ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง 26.1

Now you are reading ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่หนึ่ง Chapter 26.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 26 ผลกลับกัน (1)
โดย

ฮูหยินซ่งพูดอย่างกังวลใจ เว่ยฉางอิ๋งกลับยิ้มอย่างสบาย และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ในเมื่อพี่สะใภ้ทั้งสองต่างก็เป็นคนฉลาดมีคุณธรรม ต่อให้รู้สึกอิจฉาเพราะปิ่นหยกคู่นี้ แต่อย่างมากก็ได้แต่อิจฉาผ่านทางคำพูดเท่านั้น หากว่าข้าอารมณ์ดีก็จะถือเสียว่าไม่ได้ยิน แต่หากว่าอารมณ์ไม่ดี ก็คงตอบโต้ไปบ้าง ทั้งหมดต่างก็เป็นภรรยาของพี่ชายน้องชายสามีทั้งนั้น พวกนางยังจะทำอะไรข้าได้หรือ?”

“คนฉลาดมีคุณธรรม?” ฮูหยินซ่งยิ้มเย็นแล้วกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ในตระกูลใหญ่ ผู้ที่ถูกยกว่าเป็นคนมีเมตตามีคุณธรรม คนที่มีเพียงจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์มีเพียงประเภทเดียว ก็คืออย่างเจ้าที่ยังไม่ได้แต่งงานไป และเบื้องบนมีผู้ใหญ่ที่เก่งกาจคอยปกป้อง! ไม่ต้องไปพูดถึงคนนอก ต่อให้เป็นบ่าวไพร่ คนตระกูลอย่างพวกเราที่มีบ่าวไพร่มากมาย กล่าวกันว่านายบ่าวนั้นต่างกัน แต่ว่าจริงๆ แล้วสาขาตระกูลที่ห่างไกลไปของตระกูลเว่ย พวกที่จนหน่อยเหล่านั้น พวกเขาจะสามารถเทียบกับบ่าวไพร่ในเรือนของพวกเราได้หรือ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงบรรดาบ่าวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดเจ้านายเลย! คนเหล่านี้ต่อหน้าพวกเราพวกเขาคือบ่าว แต่ท่าทีเวลาอยู่ภายนอกเกรงว่าจะเทียบกับพวกเราได้! คนไม่ใช่ท่อนไม้ ยังไม่ต้องพูดถึงความคิดอยากจะข่มนายพวกนั้น อย่างแม่นมซื่อ หรือนางเฮ่อแม่นมเจ้า บ่าวใช้ที่จงรักภักดีเหล่านี้ก็เช่นกัน ในเมื่อเป็นคน ทุกคนต่างก็ต้องมีอารมณ์ความรู้สึก ใครบ้างจะไม่มีความเห็นแก่ตัวเลย เจ้าคิดว่าคนเป็นนายหากว่าไม่มีฝีมือ อาศัยแค่การมีคุณธรรมมีเมตตาแล้วจะสามารถปกครองพวกเขาได้หรือ?!”

 นางสั่งสอนบุตรสาวอย่างอดทน “ดังนั้นพี่สะใภ้ทั้งสองของเจ้าสามารถมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้มีคุณธรรมมีเมตตาดังไปไกลได้ ฝีมือไม่ต้องคิดก็คงรู้ได้! หากว่าเจ้าโง่งมคิดจริงๆ ว่าพวกนางเป็นคนที่เข้ากันได้ง่าย เกรงว่าถูกขายเจ้ายังไม่รู้ตัวเลย!”

ฮูหยินซ่งกล่าวอย่างจริงจัง เว่ยฉางอิ๋งกลับเพียงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลที่ไม่ได้ต่างไปจากพวกเรานัก แน่นอนว่าก็ต้องมีกฎมารยาท พวกนางอยากจะขายข้า จะง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน ยังไม่ต้องพูดว่าพวกนางเป็นเพียงพี่สะใภ้ด้วย ต่อให้เป็นแม่สามี นางยังสามารถแสดงฐานะว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วกดข้าได้หรือ อีกอย่าง วันนี้ฮูหยินซูให้คนนำปิ่นหยกคู่สีแดงเลือดมา จากการคาดเดาของท่านย่าและท่านแม่ ฐานะของเสิ่นจั้งเฟิงในตระกูลเสิ่นนั้นได้กำหนดแล้ว ในเมื่อพี่สะใภ้ทั้งสองต่างก็เป็นผู้มีคุณธรรมเมตตา เมื่อข้าแต่งงานเข้าไปแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ก็ควรจะรีบส่งมอบอำนาจการดูแลบ้านให้ข้าทันที ส่วนพี่สะใภ้รองนั้น ก็ควรจะเคารพข้าถึงจะถูก! ไม่อย่างนั้นไม่ใช่ว่าไม่ไว้หน้าเสิ่นจั้งเฟิงหรือ ฮูหยินซูไม่รักเอ็นดูข้าได้ แต่ว่านางจะไม่เอ็นดูรักใคร่เสิ่นจั้งเฟิงหรือ?”

“ได้ยินเจ้ากล่าวก่อนหน้านี้ไปข้ายังคิดว่าเจ้าจะเข้าใจแล้ว ใครจะรู้ว่าเจ้าจะยังโง่อย่างนี้!” ฮูหยินซ่งได้ยินก็รีบยิ้มเย็นทันที นางจิ้มไปที่หน้าผากเลี้ยงเกลาของบุตรสาวแล้วกล่าวตำหนิเสียงเบาว่า “ไม่สามารถใช้ฐานะของผู้ใหญ่มากดเจ้าได้ หรือว่ายังจะเอาคุณวุฒิและลำดับอาวุโสมากดเจ้าไม่ได้ และยังการยกอำนาจควบคุมบ้านให้เจ้า ข้าถามเจ้า ความสามารถดูแลจัดการบ้านของเจ้าพวกนั้น ต่อให้พี่สะใภ้ทั้งสองของเจ้าไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรเลย แต่ว่าเจ้าจะสามารถจัดการดูแลตระกูลเสิ่นทั้งบนล่างให้ดีได้หรือ?! แน่นอนว่าซูซิ่วมั่นต้องรักเอ็นดูเสิ่นจั้งเฟิงอยู่แล้ว ดังนั้นหากว่าเจ้าไร้ประโยชน์เกินไป ไม่สามารถแบ่งเบาภาระของเสิ่นจั้งเฟิงได้ เจ้าว่านางจะจัดการกับเจ้าอย่างไร?! อย่างเบาก็คิดหาวิธียัดอนุภรรยาที่เก่งกาจให้เจ้าสักคนสองคน! เจ้าว่าถึงตอนนั้นเจ้าจะขัดเคืองไหมขายหน้าไหม?!”

เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เรื่องดูแลบ้านอย่างนี้ บอกว่ายากก็ใช่ว่าจะยากมาก อย่างไรข้าก็ถือกำเนิดมาในตระกูลใหญ่ แม้ว่าจะไม่สามารถจัดการดูแลบ้านอย่างใส่ใจอย่างนั้น แต่ว่าเรื่องที่พบกันอย่างปกติแล้วควรจัดการอย่างไรข้าก็เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต ทำตามแบบอย่างไปไม่ใช่ว่าได้แล้วหรือ อีกอย่างถึงตอนนั้นข้าก็ต้องมีคนเผยเจี้ยไปกับข้าด้วยอยู่แล้ว ท่านแม่กับท่านย่ารักข้าอย่างนี้ อย่างไรก็ต้องเตรียมหาคนที่เก่งกาจไว้ให้ข้าแน่นอน ตอนนั้นข้าคอยฟังคำแนะนำของพวกเขาและจัดการไปก็ได้แล้ว อนาคตของคนเหล่านี้หวังไว้กับข้า แล้วจะไม่ทุ่มเทได้หรือ! ส่วนพวกอนุภรรยา เหอๆ…”

เห็นได้ชัดว่านางไม่เห็นอนุภรรยาในสายตาเลย สาเหตุในนั้นฮูหยินซ่งจะยังไม่รู้หรือ กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง คิดไม่ถึงว่ากลับได้ยินบุตรสาวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมาแล้วกล่าวว่า “พูดถึงมีคุณธรรมมีเมตตา ท่านพี่ไม่ใช่ว่าไม่เพียงมีคุณธรรมมีเมตตาหรือ แต่ว่าก็ยังถูกข้ายั่วเสียจนหมดทางไม่ใช่หรือ?”

เดิมฮูหยินซ่งได้ยินคำกล่าวด้านหน้าของบุตรสาวยังรู้สึกว่าแม้แผนการของบุตรสาวจะมองโลกแง่ดีเกินไปหน่อย แต่ว่าก็ยังมีแผนการ เพียงแค่คิดอย่างง่ายดายเกินไปหน่อยเท่านั้น แต่ว่าเมื่อได้ยินคำด้านหลังของบุตรสาวแล้วพลันโมโหจนหายใจติดขัด หยิบเอาพัดทรงกลมด้านข้างแล้วตีไปที่หัวนางทันทีแล้วกล่าวอย่างแค้นเคืองว่า “ไจ้สุ่ยเห็นแก่ที่เป็นพี่สาวน้องสาวนางถึงได้ยอมให้เจ้า! หากไม่ใช่ แล้วใช้วิธีที่ท่านยายเจ้าสั่งสอนมาอย่างใส่ใจ มีเจ้าสิบคนก็ยังตายไม่พอเลย!”

“นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!” เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ข้าเป็นคนที่มีท่านแม่และท่านย่าคอยปกป้อง ท่านพี่ร้ายกาจอย่างไร ก็ยังร้ายกาจได้ไม่เท่ากับท่านย่าและท่านแม่ ดังนั้นไม่ว่าท่านพี่จะทำจริงหรือไม่ ข้าก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง!”

“…” ฮูหยินซ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วกระทืบเท้าอย่างโมโห “เจ้าลูกอกตัญญูที่ไม่เอาไหน! นี่มันเวลาไหนแล้วเจ้ายังจะไร้เหตุผลอย่างนี้อีก! หากว่าเจ้ายังไม่จริงจัง! หากว่ายังไม่จริงจัง ดูสิว่าข้าจะตีเจ้าอย่างไร!”

นางตะโกนเสียงดัง ฝ่ามือกลับกำพัดกลมเอาไว้แน่น แล้วจัดการหยิบเอาด้านไหมตีไปที่หัวของเจ้าลูกอกตัญญูหลายครั้งอย่างระมัดระวัง นางลงแรงอย่างระวังมาก กระทั่งดอกกุหลาบจีนข้างหัวของลูกอกตัญญูดอกนั้นยังไม่เบี้ยวไปสักนิด

แม่อย่างนี้จะสามารถทำให้บุตรสาวเกรงกลัวได้ที่ไหน เจ้าลูกอกตัญญูไม่แม้แต่จะหลบ นางเท้าคางแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านแม่อย่าโมโหไปเลย…อย่างไรข้ากับภรรยาของพี่ชายน้องชายสามีทั้งสองก็ไม่ได้มีความแค้นยิ่งใหญ่อะไรกันสำหรับเรื่องปิ่นไม่ใช่อะไรที่สะใภ้ของตระกูลเสิ่นจะไปชิงกันได้ สามีของพวกนางไม่เอาไหนจะโทษใคร ปิ่นอันนี้แสดงว่าส่งให้กับภรรยาของผู้ที่เป็นผู้ดูแลหมิงเพ่ยถังต่อ หากว่าพวกนางทนไม่ได้ ก็ควรจะไปเร่งเร้าสามีให้ไปชิงตำแหน่งกับเสิ่นจั้งเฟิง นั่นคือเรื่องของเสิ่นจั้งเฟิงแล้ว!”

“เจ้ายังกล้าพูดอย่างนี้ออกมาอีก!” ฮูหยินซ่งได้ยินเข้า ก็ยิ่งโมโหแล้วกล่าวอย่างแค้นใจว่า “เสิ่นจั้งเฟิง เสิ่นจั้งเฟิง เรียกออกมาได้อย่างคล่องปากจริง เขาเป็นอะไรกับเจ้า?! สามีภรรยาคือร่างเดียวกัน เสิ่นจั้งเฟิงถูกพี่น้องวางแผนใส่เจ้าได้หน้ามากหรือ?! หากว่าเขาเสียอำนาจไปเจ้าคิดว่าเจ้าจะมีจุดจบอย่างไร?! ตลอดมาเจ้าเอาแต่ร่ำร้องว่าเมื่อแต่งงานไปแล้วจะเสียเปรียบไม่ได้ ข้าคือแม่แท้ๆ ของเจ้า แน่นอนว่าต้องเข้าข้างเจ้า ยอมให้เจ้าวางแผนใส่ก็ยังไม่เป็นไร! แต่ว่าตอนนี้หรือว่าเจ้ายังจะหวังให้เสิ่นจั้งเฟิงไม่ได้ดี?! เจ้าอยากจะให้ข้าต้องโมโหตายหรือ!”

“ท่านแม่อย่าโมโห ฟังข้าพูด!” เว่ยฉางอิ๋งเห็นฮูหยินซ่งโมโหแล้วจริงๆ ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วไปรินชาให้นาง แล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ในเมื่อเสิ่นจั้งเฟิงไมใช่บุตรชายคนโตของภรรยาเอก ทั้งยังไม่ใช่บุตรชายคนโต ตอนนี้ยังไม่ได้รับตำแหน่ง บุตรชายของตระกูลเสิ่นเหล่านั้นต่างก็ต้องตื่นเต้นกันมาก แต่เขาอายุน้อยขนาดนี้ก็สามารถถูกกำหนดเป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไปได้ เห็นก็รู้แล้วว่าหากไม่ใช่ว่าความสามารถของเขาเหนือกว่าพี่น้องมากมาย! ก็ต้องได้รับความรักความเอ็นดูจากเบื้องบน! ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน แต่พี่น้องของเขาต่างก็พ่ายแพ้ให้เขาหมด ตอนนี้ในเมื่อตระกูลเสิ่นตัดสินใจแล้ว การจะสั่นคลอนฐานะของเขาก็ใช่ว่าจะง่าย อย่างไรตำแหน่งหัวหน้าตระกูลก็ไม่ใช่เล็กๆ ในเมื่อไท่ป๋อเลือกอย่างนี้แล้ว อย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ ข้าได้ยินว่าตอนนั้นเมื่อท่านปู่ทำตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้หลายสิบปีแล้ว ท่านปู่ทวดถึงได้ยกตำแหน่งให้กับท่านปู่!”

ฮูหยินซ่งหน้าเข้มแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเสิ่นจั้งเฟิงเป็นคนดี ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็หยุดและเก็บความคิดวุ่นวายเหล่านั้นไปเสีย! ท่านปู่เจ้ามองคนแม่นยำมาตลอด หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นท่านปู่เจ้ารีบร้อนกลับมารักษาอาการป่วยที่เฟิ่งโจว ทำไมยังจะต้องหาเวลาไปกล่าวเรื่องการแต่งงานกับเสิ่นเซวียนอีกล่ะ?”

นางเสียงต่ำลง แล้วนำความลับมาบอกกับบุตรสาว “ตอนนั้นหลานสาวของท่านปู่เจ้าที่เหมาะสมที่จะแต่งงานกับเสิ่นจั้งเฟิงไม่ได้มีเพียงเจ้าคนเดียว! อย่างฉางหวั่นของท่านอารองเจ้า นางอายุมากกว่าเจ้าสี่ปี มีอายุมากกว่าเสิ่นจั้งเฟิงเพียงสองปีเท่านั้น สามารถเป็นคนที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ได้! แม้ว่าท่านอารองเจ้าจะเป็นบุตรจากอนุภรรยา แต่ว่าในรุ่นของท่านพ่อเจ้า ถือว่าเขามีความสามารถมากที่สุด ตอนนั้นฉางเฟิงยังไม่เกิดเลย! หากว่าไม่มีฉางเฟิง บรรดาศักดิ์ของท่านปู่เจ้าในตอนนี้ ยังจะไม่ใช่ของบ้านสองหรือ ทำไมท่านปู่ของเจ้าถึงได้ต้องเลือกเจ้า?!”

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด