ยอดวิถีแห่งปีศาจ 324 สงสัย (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter 324 สงสัย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 324 สงสัย (2)

“ไม่มีใด เพียงแค่ไม่เคยใช้กระบี่มาก่อน จึงไม่ชินมืออยู่บ้าง” ลู่เซิ่งยิ้มอย่างเป็นมิตร

“อย่างนั้นก็เริ่มเลย” ผู้ทดสอบอารมณ์ดี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะการแสดงออกของหวังอวิ่นหลงเมื่อครู่ ทำให้มีท่าทีที่ดีต่อผู้ได้รับการแนะนำซึ่งมาจากที่เดียวกันอย่างลู่เซิ่งไปด้วย

“ได้” ลู่เซิ่งโบกกระบี่ฟันไปด้านหน้า

กระบี่เหมือนช้าความจริงกลับเร็ว ฟันใส่หินอำพันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ อีก

“นี่คือ…” ผู้ทดสอบสงสัย มองดูหินอำพัน จากนั้นก็มองลู่เซิ่ง ด้านบนไม่มีร่องรอยอะไรเลย นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ฟันไม่โดนหรือ…?” ผู้ทดสอบพูดยังไม่ทันจบ ก็รู้สึกได้ว่าพื้นใต้เท้าโคลงเคลงเล็กน้อย

ตูม!

พริบตานั้นแผ่นดินสั่นไหว แผ่นหินทั้งหมดบนพื้นแตกระเบิดในพริบตาเดียวโดยมีหินอำพันเป็นศูนย์กลาง

หินอำพันเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายนับไม่ถ้วนในพริบตา ทั้งยังส่งเสียงแตกร้าวเบาๆ

แกร๊ก ตอนนี้กระบี่บนมือลู่เซิ่งค่อยๆ แตกออก ก่อนจะร่วงกราวกลายเป็นเศษชิ้นส่วนเล็กๆ นับไม่ถ้วน

พริบตานั้นแผ่นหินบนที่ว่างในอาณาเขตยี่สิบกว่าหมี่ที่มีลู่เซิ่งเป็นศูนย์กลางเกิดรอยร้าวเหมือนใยแมงมุมขยายตัวออกไป

“!” ผู้ทดสอบหลายคนพลันผลักโต๊ะและเก้าอี้ลุกขึ้น มองดูหินอำพันกับลู่เซิ่งอย่างอ้าปากตาค้าง

“นี่คือ…ระดับหยกหรือ!?” ศิษย์พี่สตรีคนหนึ่งอดร้องขึ้นไม่ได้

“หินอำพันอย่างมากสุดทดสอบได้ถึงระดับหยกสีชาด…แม้แต่มันก็โดนฟันแหลก…” พวกเขาจ้องมองลู่เซิ่งด้วยใบหน้าตกตะลึงและสายตาสับสน ห้วงสมองขาวโพลน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

ไม่ใช่แค่ผู้ทดสอบเท่านั้น ผู้ได้รับการแนะนำคนอื่นๆ ตอนแรกเงียบสงัด จากนั้นก็เอะอะวุ่นวาย เสียงโห่ร้องมากมายดังมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกับตลาดขายผัก

ลู่เซิ่งยัดด้ามกระบี่ที่ตัวกระบี่แหลกไปแล้วใส่มือผู้ทดสอบคนหนึ่ง ก่อนจะเดินไปยังตำแหน่งทดสอบความเร็วด้วยรอยยิ้ม

การทดสอบความเร็วก็สบายๆ เช่นกัน ลู่เซิ่งไม่สวมชุดแบกน้ำหนัก แต่ใช้มือหนึ่งหิ้วมันไว้ เขาสะกิดเท้าข้ามระยะห่างระหว่างสองหอคอยได้อย่างแผ่วผลิ้วในเวลาแค่สองอึดใจ

“ระดับหยก…ระดับหยกขาว…!” เหล่าผู้ทดสอบคึกคักขึ้นมาแล้ว

คุณสมบัติอันเป็นหัวข้อสุดท้าย ศิษย์พี่ที่มีปราณจริงแท้เต็มเปี่ยมที่สุดเป็นผู้ทดสอบ โดยจะทดสอบคุณสมบัติของลู่เซิ่งผ่านการกระตุ้นจุดลมปราณ

เขาแตะนิ้วที่สั่นระริกบนข้อมือของลู่เซิ่งด้วยจิตใจที่ซับซ้อนและพลุ่งพล่าน

อัจฉริยะที่มีคุณสมบัติระดับหยกเชียวนะ นี่คือบุคคลยิ่งใหญ่ที่ในอนาคตจะต้องกลายเป็นระดับสูงของสำนัก เป็นคนที่อยู่คนละระดับกับศิษย์ระดับทั่วไปเช่นพวกเขา บางทีหลังจากครั้งนี้ไป ในชั่วชีวิตต่อจากนี้ เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้อีกแล้ว

ซู่

ปราณจริงแท้สายหนึ่งมุดเข้าไปในเส้นเลือดบนข้อมือของลู่เซิ่งที่ว่างเปล่า

จากนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของเส้นเลือดที่ทนทานเหนือจินตนาการ ปราณจริงแท้ที่ส่งเข้าไปเคลื่อนที่ไปไม่ถึงหนึ่งในสามของระยะห่างที่กำหนดไว้แต่แรกก็ถูกลู่เซิ่งดูดซับจนเกลี้ยง

“ระดับหยก…คุณสมบัติระดับหยกสีชาด!” ศิษย์พี่บอกคุณสมบัติของลู่เซิ่งออกมาแทบเหมือนครวญคราง

พอกล่าวออกไป ศิษย์พี่สตรีที่จดบันทึกก็ร่างสั่น อวิ๋นซิ่วเฟยที่อยู่ด้านล่างตัวสั่นแรงยิ่งกว่า คนร่างอ้วนด้านข้างเขาพึมพำอะไรบางอย่าง ถึงกับเกิดความไม่มั่นคงทางอารมณ์

จากนั้นความตื่นเต้นก็ค่อยๆ กลายเป็นความเงียบสงบอันน่าประหลาด

“ตอนนี้ระยะห่างไม่ไกลกันจนเกินไป คนจะเกิดการเปรียบเทียบ ความอิจฉา และความริษยา แต่ตอนที่ระยะห่างไปถึงขั้นเอื้อมไม่ถึง ทุกคนจะแบ่งเขาออกเป็นเผ่าพันธุ์อีกเผ่า เผ่าพันธุ์ที่ตนเองไม่อาจเปรียบเทียบได้โดยสิ้นเชิง” คนร่างอ้วนกล่าวเบาๆ

เพล้ง!

ถ้วยที่ผู้ทดสอบใช้ดื่มชาบนโต๊ะไม่ทราบถูกใครชนใส่จนร่วงตกไปแตกบนพื้น

“เร็ว! รีบไปแจ้งผู้ดูแลเรื่องราวของสำนักเร็วเข้า!”

“โถงภายใน! คนของโถงภายในรีบไปหาผู้ดูแลเรื่องราวเฉิน! กับผู้อาวุโสสวี ผู้อาวุโสสวีก็อยู่เหมือนกัน!”

“นี่เป็นการทดสอบที่โถงหยกขาวของพวกเรารับผิดชอบ”

“นี่เป็นการทดสอบโดยรวมของสำนักต่างหาก! ไร้สาระ!”

เหล่าศิษย์พี่พลันปั่นป่วนวุ่นวาย แยกย้ายกันส่งข่าวไปยังขุมกำลังอื่นๆ ของพรรคที่อยู่ในสังกัดของแต่ละคนด้วยความเร็วสูงสุด

“ไม่เคยปรากฏอัจฉริยะระดับหยกมากี่ปีแล้ว…หนำซ้ำยังเป็นอัจฉริยะระดับสุดยอดที่ได้ระดับหยกสีชาดในสองหัวข้ออีก” หวังอวิ่นหลงจับจ้องลู่เซิ่งอย่างสงบนิ่ง ท่ามกลางผู้คนมากมายคล้ายมีแค่เขาที่เปลือกนอกแสดงความตกตะลึงและอิจฉา ทว่าในดวงตากลับไม่มีความรู้สึกใดๆ เหมือนกับน้ำนิ่ง

เขานำเฉิงหลิงเดินไปยังมุมหนึ่งเงียบๆ

“เห็นหรือยัง คุณสมบัติคือทุกสิ่ง คือความหวัง คือศักยภาพ คืออนาคต” เขาเงยหน้ามองสถานที่ทดสอบที่สับสนวุ่นวายซึ่งอยู่ไกลออกไปพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ท่านช่วยข้าได้จริงๆ หรือ” เฉิงหลิงถามเบาๆ

“แม้ข้าจะช่วยเจ้าให้ไปถึงระดับอัจฉริยะแบบนี้ไม่ได้ แต่ข้าช่วยให้เจ้าผ่านการทดสอบได้” หวังอวิ่นหลงพูดอย่างราบเรียบ

“ท่าน…เอาความมั่นใจมาจากไหนจึงกล้าพูดแบบนี้” เฉิงหลิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามอีก

“อาศัยว่าข้าได้ระดับหนึ่งสองหัวข้อ ข้าสามารถถ่ายทอดทักษะพิเศษของข้าให้เจ้าได้” หวังอวิ่นหลงยิ้ม

“ข้าต้องตอบแทนด้วยอะไร” เฉิงหลิงเงียบงันครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น

หวังอวิ่นหลงเงยหน้ามองไปทางลู่เซิ่ง

“เจ้าแค่ต้องพยายามยกระดับตัวเองเท่านั้น ข้ายังไม่อยากใช้น้ำใจนี้ รอภายภาคหน้าเจ้าแข็งแกร่งกว่าเดิมก่อนค่อยว่ากัน”

เฉิงหลิงสงสัยอยู่บ้าง แต่ว่าหลังจากหวังอวิ่นหลงบรรยายทักษะของตนออกมาโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย สายตาเคลือบแคลงของนางก็ค่อยๆ หายไป

ใช้วัตถุดิบเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถทำลายข้อจำกัด และผ่านการทดสอบได้อย่างสบายๆ

เวลานี้ลู่เซิ่งที่ถูกฝูงชนห้อมล้อมเหมือนจะมองมายังทิศทางนี้อย่างคล้ายตั้งใจไม่ตั้งใจเช่นกัน

ท่าทางของหวังอวิ่นหลงในเวลานี้เหมือนกับข่าเฟยมารโบราณที่เขาเคยเจอมาก่อนมาก แม้จะสัมผัสปราณมารไม่ได้ แต่บุคลิกแบบนี้…เหมือนกับมารโบราณในรูปแบบที่ซับซ้อนน้อยลง

ลู่เซิ่งละสายตามา แล้วเดินไปยังสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของสำนักพันอาทิตย์ โดยมีพวกศิษย์พี่ห้อมล้อมเอาไว้ ส่วนการทดสอบที่เหลือ ได้ทิ้งคนสองสามคนให้รับผิดชอบทดสอบคนถัดๆ ไป นับว่าจัดการได้แล้ว

ผู้ทดสอบส่วนใหญ่ตามลู่เซิ่งไปยังสิ่งก่อสร้างหลักของสายรองในนครเขตจันทราสารทของสำนักพันอาทิตย์

เพิ่งจะเข้าไป ก็เห็นคนหลายกลุ่มยืนอยู่ในโถงใหญ่ตรงปากประตูแล้ว ล้วนมีคนแก่ชราอายุไม่น้อยนำกลุ่มมารออยู่ที่นี่

ชายชราผมขาวทางซ้ายเดินเข้ามาก้าวหนึ่งแล้วถามเสียงกังวาน “ด้านนี้ปรากฏระดับหยกสีชาดคนหนึ่งหรือ แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ผิดพลาด”

“แน่ใจว่าไม่ผิดพลาดขอรับ! ทางด้านผู้สังเกตการณ์เห็นกระบวนการทั้งหมดได้อย่างชัดเจน” ศิษย์พี่ที่รับผิดชอบทดสอบพละกำลังของลู่เซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ

ชายชราคนนั้นตาเป็นประกายพลางพิจารณาร่างลู่เซิ่งขึ้นลง

“เอ็นกระดูกดีจริงๆ! พาไปเขตลับ!”

เขาโบกมือใหญ่

ทันใดนั้นก็มีบุรุษอาภรณ์ดำสองคนเข้ามากันลู่เซิ่งไว้ด้านซ้ายและด้านขวา

ชายชราคนนั้นหัวเราะฮ่าๆ อธิบายว่า “น้องชายไม่ต้องกังวล หากผ่านการคัดเลือกสุดท้ายได้ เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์จริงแท้ของสำนักพันอาทิตย์ของเราได้โดยตรง”

ลู่เซิ่งพยักหน้า เดาออกแล้วว่าการทดสอบสุดท้ายจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเบื้องลึกเบื้องหลัง เขาไม่รู้ว่าประวัติความเป็นมาที่ไม่แน่ชัดอย่างตนจะผ่านได้หรือไม่ กระนั้นถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่เผ่ามาร หากเป็นมนุษย์บริสุทธิ์ ต่อให้ตรวจสอบเบื้องหลัง ก็ไม่น่าจะมีอันตราย

เขาไม่คิดว่าสาขาย่อยของสำนักพันอาทิตย์จะคุกคามพลังของตนได้ แม้สำนักพันอาทิตย์จะเป็นหนึ่งในสามสำนักใหญ่ ต้องมีอำนาจในระดับจ้าวแห่งมารอย่างแน่นอน แต่แค่สาขาย่อยในนครเขตแห่งหนึ่ง ย่อมไม่เพียงพอ อย่างมากสุดก็มีแค่ระดับราชามาร หรือระดับผู้ถืออาวุธคอยสะกด

เหนือกว่านครเขตยังมีนครจังหวัด เหนือขึ้นไปเป็นนัครแคว้น หรือก็คือที่ที่หน่วยหลักของสามสำนักใหญ่ตั้งอยู่

ลู่เซิ่งไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าตนจะเจอปัญหา เขาที่ฝึกฝนปราณจริงแท้มาตั้งนานสัมผัสได้อย่างรางๆ ว่าแม้วิถีแปดมารสูงสุดของตนเองไม่มีแก่นมารบริสุทธิ์ แต่กลับมีความยืดหยุ่นเล็กน้อย

หนำซ้ำปราณเหลวของปราณภายในในร่างกายก็รวมกลุ่มกันอย่างต่อเนื่อง พลังยุทธ์พันปีเมื่อก่อนหน้านี้ได้ไปถึงขีดจำกัดที่กายเนื้อสามารถรองรับได้แล้ว และตอนนี้ หลังจากกายเนื้อได้รับการหล่อเลี้ยงจากปราณจริงแท้ ความแข็งแกร่งก็มีการยกระดับขึ้นอีก ปริมาณบรรจุของปราณเหลวเพิ่มมากขึ้น อาจจะผนึกรวมปราณเหลวจำนวนมากกว่าเดิมได้ตลอดเวลา

สภาพผู้ทำลายล้างที่หยินหยางรวมเป็นหนึ่งอันเป็นสภาพแข็งแกร่งที่สุดของลู่เซิ่ง อาศัยการเผาไหม้ปราณเหลวและแก่นมาร ผสานกับการเพิ่มพลังกายเนื้ออันน่ากลัวในวิถีแปดมารสูงสุดแล้วระเบิดออกมา

การหล่อเลี้ยงของปราณจริงแท้เทียบเท่ากับการยกระดับกายเนื้อและปราณเหลวของเขาในเวลาเดียวกัน นี่เท่ากับเป็นการเพิ่มระดับพลังโดยรวมของเขา

พลังยุทธ์พันปีได้ผสานกับกายเนื้อจนไปถึงระดับใกล้เคียงกับจ้าวแห่งมารแล้ว ถ้าหากว่าเผาไหม้ปราณเหลวจำนวนมากกว่านี้พร้อมๆ กันเล่า ปราณจริงแท้จะหล่อเลี้ยงกายเนื้อและขยับขยายความจุของกายเนื้อ จนสามารถรองรับและผนึกรวมปราณเหลวได้มากกว่าเดิม

“ไปเถอะ การทดสอบสุดท้ายต้องเข้าไปในสถานที่ลับของสำนัก เจ้าเตรียมตัวให้ดี ไม่ต้องเครียดไม่ต้องลนลาน ขอแค่แสดงออกตามปกติก็พอ” ชายชรานำลู่เซิ่งเดินไปด้านหน้า คอยทักทายกับคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา คนชราที่เหลือมองพวกเขาแวบหนึ่ง ยังคงรั้งอยู่ที่เดิม น่าจะกำลังรออัจฉริยะระดับสุดยอดคนอื่นๆ

“จำไว้ให้ดี สถานที่ลับมีบูรพาจารย์ผู้สูงส่งในสำนักเร้นกายอยู่ไม่น้อย หากเจอคนไหนต้องแสดงความเคารพอย่างมีมารยาท ถ้าหากมีคนไหนต้องตารับเจ้าเป็นศิษย์ เช่นนั้นเจ้าก็ได้ปีนป่ายถึงสวรรค์ในก้าวเดียวจริงๆ แล้ว หนทางในอนาคตจะสดใสราบรื่น” ชายชรากำชับอย่างจริงจัง

“ผู้เยาว์ทราบแล้ว” ลู่เซิ่งพยักหน้า เป้าหมายข้อหนึ่งในการเข้าร่วมค่ายพรรคของต้าอินอย่างถูกต้องของเขาก็คือ เพื่อตามหาเส้นทางไปถึงระดับจ้าวแห่งมารหรือระดับที่สูงกว่าอย่างเป็นระบบ

นครเขตจันทราสารท คฤหาสน์ตระกูลเฟ่ย

เฟ่ยไป๋หลิงนั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ พลางใช้กิ่งหลิวกวนน้ำไปมา

ในคฤหาสน์ว่างเปล่า ลานขนาดใหญ่ไม่มีคนอยู่ นางรู้ว่าเวลานี้คนส่วนใหญ่ในตระกูลไปสังเกตการณ์กิจกรรมรับศิษย์ใหญ่ของแต่ละสำนักแล้ว

ตระกูลเฟ่ยของพวกนางไม่ได้มีแค่คนในครอบครัวกระจายไปทั่วสำนักต่างๆ เท่านั้น ยังมีคนไม่น้อยรับผิดชอบภารกิจทดสอบผู้ได้รับการแนะนำของสำนักพันอาทิตย์ในนครเขตด้วย

เวลานี้เป็นช่วงเริ่มต้นการทดสอบพอดี

เฟ่ยไป๋หลิงมองดูปลาหลีฮื้อสีแดงที่ว่ายวนเวียนไปมาในบ่อ ก่อนจะพ่นลมหายใจ

“ท่านพี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่ จะเล่นกับข้าหรือไม่” เด็กผู้หญิงผมยาวสวมกระโปรงขาวคนหนึ่งเดินมาถึงด้านหลังเฟ่ยไป๋หลิงแล้วถามเสียงนุ่มนวล

“ชิงชิงเองหรือ ตอนนี้พี่ไม่มีเวลา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เจ้าไปเล่นคนเดียวได้ไหม” เฟ่ยไป๋หลิงตอบอย่างจนใจ

“เรื่องที่ลูกผู้พี่หายไปอย่างกะทันหันหรือ” ชิงชิงถามเสียงแผ่วต่ำ

“อาจจะใช่…” เฟ่ยไป๋หลิงกล่าวอย่างคลุมเครือ ฟ้าถล่มลงมามีพวกใต้เท้าที่สูงส่งในตระกูลคอยรับไว้ นางเป็นสตรีอ่อนแอที่ไม่มีคุณสมบัติสักอย่างและไม่ได้ฝึกมรรคายุทธ์ จึงทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว

“ท่านพี่ เล่นกับข้าเถอะ” ชิงชิงผลักไหล่ของเฟ่ยไป๋หลิง “ถ้าท่านเล่นกับข้า ข้าจะเล่าเรื่องของผู้ตรวจการณ์สวีให้ท่านฟัง”

ผู้ตรวจการณ์สวีหรือ

เฟ่ยไป๋หลิงแก้มแดง บุรุษงดงามที่หล่อเหลาเกินบรรยายซึ่งมาตรวจสอบที่บ้านเมื่อก่อนหน้านี้ผู้นั้น ว่ากันว่าเป็นหัวหน้าผู้ตรวจการณ์คดีประหลาดที่ทางการส่งมา นอกจากบุคลิกจะเย็นชาไปบ้าง ผู้ตรวจการณ์สวีผู้นั้นก็เป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบที่สุดในสายตาของสตรีทุกคนจริงๆ

“ดีไหมท่านพี่” ชิงชิงผลักนางต่อ

“ก็ได้ๆ…เจ้าไปซ่อนก่อน อีกเดี๋ยวพี่จะตามหาเจ้า” เฟ่ยไป๋หลิงตอบอย่างจนปัญญา

“ท่านพี่ ชิงชิงไปซ่อนก่อนนะ” เฟ่ยชิงชิงตอบกลับอย่างจริงจัง

เฟ่ยไป๋หลิงถอนใจ ทิ้งกิ่งหลิวในมือแล้วหันหน้ากลับไป

“เอ๋ ชิงชิง?” เวลานี้เฟ่ยชิงชิงที่เมื่อครู่ยังอยู่ด้านหลังหายไปแล้ว

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดวิถีแห่งปีศาจ 324 สงสัย (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter 324 สงสัย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 324 สงสัย (2)

“ไม่มีใด เพียงแค่ไม่เคยใช้กระบี่มาก่อน จึงไม่ชินมืออยู่บ้าง” ลู่เซิ่งยิ้มอย่างเป็นมิตร

“อย่างนั้นก็เริ่มเลย” ผู้ทดสอบอารมณ์ดี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะการแสดงออกของหวังอวิ่นหลงเมื่อครู่ ทำให้มีท่าทีที่ดีต่อผู้ได้รับการแนะนำซึ่งมาจากที่เดียวกันอย่างลู่เซิ่งไปด้วย

“ได้” ลู่เซิ่งโบกกระบี่ฟันไปด้านหน้า

กระบี่เหมือนช้าความจริงกลับเร็ว ฟันใส่หินอำพันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ อีก

“นี่คือ…” ผู้ทดสอบสงสัย มองดูหินอำพัน จากนั้นก็มองลู่เซิ่ง ด้านบนไม่มีร่องรอยอะไรเลย นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ฟันไม่โดนหรือ…?” ผู้ทดสอบพูดยังไม่ทันจบ ก็รู้สึกได้ว่าพื้นใต้เท้าโคลงเคลงเล็กน้อย

ตูม!

พริบตานั้นแผ่นดินสั่นไหว แผ่นหินทั้งหมดบนพื้นแตกระเบิดในพริบตาเดียวโดยมีหินอำพันเป็นศูนย์กลาง

หินอำพันเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายนับไม่ถ้วนในพริบตา ทั้งยังส่งเสียงแตกร้าวเบาๆ

แกร๊ก ตอนนี้กระบี่บนมือลู่เซิ่งค่อยๆ แตกออก ก่อนจะร่วงกราวกลายเป็นเศษชิ้นส่วนเล็กๆ นับไม่ถ้วน

พริบตานั้นแผ่นหินบนที่ว่างในอาณาเขตยี่สิบกว่าหมี่ที่มีลู่เซิ่งเป็นศูนย์กลางเกิดรอยร้าวเหมือนใยแมงมุมขยายตัวออกไป

“!” ผู้ทดสอบหลายคนพลันผลักโต๊ะและเก้าอี้ลุกขึ้น มองดูหินอำพันกับลู่เซิ่งอย่างอ้าปากตาค้าง

“นี่คือ…ระดับหยกหรือ!?” ศิษย์พี่สตรีคนหนึ่งอดร้องขึ้นไม่ได้

“หินอำพันอย่างมากสุดทดสอบได้ถึงระดับหยกสีชาด…แม้แต่มันก็โดนฟันแหลก…” พวกเขาจ้องมองลู่เซิ่งด้วยใบหน้าตกตะลึงและสายตาสับสน ห้วงสมองขาวโพลน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

ไม่ใช่แค่ผู้ทดสอบเท่านั้น ผู้ได้รับการแนะนำคนอื่นๆ ตอนแรกเงียบสงัด จากนั้นก็เอะอะวุ่นวาย เสียงโห่ร้องมากมายดังมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกับตลาดขายผัก

ลู่เซิ่งยัดด้ามกระบี่ที่ตัวกระบี่แหลกไปแล้วใส่มือผู้ทดสอบคนหนึ่ง ก่อนจะเดินไปยังตำแหน่งทดสอบความเร็วด้วยรอยยิ้ม

การทดสอบความเร็วก็สบายๆ เช่นกัน ลู่เซิ่งไม่สวมชุดแบกน้ำหนัก แต่ใช้มือหนึ่งหิ้วมันไว้ เขาสะกิดเท้าข้ามระยะห่างระหว่างสองหอคอยได้อย่างแผ่วผลิ้วในเวลาแค่สองอึดใจ

“ระดับหยก…ระดับหยกขาว…!” เหล่าผู้ทดสอบคึกคักขึ้นมาแล้ว

คุณสมบัติอันเป็นหัวข้อสุดท้าย ศิษย์พี่ที่มีปราณจริงแท้เต็มเปี่ยมที่สุดเป็นผู้ทดสอบ โดยจะทดสอบคุณสมบัติของลู่เซิ่งผ่านการกระตุ้นจุดลมปราณ

เขาแตะนิ้วที่สั่นระริกบนข้อมือของลู่เซิ่งด้วยจิตใจที่ซับซ้อนและพลุ่งพล่าน

อัจฉริยะที่มีคุณสมบัติระดับหยกเชียวนะ นี่คือบุคคลยิ่งใหญ่ที่ในอนาคตจะต้องกลายเป็นระดับสูงของสำนัก เป็นคนที่อยู่คนละระดับกับศิษย์ระดับทั่วไปเช่นพวกเขา บางทีหลังจากครั้งนี้ไป ในชั่วชีวิตต่อจากนี้ เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้อีกแล้ว

ซู่

ปราณจริงแท้สายหนึ่งมุดเข้าไปในเส้นเลือดบนข้อมือของลู่เซิ่งที่ว่างเปล่า

จากนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของเส้นเลือดที่ทนทานเหนือจินตนาการ ปราณจริงแท้ที่ส่งเข้าไปเคลื่อนที่ไปไม่ถึงหนึ่งในสามของระยะห่างที่กำหนดไว้แต่แรกก็ถูกลู่เซิ่งดูดซับจนเกลี้ยง

“ระดับหยก…คุณสมบัติระดับหยกสีชาด!” ศิษย์พี่บอกคุณสมบัติของลู่เซิ่งออกมาแทบเหมือนครวญคราง

พอกล่าวออกไป ศิษย์พี่สตรีที่จดบันทึกก็ร่างสั่น อวิ๋นซิ่วเฟยที่อยู่ด้านล่างตัวสั่นแรงยิ่งกว่า คนร่างอ้วนด้านข้างเขาพึมพำอะไรบางอย่าง ถึงกับเกิดความไม่มั่นคงทางอารมณ์

จากนั้นความตื่นเต้นก็ค่อยๆ กลายเป็นความเงียบสงบอันน่าประหลาด

“ตอนนี้ระยะห่างไม่ไกลกันจนเกินไป คนจะเกิดการเปรียบเทียบ ความอิจฉา และความริษยา แต่ตอนที่ระยะห่างไปถึงขั้นเอื้อมไม่ถึง ทุกคนจะแบ่งเขาออกเป็นเผ่าพันธุ์อีกเผ่า เผ่าพันธุ์ที่ตนเองไม่อาจเปรียบเทียบได้โดยสิ้นเชิง” คนร่างอ้วนกล่าวเบาๆ

เพล้ง!

ถ้วยที่ผู้ทดสอบใช้ดื่มชาบนโต๊ะไม่ทราบถูกใครชนใส่จนร่วงตกไปแตกบนพื้น

“เร็ว! รีบไปแจ้งผู้ดูแลเรื่องราวของสำนักเร็วเข้า!”

“โถงภายใน! คนของโถงภายในรีบไปหาผู้ดูแลเรื่องราวเฉิน! กับผู้อาวุโสสวี ผู้อาวุโสสวีก็อยู่เหมือนกัน!”

“นี่เป็นการทดสอบที่โถงหยกขาวของพวกเรารับผิดชอบ”

“นี่เป็นการทดสอบโดยรวมของสำนักต่างหาก! ไร้สาระ!”

เหล่าศิษย์พี่พลันปั่นป่วนวุ่นวาย แยกย้ายกันส่งข่าวไปยังขุมกำลังอื่นๆ ของพรรคที่อยู่ในสังกัดของแต่ละคนด้วยความเร็วสูงสุด

“ไม่เคยปรากฏอัจฉริยะระดับหยกมากี่ปีแล้ว…หนำซ้ำยังเป็นอัจฉริยะระดับสุดยอดที่ได้ระดับหยกสีชาดในสองหัวข้ออีก” หวังอวิ่นหลงจับจ้องลู่เซิ่งอย่างสงบนิ่ง ท่ามกลางผู้คนมากมายคล้ายมีแค่เขาที่เปลือกนอกแสดงความตกตะลึงและอิจฉา ทว่าในดวงตากลับไม่มีความรู้สึกใดๆ เหมือนกับน้ำนิ่ง

เขานำเฉิงหลิงเดินไปยังมุมหนึ่งเงียบๆ

“เห็นหรือยัง คุณสมบัติคือทุกสิ่ง คือความหวัง คือศักยภาพ คืออนาคต” เขาเงยหน้ามองสถานที่ทดสอบที่สับสนวุ่นวายซึ่งอยู่ไกลออกไปพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ท่านช่วยข้าได้จริงๆ หรือ” เฉิงหลิงถามเบาๆ

“แม้ข้าจะช่วยเจ้าให้ไปถึงระดับอัจฉริยะแบบนี้ไม่ได้ แต่ข้าช่วยให้เจ้าผ่านการทดสอบได้” หวังอวิ่นหลงพูดอย่างราบเรียบ

“ท่าน…เอาความมั่นใจมาจากไหนจึงกล้าพูดแบบนี้” เฉิงหลิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามอีก

“อาศัยว่าข้าได้ระดับหนึ่งสองหัวข้อ ข้าสามารถถ่ายทอดทักษะพิเศษของข้าให้เจ้าได้” หวังอวิ่นหลงยิ้ม

“ข้าต้องตอบแทนด้วยอะไร” เฉิงหลิงเงียบงันครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น

หวังอวิ่นหลงเงยหน้ามองไปทางลู่เซิ่ง

“เจ้าแค่ต้องพยายามยกระดับตัวเองเท่านั้น ข้ายังไม่อยากใช้น้ำใจนี้ รอภายภาคหน้าเจ้าแข็งแกร่งกว่าเดิมก่อนค่อยว่ากัน”

เฉิงหลิงสงสัยอยู่บ้าง แต่ว่าหลังจากหวังอวิ่นหลงบรรยายทักษะของตนออกมาโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย สายตาเคลือบแคลงของนางก็ค่อยๆ หายไป

ใช้วัตถุดิบเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถทำลายข้อจำกัด และผ่านการทดสอบได้อย่างสบายๆ

เวลานี้ลู่เซิ่งที่ถูกฝูงชนห้อมล้อมเหมือนจะมองมายังทิศทางนี้อย่างคล้ายตั้งใจไม่ตั้งใจเช่นกัน

ท่าทางของหวังอวิ่นหลงในเวลานี้เหมือนกับข่าเฟยมารโบราณที่เขาเคยเจอมาก่อนมาก แม้จะสัมผัสปราณมารไม่ได้ แต่บุคลิกแบบนี้…เหมือนกับมารโบราณในรูปแบบที่ซับซ้อนน้อยลง

ลู่เซิ่งละสายตามา แล้วเดินไปยังสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของสำนักพันอาทิตย์ โดยมีพวกศิษย์พี่ห้อมล้อมเอาไว้ ส่วนการทดสอบที่เหลือ ได้ทิ้งคนสองสามคนให้รับผิดชอบทดสอบคนถัดๆ ไป นับว่าจัดการได้แล้ว

ผู้ทดสอบส่วนใหญ่ตามลู่เซิ่งไปยังสิ่งก่อสร้างหลักของสายรองในนครเขตจันทราสารทของสำนักพันอาทิตย์

เพิ่งจะเข้าไป ก็เห็นคนหลายกลุ่มยืนอยู่ในโถงใหญ่ตรงปากประตูแล้ว ล้วนมีคนแก่ชราอายุไม่น้อยนำกลุ่มมารออยู่ที่นี่

ชายชราผมขาวทางซ้ายเดินเข้ามาก้าวหนึ่งแล้วถามเสียงกังวาน “ด้านนี้ปรากฏระดับหยกสีชาดคนหนึ่งหรือ แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ผิดพลาด”

“แน่ใจว่าไม่ผิดพลาดขอรับ! ทางด้านผู้สังเกตการณ์เห็นกระบวนการทั้งหมดได้อย่างชัดเจน” ศิษย์พี่ที่รับผิดชอบทดสอบพละกำลังของลู่เซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ

ชายชราคนนั้นตาเป็นประกายพลางพิจารณาร่างลู่เซิ่งขึ้นลง

“เอ็นกระดูกดีจริงๆ! พาไปเขตลับ!”

เขาโบกมือใหญ่

ทันใดนั้นก็มีบุรุษอาภรณ์ดำสองคนเข้ามากันลู่เซิ่งไว้ด้านซ้ายและด้านขวา

ชายชราคนนั้นหัวเราะฮ่าๆ อธิบายว่า “น้องชายไม่ต้องกังวล หากผ่านการคัดเลือกสุดท้ายได้ เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์จริงแท้ของสำนักพันอาทิตย์ของเราได้โดยตรง”

ลู่เซิ่งพยักหน้า เดาออกแล้วว่าการทดสอบสุดท้ายจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเบื้องลึกเบื้องหลัง เขาไม่รู้ว่าประวัติความเป็นมาที่ไม่แน่ชัดอย่างตนจะผ่านได้หรือไม่ กระนั้นถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่เผ่ามาร หากเป็นมนุษย์บริสุทธิ์ ต่อให้ตรวจสอบเบื้องหลัง ก็ไม่น่าจะมีอันตราย

เขาไม่คิดว่าสาขาย่อยของสำนักพันอาทิตย์จะคุกคามพลังของตนได้ แม้สำนักพันอาทิตย์จะเป็นหนึ่งในสามสำนักใหญ่ ต้องมีอำนาจในระดับจ้าวแห่งมารอย่างแน่นอน แต่แค่สาขาย่อยในนครเขตแห่งหนึ่ง ย่อมไม่เพียงพอ อย่างมากสุดก็มีแค่ระดับราชามาร หรือระดับผู้ถืออาวุธคอยสะกด

เหนือกว่านครเขตยังมีนครจังหวัด เหนือขึ้นไปเป็นนัครแคว้น หรือก็คือที่ที่หน่วยหลักของสามสำนักใหญ่ตั้งอยู่

ลู่เซิ่งไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าตนจะเจอปัญหา เขาที่ฝึกฝนปราณจริงแท้มาตั้งนานสัมผัสได้อย่างรางๆ ว่าแม้วิถีแปดมารสูงสุดของตนเองไม่มีแก่นมารบริสุทธิ์ แต่กลับมีความยืดหยุ่นเล็กน้อย

หนำซ้ำปราณเหลวของปราณภายในในร่างกายก็รวมกลุ่มกันอย่างต่อเนื่อง พลังยุทธ์พันปีเมื่อก่อนหน้านี้ได้ไปถึงขีดจำกัดที่กายเนื้อสามารถรองรับได้แล้ว และตอนนี้ หลังจากกายเนื้อได้รับการหล่อเลี้ยงจากปราณจริงแท้ ความแข็งแกร่งก็มีการยกระดับขึ้นอีก ปริมาณบรรจุของปราณเหลวเพิ่มมากขึ้น อาจจะผนึกรวมปราณเหลวจำนวนมากกว่าเดิมได้ตลอดเวลา

สภาพผู้ทำลายล้างที่หยินหยางรวมเป็นหนึ่งอันเป็นสภาพแข็งแกร่งที่สุดของลู่เซิ่ง อาศัยการเผาไหม้ปราณเหลวและแก่นมาร ผสานกับการเพิ่มพลังกายเนื้ออันน่ากลัวในวิถีแปดมารสูงสุดแล้วระเบิดออกมา

การหล่อเลี้ยงของปราณจริงแท้เทียบเท่ากับการยกระดับกายเนื้อและปราณเหลวของเขาในเวลาเดียวกัน นี่เท่ากับเป็นการเพิ่มระดับพลังโดยรวมของเขา

พลังยุทธ์พันปีได้ผสานกับกายเนื้อจนไปถึงระดับใกล้เคียงกับจ้าวแห่งมารแล้ว ถ้าหากว่าเผาไหม้ปราณเหลวจำนวนมากกว่านี้พร้อมๆ กันเล่า ปราณจริงแท้จะหล่อเลี้ยงกายเนื้อและขยับขยายความจุของกายเนื้อ จนสามารถรองรับและผนึกรวมปราณเหลวได้มากกว่าเดิม

“ไปเถอะ การทดสอบสุดท้ายต้องเข้าไปในสถานที่ลับของสำนัก เจ้าเตรียมตัวให้ดี ไม่ต้องเครียดไม่ต้องลนลาน ขอแค่แสดงออกตามปกติก็พอ” ชายชรานำลู่เซิ่งเดินไปด้านหน้า คอยทักทายกับคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา คนชราที่เหลือมองพวกเขาแวบหนึ่ง ยังคงรั้งอยู่ที่เดิม น่าจะกำลังรออัจฉริยะระดับสุดยอดคนอื่นๆ

“จำไว้ให้ดี สถานที่ลับมีบูรพาจารย์ผู้สูงส่งในสำนักเร้นกายอยู่ไม่น้อย หากเจอคนไหนต้องแสดงความเคารพอย่างมีมารยาท ถ้าหากมีคนไหนต้องตารับเจ้าเป็นศิษย์ เช่นนั้นเจ้าก็ได้ปีนป่ายถึงสวรรค์ในก้าวเดียวจริงๆ แล้ว หนทางในอนาคตจะสดใสราบรื่น” ชายชรากำชับอย่างจริงจัง

“ผู้เยาว์ทราบแล้ว” ลู่เซิ่งพยักหน้า เป้าหมายข้อหนึ่งในการเข้าร่วมค่ายพรรคของต้าอินอย่างถูกต้องของเขาก็คือ เพื่อตามหาเส้นทางไปถึงระดับจ้าวแห่งมารหรือระดับที่สูงกว่าอย่างเป็นระบบ

นครเขตจันทราสารท คฤหาสน์ตระกูลเฟ่ย

เฟ่ยไป๋หลิงนั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ พลางใช้กิ่งหลิวกวนน้ำไปมา

ในคฤหาสน์ว่างเปล่า ลานขนาดใหญ่ไม่มีคนอยู่ นางรู้ว่าเวลานี้คนส่วนใหญ่ในตระกูลไปสังเกตการณ์กิจกรรมรับศิษย์ใหญ่ของแต่ละสำนักแล้ว

ตระกูลเฟ่ยของพวกนางไม่ได้มีแค่คนในครอบครัวกระจายไปทั่วสำนักต่างๆ เท่านั้น ยังมีคนไม่น้อยรับผิดชอบภารกิจทดสอบผู้ได้รับการแนะนำของสำนักพันอาทิตย์ในนครเขตด้วย

เวลานี้เป็นช่วงเริ่มต้นการทดสอบพอดี

เฟ่ยไป๋หลิงมองดูปลาหลีฮื้อสีแดงที่ว่ายวนเวียนไปมาในบ่อ ก่อนจะพ่นลมหายใจ

“ท่านพี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่ จะเล่นกับข้าหรือไม่” เด็กผู้หญิงผมยาวสวมกระโปรงขาวคนหนึ่งเดินมาถึงด้านหลังเฟ่ยไป๋หลิงแล้วถามเสียงนุ่มนวล

“ชิงชิงเองหรือ ตอนนี้พี่ไม่มีเวลา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เจ้าไปเล่นคนเดียวได้ไหม” เฟ่ยไป๋หลิงตอบอย่างจนใจ

“เรื่องที่ลูกผู้พี่หายไปอย่างกะทันหันหรือ” ชิงชิงถามเสียงแผ่วต่ำ

“อาจจะใช่…” เฟ่ยไป๋หลิงกล่าวอย่างคลุมเครือ ฟ้าถล่มลงมามีพวกใต้เท้าที่สูงส่งในตระกูลคอยรับไว้ นางเป็นสตรีอ่อนแอที่ไม่มีคุณสมบัติสักอย่างและไม่ได้ฝึกมรรคายุทธ์ จึงทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว

“ท่านพี่ เล่นกับข้าเถอะ” ชิงชิงผลักไหล่ของเฟ่ยไป๋หลิง “ถ้าท่านเล่นกับข้า ข้าจะเล่าเรื่องของผู้ตรวจการณ์สวีให้ท่านฟัง”

ผู้ตรวจการณ์สวีหรือ

เฟ่ยไป๋หลิงแก้มแดง บุรุษงดงามที่หล่อเหลาเกินบรรยายซึ่งมาตรวจสอบที่บ้านเมื่อก่อนหน้านี้ผู้นั้น ว่ากันว่าเป็นหัวหน้าผู้ตรวจการณ์คดีประหลาดที่ทางการส่งมา นอกจากบุคลิกจะเย็นชาไปบ้าง ผู้ตรวจการณ์สวีผู้นั้นก็เป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบที่สุดในสายตาของสตรีทุกคนจริงๆ

“ดีไหมท่านพี่” ชิงชิงผลักนางต่อ

“ก็ได้ๆ…เจ้าไปซ่อนก่อน อีกเดี๋ยวพี่จะตามหาเจ้า” เฟ่ยไป๋หลิงตอบอย่างจนปัญญา

“ท่านพี่ ชิงชิงไปซ่อนก่อนนะ” เฟ่ยชิงชิงตอบกลับอย่างจริงจัง

เฟ่ยไป๋หลิงถอนใจ ทิ้งกิ่งหลิวในมือแล้วหันหน้ากลับไป

“เอ๋ ชิงชิง?” เวลานี้เฟ่ยชิงชิงที่เมื่อครู่ยังอยู่ด้านหลังหายไปแล้ว

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด