ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 992 จิตวิญญาณ (2)
ลู่เซิ่งอึ้งไป ก่อนจะถีบเท้ากระโดดขึ้นเบาๆ พลังวิญญาณที่ใต้เท้ากลายเป็นแท่นบันไดสำหรับยืมแรงกลา างอากาศทีละขั้นๆ
เขากระโดดไปถึงขอบช่องว่างด้านบนสุดของโรงละครก่อนกวาสายตามอง
แต่กลับหาร่องรอยของมังกรประหลาดลวดลายเสือที่มีสองหัวตัวเมื่อครู่ไม่เจอ
“อะไรเนี่ย” เขาสัมผัสกลิ่นอายอย่างแปลกใจ มังกรประหลาดตัวนั้นเหมือนไม่เคยมา ไม่ทิ้งไว้แม้แต่กลิ่นอ อาย
เขายืนอยู่บนยอดโรงละครกวาดตามองไปรอบๆ
มาถึงที่นี่แต่ไม่พบร่องรอยของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ที่นี่ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง
มีแต่ความรกร้าง
‘ช่างเถอะ ควรกลับได้แล้ว…’ ลู่เซิ่งหมุนตัวไปยังทางที่มา วังวนสีน้ำเงินเข้มตรงนั้นยังคงลอยอยู่ก กลางอากาศ
…
ส่วนลึกของแดนรกร้าง
มังกรสองหัวลวดลายเสือค่อยๆ ลากร่างอันเหยียดยาวบินร่อนอยู่กลางอากาศ
“ยังไม่ทันได้จัดการภัยคุกคามก็กลับมาแล้วหรือ” ต้นไม้ยักษ์พาดขวางหลายพันเมตรต้นหนึ่งบนพื้นดิน ส่งเสียงเบาๆ
“ข้าอยากทำอะไร ไม่มีใครบังคับข้าได้” มังกรประหลาดสองหัวส่งเสียงผู้หญิงที่แหลมสูง
“ข้าไม่ได้สั่งท่าน” ต้นไม้ยักษ์ตอบ “แต่คนที่ใช้กายเนื้อเข้ามาในแดนรกร้างได้ และยังเป็นเหยื่อท ที่ท่านยอมปล่อยไป…ข้าเหมือนจะสนใจนิดหน่อยแล้ว”
“เขาเป็นของข้า ถ้าเจ้ากล้าแตะต้อง ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!” มังกรประหลาดสองหัวหันไปถลึงตาจ้องมัน
จิตสังหารที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นพายุสีเทาที่จับต้องได้ พัดใส่ต้นไม้ยักษ์จนใบไม้เขย่าและส่งเสียงซู่ซ ซ่า
“ข้าไม่กล้าหรอก...ท่านเป็นเป็นบุตรีสุดที่รักของความว่างเปล่า…ดูรูแห่งความว่างเปล่าบนหลังท่านเ เถอะ…” ต้นไม้ยักษ์หลุบกิ่งลง
“แต่ว่า ต่อให้ท่านเป็นบุตรีสุดที่รักของความว่างเปล่า การฝ่าฝืนกฎวิญญาณอันสูงส่งของพวกเรานั้น…”
“นั่นมันเรื่องของข้า” มังกรประหลาดสองหัวแค่นเสียง ก่อนจะสะบัดร่างกายทะยานขึ้นด้านบน บินไปยังที ไกล
“ข้าเพียงแค่…ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพอัปลักษณ์นี้ของข้าเท่านั้น…” มันมองไปยังทิศทางที่ลู่เซิ่ง งอยู่ ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์หายลับไปในอากาศเหมือนกับซ่อนร่างไว้
…
พรุ่บ
ลู่เซิ่งกระโดดออกมาจากวังวน ทิ้งตัวลงบนพื้นถ้ำเบาๆ
งูหน้ามนุษย์หายไปไหนก็ไม่รู้ ในถ้ำเหลือแค่หนานเก๋อที่ถอดกางเกงฮัมเพลงอยู่ตรงมุมหนึ่ง เหมือนกำ ำลังตรวจสอบร่างกายของตัวเอง
หลังจากถูกหนวดบนมือลู่เซิ่งชอนไชไปทั่วร่าง ตอนนี้เธอปวดระบมไปทั้งตัว แต่ในความเจ็บปวดถึงกับมีคว วามรู้สึกสุขสมรวมอยู่ด้วย
นี่ทำให้เธอเกิดหวาดกลัวที่แปลกประหลาด
ดังนั้นพอลู่เซิ่งไป เธอก็เริ่มตรวจสอบสภาพร่างกายทันที
“ขอตัว” ลู่เซิ่งไม่เหลือบแลเธอ ตรงดิ่งไปยังนอกถ้ำทันที
“เจ้ารอดกลับมาเหรอเนี่ย” หนานเก๋อรีบสวมกางเกงพลางหันไปมองลู่เซิ่ง
เธอเป็นมารชราที่อยู่มาหมื่นปีแล้ว ย่อมไม่เหนียมอายกับร่างกาย
สิ่งที่เธอให้ความสำคัญอย่างแท้จริงก็คือ ลู่เซิ่งถอยออกมาจากโลกแห่งความรกร้างได้อย่างปลอดภัย
“แต่ยังคงไม่มีเงื่อนงำเรื่องการกลายเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง” ลู่เซิ่งส่ายหน้า
“หลังจากเจ้าเข้าไป จะได้เจอสัตว์ประหลาดที่มีความร้ายกาจเป็นพิเศษที่ด้านใน พวกมันจะกินเจ้า จากนั้นถ ถ้าราบรื่น พอเจ้าฟื้นมา ก็จะกลายเป็นเทพแห่งการทำลายล้างเอง” หนานเก๋อรีบบอก “หรือเจ้าไม่เจอสัตว์ประ ะหลาดชนิดนั้น”
ลู่เซิ่งหวนนึกถึงมังกรสองหัวลวดลายเสือเมื่อก่อนหน้านี้
“น่าจะเจอแล้ว แต่ยังไม่ทันสู้มันก็หนีไปก่อน”
“หา?” หนานเก๋อไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิง
จากข่าวที่เธอรู้มา พอสัตว์ประหลาดชนิดนั้นเห็นคนเป็น ก็จะพุ่งเข้ามากินโดยไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง ทันที
แต่ลู่เซิ่งไปเจอสถานการณ์แบบไหนกัน
“ขอตัว” ลู่เซิ่งสาวเท้าไปด้านนอกถ้ำ
ทันใดนั้นเขาก็ชะงักกึกแล้วเงยหน้ามองไปอีกด้านหนึ่งของถ้ำ
ตรงนั้นเหมือนมีเสียงและพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนกำลังรวมตัวกัน พลังวิญญาณมากมายกับกลิ่นอายลี้ลับในอากา าศรวมตัวกันที่จุดจุดหนึ่ง
“ฮ่าๆๆ! สำเร็จแล้ว! ตราเทพ เป็นตราเทพจริงๆ เหรอเนี่ย!?”
เธอไม่รอให้ลู่เซิ่งตอบสนองก็พุ่งตัวออกไปทันที
ลู่เซิ่งสะกิดปลายเท้า ติดตามเธอไปอย่างผ่อนคลาย
ทั้งสองทยอยพุ่งออกจากถ้ำ ก่อนเห็นทางซ้ายมือของถ้ำที่ใช้เข้ามาทันที
บนผนังหินที่แข็งแกร่งตรงนั้นมีหลุมดำทรงรีขนาดใหญ่หลุมหนึ่งโผล่มาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่
ทิศทางที่พลังวิญญาณกับกลิ่นอายลึกลับนับไม่ถ้วนทะลักไปเป็นตรงนั้นพอดี
ลู่เซิ่งหรี่ตา รู้สึกว่าตราเทพนี้น่าจะไม่ได้เอามาง่ายเหมือนที่จินตนาการไว้
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นก็มีร่างร่างหนึ่งพุ่งผ่านตัวเขาไป
หนานเก๋อที่เพิ่งพุ่งออกไปลอยกลับมาทางเดิม ชนเข้ากับผนังถ้ำอย่างแรง ก่อนจะร่วงตกลงไปในลาวาด้า านล่าง
“เพิ่งจะสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังจะกลายเป็นเทพแห่งการทำลายล้างองค์ใหม่ เลยรีบมาดู นึกไม่ถึงว่าจะเป็น นเจ้า…”
หญิงงามหยาดเยิ้มที่มีผมสีทองและสวมชุดยาวสีขาวคนหนึ่ง ขวางทางลู่เซิ่งด้วยรอยยิ้ม
เธอใส่ถุงน่องเนื้อบางสีขาว สวมรองเท้าส้นสูงปลายแหลมสีขาว ถือกระบี่ขาวราวหิมะไว้ในมือข้างละเล่ ม ตรงหว่างคิ้วมีตราประทับสีแดงเข้มที่ล้ำลึก
“สการ์เลตหรือ” ลู่เซิ่งเลิกคิ้ว
“ไม่ใช่แค่นาง…ค่อกๆๆ…” หนานเก๋อปีนออกมาจากด้านในลาวาเบื้องหลัง เสื้อผ้าบนตัวถูกเผาหมดแล้ว แต่ดีที่เธอดึงเอาเถ้าลาวามาปกปิดจุดสำคัญเอาไว้
“แพลทินัมก็มาด้วยเหมือนกัน…” เธอก้มหน้าไอ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาอย่างอดไม่ได้
“ยังไม่ตายอีก ดูถูกเจ้าไปหน่อย” ร่างสีทองคำขาวอีกร่างเดินออกมาจากในถ้ำ ขวางลู่เซิ่งไว้พร้อมกับสก การ์เล็ต
“แบล็คมิสต์คนเดียวก็รับมือยากพอแล้ว ยังมีมาเพิ่มอีกคนอีก จะไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยเหรอไง” แพลทิน นัมยังคงอยู่ในรูปลักษณ์ของชายชนชั้นสูงผู้มีสีหน้าเคร่งขรึม เพียงแต่ครั้งนี้เขาถือกระบี่สั้นสีเงิน นเล่มหนึ่งไว้ในมือ
“สองคนหรือ…” ลู่เซิ่งกำลังจะก้าวไปด้านหน้า ทันใดนั้นดวงตาเขาก็หรี่ลง
ความเร็วในการรวมตัวของพลังวิญญาณกับพลังลึกลับนับไม่ถ้วนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ร่างสีเทาหลายร่างที่ลากหางยาวปรากฏตัวขึ้นจากพื้นของถ้ำหมื่นวิญญาณอย่างรวดเร็ว แล้วลอยไปรวมตัวกั นในถ้ำ
ร่างลวงเหล่านั้นมีจำนวนมากมายเสียจนกระจายเต็มคลองจักษุ พวกมันเหมือนกับหยดฝน สวมกวนหยกทรงพัด ใส่เสื้อคลุมยาว ท่องคัมภีร์และคำสรรเสริญที่ไม่รู้จัก
ร่างมากมายพุ่งไปยังส่วนลึกของหลุมดำด้วยสีหน้าจริงใจ อันเป็นจุดที่แรงดึงดูดแข็งแกร่งสายนั้นอยู่
“ตงตง…เธอต้องเป็นเทพแห่งการทำลายล้างให้ได้เหรอ” จู่ๆ ร่างที่สามซึ่งทำให้ลู่เซิ่งงุนงงเล็กน้อยก็ เดินออกมาจากเงาด้านหลังเขา
เป็นหวังจิ้งนั่นเอง
เธอยังคงอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาวบริสุทธิ์ ขาเรียวยาวสวมถุงน่องสีดำปลอด ผมยาวที่นุ่มสลวยและ เป็นประกายสะอาดบริสุทธิ์เหมือนดอกบัว
เธอไม่ได้สวมรองเท้า หากลอยอยู่ด้านหลังลู่เซิ่งเงียบๆ
“ผมมีเหตุจำเป็น” ลู่เซิ่งไม่ได้หันกลับไป เพียงแค่สูดหายใจลึกพลางตอบอย่างราบเรียบ
หวังจิ้งไม่ตอบ เพียงมองเขาเงียบๆ
ลู่เซิ่งไม่อยู่เฉยอีกต่อไป ย่างสามขุมเข้าหา สการ์เล็ตกับแพลทินัมทันที
ฟิ้ว!
แสงสีเทาสายหนึ่งระเบิดขึ้นข้างใต้เท้าของเขาอย่างฉับพลัน ห่อหุ้มสการ์เล็ตกับแพลทินัมเข้าไป กลายเป็ นก้อนสีเทาที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“เริ่มแล้ว…พิธีกรรมโบราณ ของเทพแห่งการทำลายล้าง…” หวังจิ้งมองก้อนสีเทาอย่างสงบนิ่ง
…
ท้องฟ้ากับผืนดินสีเทา
ลู่เซิ่งยืนอยู่บนผืนดิน มองดูสการ์เล็ตกับแพลทินัมที่กระหนาบตนอยู่
“พวกแกไม่เข้าใจว่าการยืนอยู่ต่อหน้าฉันในฐานะศัตรู เป็นเรื่องโง่เง่าขนาดไหน...”
ลู่เซิ่งจับคอเสื้อแล้วฉีกเสื้อทิ้งเบาๆ เผยให้เห็นร่างท่อนบนที่กำยำและสมบูรณ์แบบ
“กล้ามากนะที่มายืนอยู่หน้าเทพแห่งการทำลายล้างสององค์”
แพลทินัมหัวเราะเสียงเย็น
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว ฆ่ามันเลย!” สการ์เล็ตกางแขนออก ร่างกายที่นุ่มนวลชดช้อยบิดเบี้ยวและพองขยายทันที
พรุ่บๆๆ!
หนวดเส้นเลือดหลายเส้นทะลุจากในตัวเธอออกมาดันเสื้อจนนูน
หมอกหนาแน่นทะลักออกมาจากปากและจมูกของเธอ แล้วรวมตัวเป็นมงกุฎหยกหนามสีแดงหมุนวนอย่างช้าๆ อยู่ เหนือศีรษะเธอ
หนวดนับไม่ถ้วนเกี่ยวพันกันข้างใต้เธอ พริบตาเดียวก็กลายเป็นเสากลมจากเลือดเนื้อขนาดยักษ์ที่สูงถึงสิบ บกว่าเมตร
“ข้าคือเทพ เป็นเทพแห่งการทำลายความแค้น!” สการ์เล็ตยกสองแขนขึ้น สิบนิ้วยาวและแหลมขึ้นอย่างรวดเ เร็ว กลายเป็นกรงเล็บสัตว์ประหลาดน่ากลัว จากนั้นก็ตะปบใส่ลู่เซิ่งแต่ไกล
ฟิ้วๆๆๆ!
เหมือนมีตาข่ายสีดำไร้สิ้นสุดโผล่ขึ้นกลางอากาศรอบตัวลู่เซิ่ง พริบตาเดียวก็ห่อหุ้มเขาพร้อมกับพื้นดิน นเอาไว้จนกลายเป็นรังไหมเลือดขนาดยักษ์
แพลทินัมที่อยู่อีกด้านก็ขยายร่างด้วยความเร็วสูงเช่นกัน
หนามน้ำแข็งที่แหลมคมหลายแท่งแทงออกมาจากด้านหลังเขา กลายเป็นปีกหนามน้ำแข็งหลายคู่
สองขาของเขาแข็งตัวเป็นน้ำแข็งสีขาว จากนั้นก็แตกละเอียดออก
ร่างของเขาตั้งแต่เอวลงไปกลายเป็นหมอกน้ำแข็งสีทองคำขาวกลุ่มหนึ่งอย่างสมบูรณ์
หมอกน้ำแข็งเข้าแทนที่ร่างท่อนล่างของเขา ลากหางยาว เปล่งแสงดาวสีเงินเป็นจุดๆ
“ตายซะ!” เขาชี้ไปที่ลู่เซิ่ง
พลันมีเกล็ดน้ำแข็งที่เปล่งแสงสีเงินนับไม่ถ้วน รวมตัวกันบนผิวรังไหมเลือด พริบตาเดียวก็แช่แข็งรังไ ไหมเป็นก้อนน้ำแข็งยักษ์
ทว่าก้อนน้ำแข็งเพิ่งปรากฏ ด้านในก็มีเสียงทึบดังมาทันที
เปรี้ยง!
คล้ายกับมีอะไรบางอย่างกำลังชนผนังรังไหมเลือดอย่างแรง
“หือ?” สกาเล็ตกางสิบนิ้ว ตาข่ายเลือดนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นอีกชั้นแล้วเข้าไปพันก้อนน้ำแข็งไว้เป็นชั นๆ
เปรี้ยง!
มีเสียงทึบดังมาจากด้านในอีกครั้ง
ปีกสีทองคำขาวกระจายออก แสงสีเงินนับไม่ถ้วนลอยเข้าหาก้อนน้ำแข็ง คลุมทับกันเป็นชั้นน้ำแข็งอีกหลายช ชั้น
เปรี้ยง!
เสียงดังเป็นครั้งที่สาม
ผิวก้อนน้ำแข็งเกิดรอยแตกสีดำลึกสายหนึ่ง
“เป็น…เป็นไปได้ยังไง!?” แพลทินัมตกตะลึงทันที
ตูม!
ก้อนน้ำแข็งระเบิดในทันใด เศษสีแดงสีขาวนับไม่ถ้วนกวาดทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ ราวกับพายุ
ร่างสูงใหญ่ที่ผิวปกคลุมด้วยลวดลายสีเลือดลุกขึ้น
“โลกนั้นไม่มีความยุติธรรมให้พูดถึง แต่ก็มักมีคนบางส่วนที่ทำลายอุปสรรคและการป้องกันทุกอย่างได้เสม มอ อันตราย ความลำบาก ความเจ็บปวด ความสับสน ล้วนเป็นสารอาหารให้แก่พวกเขา”
แสงสีเทาเหมือนจันทร์เพ็ญดวงหนึ่งสว่างขึ้นตรงกลางทรวงอกลู่เซิ่งอย่างช้าๆ
“ไม่มีความว่างเปล่า ไม่มีความสับสน...เหมือนกับดวงดาวและเหล่าเทวา…สาดแสงแก่พลังของข้าชั่วนิรันดร์ …”
เขายื่นมือไปกดแสงสีเทาบนหน้าอก
“จงสั่นกลัวเถอะ”
แกร๊ก!
แสงสีเทาพลันแตกออก
ฟิ้วๆๆๆ!
ดวงแสงสีเทาระเบิดออกไปอย่างบ้าคลั่ง กลบกลืนทุกอย่าง
เทพแห่งการทำลายล้างสององค์ตอบสนองไม่ทัน ถูกพลังวิญญาณน่ากลัวที่ไร้สิ้นสุดกลบฝัง
Comments