ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1393 เปิดเผยต่อหน้าธารกำนัล

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1393 เปิดเผยต่อหน้าธารกำนัล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1393 เปิดเผยต่อหน้าธารกำนัล

สีหน้าของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันบิดเบี้ยว

คำพูดนี้ฟังไปก็ไม่ได้ดูผิดแผกอะไร แต่…เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องกัน?

ต่อให้จะเป็นห่วงกันอยู่ก็เถอะ แต่ท่าทางและองศาการก้มศีรษะลงไปนี่…ออกจะใกล้ชิดไปหน่อยแล้วกระมัง?

ระหว่างบุรุษกับบุรุษกันเองเช่นนี้ ไม่ว่าใครมาเห็นเข้าล่ะก็…

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรู้สึกวุ่นวายใจอยู่ไม่น้อย

นี่มัน…

หรงซิวบอกเพียงว่าเคยรู้จักกับฉู่เยว่มาก่อน ตอนนั้นพวกเขาทั้งสองเป็นแค่สหายกัน หรงซิวเองก็มองเขาเป็นน้องชายด้วย

แต่พอมาดูตอนนี้แล้ว…

นัยน์ตาของหรงซิวขยับไหวน้อยๆ ก่อนจะเหลือบมองมาทางเขา

“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน ท่านพอจะมีโอสถวายุโชยชายติดตัวบ้างหรือไม่?”

“หา? อ้อ! มีสิ!”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเบนสายตากลับมา มือล้วงหยิบขวดหยกออกมาใบหนึ่งส่งไปให้หรงซิว

แต่เมื่อเห็นว่าหรงซิวผละมือออกมารับมิได้ เขาจึงต้องเทเม็ดยาอายุวัฒนะออกมา ก่อนจะป้อนมันให้ฉู่หลิวเยว่

ทว่าริมฝีปากฉู่หลิวเยว่กลับปิดสนิท จะทำอย่างใดก็มิอาจป้อนยาอายุวัฒนะเม็ดนั้นเข้าปากนางได้

มือหรงซิวลูบบนไหล่ลาดของนางเบาๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วราวกระซิบ

“อย่าดื้อ กินยาเข้าไปเสีย”

ฉู่หลิวเยว่ซุกหน้าหนีเข้าไปในอกเขา ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังยอมอ้าปากอย่างเชื่อฟัง

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจึงรีบป้อนยาอายุวัฒนะเข้าปากนางไป

ทันทีที่โอสถวายุโชยชายละลายในปาก ฉู่หลิวเยว่ที่ยังคงหลับตาอยู่ก็กลืนยาอายุวัฒนะลงไป

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนชักมือกลับมา พลางมองอยู่ด้านข้างด้วยความตระหนกที่ทวีคูณขึ้น

ดูสินั่น!

หรงซิวเคยทำตัวอ่อนโยนแบบนี้กับใครที่ไหนกัน!

คราวก่อน หรงซิวยืนกรานจะเป็นคนอุ้มฉู่เยว่กลับไปเอง อีกทั้งยังคอยดูแลเขาด้วยตัวเองอยู่ไม่ห่าง ผู้อาวุโสยังคิดอยู่เลยว่าเป็นเพราะฉู่เยว่ช่วยเขารับการโจมตีครั้งนั้น เขาคงรู้สึกผิดพอตัว ด้วยอยากชดใช้คืนให้ถึงได้ทำไปขนาดนั้น

ทว่าตอนนี้เล่า?

เท่าที่จำได้ แต่ไหนแตไรมาหรงซิวแทบไม่เคยเข้าใกล้ชิดกับสตรีงามใดมาก่อนเลยนะ…

ก่อนความคิดอันน่าขันพลันลอยวาบขึ้นมาในสมองผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน

ความคิดที่ว่าทำเอาหัวใจเขาแทบกระดอนออกมาจากอก

เขารีบตวัดสายตามองหรงซิวแวบหนึ่ง ก่อนจะชักสายตากลับมาในบัดดล

ช่างมันเถอะน่า!

กับเรื่องพวกนี้ ไม่ไปถามมากจะดีกว่า!

อย่างน้อยที่สุด ตัวเขาเองก็ยังทำใจรับไม่ได้มากขนาดนั้น

เพียงแต่ภายหลังนี่สิ…เกรงว่าท่าทีที่มีต่อฉู่เยว่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…

มุมปากหรงซิวขยับยกขึ้นเล็กน้อยโดยมิผิดสังเกต

เขาย่อมเดาออกอยู่แล้วว่ายามพวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมองเห็นภาพฉากนี้จะคิดไปถึงไหนต่อไหน แต่อย่างใดก็ดี…

ตัวเขาไม่สนใจแม้แต่น้อย

“ปั๋วเหยี่ยน ตันชิง”

ในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็จบบทสนทนาระหว่างเขากับเจียงจื่อหยวนพอดิบพอดี

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและผู้อาวุโสตันชิงหันศีรษะกลับมามองเขา สายตายังคงเหลือบมองเลยไปยังเจียงจื่อหยวนที่เดินคล้อยหลังมาด้วย

ความจริงแล้วพวกเขาเองก็พอจะรู้อยู่ ฮวาเฟิงกับเจียงจื่อหยวนต้องไปพูดคุยบางอย่างกันมาแน่นอน

“ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะพูดกับพวกเจ้า”

สีหน้าผู้อาวุโสฮวาเฟิงเซื่องซึมนัก

นี่ทำเอาพวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มกันทั่วถ้วน

“มีอันใดรึ?”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ดูแล้วเหมือนจะรู้สึกอึดอัดใจอยู่มากทีเดียว

เจียงจื่อหยวนที่ยืนอยู่ไม่ไกลหยุดฝีเท้าของตนลงพลางเบนสายตาไปมอง ในดวงตาลอบฉายแววพึงพอใจและคาดหวังออกมา

ดีมาก

ขอแค่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงย่อมเปิดปากช่วยนาง ทุกอย่างก็ราบรื่นแล้ว

เมื่อคิดถึงว่าตนเองรอดพ้นจากทางหายนะแล้ว เจียงจื่อหยวนก็พรูลมหายใจน้อยๆ ออกมาอย่างอดมิได้

ในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกลับหันศีรษะไปกวักมือเรียกกลุ่มคนที่ยืนออกันอยู่อีกทิศทางหนึ่ง

“เหลี่ยงเซียวเซียว เจ้ามานี่หน่อยสักประเดี๋ยว”

รอยยิ้มที่ยังคลี่ไม่สุดดีบนดวงหน้าเจียงจื่อหยวนพลันแข็งค้าง

ความกระวนกระวายเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของนาง!

จู่ๆ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจะตะโกนเรียกเหลี่ยงเซียวเซียวให้ไปหาเหตุใดกัน?

เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยมิใช่หรือไร!

เหลี่ยงเซียวเซียวเองก็ออกจะงุนงงอยู่ไม่น้อย ทว่าก็ยังก้าวเดินไปท่ามกลางสายตาของคนทุกผู้ที่จับจ้องมา

นางคำนับผู้อาวุโสแต่ละท่านจนครบเสียก่อน จากนั้นจึงเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้างงงวย

“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ท่านเรียกตัวข้าหรือเจ้าคะ?”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงผงกศีรษะรับ

“มีเรื่องที่ต้องบอกให้เจ้าได้รับรู้เสียก่อนน่ะ”

บริเวณโดยรอบพลันเงียบกริบลง

ใจของเจียงจื่อหยวนบัดนี้ราวกับร่วงลงไปในห้วงลึกก็มิปาน!

ทว่า ทุกอย่างก็เริ่มดำเนินไปในทิศทางที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของนางเสียแล้ว!

“ก่อนหน้านี้พี่ชายของเจ้า เหลี่ยงเส่าคังได้พาคนมาที่นี่ด้วย”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเปิดปากพูดเข้าประเด็นทันทีโดยไม่อ้อมค้อม

เหลี่ยงเซียวเซียวเบิกตากว้างน้อยๆ

“พี่สามของข้ามาที่นี่อย่างนั้นรึ?”

แต่ก่อนหน้านี้ท่านพ่อเคยบอกไว้แล้วว่าห้ามมาก้าวก่ายเรื่องนี้มิใช่หรือ?

หรือว่าจะเป็นพี่สามแอบพาคนลอบหนีออกมาเอง?

เขาเป็นพวกหัวรุนแรงมาแต่ไหนแต่ไร ระยะนี้พวกพี่น้องคนอื่นในตระกูลเองก็มีผลงานโดดเด่นกันทั้งนั้น เขาก็คงจะ…ร้อนใจกระมัง?

นี่ก็ดูเป็นเรื่องที่เขาจะก่อขึ้นมาได้อยู่จริงๆ

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพยักหน้าเบาๆ

“เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่พวกข้าเพิ่งมาถึงหุบผากันได้ไม่นานก็บังเอิญพบเขาเข้า ตอนนั้นเขากำลังถูกคนไล่ฆ่า ส่วนคนตระกูลเหลี่ยงคนอื่นๆ ที่ติดตามเขามาล้วนกลายเป็นศพไปหมดแล้ว”

สีหน้าเหลี่ยงเซียวเซียวเปลี่ยนแปลงไปในบัดดล

ริมฝีปากนางสั่นระริก

“พี่ชายข้า…”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงชะงักไปแวบหนึ่ง

“ต้องขออภัยด้วย เรื่องจุดยืนเป็นกลางของสำนักหลิงเซียว เจ้าเองก็รู้ดี”

สองขาเหลี่ยงเซียวเซียวพลันอ่อนแรงจนนางแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างกุลีกุจอมาช่วยพยุงนางเอาไว้

เหลี่ยงเซียวเซียวรู้สึกถึงเพียงระลอกความเย็นเยียบที่พุ่งเข้าโจมตีส่วนลึกของก้นบึ้งจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่าเท่านั้น

สิ่งที่ไหลพรูออกมาจากดวงตาทำให้สายตาของนางพร่ามัวยิ่งขึ้นไปอีก

นางเผยอปากหวังจะเปล่งเสียง กลับพบว่าตนพูดอะไรไม่ออกทั้งนั้น มีเพียงลมเย็นๆ ที่ลอดผ่านเข้าไปในลิ้นกับฟัน เย็นเยียบเสียจนตับไตไส้พุงของนางแทบขดตัวเข้าหากัน

ทันใดนั้นเอง นางทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก จากนั้นก็หันศีรษะขวับมามองเจียงจื่อหยวน!

เจียงจื่อหยวนพลันใจกระตุกกึก ก่อนจะเบนสายตาหนีด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน

“แต่…ก่อนหน้านี้จื่อหยวนบอกว่า…นางไม่เคยเจอพวกของท่านพี่มาก่อน…”

เหลี่ยงเซียวเซียวว่าพลางกัดฟันกรอด

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมองตามครรลองสายตาของนางไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วกล่าวว่า

“ความจริงแล้วเรื่องนี้เองก็โทษนางไม่ได้ อย่างไรซะพวกเจ้าก็เป็นสหายรักกันมาหลายปี สนิทชิดเชื้อกันมากยิ่ง นางคงไม่อยากให้เจ้าเสียใจ…”

เฮอะ!

เหลี่ยงเซียวเซียวแทบจะหลุดหัวเราะออกมาอยู่รอมร่อ

กลัวนางจะเสียใจ?

คำพูดพวกนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ มิใช่ว่าเป็นเจียงจื่อหยวนที่จงใจเอ่ยถามขึ้นมาหรอกหรือ!

แล้วตอนนี้จะมาแสร้งทำตัวเป็นคนดีอันใดกัน?

“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ไม่ทราบว่าท่านพอจะรู้หรือไม่ เป็นผู้ใด… ที่ฆ่าพี่ชายข้า?”

เหลี่ยงเซียวเซียวกำหมัดแน่น ก่อนจะเอ่ยถามออกมาทีละคำ

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถึงกับชะงักไป

“เรื่องนี้…ตอนนั้นพี่ชายเจ้าเคยไปหาเจียงจื่อหยวนโดยเฉพาะเพื่อขอความช่วยเหลือ นางหยุดอยู่ที่เดิมอยู่นานทีเดียว นางน่าจะเป็นคนรู้ดีที่สุดแล้วกระมัง”

เจียงจื่อหยวนเงยศีรษะขึ้นมาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึงงันแลตื่นตระหนก

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกะพริบตาปริบๆ ราวกับว่าตนอับจนทางเลือกอยู่พอควร

“ก็…เรื่องราวสำคัญใหญ่โต ย่อมต้องเอาความจริงมาพูดไม่ใช่รึไงกัน?”

เจียงจื่อหยวนมิอาจแก้ต่างได้แม้แต่นิดเดียว นางผลุนผลันวิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าเหลี่ยงเซียวเซียวพลางพูดละล่ำละลัก

“เซียวเซียว เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน! ตอนนั้นข้า…”

เพี๊ยะ!

เสียงตบเข้าที่หน้าดังลั่นฟังชัดก้องไปทั่ว!

เจียงจื่อหยวนที่ยืนไม่ได้มั่นคงนักถูกตบเข้าจังๆ นางจึงล้มลงไปกองอยู่กับพื้นทั้งอย่างนั้น ใบหน้าครึ่งซีกบวมแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

แต่สภาพของนางเดิมทีก็ดูไม่จืดอยู่แล้ว ยามถูกซ้ำแผลจึงไม่ได้เห็นชัดถึงเพียงนั้น

“นังสารเลว!”

เพลิงโทสะของเหลี่ยงเซียวเซียวพลันพวยพุ่ง

เหลี่ยงเส่าคังมิได้สอบเข้ามาเป็นศิษย์ของสำนักหลิงเซียว เขาจึงมิคุ้นเคยกับพวกผู้อาวุโสในสำนักเลยแม้แต่น้อย

ในบรรดาคนเหล่านี้ คนที่เขาคุ้นเคยด้วยที่สุดจึงกลายเป็นเจียงจื่อหยวน!

เหลี่ยงเซียวเซียวย่อมรู้แก่ใจว่าพี่สามของตนคิดอย่างไรกับเจียงจื่อหยวน เพียงแต่เจียงจื่อหยวนทะนงตัวหัวสูงนัก จึงมิเคยตอบรับเขามาแต่ไหนแต่ไร เหลี่ยงเซียวเซียวเองก็ไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มากนัก

แต่นี่ไม่ได้แปลว่านางจะไม่รู้ว่าเจียงจื่อหยวนได้ประโยชน์จากพี่สามของตัวเองไปแล้วมากน้อยแค่ไหน!

ทว่าผลสุดท้าย เจียงจื่อหยวนกลับ ‘ตอบแทน’ พี่สามของนางแบบนี้อย่างนั้นหรือ!

เจียงจื่อหยวนถูกตบจนมึนงงไปแล้ว

นางคิดว่าตัวเองกุมชัยชนะไว้ในกำมือแล้ว แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิงจะเด็ดขาดขนาดนี้ ถึงกับเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาเสียจนหมดเปลือกออกมาเสียดื้อๆ! ป่าวประกาศจนรู้กันไปทั่วใต้หล้าแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด