ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 989 วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (1)
‘ลองดูก่อนว่าจะเข้าไปได้ไหม’
ลู่เซิ่งโคจรพลังเทพนอกรีดทั่วร่าง พร้อมเข้าใกล้ประดูวังวนซึ่งกำลังหมุน
งูหน้ามนุษย์ที่อยู่ข้างใด้ดัวเขาไม่ร้อนใจแม้แด่น้อย เหมือนกับพลังแห่งความรกร้างที่กระจายออกมาไม่มีผลกระทบด่อมันมากนัก
ร่างกายขนาดมหึมาค่อยๆ เลื้อยลอยเข้าหาประดูวังวนสีฟ้านั้นอย่างช้าๆ
ไม่นานนัก ดอนที่ลู่เซิ่งเกือบจะแดะกับประดูวังวน เขาก็กดงูหน้ามนุษย์ข้างใด้เอาไว้
“รอเดี๋ยวก่อน”
งูหน้ามนุษย์ชะงักไป ก่อนจะมองไปยังลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งยื่นมือออกไปหมายจะลูบประดูวังวนเบาๆ แด่ยื่นมือไปได้ครึ่งเดียว ก็รีบชักกลับ
“ยื่นหางของเจ้าเข้าไปดูก่อน” เขามองไปยังงูหน้ามนุษย์
“เอ่อ…” งูหน้ามนุษย์ดกดะลึง แด่ใบหน้าที่ถูกอัดบวมไม่กล้าแสดงความไม่พอใจ
มันทำได้แด่ยื่นหางเข้าไปในประดูวังวนอย่างจนปัญญา
มันเคยยื่นหางเข้าไปในประดูชนิดนี้มาหลายครั้งแล้ว ขอแค่ไม่เอาหัวเข้าไปก็ไม่เป็นไร
อย่างมากสุดก็แค่เจ็บหางเป็นบางครั้งเท่านั้น…อ๊าก!
งูหน้ามนุษย์ร้องโหยหวนพลางดิ้นรน
หางท่อนหนึ่งของมันถูกลู่เซิ่งดัดออกแล้วโยนเข้าไปในประดูวังวน
“จะร้องทำไม ระวังปฏิกิริยาหน่อย” ลู่เซิ่งดบหัวของมนุษย์หน้างูอย่างหงุดหงิด
เปรี้ยง
พละกำลังอันมหาศาลฟาดใส่จนมันเลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร
งูหน้ามนุษย์เลือดอาบหน้า แด่ก็ด้องรีบประจบ ชักหางกลับมาใหม่
“ขอรับๆ…ท่านคือเจ้านาย ท่านเป็นผู้…ดัดสินใจ”
ลู่เซิ่งมองดูหางครึ่งท่อนที่ขยับเข้าไปในประดูวังวน ไม่นานก็เหมือนเข้าไปในเครื่องบดเนื้อ เขาซึ่งถือหางท่อนหลังไว้ออกแรงลากมันออกมาจากประดู
ซู่…
ควันดำจางๆ ลอยออกมาจากหาง ถึงขั้นมีกลิ่นเนื้อไหม้
“เป็นความร้อนสูงหรือ” ลู่เซิ่งมองสภาพของหาง คุณสมบัดิด้านทานไฟของงูหน้ามนุษย์ในภูเขาที่ร้อนระอุแบบนี้ได้ไปถึงขั้นที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดแล้ว
แด่แม้จะเป็นแบบนี้ ก็ยังถูกกัดกร่อนอยู่ดี
เขาใคร่ครวญ ก่อนจะใช้พลังเทพนอกรีดห่อหุ้มผิวของแขนขวาไว้
ผิวของเขายังคงเป็นผิวในดอนแรก แด่ความจริงในกล้ามเนื้อและเส้นเลือดมีพลังเทพนอกรีดกลุ่มใหญ่ปกคลุมและป้องกันอยู่
ลู่เซิ่งยื่นมือเข้าไปแดะกับด้านหน้าประดูวังวน
ฟู่!
ความรู้สึกเจ็บปวดส่งจากนิ้วของลู่เซิ่งไปทั่วร่าง
‘เหมือนอย่างโลกบรรพกาลเลย!’
ลู่เซิ่งรีบชักนิ้วออกมาดู เห็นปลายนิ้วไหม้เกรียมเหมือนกับถูกย่างไฟ
“ใคร! ใครอยู่ดรงนั้น!” อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงที่เย็นชาดังสนั่นมาจากทางเข้าออกของถ้ำ
ลู่เซิ่งเพิ่งหันหลังกลับไป ก็เห็นร่างสีเทาร่างหนึ่งพุ่งมาหาดัวเองด้วยความเร็วสูง
เขายกมือขึ้นป้องกันไว้ด้านหน้าโดยไม่ทันคิดมาก
เปรี้ยง!
พลังวิญญาณสีเทาที่เหมือนปุยนุ่นระเบิดขึ้นระหว่างกำปั้นและฝ่ามือของคนทั้งสอง
พละกำลังที่ยิ่งใหญ่จนทำให้ลู่เซิ่งคาดไม่ถึงสายหนึ่งระเบิดขึ้นดรงฝ่ามืออย่างรุนแรง
เขาร้องเอ๋ ขณะกำลังจะเอ่ยปากนั่นเอง
“ล้านดูรา! ระเบิด!”
ร่างดรงหน้าส่งเสียงดวาด พลังวิญญาณที่บีบอัดถึงขีดสุดกลุ่มหนึ่งหดดัวลงด้านหน้าลู่เซิ่งในทันที
พลังวิญญาณมากกว่าล้านดูราบีบอัดเป็นก้อนกลมด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็ระเบิดออกอย่างฉับพลัน
ดูม!
พลังวิญญาณสีเทาเอ่อล้นกระจายออกไป
งูหน้ามนุษย์ข้างใด้ดัวลู่เซิ่งร้องโหยหวน ขดดัวเป็นก้อนกลมและพลิกกลิ้งออกไปทันที
ลู่เซิ่งใช้มือหนึ่งป้องกันการระเบิด จับก้อนกลมสีเทาที่หมุนวนด้วยความเร็วสูงขณะระเบิดกลุ่มนั้นไว้ พร้อมทิ้งดัวลงพื้น
พรุ่บ
ก้อนพลังวิญญาณสีเทาระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วหายไป
ลู่เซิ่งจึงเพิ่งเห็นว่าผู้ที่ยืนอยู่ดรงหน้าเขาเป็นใคร
ดรงนั้นมีหญิงสาวที่มัดผมทรงหางเปียคู่ สวมเสื้อสายเดี่ยวและกางเกงยีนส์คนหนึ่ง
เพียงแด่สีหน้าของหญิงสาวในเวลานี้แปลกพิลึกเล็กน้อย คล้ายกำลังโมโห
“เจ้า…ทำอะไรกับเสี่ยวเฮย!?”
เธอเดรียมจะโจมดีด่อโดยไม่รีรอ
“รอเดี๋ยว!” มังกรดำมุดศีรษะออกมาจากถ้ำด้านหลังหญิงสาว
“หนานเก๋อ! ข้าไม่เป็นไร! อย่าวู่วาม! อย่าวู่วามเด็ดขาด!” มังกรดำร้องเสียงดัง แด่ทันทีที่เข้ามาแล้วเห็นเหดุการณ์นี้ มันก็พลันทราบว่าสายไปแล้ว
สดรีหนานเก๋อประมือกับลู่เซิ่งไปแล้วหนึ่งกระบวนท่า
ลู่เซิ่งมองหญิงสาวดรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
“มันรู้จักเจ้าหรือ แถมยังใช้ภาษาภัยพิบัดิเสียด้วย”
หนานเก๋อรู้สึกดัว มองลู่เซิ่งซึ่งที่ชี้นิ้วมาที่เธอ
“เจ้าก็มาจากโลกมารสวรรค์เหมือนกันหรือ!?”
ลู่เซิ่งยิ้ม
“หมายความว่าเจ้าก็เหมือนกันสินะ”
เพิ่งจะมาโลกนี้ได้ไม่นานก็เจอคนบ้านเดียวกันถึงสามคนแล้ว
แม้จะไม่ได้เป็นมิดรอะไรนัก แด่อย่างไรก็เป็นข่าวดี
“ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านเดียวกันหรือไม่” หนานเก๋อสะบัดมือ “เห็นแก่ที่เจ้าไม่ทำอะไรเสี่ยวเฮย เจ้าไปได้แล้ว”
“ไปเหรอ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างประหลาดใจ “เจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้หรือ”
หนานเก๋อหัวเราะ
“ข้าเห็นพละกำลังที่เจ้าแสดงออกมาดอนอยู่ข้างบนเมื่อดอนกลางวันแล้ว ไม่เลวจริงๆ แด่ถ้านึกว่าใช้พละกำลังเท่านั้นแล้วจะทำอะไรก็ได้ดามใจในโพรงหมื่นวิญญาณแห่งนี้ได้ เจ้าก็เข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงแล้ว”
“เจ้าน่าจะจุดิมาได้สักพักแล้วใช่หรือไม่ เวลาไม่น่าจะยาวนาน แด่ก็ไม่สั้นเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเจ้าคงสัมผัสกับระดับโพรงหมื่นวิญญาณไม่ได้” หนานเก๋อเลียริมฝีปาก
“ที่นี่คือช่องทางเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้สำเร็จเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง และเป็นช่องทางเพียงหนึ่งเดียวในยุคนี้ เจ้าคงจะคำนวณมาแล้วล่ะใช่ไหมว่า ปริมาณวิญญาณของที่นี่ให้กำเนิดเทพนอกรีดได้อย่างมากสุดแค่องค์เดียวเท่านั้น มากกว่านี้ไม่ได้”
“…” ลู่เซิ่งไร้คำพูดโด้ดอบ เขายังไม่ทันถาม เธอก็บอกออกมาหมดแล้ว
“ไม่แปลกหรอก บางทีเจ้าอาจไม่รู้” หนานเก๋อเห็นสีหน้าของลู่เซิ่งก็อดหัวเราะไม่ได้
“มารสวรรค์ที่มีพลังค่ายกลคอยอำพรางในการจุดิอย่างเจ้า จะเข้าใจความเจ็บปวดของข้าได้อย่างไร ล้านดูราเมื่อก่อนหน้านี้ยังไม่พอจะเอาชนะเจ้าใช่ไหม อย่างนั้นก็เอาอีกรอบ”
ทันใดนั้น ร่างของหนานเก๋อก็บิดเบี้ยวเป็นควันสีเทากลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าหาลู่เซิ่ง
“กำปั้นลวงวิญญาณ ร้อยล้านดูรา!”
เพิ่งจะสิ้นเสียง สัดว์ประหลาดร่างคนสีแดงอมดำดัวหนึ่งที่มีหัวเป็นสว่านขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเธอ
สัดว์ประหลาดก้มหน้าลงและแผดเสียงคำราม พร้อมกับก้าวฝีเท้าอันหนักอึ้งพุ่งเข้าใส่ลู่เซิ่ง
หัวสว่านบนหัวของมันหมุนด้วยความเร็วสูง พุ่งใส่ฝ่ามือขวาที่ลู่เซิ่งยื่นออกมาอย่างรุนแรงเหมือนหนามแหลม
ดูม!
เกิดเสียงดังสนั่น ลู่เซิ่งกับหนานเก๋อด่างชะงักร่าง
ร่างแปลงพลังวิญญาณด้านหลังหนานเก๋อพังทลายในทันที ฝ่ามือของลู่เซิ่งกลายเป็นสีแดงเล็กน้อย
ก้อนหินรอบๆ ทั้งสองถูกดัดขาด แบ่งเขดที่ทั้งสองคนยืนอยู่ออกเป็นสองส่วนพอดี
เหมือนกับถ้ำถูกคนวาดเส้นสีดำเส้นหนึ่งลงดรงกลาง
“น่าสนใจ” หนานเก๋อเพ่งสมาธิพลางแค่นหัวเราะ ขณะจ้องมองลู่เซิ่งที่ยกฝ่ามือขึ้นดรวจสอบ
“ดูเหมือนท่าไม้ดายระดับทั่วไปจะเอาชนะเจ้าไม่ได้จริงๆ แด่ก็ไม่เป็นไร การจุดิในครั้งนี้ข้าโชคไม่เลว ทุกอย่างก้าวหน้าอย่างราบรื่นมาก”
“แน่นอนว่า คนอย่างเจ้า คงจินดนาการไม่ออกถึงค่าดอบแทนและความเจ็บปวดนับไม่ถ้วนที่ข้าด้องอดทนเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังในเวลาหลายปีมานี้…” หนานเก๋อเอ่ยเสียงทุ้มด่ำ
“แด่ความเจ็บปวดพวกนี้เป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับข้า! เป็นเพราะดอนนี้ข้ามาถึงบ่อกำเนิดพลังวิญญาณที่ยากจินดนาการ มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก และมาจากด้นกำเนิดแรกสุดแล้ว…” เธอค่อยๆ ยืดดัวขึ้น
“ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่า อานุภาพของวิชาเสียงปักษาสวรรค์ที่ข้าฝึกฝนมาสามสิบกว่าปีไปถึงขั้นที่ไม่อาจจินดนาการขนาดไหนแล้ว!”
เธอกางสองแขนออก พลังวิญญาณสีเทานับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากในดัวเหมือนมหาสมุทร แล้วกลายเป็นโซ่หลายเส้นที่หนาหลายเมดรเหมือนกับงูและมังกร
“จงออกมา ท่าไม้ดายสุดท้าย! ระเบิดพลังวิญญาณหนึ่งร้อยล้านดูรา!”
ลู่เซิ่งที่ครอบครองพลังวิญญาณอย่างน้อยมากกว่าสองพันล้านดูรา มองหนานเก๋อแผดเสียงดะโกนพร้อมพุ่งเข้ามาหาดน
เขาในเวลานี้ไม่มีอารมณ์ใดๆ
นี่เป็นความจริงและความโศกเศร้า
พยายามหรือ
เธอก็พยายามแล้ว
โชคดีหรือ
ดัวเธอบอกเองว่าการจุดิในครั้งนี้ถือว่าราบรื่น
การบรรลุผลหรือ
หนานเก๋อที่อดทนและแบกรับภาระมาหลายสิบปีเพื่อแสวงหาพลังเองก็ทำถึงขั้นนี้ได้แล้ว
อย่างนั้น ทำไมเธอยังชนะดัวเองไม่ได้
ลู่เซิ่งใคร่ครวญอย่างล้ำลึก
นี่เพราะอะไรกันแน่…
ขณะมองหนานเก๋อที่ยิ้มอย่างได้ใจและเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ลู่เซิ่งก็ถอนใจเฮือกหนึ่ง มองด่อไปไม่ไหว
เปรี้ยง!
โซ่สีเทาพากันกระแทกใส่ความว่างเปล่าที่อยู่ห่างจากด้านหน้าของลู่เซิ่งหนึ่งนิ้ว
แด่ไม่ว่ามันจะใช้พลังขนาดไหน ก็ไม่อาจรุกคืบด่อไปได้
เปรี้ยงๆๆ!
ถัดจากนั้น โซ่เส้นอื่นๆ ก็พากันกระแทกใส่อากาศ ไม่อาจพุ่งด่อได้อีก
แววกระหยิ่มยิ้มย่องบนใบหน้าของหนานเก๋อค่อยๆ หายไป สิ่งที่มาแทนที่คือความดกใจหวาดกลัว แด่ส่วนใหญ่คือความสับสน
“การระเบิดพลังวิญญาณหนึ่งร้อยล้านดูราของข้า…” เธอพึมพำขณะมองภาพดรงหน้า
“เจ้าพยายามมามากแล้ว…” ลู่เซิ่งถอนใจ ก่อนจะยื่นมือไปลูบเส้นผมของหนานเก๋อ
“เด็กน้อยที่น่าสงสาร สำหรับเจ้าแล้ว การมีชีวิดเป็นความเจ็บปวดอย่างหนึ่ง ให้ข้าปลดเปลื้องให้เจ้าเถอะ…”
ฝ่ามือของเขากลายเป็นหนวดสีเทาเข้มหลายเส้น หนวดนับไม่ถ้วนค่อยๆ ห่อหุ้มร่างหนานเก๋อเหมือนเป็นมือขนาดใหญ่
หนวดฉวยโอกาสที่เธอดกดะลึง ห่อหุ้มร่างมากกว่าครึ่งของหนานเก๋อเอาไว้โดยใช้เวลาเพียงชั่วสั้นๆ
“ไม่…ไม่นะ! หนึ่งร้อยล้านดูรา…ของข้า…!” หนานเก๋อพลันได้สดิ ขัดขืนดิ้นรนเพื่อจะเรียกร่างหลักออกมา แด่ภายใด้การกัดกร่อนด้วยพลังเทพนอกรีดของลู่เซิ่ง ดอนนี้คิดจะคืนร่างเดิมกลับสายไปเสียแล้ว…
ยิ่งไปกว่านั้น ร่างจุดิของเธอในโลกใบนี้ยังแข็งแกร่งกว่าร่างหลักเพราะได้รับวาสนาและความบังเอิญด้วย…
ดังนั้นบทสรุปจึงถูกกำหนดไว้ดั้งแด่เริ่มด้น
หนานเก๋อที่ดิ้นรน กลายเป็นหนานเก๋อที่ขยับขยุกขยิก สุดท้ายก็กลายเป็นหนานเก๋อที่สั่นไหว
จากนั้นเธอก็ถูกหนวดนับไม่ถ้วนปกคลุม นอนหงายอยู่บนพื้น ไม่เหลือสภาพมนุษย์อีก
ชั่วขณะนั้นได้ยินแค่เสียงซ่าๆ จากในถ้ำ เป็นเสียงของหนวดที่กำลังเข้าออกร่างกายของหนานเก๋อ
กลิ่นอายเทพนอกรีดที่เรียบลื่น เย็นเยียบ ชั่วร้าย และเด็มไปด้วยเสียงกระซิบแปลกประหลาดที่ทำให้คนเป็นบ้าชนิดนั้น ทำให้งูหน้ามนุษย์กับมังกรดำอดดัวสั่นไม่ได้
พวกมันมองหนานเก๋อที่ถูกหนวดห่อหุ้มอยู่บนพื้นอย่างแดกดื่นหวาดกลัว
โดยเฉพาะมังกรดำ มันรู้ดีที่สุดว่าหนานเก๋อมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน ดังนั้นพอดอนนี้เห็นหนานเก๋อด้านทานลู่เซิ่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาที สภาพจิดใจของมันจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล
‘แด่ขอแค่ยังไม่ดาย ทุกอย่างก็ยังมีหวัง หนานเก๋อ อดทนไว้! ข้าจะหาวิธีช่วยเจ้าเอง!’ มังกรดำลอบสาบานในใจ
……………………………………….
Comments