโส​ถือ​ไม้เท้า​หัว​มังกร​เดิน​เข้า​เขต​เล็ก​ๆ ทีละ​ก้าว​ๆ มุ่งหน้า​ไปยัง​คฤหาสน์​ที่​ลู่​เซิ่งอยู่​

คน​ที่​เหลือ​ได้​แต่​ติดตาม​ไปเงียบๆ​ โดย​ทิ้ง​คน​บางส่วน​ไว้​ขับไล่​พวก​สอดรู้สอดเห็น​

พอ​จอม​อาวุโส​ไม่พูด​อะไร​ คนอื่นๆ​ ก็​ไม่กล้า​ส่งเสียง​เช่นกัน​

เขา​นำ​อยู่​ด้านหน้า​ รอง​ผู้อาวุโส​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กับ​ผู้อาวุโส​สามเดิน​เคียง​ไหล่​อยู่​ด้านหลัง​ ถัด​จากนั้น​เป็น​ผู้จัดการ​เรื่องราว​ห้า​คน​

ผู้จัดการ​เรื่องราว​คน​หนึ่ง​เช็ด​เหงื่อ​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ที่​เขต​นี้​เขา​เป็น​คน​ดูแล​

ตอนนี้​ถ้าไม่เกิดเรื่อง​อะไร​ก็ดี​ไป แต่​ถ้าเกิดเรื่อง​ล่ะ​ก็​…

“นี่​มัน​…กลิ่นอาย​ของ​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​นี่​!” เดิน​ไปได้​ครึ่งทาง​ จอม​อาวุโส​ก็​งุนงง​เล็กน้อย​ กล่าว​เสียง​ขรึม​ทันที​ว่า​ “ที่นั่น​มัน​…!?”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด