ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 991 จิตวิญญาณ (1)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 991 จิตวิญญาณ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้า…เห็น​แล้ว​…” ชาย​วัยกลางคน​พูด​เบา​ๆ อย่าง​เชื่องช้า​ เหมือนกับ​พูด​กับ​เขา​และ​เหมือนกับ​พูด​กับ​ตัวเอง​

“เห็น​อะไร​” ลู่​เซิ่งหรี่ตา​ ขณะ​กำลังจะ​ไล่ตาม​ไป ก็​เห็น​ชาย​คน​นั้น​กลายเป็น​หมอก​เทา​นับไม่ถ้วน​สลาย​หาย​ไปแล้ว​

เขา​ถึงกับ​สัมผัส​หมอก​เทา​ชนิด​นี้​ไม่ได้​ เหมือน​ตอน​เขา​เห็น​มาร​สวรรค์​ประหลาด​พวก​นั้น​ใน​ตอนแรก​สุด​

“ทูต​แห่ง​อา​ดี​แยค​เอ๋ย​…ในที่สุด​เจ้าก็​เลือก​ทาง​นี้​…” เสียง​ของ​อีก​ฝ่าย​ค่อยๆ​ หาย​ไป ราวกับ​ไม่เคย​ปรากฏ​มาก่อน​

‘อะไร​กัน​’ ลู่​เซิ่งมอง​ชาย​ผู้​นั้น​ที่​สลาย​หาย​ไป สัมผัส​ได้​ว่า​เหมือน​ตน​จะพลาด​สิ่งที่​น่าเสียดาย​ถึงขีดสุด​ไปแล้ว​

แต่​เขา​บอก​ไม่ถูกว่า​เป็น​อะไร​

เขา​ฉุก​นึกถึง​การ​ดูแล​ของ​โลก​เทพ​นอกรีต​ หรือ​หลักฐาน​แห่ง​ราชัน​ที่​เขา​ได้​มาจาก​การ​ไปถึงโลก​เทพ​นอกรีต​ แล้ว​เติบโต​ทีละขั้น​ๆ จน​สำเร็จ​เป็น​เทพ​นอกรีต​

หลังจาก​ได้​หลักฐาน​แห่ง​ราชัน​มา เขา​ก็​มักจะ​มีความรู้สึก​ว่า​โลก​เทพ​นอกรีต​แอบ​สนับสนุน​เขา​อย่าง​เงียบๆ​ อยู่​ด้านหลัง​

ตอน​เผชิญหน้า​กับ​ชาย​วัยกลางคน​ที่​ถือ​ตะเกียง​เมื่อครู่นี้​ เขา​มีความรู้สึก​คล้าย​กับ​ตอน​ได้รับ​หลักฐาน​แห่ง​ราชัน​

เวลานี้​ชาย​คน​นั้น​หายตัว​ไปแล้ว​

ธาร​แสงสีเทา​หลาย​สาย​ไหลเวียน​อยู่​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ลู่​เซิ่งพิจารณา​ดู​ก็​รู้​ว่า​ พวก​มัน​เป็น​คน​ที่​กำลัง​เคลื่อนไหว​ด้วย​ความเร็ว​สูง

‘ดูเหมือน​ระดับ​เวลา​ที่​เรา​อยู่​จะไม่ถูกต้อง​ ต้อง​ปรับ​ช้าลง​อีกครั้ง​’

ลู่​เซิ่งสูด​ลมหายใจ​เฮือก​หนึ่ง​ แล้ว​เริ่ม​ควบคุม​ให้​พลัง​วิญญาณ​ส่งผล​ต่อ​ประสาทสัมผัส​ของ​ตน​

อวัยวะ​สัมผัส​ตัดสิน​การสัมผัส​ ใน​มิติ​จักรวาล​มีหลาย​สิ่งหลายอย่าง​ที่​สัมผัส​ต้อง​ไปถึงขอบเขต​หนึ่ง​เท่านั้น​ ถึงจะรู้สึก​เจอ​

และ​ต้อง​รู้สึก​ได้​ก่อน​เท่านั้น​ ถึงจะแลกเปลี่ยน​ข้อมูล​และ​ส่งผลกระทบ​ต่อกัน​ได้​…

ลู่​เซิ่งปรับ​ความเร็ว​สัมผัส​ไปเรื่อยๆ​

โรงละคร​ตรง​หน​เริ่ม​เชื่องช้า​ลง​ ธาร​แสงพวก​นั้น​ก็​ช้าลง​ตาม​ไปด้วย​เช่นกัน​

เวลา​เคลื่อน​คล้อย​ไป ธาร​แสงก็​กลาย​เป็นเงา​สีเทา​

เงาสีเทา​จับต้อง​ได้​ กลายเป็น​คน​แต่ง​ตัวอย่าง​เป็นทางการ​มากมาย​

ลู่​เซิ่งยืน​อยู่​ท่ามกลาง​คน​เหล่านี้​

เขา​เหมือนกับ​ไร้​ตัวตน​ ไม่มีใคร​เจอ​และ​ไม่มีใคร​สัมผัส​ได้​

ทุกคน​เดินผ่าน​ตัว​เขา​ไป พร้อมกับ​หลบ​เขา​โดยไม่รู้ตัว​

ลู่​เซิ่งทราบ​ว่า​ นี่​เป็น​เพราะ​สัมผัส​ของ​พวกเขา​ไม่ได้​อยู่​ใน​ขั้น​ที่​สัมผัส​ตัวเอง​ได้​

เป็น​เพราะ​ตอนนี้​เขา​ลด​สัมผัส​ของ​ตัวเอง​ถึงระดับ​นี้​ จึงเห็น​ทุกอย่าง​ตรงหน้า​

‘แล้ว​ตกลง​ที่นี่​…มัน​คือ​ที่ไหน​กัน​แน่​’

เขา​พินิจ​พิจารณา​คน​ที่​ผ่าน​ไปผ่าน​มา

สามีภรรยา​คู่​หนึ่ง​เดินผ่าน​เขา​ไปจาก​ด้าน​ขวา​ ฝ่าย​ภรรยา​มีรอย​ตีนกา​ แต่​ใบหน้า​ประดับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ สีหน้า​มีความสุข​ ส่วนตัว​สามีเอง​ก็​สุภาพ​มีมารยาท​ สวม​เสื้อคลุม​สั้น​สีขาว​ที่​เหมือนกับ​ชนชั้นสูง​ ถือ​ไม้เท้า​สั้น​สีเงิน​ไว้​ใน​มือ​

บน​ไม้เท้า​สั้น​สลัก​ตัวอักษร​เล็ก​ๆ ไว้​ว่า​ ราชวงศ์​ยาร์​ดี​ เด​อเบียส​

พอ​เห็น​ตรงนี้​ ลู่​เซิ่งก็​รู้​ทันที​ว่า​ตัวเอง​ตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​แบบ​ไหน​

ตระกูล​เด​อเบียส​แห่ง​ราชวงศ์​ยาร์​ดี​ ตระกูล​ที่​ก่อ​บาป​ยิ่งใหญ่​เมื่อ​หลาย​พัน​ปีก่อน​จน​โดน​ทำลาย​

ตอนนี้​กลับมา​โผล่​ที่นี่​อย่าง​สง่าผ่าเผย​

ถ้าไม่ใช่เพราะ​ที่นี่​เป็น​โลก​ของ​ผู้​วายชนม์​ ซึ่งลู่​เซิ่งไม่รู้สึก​ถึงไอ​ความตาย​หรือ​พลัง​วิญญาณ​ใดๆ​

ก็​ต้อง​เป็น​เพราะ​เวลา​ เขา​สัมผัส​ได้​ว่า​ตนเอง​ย้อน​เวลา​กลับมา​มากกว่า​พันปี​

เขา​มอง​สอง​สามีภรรยา​เดินผ่าน​ร่าง​ตัวเอง​ไปยัง​ทิศทาง​ตรงกันข้าม​

พอ​มองตาม​จน​ทั้งสอง​หาย​ไปตรง​สุด​ปลาย​ระเบียง​เสร็จ​ ลู่​เซิ่งก็​เริ่ม​เดินเล่น​ใน​โรงละคร​แห่ง​ใหม่​

แขก​ที่มา​ดู​ละคร​ กลุ่ม​นักแสดง​ที่​กำลัง​เตรียม​การแสดง​ พนักงาน​ทำความสะอาด​กับ​คนรับใช้​หญิง​ชาย​ที่​เห็น​ได้​ทุกที่​

ยัง​เป็น​โรงละคร​ใหญ่​ซึ่งมีเสียง​โห่ร้อง​กับ​เสียง​ปรบมือ​ดัง​ขึ้น​ตลอดเวลา​

ลู่​เซิ่งเดิน​อยู่​บน​พื้นที่​แห่ง​นี้​เหมือนกับ​เป็น​วิญญาณ​

ไม่มีใคร​เห็น​เขา​ และ​ไม่มีใคร​สัมผัส​เขา​ได้​

ใน​โรงละคร​คึกคัก​เป็นพิเศษ​ ผู้คน​ที่​สวม​ชุด​ประหลาด​เมื่อ​กว่า​พัน​ปีก่อน​สนทนา​กัน​อย่าง​สบายอารมณ์​

ลู่​เซิ่งเดิน​ไปยัง​โถงใหญ่​ของ​โรงละคร​

แล้ว​ก้าว​เข้าไป​ใน​โถงโรงละคร​อีกครั้ง​

ครั้งนี้​โถงเงียบสงัด​ เหล่า​คน​ที่​เดินไปเดินมา​ยัง​ไม่ได้​เริ่ม​แสดง​อย่าง​เป็นทางการ​

ด้านหลัง​เวที​มีแสงสีเหลือง​อ่อน​เล็ก​ๆ ส่อง​มา

ลู่​เซิ่งมอง​ไปยัง​ทาง​นั้น​

‘แสงนี้​มัน​…’ เขา​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​เหมือนกับ​เคย​เห็น​แสงนี้​มาจาก​ที่ไหน​สัก​ที่​

เขา​อ้อม​เวที​เดิน​เข้าไป​ด้านหลัง​เวที​ใน​จังหวะ​ที่​ไม่มีใคร​

ผู้ชาย​ที่​สวม​ชุด​ตัวตลก​กลุ่ม​หนึ่ง​หลัง​เวที​กำลัง​รีบ​แต่งหน้า​

ลู่​เซิ่งอ้อม​ผ่าน​ห้อง​พวกเขา​ไปยัง​ส่วนลึก​ของ​หลัง​เวที​

ในที่สุด​ลู่​เซิ่งก็​เจอ​ต้นกำเนิด​ของ​แสงสีเหลือง​ที่​กระจาย​ออก​มาจาก​ห้อง​เก็บ​ข้าวของ​จิปาถะห้อง​หนึ่ง​หลัง​เวที​

ประตู​สำริด​ที่สูง​ถึงสี่เมตร​กว่า​ๆ บาน​หนึ่ง​กำลัง​เรืองแสง​ที่​สว่างไสว​และ​อ่อนโยน​ ปกคลุม​อาณาเขต​ใน​ห้อง​รอบ​ๆ เอาไว้​

สิ่งที่​ทำให้​ลู่​เซิ่งแปลกใจ​ไม่ใช่ประตู​บาน​นี้​ หาก​เป็น​วิธีการ​ที่​มัน​คงอยู่​

ประตู​ใหญ่​ให้​ความรู้สึก​ลวงตา​และ​ไม่เป็นจริง​ มองดู​เหมือนกับ​โปร่งแสง​

เขา​เดิน​ถึงหน้า​ประตู​ใหญ่​ แสงอาทิตย์​อัสดง​อัน​อ่อนโยน​ ส่อง​ลอด​เข้า​มาจาก​ด้านนอก​หน้าต่าง​ทางขวามือ​ของ​ห้องเก็บของ​ ทั้ง​ยัง​แว่ว​เสียง​หยอกล้อ​ของ​พวก​คน​ไว้หนวด​จาก​บน​พื้นหญ้า​ด้านนอก​ได้​อย่าง​รำไร​

ไม่ใช่เด็กทารก​

เป็น​ชาย​ไว้หนวด​ตัวเล็ก​ๆ

ลู่​เซิ่งมองผ่าน​หน้าต่าง​ออก​ไปเห็น​ชาย​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​ไว้หนวด​กำลัง​ตะโกน​โหวกเหวก​ขอ​ฟังเรื่องราว​อยู่​ที่​ปลายเท้า​ของ​หญิง​อ้วน​ที่​ร่างกาย​ใหญ่โต​คน​หนึ่ง​

เขา​มุมปาก​กระตุก​ ก่อน​จะมอง​หญิง​อ้วน​ที่สูง​สามเมตร​กว่า​ๆ คน​นั้น​ เธอ​สวม​กระโปรง​สีชมพู​ตัว​โคร่ง​ ติด​เครื่องประดับ​สีทอง​อร่าม​ไว้​บน​หัว​ ท่าทาง​เมตตา​ อ่อนโยน​

จากนั้น​ลู่​เซิ่งก็​ละสายตา​กลับมา​แล้ว​มอง​ไปยัง​ประตู​ใหญ่​ด้านหน้า​

แก​ร๊ก​

ทันใดนั้น​ประตู​เปิด​ออก​เป็น​โดยอัตโนมัติ​

ประตู​อ้า​เปิดกว้าง​ เผย​ให้​เห็น​ความ​มืดมิด​ด้านใน​

ใน​ความมืด​มิด มีเงือก​ชรา​ที่​หลัง​งอ​และ​ผิว​สีเทา​สะบัด​หาง​สีดำ​ที่​เต็มไปด้วย​รอยย่น​ พร้อมกับ​เงยหน้า​ขึ้น​ใน​ความมืด​และ​รอยยิ้ม​น่าขนลุก​ให้​ลู่​เซิ่ง

“ยินดีต้อนรับ​ เจ้าหนุ่ม​”

ภาษานับไม่ถ้วน​กับ​เสียง​นับไม่ถ้วน​ดัง​ขึ้น​พร้อมกัน​

ลู่​เซิ่งได้ยิน​ภาษาภัยพิบัติ​กับ​ภาษาหลัก​บน​ดาว​ปร​ภพ​ใน​โลก​มาร​สวรรค์​ของ​ตัวเอง​จาก​ใน​เสียง​นั้น​

เขา​ตกตะลึง​ก่อน​จะเพ่ง​สายตา​มอง​เงือก​ชรา​ที่อยู่​ด้านหน้า​

เธอ​สวม​ชุด​คลุม​สีเทา​ที่​เก่า​คร่ำคร่า​ ปก​เสื้อ​มีคราบ​สกปรก​จับ​หนา​เหมือน​ไม่ได้​ซัก​มานาน​

สอง​มือ​ที่​ซูบผอม​ประคอง​ขวด​น้ำ​สีดำ​ไว้​ขวด​หนึ่ง​ บน​ขวด​น้ำ​มีลวดลาย​ตราชั่ง​ประหลาด​ที่​เหมือนกับ​แมลง​

“ท่าน​เป็น​ใคร​” ลู่​เซิ่งถามเสียงทุ้ม​

ผิว​ที่​เหมือน​เปลือกไม้​บน​ใบหน้า​เงือก​ชรา​ย่น​เล็กน้อย​ คล้าย​กำลัง​ยิ้ม​

“มีคน​มากมาย​เหลือเกิน​ที่​เคย​ถามข้า​แบบนี้​ แต่​ข้า​เอง​ก็​ลืม​ไปแล้ว​ว่า​เดิมที​ตัวเอง​ชื่อ​อะไร​ เจ้าเรียก​ข้า​ว่า​เงือก​ก็แล้วกัน​”

“อย่างนั้น​ที่​ท่าน​มาปรากฏตัว​ด้านหน้า​ข้า​ใน​ตอนนี้​มีเป้าหมาย​อะไร​” ลู่​เซิ่งถามอ​ยาง​ระวังตัว​

ที่นี่​คือ​โลก​ของ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ พลัง​วิญญาณ​ที่​ยิ่งใหญ่​ของ​เขา​กำลัง​ถูก​ผลาญ​ด้วย​ความเร็ว​สูงอยู่​ทุก​วินาที​ และ​สิ่งมีชีวิต​ที่อยู่​ที่นี่​ได้​เป็นเวลา​นาน​แค่​ใช้หัวแม่เท้า​คิดดู​ก็​รู้​ว่า​หาเรื่อง​ไม่ได้​

ดังนั้น​เขา​จึงตัดสินใจ​หยั่งเชิง​

“ไม่ใช่ข้า​มาปรากฏตัว​ต่อหน้า​เจ้าหรอก​เจ้าหนุ่ม​” เงือก​ชรา​หัวเราะ​ “หลักฐาน​แห่ง​ราชัน​ที่​เจ้าครอบครอง​…เป็นหนึ่ง​ใน​วัตถุ​ที่​ล้ำค่า​ที่สุด​โล​ก.​..เจ้าใช้มัน​แลก​ของ​ที่​เจ้าต้องการ​จาก​ข้า​ได้​ ขอ​แค่​เจ้าต้องการ​ อยาก​ขอ​สิ่งใด​ก็ได้​ทั้งสิ้น​…”

“หลักฐาน​แห่ง​ราชัน​หรือ​” ลู่​เซิ่งงุนงง​ก่อน​จะส่ายหน้า​ทันที​ “อย่างนั้น​ข้า​อยาก​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​จักรวาล​ได้​ไหม​”

“แน่​นอ​น.​..เพียงแต่​ หาก​จะไปถึงขั้น​นั้น​ แค่​หลักฐาน​แห่ง​ราชัน​อัน​เดียว​ยัง​ไม่พอ​” เงือก​ชรา​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

ลู่​เซิ่งพิจารณา​อีก​ฝ่าย​ ต้องการ​ดู​ว่า​เธอ​กำลัง​โกหก​หรือไม่​

แต่​ไม่ว่า​จะใช้วิชา​จิต​โน้ม​นำ​หรือ​กลิ่นอาย​เทพ​นอกรีต​ของ​ร่าง​มาร​สวรรค์​หยั่งเชิง​ เงือก​ชรา​ตรงหน้า​ก็​เหมือน​ไม่ดำรงอยู่​

เหมือนกับ​ผู้​ที่อยู่​ด้านหน้า​เขา​เป็น​เพียง​เงาลวงตา​

“อย่างนั้น​…ถ้ารวม​กับ​ความอุตสาหะ​ของ​ข้า​เล่า​”

ลู่​เซิ่งเอ่ย​ขึ้น​อีกครั้ง​ เขา​เคย​ได้ยิน​มาว่า​ผู้ยิ่งใหญ่​บางส่วน​สามารถ​ใช้ของ​ที่​เลือนราง​ล่องลอย​แบบนี้​แลกเปลี่ยน​ได้​ ถ้าผู้​ที่อยู่​ตรง​หน้าเป็น​ผู้ยิ่งใหญ่​ระดับ​นั้น​จริงๆ​ อาจจะ​หยั่งเชิง​ได้​พอดี​

นาง​เงือก​ชรา​หน้า​กระตุก​เล็กน้อย​

“ขออภัย​ รวม​ความอุตสาหะ​ของ​เจ้าก็​ไม่พอ​เหมือนกัน​…”

“แล้ว​ความกล้า​ของ​ข้า​เล่า​” ลู่​เซิ่งกล่าว​อย่าง​จริงจัง​

“ขออภัย​ ยังคง​ไม่พอ​” รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​เงือก​ชรา​หาย​ไปอย่าง​ช้าๆ

“แต่​ข้า​รู้สึก​ว่า​พอ​นี่​” ลู่​เซิ่งมอง​เธอ​อย่าง​จริงจัง​ “ชีวิต​ของ​คน​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ต้อง​ใช้ความกล้า​และ​ความอุตสาหะ​ การ​ที่​ข้า​เดิน​มาถึงขอบเขต​ใน​วันนี้​ได้​ก็​เพราะ​สอง​อย่าง​นี่เอง​”

“งั้น​เห​รอ.​..แต่​ยังคง​น่าเสียดาย​…พวก​มัน​ไม่ได้​มีค่า​มากมาย​นัก​…” เงือก​ชรา​ส่ายหน้า​น้อย​ๆ

“นอกจากนี้​ ขอ​บอก​ข้อมูล​ให้​เจ้าฟังก่อน​สัก​อย่าง​…” เงือก​ชรา​ยิ้ม​อย่าง​ประหลาด​ “ผู้พิทักษ์​ความว่างเปล่า​ของ​ที่นี่​สัมผัส​ตัวตน​ของ​เจ้าได้​แล้ว​ อีกไม่นาน​เขา​จะมากำจัด​ปัจจัย​ที่​ไม่เสถียร​อย่าง​เจ้าทิ้ง​”

“จากนั้น​เล่า​”

“พูด​อีก​อย่าง​ก็​คือ​เจ้ามีเวลา​สั้น​มาก​ ถ้าไม่อาจ​แลก​พลัง​ที่​แข็งแกร่ง​มาก​พอ​จาก​ข้า​ได้​ อย่างนั้น​ เจ้าจะถูก​ผู้พิทักษ์​ความว่างเปล่า​ฆ่าทิ้ง​ วิญญาณ​โดน​กลืน​กิน​แล้ว​กลายเป็น​ผู้พิทักษ์​ความว่างเปล่า​โดย​สมบูรณ์​”

เงือก​ชรา​หัวเราะ​

“ผู้พิทักษ์​ความว่างเปล่า​…” ลู่​เซิ่งเพิ่ง​ได้ยิน​ชื่อ​นี้​เป็นครั้งแรก​

“ใช่…พวกเขา​คือ​ผู้พิทักษ์​ชายขอบ​แห่ง​ความว่างเปล่า​ เป็น​ร่าง​แปลง​แห่ง​การทำลายล้าง​ที่จะ​ฆ่าการดำรงอยู่​ทั้งหมด​ พวกเขา​ไม่มีวัน​ตาย​ วิธีการ​เพียง​หนึ่งเดียว​ที่​ใช้กำจัด​พวกเขา​ได้​ไม่ใช่การ​ฆ่า แต่​เป็นการ​เติมเต็ม​…” เงือก​ชรา​ถอย​หาย​เข้าไป​ใน​ความมืด​

“ถึงจะซาบซึ้ง​ที่​ท่าน​บอกข่าว​นี้​กับ​ข้า​ แต่​ข้า​อยาก​ถามคำถาม​เป็น​ครั้งสุดท้าย​ ว่า​ที่นี่​คือ​ที่ไหน​กัน​แน่​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อย่าง​รวดเร็ว​

“ที่นี่​หรือ​ ที่นี่​คือ​ดินแดน​แห่ง​ความ​รกร้าง​…เป็น​รอยแยก​มายา​ระหว่าง​ความว่างเปล่า​และ​การดำรงอยู่​…” เงือก​ชรา​หัวเราะ​พิกล​

“ณ ที่​แห่ง​นี้​ การดำรงอยู่​และ​การ​ไม่ดำรงอยู่​เป็น​ขั้นตอน​การเปลี่ยนแปลง​แห่ง​พลวัต​”

เงือก​ชรา​ยกนิ้ว​ขึ้น​

“เหมือนกับ​ข้า​ ความจริง​ข้า​เพียง​คงอยู่​ใน​สายตา​เจ้าเท่านั้น​ แต่​การดำรงอยู่​อื่นๆ​ ไม่อาจ​มองเห็น​ข้า​ได้​…แต่​เจ้าบอก​ได้​หรือว่า​ข้า​ไม่คงอยู่​”

ร่าง​ของ​เธอ​ค่อยๆ​ หาย​เข้าไป​ใน​ความมืด​ ประตู​สำริด​ปิด​ลง​ ก่อน​จะหาย​ไปต่อหน้าต่อตา​ลู่​เซิ่ง

ลู่​เซิ่งยืน​นิ่ง​อยู่​กลาง​กอง​ข้าวของ​ มองดู​สถานที่​ที่​ประตู​ใหญ่​หาย​ไป

บน​พื้น​ตรงนั้น​เหลือ​เทียน​หยาบ​ใหญ่​แท่ง​หนึ่ง​ที่​ลุกไหม้​ไปแล้ว​ครึ่งหนึ่ง​

ไฟของ​เทียน​เหมือน​เพิ่งจะ​ดับ​ จึงมีควัน​จางๆ ลอย​ออกมา​

เขา​เดิน​เข้าไป​เก็บ​เทียน​ไว้​ใน​อก​เสื้อ​

เปรี้ยง​!

จู่ๆ ก็​มีเสียง​ย่ำเท้า​หนักอึ้ง​ดัง​จาก​พื้น​โรงละคร​

ลู่​เซิ่งพลัน​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ด้านบน​

เห็น​เพดาน​ของ​โรงละคร​ถูก​มือ​ใหญ่​สีทอง​ข้าง​หนึ่ง​ดึง​ขึ้น​ด้านบน​เหมือนกับ​เปิด​ฝาครอบ​

มีพายุ​พัด​เข้า​มาจาก​ท้องฟ้า​สีเทา​ด้านนอก​

คนใน​โรงละคร​หายวับ​ไป เหลือ​แค่​ลู่​เซิ่งคนเดียว​ที่​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​ข้าวของ​หลัง​เวที​

ลู่​เซิ่งเงยหน้า​มอง​ด้านบน​ เห็น​มังกร​ขนาด​ยักษ์​ที่​มีลวดลาย​เหมือน​เสือ​อยู่​ทั่ว​ทั้งตัว​บิด​ศีรษะ​ใหญ่โต​หนึ่ง​ดำ​หนึ่ง​ขาว​มอง​มาทาง​เขา​

ลู่​เซิ่งสังเกตเห็น​ว่า​ ด้านหลัง​มังกร​ตัว​นี้​ยังมี​ดวงตา​สีดำ​ขนาดใหญ่​อยู่​หลาย​ดวง​ ดวงตา​พวก​นี้​กลืน​กิน​ดูดซับ​สสาร​ทั้งหมด​ที่อยู่​รอบ​ๆ ตลอดเวลา​

อากาศ​ ฝุ่นละออง​ ก้อนหิน​ที่​ปลิว​เวียน​ว่อน​ หรือ​แม้แต่​แสง ล้วน​หนี​ไม่พ้น​โชคชะตา​ที่​ต้อง​ถูก​กลืน​กิน​

มอง​ไปไกลๆ​ เหมือนกับ​บน​หลัง​มังกร​มีวังวน​สีดำ​อม​เทา​อยู่​หลาย​กลุ่ม​ซึ่งกำลัง​ดูดซับ​ทุกอย่าง​รอบ​มัน​

ลู่​เซิ่งเงยหน้า​สบตา​กับ​ดวงตา​สี่ข้าง​ของ​มังกร​

มังกร​ตกตะลึง​ การเคลื่อนไหว​หยุดชะงัก​ลง​อย่าง​เห็นได้ชัด​

จากนั้น​มัน​ก็​คำราม​เสียงต่ำ​

ฮึ่ม!

ท่ามกลาง​การ​สั่นสะเทือน​อัน​รุนแรง​และ​การ​กระเพื่อม​ของ​คลื่นเสียง​ ลู่​เซิ่งเพิ่งจะ​ตั้งท่า​ ก็​เห็น​มังกร​สอง​หัว​หมุนตัว​เผ่นหนี​ไปแล้ว​

ร่องรอย​ของ​มังกร​ประหลาด​หาย​ไปใน​ไม่กี่​อึดใจ​

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด