ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 985 ลงมือ (1)
สถานการณ์ของโหยวเหลียนแห่งสำนักเคลื่อนภูผาย่ำแย่อย่างยิ่ง
เธอพาคนมาเพื่อชมดูเรื่องสนุก แต่เพิ่งมาถึงหน้าประตูสมาคมหิมะน้ำแข็ง กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ จึงรีบมุ่งหน้าไปหากลุ่มทหารรับจ้างยักษ์น้ำแข็ง
เป็นอย่างที่คาด ทุกคนอยู่ที่นั่น แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือ กลุ่มทหารรับจ้างยักษ์น้ำแข็งกับสมาคมหิมะน้ำแข็งแห่งหอคอยนาสสร้างเรื่องราวใหญ่โต แต่สุดท้ายกลับจบเงียบๆ เพียงแค่ชดเชยเงินเท่านั้น
นี่ทำให้ขุมกำลังที่ได้รับความเสียหายมาชมดูไม่พอใจสถึงที่สุด
คนพวกนี้จึงอาละวาดทันที แต่นึกไม่ถึงว่าสมาคมหิมะน้ำแข็งจะไม่สนใจ และทางกลุ่มทหารรับจ้างยักษ์น้ำแข็งก็พลิกหน้าทันที ส่งยอดฝีมือมาตรวจสอบชื่อพวกที่อาละวาดหนักที่สุด
ในนี้มีโหยวเหลียนรวมอยู่ด้วย
เธอและคนสามคนของขุมกำลังอีกสามกลุ่มถูกเรียกชื่อออกมา เหล่าหัวกะทิของกลุ่มทหารรับจ้างยักษ์น้ำแข็งและสมาคมหิมะน้ำแข็งคอยอยู่ล้อมรอบ
“นึกไม่ถึงว่าคนของสมาคมหิมะน้ำแข็งเจอความอัปยศขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมตอบโต้! เป็นตัวสวะจริงๆ”
โหยวเหลียนกล่าวคำหยาบที่เสียดหูถึงขีดสุด “ไม่รู้จริงๆ ว่าคนนอกเข้าร่วมกับสมาคมหิมะน้ำแข็งแล้วจะมีประโยชน์อะไร แม้แต่สมาชิกของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เข้าร่วมไปก็ไร้ประโยชน์ สู้เข้าขุมกำลังระดับต่ำๆ ดีกว่า!”
“แม้แต่ขุมกำลังระดับต่ำยังรู้จักปกป้องลูกน้องตัวเอง สมาคมหิมะน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่กล้ำกลืนฝืนทนแบบนี้ ช่างน่าเศร้าจริงๆ!” ชายสวมแว่นชื่อสเวนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเสียงเย็นเยียบเช่นกัน
สำนักเคลื่อนภูผา สมาคมนกยูง สำนักบูรพาขาว สมาคมเหยี่ยวเหล็กจำปี ผู้นำของสี่ขุมกำลังรวมตัวกัน ประจัญหน้ากับสมาคมหิมะน้ำแข็งกับหัวกะทิของยักษ์น้ำแข็งที่อยู่รอบๆ
พวกเขาสี่คนอยู่ในระดับทองคำ ส่วนสมาคมหิมะน้ำแข็งกับยักษ์น้ำแข็งแค่เดินออกมา ก็มีระดับทองคำปาไปสิบกว่าคนแล้ว ยังไม่เอ่ยถึงด้านหลังยังมีเทพจุติคอยคุ้มครองฝั่งละคน
เจ้าขี้เมาไคลน์ยืนเมาอยู่ข้างตัวรองหัวหน้ากลุ่มเทพเมฆาเดสคาเร แสดงสีหน้าเยาะหยัน คนที่ยืนอยู่กับเขายังมีระดับสูงของสมาคมหิมะน้ำแข็ง แอนดี้ โคฟีรา นักรบคลั่งที่มีฉายาว่าอสูรยักษ์น้ำแข็ง
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากเส้นสายของเขา จึงหยุดคดีทำร้ายสมาชิกระดับต่ำสองคนนั้นได้
แน่นอนว่าของชดเชยก็ยังต้องมี
“จะจัดการอย่างไร” แอนดี้ โคฟีราเอ่ยเสียงเย็น “เพราะเรื่องบ้าๆ ของพวกแก พวกเราจึงต้องแสดงความรับผิดชอบในสมาคม ถ้าไม่ให้ของชดเชยที่สมเหตุสมผลกับเรา กลุ่มทหารรับจ้างของพวกแกก็อย่าทำงานอีกต่อไปเลย”
เขาพูดพลางถลึงตามองเจ้าขี้เมาไคลน์ที่ตัวเหม็นกลิ่นเหล้าหึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเทพเมฆาเดสเคอเรเคยช่วยเขาไว้ เรื่องในครั้งนี้คงไม่ตกลงกันง่ายๆ แบบนี้
อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพลันถึงบารมีของกลุ่ม
“ความจริงข้อเสนอเดิมของพวกเราก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ” เทพเมฆาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยักษ์น้ำแข็งของพวกเราเข้าร่วมกับสมาคมหิมะน้ำแข็ง ทุกคนรวมกันเป็นหนึ่ง ในคุณมีฉัน ในฉันมีคุณ”
“เชอะ!”
แอนดี้แค่นเสียง ขุมกำลังโดยรวมของยักษ์น้ำแข็งไม่ได้ดีเด่นอะไรนัก ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวคือหัวหน้ากลุ่มซึ่งมีพลังล้ำลึกไม่อาจหยั่งคาดผู้นั้น เขาเคยเจอหัวหน้าสมาคมหิมะน้ำแข็งมาสองครั้ง แต่กลับสัมผัสความตื้นลึกหนาบางในพลังของอีกฝ่ายไม่ได้
ถ้ารับพวกเขาเข้ามาในสถานการณ์นี้ ไม่แน่จะเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาที่อยู่ในสมาคมหิมะน้ำแข็ง
“พิจารณากันก่อนว่าจะจัดการคนพวกนี้ยังไง แม้จะเป็นแค่ขุมกำลังขนาดกลาง แต่เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย จะประมาทไม่ได้”
“ฉันว่าควรจะเจาะจุดอ่อน…” เจ้าขี้เมาไคลน์หัวเราะเหอะๆ พลางสอดปาก
สมาชิกกลุ่มรอบตัวเขาไม่ได้ชอบเขาเท่าไร แต่ก็จนปัญญาที่เขาเป็นหลานของรองหัวหน้ากลุ่ม รองหัวหน้ากลุ่มเทพเมฆาเดสเคอเรที่มีลูกไม่ได้แล้ว เปลือกน้องยิ้มแย้ม สีหน้าเป็นมิตร แต่ความจริงเป็นคนเหี้ยมโหดที่ใจคออำมหิต พูดหนึ่งไม่มีสอง
กับหลานเพียงคนเดียว เขายิ่งปฏิบัติเหมือนเป็นลูกของตัวเอง
“ทำลายจุดอ่อนยังไง” เทพเมฆาถามด้วยรอยยิ้ม ความจริงเขารู้แล้วว่าเจ้าขี้เมาจะพูดอะไร
“จับตัวแกนนำสองคนมาจัดการ พวกเขาไม่สามารถรวมตัวกันได้ตลอดไป อย่างไรก็ต้องแยกย้าย และขอแค่แยกย้าย พวกเราก็มีโอกาส” เจ้าขี้เมาหัวเราะเหอะๆ
พวกโหยวเหลียนที่เวลานี้ถูกล้อมเริ่มมีปากเสียงกับคนของสมาคมหิมะน้ำแข็งและยักษ์น้ำแข็งแล้ว
กลิ่นความขัดแย้งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
วิญญาณวีรชนหลายดวงถูกอัญเชิญออกมา ลอยอยู่ด้านหลังเหล่ายอดฝีมือขั้นทองคำ
กลิ่นอายพลังวิญญาณที่มีการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติหลากหลาย และประกอบด้วยลักษณะเด่นที่แตกต่างกันมากมาย ผสมปนเปกันกลางอากาศ เหมือนกับสายน้ำหรือเส้นด้ายหลากสีหลายสาย
“พวกแกรุมพวกเราเพราะอะไร?! อาณาเขตของพวกแกสนองความโลภของพวกแกไม่ได้แล้วเหรอไง” ชายสวมแว่นเสียดสีอย่างเย็นชา
ไคลน์พากลุ่มหัวกะทิสองสามคนเข้ามาใกล้
เขากวาดตามองยอดฝีมือขั้นทองคำทั้งสี่คนทันที ก่อนจะจ้องร่างของผู้หญิงเย็นชาที่ใส่เดรสสีดำและสวมที่คาดผมสีขาว โดยเน้นมองตรงช่วงขาเป็นพิเศษ
จากนั้นก็มองไปที่ทรวงอกอันตระหง่านของโหยวเหลียน
“จุ๊ๆๆ…ใหญ่จริง…ใหญ่จัง…ใหญ่จริงๆ…เอาพวกเธอสองคนแล้วกัน พวกเราร่วมมือกับสมาคมหิมะน้ำแข็งสู้กับสองขุมกำลังได้ไม่มีปัญหา”
“เอาตัวไป!” เขาโบกมือ ทันใดนั้นทหารรับจ้างหัวกะทิของยักษ์น้ำแข็งที่สวมเสื้อผ้าประหลาดสองคนจากด้านหลัง ก็ย่างสามขุมเข้าหาด้วยสีหน้าจนปัญญา
ด้านหลังพวกเขาปรากฏร่างอัญเชิญของวิญญาณที่มีเฉพาะในขั้นทองคำขึ้นมา
ยักษ์สูงใหญ่สองตนที่สวมเกราะหิมะน้ำแข็งค่อยๆ เดินไปหาโหยวเหลียนและหญิงสาวสวมกระโปรงขาว
“สำนักบูรพาขาวกับสำนักเคลื่อนภูผา…แค่ขุมกำลังในอาณาเขตระดับกลางสองกลุ่มเท่านั้น ไม่มีปัญหา” เทพเมฆาพยักหน้าช้าๆ
พอได้ยินดังนั้น ไม่เพียงแค่โหยวเหลียนที่หน้าเปลี่ยนสี หญิงสาวเย็นชาสวมกระโปรงขาวก็หน้าซีดเช่นกัน เธอกำหมัดแน่น ขบริมฝีปาก จ้องมองคนสองคนที่เข้ามาใกล้เขม็ง
เวลานี้รอบนอกเส้นกั้นที่อยู่ไกลออกไปคล้ายเกิดความปั่นป่วนเล็กน้อย
มีพวกสอดรู้สอดเห็นที่มามุงดูอดตะโกนไม่ได้
“รองเจ้าสำนักบูรพาขาวมาแล้ว!”
“รองเจ้าสำนักหรือ ครั้งนี้สนุกแน่!”
ไม่รอให้พวกที่มาชมดูเรื่องสนุกสนานตอบสนอง ไม่นานก็มีเสียงคำรามดังมาจากทางด้านที่เกิดความวุ่นวาย
“ใครบังอาจแตะน้องสาวฉัน!” ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่หัวล้านสะท้อนแสง ถลึงตาโตพร้อมพุ่งเข้ามาทางนี้
สิ่งที่ลอยอยู่ด้านหลังเขาเป็นช้างแมมมอธสีขาวขนาดยักษ์!
หญิงสาวผู้สวมหูฟังขนาดใหญ่สีขาว เคี้ยวหมากฝรั่งเดินตามชายฉกรรจ์เข้ามา
“ฉันเกลียดเรื่องวีรบุรุษช่วยสาวงามที่สุด” หญิงสาวแอบมองทรวงอกอันตั้งตระหง่านของโหยวเหลียน ก่อนมองของตัวเองด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาวของเพื่อนสนิทกำลังจะถูกจับ เธอก็ขี้เกียจหาเรื่องใส่ตัว เล่นเกมอ่านนิยายอยู่ในบ้านไม่ดีกว่าเหรอ
ส่วนเรื่องฝึกฝนล่ะ เธอไม่เคยทำอยู่แล้ว
อย่างไรเธอก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เล่นเกมก็เพิ่มพลังได้ อ่านนิยายก็ทะลวงขอบเขตได้ ยังต้องตั้งใจฝึกไปทำไม
เปรี้ยง!
ชายฉกรรจ์วิ่งตะบึงไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกคนสวมหน้ากากของสมาคมหิมะน้ำแข็งคนหนึ่งขวางไว้
ด้านหลังคนสวมหน้ากากปรากฏเงามารร้ายสีทองที่เหมือนกับยักษ์จินนี่ ไม่ทราบเป็นวิญญาณวีรชนคนไหน
“หลีกไป!” ชายฉกรรจ์ควบคุมให้ช้างแมมมอธเข้าปะทะกับเงาสีทองอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกๆ ครั้ง ด้านหน้าเงามารร้ายจะมีเยื่อบางๆ สีทองโปร่งแสงขวางการโจมตีอันบ้าคลั่งของช้างยักษ์เอาไว้อย่างแน่นหนา
“หนานเก๋อ! รีบมาช่วยหน่วย! เฟยเฟยเป็นน้องสาวบุญธรรมที่เธอยอมรับนะ! อย่าบอกนะว่าว่าเธอไม่สนใจ” ชายฉกรรจ์ร้อนรนกระวนกราย หันไปตะโกนเรียกหญิงสาว
“ใจเย็นก่อนน่า ฉันกำลังสร้างอารมณ์ร่วมอยู่ นี่ก็มาแล้วไม่ใช่เหรอไง” ความจริงหนานเก๋อไม่อยากจะลงมือเลย เพราะว่าอาจทำลายภาพลักษณ์เด็กสาวตัวเล็กน่ารักที่เธอพยายามสร้างขึ้นในใจทุกคนได้
เธอไม่อยากจะเป็นจอมมารวันสิ้นโลกหรอกนะ เธออยากจะเป็นเด็กสาวจอมออดอ้อนแอ๊บแบ๊วต่างหาก
“ถึงได้บอกไงว่า…” พอเห็นชายฉกรรจ์ถูกขวางไว้อย่างแน่นหนา หนานเก๋อก็รู้ว่าไม่ลงมือไม่ได้แล้ว ทำอย่างไรได้ ใครให้เจ้าหมอนี่ไร้ประโยชน์ล่ะ…
เธอเดินเข้าไป หมุนข้อมือขวา พลังวิญญาณหลายกลุ่มที่เหมือนวังวนรวมตัวกันกลางฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
ตูม!
ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงร้องโอดโอยดังมา
สมาชิกสมาคมหิมะน้ำแข็งกลุ่มหนึ่งที่ก่อนหน้านี้กำลังแอบล้อมวงอยู่ ถูกชายหนุ่มที่สีหน้าดูเคร่งขรึมอย่างยิ่งคนหนึ่งชนจนกระเด็น
ผู้ชายที่เดินอยู่ด้านหน้าทำหน้าเหยเก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังหรือควรเรียกว่าเด็กหนุ่ม กลับผุดสีหน้าหงุดหงิด
ทั้งสองเห็นชายฉกรรจ์กับหนานเก๋อที่ถูกขวางพร้อมกัน
“หลีกไป!” เด็กหนุ่มผมสั้นคนนั้นแสดงสีหน้าเย็นเยียบ พลังวิญญาณสีเทาที่จับต้องได้เหมือนกับของเหลววนเวียนอยู่บนตัว
พลังวิญญาณที่ยิ่งใหญ่วนรอบตัวเขาอย่างช้าๆ ราวกับอสรพิษ
“นาย!” หนานเก๋อนิ่วหน้า แต่อยู่ๆ ฉุกนึกอะไรได้ จึงหลีกทางไปด้านข้างเอง
ลู่เซิ่งกวาดตามองหนานเก๋อ รู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้มีความผิดปกติเล็กน้อย แต่ตอนนี้ขี้เกียจสืบสาว ความสนใจของเขาอยู่ที่วงล้อมด้านหน้า
ฟ้าว!
ร่างยักษ์สีทองของสมาคมหิมะน้ำแข็งพลันปรากฏแวบขึ้นด้านหน้าเขาแล้วฟาดมือลงมา
ลู่เซิ่งยกมือขึ้นพลิกคว้าออกไป
เปรี้ยง!
ข้อมือหยาบใหญ่ของร่างยักษ์ถูกเขาจับไว้อย่างมั่นคง
“เป็นพละกำลังที่น่าขำจริงๆ”
ลู่เซิ่งออกแรงเพียงเล็กน้อย
เปรี้ยง!
ข้อมือของร่างยักษ์ระเบิดออกเหมือนกับกระจกทันที
มันร้องโหยหวนพลางโซเซถอยหลัง หัวกะทิของสมาคมหิมะน้ำแข็งที่ยืนอยู่ด้านหลังผุดสีหน้าตกตะลึง เหมือนนึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้
ทหารรับจ้างยักษ์น้ำแข็งรุมล้อมเข้ามาอีกครั้ง พวกเขาไม่ได้ตกใจเท่าไร พวกเขาย่อมมีวิธีการในการรับมือคนแรงช้าง
“รุมมันเลย!” ชายชราตาเดียวคนหนึ่งตวาดเสียงทุ้ม
ความแปรปรวนของพลังวิญญาณหลายสายปรากฏด้วยความเร็วสูง วิชาวิญญาณมากมายกระเพื่อม โซ่ตรวนสีดำที่ฝังพลังวิญญาณไว้หลายเส้นพากันลอยออกมาพันแขนขากับเอวของลู่เซิ่งเอาไว้อย่างแน่นหนา
อีกด้านหนึ่ง
เวลานี้ด้านในวงล้อมเริ่มสู้กันแล้ว
บนที่โล่งรกร้างซึ่งเดิมเป็นลานน้ำพุ เต็มไปด้วยวิญญาณวีรชนที่แปลกประหลาดและเก่าแก่ซึ่งจับตัวเป็นร่างวิญญาณ
เจ้าขี้เมาไคลน์ต่อสู้กับโหยวเหลียนและหญิงสาวกระโปรงขาวด้วยตัวคนเดียว
วิญญาณวีรชนด้านหลังไคลน์เป็นยักษ์ร่างมนุษย์สีดำสนิทที่มีแขนสี่ข้าง เขาควบคุมยักษ์ให้ใช้วรยุทธ์ประหลาดชนิดหนึ่งหยอกล้อสองสาวอย่างผ่อนคลาย
“ยังฝันว่าจะมีคนมาช่วยพวกเธออีกเหรอ ยอมแพ้เสียเถอะ…ฮ่าๆๆๆ!” เจ้าขี้เมาไคลน์หัวเราะ
โหยวเหลียนต้านทานอย่างยากลำบาก
ทว่าพละกำลังอันมหาศาลสายหนึ่งฟาดใส่ลำตัวร่างวิญญาณของเธอ ทำให้เธอที่อาศัยร่างวิญญาณป้องกันถูกฟาดกระเด็น ร่างกายตีลังกากลางอากาศหลายตลบ ก่อนจะตกลงพื้นอย่างรุนแรง
เธอลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ก่อนมองไปทางไคลน์ เพียงแต่สิ่งที่เห็น กลับเป็นรองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำคู่หนึ่ง บนรองเท้ายังมีลวดลายทรงกลมอยู่ลายหนึ่ง
โหยวเหลียนฝืนเงยหน้าขึ้น ก็สบตากับดวงตาล้ำลึกที่ราบเรียบแต่แฝงความหงุดหงิดคู่หนึ่งเข้าพอดี
“ถึงได้บอกไงว่าน่าขายหน้าจริงๆ…”
บนตัวลู่เซิ่งยังมีโซ่ชนิดพิเศษที่ฝังพลังวิญญาณสิบกว่าเส้นมัดอยู่ เวลาเคลื่อนไหวจะส่งเสียงดังแกร๊งกร๊าง
“เธอ…เธอ…!?” หัวสมองของโหยวเหลียนนึกอะไรไม่ออกแล้ว
……………………………………….
Comments