ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 981 เกียรติภูมิ (1)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 981 เกียรติภูมิ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​หรือ​ รุนแรง​ถึงขนาด​นี้​ได้​ยังไง​” เพราะ​ต้อง​วิจัย​วิชา​วิญญาณ​ให้​แก่​หลานสาว​และ​ลูกศิษย์​ หวง​อวิ๋น​ซื่อ​จึงศึกษา​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​จน​ทะลุปรุโปร่ง​ตั้งแต่แรก​แล้ว​

ถึงแม้เขา​จะไม่ได้​ฝึกฝน​วิชา​นี้​ แต่​เมื่อ​พูดถึง​ความเข้าใจ​ที่​มีต่อ​วิชา​วิญญาณ​วิชา​นี้​ เขา​กลับเป็น​คน​ที่​รู้มาก​ที่สุด​ใน​สำนัก​ นอกจาก​จอม​อาวุโส​

“เป็น​วิถี​เคลื่อนที่​ของ​ความ​แปรปรวน​จาก​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​จริงๆ​ เพียงแต่​ความเร็ว​ถูก​ขยาย​ขึ้น​” จอม​อาวุโส​เอ่ย​เสียงทุ้ม​

“ที่นั่น​…ผม​จำได้​ว่า​เป็น​สถานที่​ที่​ศิษย์​หวัง​ตง​อาศัย​อยู่​…” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​เคย​ได้รับ​การ​บอกเล่า​จาก​หวง​ย่า​ จึงทราบ​แล้ว​ว่า​คน​ที่​ก่อ​ความเคลื่อนไหว​ขึ้น​ที่นี่​เป็น​ใคร​

“หวัง​ตง​หรือ​” จอม​อาวุโส​อึ้ง​ “สุดท้าย​นาย​ก็​ให้​เขา​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​เหรอ​” สีหน้า​ของ​เขา​แสดง​ความปลาบปลื้ม​

“ไม่ใช่สิ วิชา​วิญญาณ​พื้นฐาน​ของ​เขา​เพิ่ง​อยู่​ใน​ระดับ​แปด​ไม่ใช่หรือไง​”

ฟิ้ว!​

พูดยังไม่ทันขาดคำ​ จอม​อาวุโส​ก็​พลัน​ชะงัก​ฝีเท้า​

พื้น​ด้านหน้า​เขา​เกิด​เสียงดัง​เบา​ๆ ราก​ไม้สีเหลือง​อ่อน​หลาย​เส้น​กระจาย​ออก​มาจาก​ใน​คฤหาสน์​อ​ยาง​มืดฟ้ามัวดิน​ แล้ว​พา​กัน​ปัก​ลง​บน​พื้น​ราว​เทพธิดา​โปรย​ดอกไม้​

ราก​ไม้กลุ่ม​สุดท้าย​อยู่​ห่าง​จาก​เขา​ไม่ถึงครึ่ง​เมตร​

ตุบๆ​!

เสียง​ดังสนั่น​ที่​เหมือน​หัว​ใจเต้น​ กระเพื่อม​จาก​ส่วนลึก​ใน​วิญญาณ​ของ​คน​ทุกคน​

เวลานี้​ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ทั้งหมด​เห็น​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​มีราก​ไม้สีเหลือง​อ่อน​จำนวน​เหลือ​คณานับ​กลุ่ม​หนึ่ง​ทะลัก​ออก​มาจาก​คฤหาสน์​ แล้ว​กระจาย​ออก​ไป

“นี่​มัน​…เส้น​ดูด​วิญญาณ​ของ​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิ​ญญาน​นี่​ แต่​อย่าง​มาก​สุด​ควรจะ​มีแค่​แปด​เส้น​เท่านั้น​ ทำไม​…ทำไม​ถึงได้​มีเยอะ​แบบนี้​ล่ะ​!?” มีคน​อุทาน​เบา​ๆ อย่าง​อดไม่ได้​

ตลอดเวลา​ที่ผ่านมา​ วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​เป็น​เพียง​วิชา​ที่​ไร้ประโยชน์​ที่สุด​ใน​ใจของ​ลูกศิษย์​ทุกคน​เท่านั้น​

หาก​คิด​จะรักษา​ธรรมเนียม​ต่อไป​ ก็​ต้อง​เผชิญ​กับ​การ​เลือก​แบบนี้​

วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​อัน​เป็นตัวแทน​ธรรมเนียม​ ค่อยๆ​ กลายเป็น​ตัวเลือก​ของ​เหล่า​ลูกศิษย์​ที่​ถูก​บีบคั้น​จน​หมดหนทาง​

ถึงขั้น​ที่​ลูกศิษย์​จำนวนมาก​ซึ่งมีวิชา​สื่อ​วิญญาณ​ประจำ​ตระกูล​ ยินดี​ฝึกฝน​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ของ​ตระกูล​ตัวเอง​ มากกว่า​จะฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​

ผู้อาวุโส​สอง​สามคน​ที่​ยึดมั่น​ใน​ธรรมเนียม​อุตสาหะ​มาโดยตลอด​ เพื่อ​พลิก​สถานการณ์​

แต่​สิ่งที่​น่าเสียดาย​ก็​คือ​ไม่มีความหมาย​แม้แต่น้อย​

“เรียบร้อย​ จบ​ลง​แล้ว​” ทันใดนั้น​จอม​อาวุโส​ก็​ผุด​สีหน้า​เยือกเย็น​ ก่อน​จะสาวเท้า​เดิน​ไปด้านหน้า​

เส้นสาย​สีเหลือง​อ่อน​มากมาย​ด้านหน้า​พา​กัน​สลาย​ไป เหมือนกับ​ไม่เคย​คงอยู่​มาตั้งแต่แรก​

ทุกคน​ติดตาม​ไป จนกระทั่ง​ถึงขอบ​คฤหาสน์​ริม​ทะเลสาบ​

พวกเขา​หยุด​ยืน​อยู่​ด้านหน้า​ประตู​คฤหาสน์​ พร้อมกับ​มอง​ไปด้านใน​

ลู่​เซิ่งค่อยๆ​ เดิน​ออก​มาจาก​ประตู​ แล้ว​กดปุ่ม​เปิด​ประตู​เหล็ก​อัตโนมัติ​

การ​ที่​มีเหล่า​ผู้ยิ่งใหญ่​ใน​สำนัก​มาถึง อีก​ทั้ง​หวง​ย่า​ยัง​แอบ​โทรศัพท์​และ​ส่งข้อความ​สอบถาม​สถานการณ์​กับ​เขา​

เขา​ย่อม​ทำเป็น​ไม่เห็น​ไม่ได้​ ได้​แต่​หยุดชั่วคราว​แล้ว​มารับ​ทุกคน​

“ที่แท้​ก็​เป็น​เหล่า​ผู้อาวุโส​จาก​สำนัก​มาถึง ศิษย์​หวัง​ตง​คารวะ​ผู้อาวุโส​ ผู้จัดการ​เรื่องราว​ และ​ศิษย์​พี่​ทุกท่าน​” ลู่​เซิ่งมาต้อนรับ​ถึงหน้า​ประตู​เหล็ก​และ​กล่าว​เสียงดัง​

จอม​อาวุโส​ไม่ได้​เข้าไป​

เพียง​ยืน​จ้อง​เขา​อยู่​ที่​ประตู​

“เมื่อ​ครู่​ เธอ​กำลัง​ฝึก​วิชา​หรือ​”

“ครับ​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​รับ​ตรงๆ​

ทุกคน​ฮือฮา​เล็กน้อย​ การเคลื่อนไหว​เมื่อ​ครู่​รุนแรง​ไปบ้าง​

“ถึงระดับ​ไหน​แล้ว​” จอม​อาวุโส​โพล่ง​ถาม

“ระดับ​สี่ครับ​…” ลู่​เซิ่งไม่ปิดบัง​ ตอบ​ทันที​

พวก​ผู้อาวุโส​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ที่อยู่​ด้านหลัง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​พลัน​ตกใจ​

ระดับ​ที่สี่​คือ​อะไร​ คน​ส่วนใหญ่​ต่าง​ก็​รู้ดี​

การฝึกฝน​เป็นเวลา​หนึ่ง​ปีทำได้​แค่​สร้าง​พื้นฐาน​เท่านั้น​ ความ​ยาก​และ​ระดับ​การ​เสียเวลา​ของ​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​แทบจะ​ขึ้น​ชื่อเรื่อง​แก้ไข​ไม่ได้​

ทว่า​ตั้งแต่​ลู่​เซิ่งเข้า​สำนัก​มาจนถึง​ตอนนี้​เวลา​เพิ่ง​ผ่าน​ไปเท่าไร​เอง​ แต่​ไปถึงระดับ​สี่แล้ว​

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ผุด​สีหน้า​งุนงง​ ส่วน​หวง​ย่า​ที่อยู่​ด้าน​หลังเขา​อ้า​ปาก​เล็กน้อย​ ทำ​หน้า​เหมือนกับ​เห็น​ผี​

แม้แต่​คนรู้จัก​อย่าง​พวกเขา​ยัง​เป็น​แบบนี้​ ยิ่ง​อย่า​ว่าแต่​ศิษย์​คนอื่นๆ​

พอ​ได้ยิน​ว่า​เป็น​ระดับ​สี่ คน​มากมาย​ที่​ต่อให้​จะใจเย็น​อย่างไร​ กล้ามเนื้อ​ใบหน้า​ก็​กระตุก​เล็กน้อย​ สงสัย​ว่า​ตัวเอง​หูฝาด​หรือไม่​

ค​วับ​!

ทันใดนั้น​จอม​อาวุโส​ก็​ยื่นมือ​ไปแตะ​แขน​ลู่​เซิ่ง พลัง​วิญญาณ​หลาย​สาย​ที่​บริสุทธิ์​ถึงขีดสุด​แทง​เข้าไป​ใน​แขน​เขา​เหมือนกับ​เส้นด้าย​

ชั่วพริบตา​นั้น​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​อัน​มหาศาล​ใน​ตัว​ลู่​เซิ่งก็​สะท้อน​กลับ​ทันที​

พลัง​วิญญาณ​สีเหลือง​อ่อน​สาย​หนึ่ง​ปรากฏ​แวบ​ขึ้น​บน​แขน​ลู่​เซิ่ง ดีดนิ้ว​ของ​จอม​อาวุโส​ออก​ไป

“พลัง​วิญญาณ​คุ้มครอง​ร่าง​! เป็น​ระดับ​สี่จริงๆ​! พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ที่​บริสุทธิ์​ชนิด​นี้​…ช่าง…” จอม​อาวุโส​ไม่ทราบ​โดยสิ้นเชิง​ว่า​ควร​พูด​อะไร​ดี​

แม้เขา​จะเป็น​เทพ​จุติ​ที่​ฝึกฝน​ถึงขั้น​สมบูรณ์​แล้ว​ แต่​เมื่อ​เผชิญหน้า​กับ​ตัว​ประหลาด​อย่าง​ลู่​เซิ่ง ก็​อด​แสดง​ความปั่นป่วน​ใจออกมา​ไม่ได้​

รอง​ผู้อาวุโส​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ก็​มีสายตา​ซับซ้อน​เช่นกัน​ การ​ที่​ศิษย์​ของ​ตัวเอง​ขยันขันแข็ง​ถือ​เป็นเรื่อง​ดี​

แต่​ศิษย์​คน​นี้​ขยันขันแข็ง​เกินไป​ จน​ความก้าวหน้า​อยู่​เหนือ​ความคาดหมาย​ของ​เขา​

“พอแล้ว​ แยกย้าย​ แยกย้าย​ให้​หมด​!” เขา​พลัน​รู้สึกตัว​ หันไป​มอง​เหล่า​ศิษย์​หัวกะทิ​ที่​ติด​ตามมา​ ใน​ดวงตา​ของ​คน​ไม่น้อย​มีเปลวเพลิง​บาง​ชนิด​กำลัง​ลุกโชน​ ความรู้สึก​นั้น​บรรยาย​ได้​ยาก​อย่างยิ่ง​

เขา​รู้​ว่า​ใน​ศิษย์​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​มีองค์กร​หนึ่ง​ชื่อ​สมาคม​พัน​ภูผา​ ซึ่งมีแต่​ศิษย์​ดั้งเดิม​ที่​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​เท่านั้น​ถึงจะเข้าร่วม​ได้​

นี่​เป็นการ​ร่วมมือ​กัน​ครั้งสุดท้าย​ของ​ขุม​กำลัง​ดั้งเดิม​ เวลา​สู้หนึ่งต่อหนึ่ง​พวกเขา​สู้ศิษย์​คนอื่น​ไม่ได้​ วิธีการ​เพียง​หนึ่งเดียว​คือ​เกาะกลุ่ม​

เป็น​เพราะ​ใน​หมู่​ผู้​ที่​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ไม่มีผู้นำ​ที่​สู้กับ​กลุ่ม​ศิษย์​กลุ่ม​อื่น​ได้​

สี่คน​ที่​เหลือ​ใน​ห้า​เมล็ด​วิญญาณ​ต่าง​ก็​ฝึกฝน​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ระดับสูง​วิชา​อื่น​ ไม่มีคน​ฝึก​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​สัก​คนเดียว​

แต่​ตอนนี้​ไม่เหมือนเดิม​แล้ว​!

ลู่​เซิ่งหรือ​หวัง​ตง​เป็นหนึ่ง​ใน​ห้า​เมล็ด​วิญญาณ​เช่นกัน​ แต่​เขา​กลับ​เลือก​ฝึกฝน​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ วิชา​ที่​ทุกคน​ยอมรับ​ว่า​ธรรมดา​นี้​

นี่​หมายถึง​อะไร​

มัน​หมาย​ถึงว่า​วิชา​ดั้งเดิม​นี้​จะมีประโยชน์​มาก​พอ​แน่​ ไม่อย่างนั้น​ลู่​เซิ่งคง​ไม่เลือก​ฝึกฝน​อย่าง​ผ่อนคลาย​ขนาด​นี้​

ทาง​ฝั่งจอม​อาวุโส​ถามปัญหา​กับ​ความรู้สึก​เกี่ยวกับ​การฝึกฝน​อีก​หลาย​ข้อ​ แล้ว​ยืนยัน​ได้​ว่า​ลู่​เซิ่งฝึก​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​ถึงระดับ​สี่จริงๆ​

หลังจาก​ยืนยัน​ เขา​ก็​หันกลับ​ไปกระซิบกระซาบ​อะไร​สัก​อย่าง​กับ​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​และ​ผู้อาวุโส​ที่​เหลือ​

ไม่นาน​นัก​เหล่า​ผู้อาวุโส​ก็​สั่งให้​ผู้จัดการ​เรื่องราว​พา​พวก​ลูกศิษย์​กลับ​สำนัก​

ส่วน​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ที่​เป็น​อาจารย์​ของ​ลู่​เซิ่ง อยู่​ทำความเข้าใจ​สถานการณ์​กับ​ลู่​เซิ่งต่อ​

ทาง​ที่​ดี​ที่สุด​ควรจะ​ศึกษา​ให้​ทราบ​ว่า​ เขา​ฝึกฝน​เร็ว​ขนาด​นี้​ได้​อย่างไร​

ทุกคน​รีบ​มาและ​รีบ​ไป แต่​แตกต่าง​จาก​ตอ​นขา​มา เพราะ​ใน​ดวงตา​พวก​ศิษย์​และ​ผู้จัดการ​เรื่องราว​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ที่​จากไป​ฉาย​ความหวัง​อย่าง​เห็นได้ชัด​

ลู่​เซิ่งต้อนรับ​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​กับ​หวง​ย่า​เข้า​คฤหาสน์​ หลังจาก​ทั้ง​สามนั่งลง​แล้ว​ เขา​ก็​ริน​กาแฟ​สำเร็จรูป​สอง​แก้ว​ให้​พวกเขา​

“พูด​ตามจริง​ ก่อนหน้านี้​หลังจาก​ผม​ฝึก​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​พื้นฐาน​สำเร็จ​ ผม​ก็​พบ​ว่า​ตัวเอง​ฝึก​ถึงระดับ​สูงสุด​แล้ว​ เลย​คิด​จะหา​วิชา​ที่​ปกติ​หน่อย​มาฝึก​ดูก่อน​ แล้ว​ค่อ​ยึก​ถึงวิชา​ดั้งเดิม​ อย่างไร​มัน​ก็​เป็น​วิชา​ที่​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ของ​เรา​สืบทอด​มานาน​”

ลู่​เซิ่งบอก​คำตอบ​ของ​ตัวเอง​อย่าง​ว่าง่าย​

“นาย​…ฝึก​วิชา​เคลื่อน​ภูผา​แปลง​วิญญาณ​มานาน​ขนาด​ไหน​แล้ว​” หวง​ย่า​อด​ถามไม่ได้​

ลู่​เซิ่งมอง​สีหน้า​ของ​เธอ​ รู้​ว่า​ความก้าวหน้า​ของ​ตน​อลังการ​เกินไป​บ้าง​

“น่าจะ​…ห้า​วัน​…ไม่สิ สิบ​วัน​ เริ่ม​จริงๆ​ เมื่อ​สิบ​วันก่อน​”

พอ​ลู่​เซิ่งเห็น​ว่า​สีหน้า​ของ​หวง​ย่า​สอง​ตา​หลาน​เปลี่ยนแปลง​ ก็​รีบ​เพิ่ม​เวลา​ขึ้น​เป็น​เท่าตัว​ทันที​

เขา​จำได้​ว่า​ใน​คำ​ภีร์​บันทึก​ไว้​ว่า​ อัจฉริยะ​ที่​มีพรสวรรค์​บางส่วน​สามารถ​ลด​ระยะเวลา​การฝึกฝน​ได้​อย่าง​ใหญ่หลวง​

และ​ประสิทธิผล​การฝึกฝน​ของ​อัจฉริยะ​พวก​นี้​ก็​ดีเลิศ​กว่า​คน​ทั่วไป​มาก​

“สิบ​วัน​…ใน​หมู่​อัจฉริยะ​ นับว่า​ไม่เลว​แล้ว​” หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ผุด​สีหน้า​ราบเรียบ​

ใน​บันทึก​ประวัติศาสตร์​ไม่น้อย​ ถ้าสุดยอด​อัจฉริยะ​เจอ​วิชา​ที่​เหมาะกับ​ตัวเอง​ จะมีความเร็ว​เหนือกว่า​คน​ทั่วไป​มาก​โข​จริงๆ​

แต่​ปราก​ฎการณ์​แบบนี้​จะเกิด​เฉพาะ​ใน​ช่วงแรก​และ​ช่วง​กลาง​เท่านั้น​ เป็น​เพราะ​คอขวด​ของ​ช่วงแรก​และ​ช่วง​กลาง​หลัก​ๆ อยู่​ที่​การเปลี่ยนแปลง​พลัง​วิญญาณ​ขั้นพื้นฐาน​

แต่​เมื่อ​ไปถึงช่วงหลัง​ ส่วนใหญ่​จะเป็นการ​เปรียบเทียบ​ความเปลี่ยนแปลง​ด้าน​ขอบเขต​ ไม่ค่อย​เกี่ยวข้อง​กับ​คุณสมบัติ​ร่างกาย​แล้ว​

“แบบ​นั้น​ยัง​ถือว่า​ปกติ​อยู่​ แต่​การ​ดูดซับ​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​ของ​เธอ​เมื่อ​ครู่​มุทะลุ​และ​หยาบกระด้าง​เกินไป​ เธอ​รู้​ไหม​ว่า​ใน​พลัง​วิญญาณ​ผืนดิน​มีสิ่งเจือปน​อยู่​มาก​เท่า​ไห​ร​ เกิด​พิษ​ที่อยู่​ใน​นั้น​ฝังลึก​เข้าไป​ใน​ร่าง​จิต​ของ​เธอ​ คิด​จะกำจัด​ทิ้ง​ก็​ยาก​เหมือน​ปีนป่าย​สวรรค์​แล้ว​”

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ผุด​สีหน้า​เคร่งขรึม​

“ไม่มีอาจารย์​คอย​ดูแล​อยู่​ใกล้​ๆ เธอ​ถึงกลับ​กล้า​เบ่ง​เส้น​ดูด​วิญญาณ​ออกมา​มาก​ขนาด​นั้น​! กลัว​ว่า​ตัวเอง​จะตาย​ไม่เร็ว​พอ​หรือไง​!?”

พูดถึง​ประโยค​หลัง​ น้ำเสียง​ของ​เขา​เริ่ม​เฉียบขาด​ขึ้น​

จากนั้น​หวง​อวิ๋น​ซื่อ​ก็​ผุด​ลุกขึ้น​ ยืน​เอา​มือ​ไพล่หลัง​ มอง​ไปยัง​แสงอาทิตย์​ยาม​เที่ยง​ที่​ร้อนแรง​เล็กน้อย​นอก​หน้าต่าง​

“บน​โลก​ใบ​นี้​ไม่เคย​ขาดแคลน​อัจฉริยะ​ แต่​นั่น​ก็​เพราะ​มีความได้เปรียบ​ที่​คนธรรมดา​เลียนแบบ​ไม่ได้​ใน​ช่วงแรก​และ​ช่วง​กลาง​เท่านั้น​ นอกจากนี้​…” เขา​เปลี่ยน​หัวข้อ​

“อัจฉริยะ​เอง​ก็​ไม่ได้​ขัดเกลา​ความคิด​และ​จิตใจ​มาก​พอ​เพราะ​สาเหตุนี้​เช่นกัน​ พอ​ไปถึงช่วงหลัง​ การ​ยกระดับ​ขอบเขต​จะยาก​กว่า​คนธรรมดา​มาก​ ถึงได้​มีคำ​พูดว่า​สำเร็จ​เพราะ​พรสวรรค์​ แต่​ก็​ล้มเหลว​เพราะ​พรสวรรค์​เช่นกัน​!”

ลู่​เซิ่งได้ยิน​ดังนั้น​ก็​แสดง​สีหน้า​จริงจัง​ขึ้น​

“อาจารย์​โปรด​ชี้แนะ​ด้วย​ครับ​”

หวง​อวิ๋น​ซื่อ​พยักหน้า​น้อย​ๆ

“อันดับ​แรก​ สิ่งที่​เธอ​ต้อง​ทำ​คือ​การ​ทำให้​พลัง​ฝึกปรือ​ใน​ตอนนี้​มั่นคง​ พร้อมกับ​วาง​วัตถุดิบ​กับ​อาวุธ​ภูต​ส่วนหนึ่ง​ไว้​ใกล้​ๆ ตัว​เพื่อ​บ่ม​เพาะ​ สำหรับ​ใช้เป็น​อาวุธ​ ชุด​เกราะ​ และ​อุปกรณ์​ในอนาคต​ของ​เธอ​เอง​”

“ถูก​แล้ว​ครับ​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด