ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1404 ประตูบานหนึ่ง
ตอนที่ 1404 ประตูบานหนึ่ง
หลังจากจะผ่านไปสักพัก ในที่สุดม่านพลังที่อยู่ตรงหน้าก็มีความผันผวนเล็กน้อย และค่อยๆ เปิดออกมา
“เข้ามา”
เสียงทุ้มต่ำแก่ชราดังขึ้นในโสตประสาท
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเล็กน้อย
เสียงนั้น… เหมือนจะดูเย็นชาและจริงจังมากขึ้นกว่าเดิมมาก และเหมือนว่าจะแฝงไปด้วยอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย
นางไม่ได้มาที่แห่งนี้เพียงครู่เดียวเท่านั้น เหตุใดถึง…
หรงซิวหรี่ดวงตาหงส์ลงเล็กน้อย เขาสามารถจับสัมผัสได้อย่างชัดเจน ก่อนจะหันไปสบตากับฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่จึงติดตามหรงซิวเข้าไปในทันที
…
ทั้งสองคนเดินไปด้านหน้า และไปหยุดยืนตรงหน้าเจดีย์
เมื่อมีประสบการณ์ก่อนหน้านี้ นับว่าตอนนี้ฉู่หลิวเยว่คุ้นเคยกับถนนหนทางเป็นอย่างมาก
นางเดินตรงไปที่ประตูบานหนึ่ง
ตอนที่เดินห่างเพียงแค่สามก้าว ประตูบานใหญ่ก็เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า
เมื่อมองเข้าไปด้านใน ทุกอย่างกลายเป็นสีดำสนิท
ในใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมสาวเท้าก้าวเข้าไปด้านใน
“เยว่… ฉู่เยว่”
หรงซิวเรียกนางอย่างกะทันหัน
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง
ท่ามกลางความเงียบงัน เหมือนว่าจะมีอันใดบางอย่างไหลผ่านอย่างเชื่องช้า
ริมฝีปากบางของหรงซิวขยับเล็กน้อย ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในแววตา แต่สุดท้ายก็กลับมาสงบลง
“ขอให้ทุกอย่าง… ราบรื่น”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นมา
“วางใจเถอะ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน”
เมื่อพูดจบนางก็หมุนตัวเดินจากไป ก่อนจะเดินผ่านประตูไปอย่างไม่ลังเล
ปัง!
ประตูใหญ่ปิดสนิท เงาร่างของนางหายไปจากครรลองสายตาโดยสิ้นเชิงแล้ว
หรงซิวยืนสูงตระหง่านเอามือไพล่หลัง จดจ้องบานประตูนั้นอยู่นาน
ไม่รู้ว่าผ่านมานานขนาดไหนแล้ว ในที่สุดเขาก็หมุนตัวจากไป
…
เมื่อมาที่แห่งนี้อีกครั้ง ในใจของฉู่หลิวเยว่จึงมีความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นางสาวเท้าก้าวไปด้านในทีละก้าว
ทันใดนั้นเองนางก็ชะงักฝีเท้าลง พร้อมมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ
ภายในห้องที่ว่างเปล่าและเงียบเชียบ เดิมทีมีประตูลอยอยู่เจ็ดบาน แต่คาดไม่ถึงว่า…ในตอนนี้จะเหลือเพียงหกบานเท่านั้น!
ตำแหน่งของประตูทั้งหกบานนั้นได้เปลี่ยนใหม่อีกครั้ง ระยะห่างระหว่างพวกมันเท่ากัน เมื่อมองดูอย่างคร่าวๆ จะไม่มีทางรู้เลยว่าที่แห่งนี้เคยมีประตูบานที่เจ็ดด้วย
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นว่า
“เมิ้งเหล่า เหตุใดประตูของ… ที่แห่งนี้จึงลดหายไปหนึ่งบาน?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของเมิ้งเหล่าก็ดังขึ้น
“ไม่มีอันใด มันเพียงแค่ก่อเรื่องเล็กน้อย”
ก่อเรื่อง?
แต่เหมือนว่าจะไม่เล็กน้อยนะ
ฉู่หลิวเยว่ตำหนิอยู่ในใจ
ทั้งหมดมีประตูเจ็ดบานก็ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ลดหายไปหนึ่งบาน หากนางไม่เคยมาที่นี่ก่อน นางก็คงจะไม่เห็นถึงปัญหานี้
แต่ได้ยินคำพูดของเมิ้งเหล่าแล้ว ที่ไม่ต้องการพูดถึงรายละเอียด ฉู่หลิวเยว่ก็จะไม่ถามเซ้าซี้อีกต่อไป
“เดิมที…ในช่วงเวลานี้ ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้ามาที่นี่ แต่ปั๋วเหยี่ยนและหรงซิวเป็นคนพูดขึ้นมาด้วยตนเอง ข้าจึงต้องยอมให้เจ้าเข้ามาอย่างไม่มีทางเลือก”
เมิ้งเหล่าพูดขึ้น
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่มีประกายความแปลกใจฉายชัดออกมา
หากเป็นในสายตาคนอื่น การถูกขังอยู่ที่นี่ ถือว่าเป็นหนึ่งในการลงโทษที่ใหญ่ที่สุด และต้องการที่จะหลีกเลี่ยงไป
มีเพียงแต่นางเท่านั้น…
ไม่เพียงแค่นางที่ต้องการมาด้วยตนเอง แม้กระทั่งคนอื่นก็ต่างช่วยเหลือนางด้วย…
ความรู้สึกแบบนี้มันช่าง… เจ็บแสบเสียจริง!
หรงซิวน่าจะใช้วาทศิลป์แบบเดียวกันพูดให้ผู้อาวุโสวั่นเจิงมาพูดโน้มน้าวเมิ้งเหล่าสินะ…
ไม่รู้ว่าเหตุใด ในตอนนั้นฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
“ขอบคุณเมิ้งเหล่ามาก”
นางประสานหมัดทำความเคารพให้กับเมิ้งเหล่า
“เอาล่ะ เจ้าก็มาที่สำนักแห่งนี้หลายเดือนแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งที่สามของเจ้า เจ้าเป็นคนนิสัยอย่างใด คนอื่นไม่ทราบ แต่มีหรือที่คนแก่อย่างข้าจะไม่ทราบ?”
เมิ้งเหล่าหัวเราะเยาะเสียงเบา
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอขึ้นมาหนึ่งเสียง และยกมือขึ้นมาถูกจมูกอย่างเก้อกระดาก
เรื่องนี้มัน…
“แม้ว่าประตูจะหายไปหนึ่งบาน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใด เจ้าเลือกประตูที่อยู่หนึ่งในนี้ก็พอแล้ว”
ไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กคนนี้จะทำอันใด และคาดไม่ถึงว่าเขาจะให้หรงซิวพูดกับปั๋วเหยี่ยนเพื่อให้ส่งเขามาที่นี่
หากเป็นในเวลาปกติ มันก็คงจะไม่มีอันใด
แต่ว่าในช่วงเวลานี้…
หากไม่ใช่เพราะว่าต้องไว้หน้าคนเหล่านั้น เขาจะไม่ให้เด็กคนนั้นเข้ามาในตอนนี้เด็ดขาด!
ช่างเถอะ!
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับหนึ่งสียง จากนั้นก็หันไปมองประตูทั้งหกบานที่อยู่ตรงหน้า
ประตูเหล่านี้ยังคงส่องแสงสว่างจางๆ เหมือนกับเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่มีเปลี่ยนแปลง
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ไปที่ประตูฝั่งซ้ายสุด
“ศิษย์เลือกบานนี้ขอรับ”
“เข้าไป”
เมิ้งเหล่าตอบอย่างชัดเจนและห้วนสั้น
ฉู่หลิวเยว่เดินตรงไปด้านหน้า
มือของนางสัมผัสประตู ก่อนจะออกแรงผลัก
แต่ประตูบานนั้นไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
“หื้อ?”
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวอย่างประหลาดใจ พร้อมกวาดสายตามองอย่างละเอียด
ไม่มีปัญหา!
แต่เหตุใดประตูบานนี้ถึงเปิดไม่ออก
นางเพิ่มแรงผลักขึ้นอีกครั้ง
แต่ก็ยังเปิดไม่ออกอยู่ดี
นี่น่าจะ… ไม่ใช่ปัญหาของนางละมั้ง?
ฉู่หลิวเยว่ตะโกนถามขึ้นมาด้วยความสับสน
“เมิ้งเหล่า ประตูบานนี้… เปิดไม่ออกหรือ?”
เห็นได้ชัดว่าเมิ้งเหล่าไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ประตูเหล่านี้สามารถเปิดได้ตลอดเวลา!
“เจ้าเปิดไม่ออกจริงๆ หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ออกแรงผลักอีกครั้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์
ประตูบานนี้เหมือนกับกำแพงเหล็กที่ไม่สามารถเปิดออกได้
“เช่นนั้นเจ้าก็ลองเปลี่ยนบานประตูดู!”
เมิ้งเหล่าพูดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า จากนั้นก็เดินไปยังประตูบานที่สอง
นางออกแรงผลัก จากนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“… เมิ้งเหล่า มันก็ยังเปิดไม่ออกอยู่ดี”
“เป็นไปไม่ได้!”
เมิ้งเหล่าพูดขึ้นเสียงสูง
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะอย่างขมขื่น
“แล้วข้าจะหลอกท่านได้อย่างใด?”
ก่อนหน้านี้นางก็เคยมาที่นี่แล้ว ทุกครั้งก็สามารถผลักประตูเข้าไปได้เลย
มันไม่เหมือนกับครั้งนี้ นางพยายามผลักประตูอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้?
เห็นได้ชัดว่าประตูบานนี้มีปัญหา!
เมิ้งเหล่าเงียบไปครู่หนึ่ง
“เปลี่ยนบานใหม่อีกครั้ง!”
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจ จากนั้นก็เดินไปยังประตูบานที่สาม
ก่อนจะต้องประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ลางสังหรณ์ที่แข็งแกร่งก็พวยพุ่งเข้ามาในจิตใจของนาง
บางที…
นางยื่นมือออกมา หลังจากลองไปหนึ่งครั้ง นางก็ส่ายหัวอย่างยอมแพ้
“เมิ้งเหล่า ไม่ได้”
…
ต่อมาภายใต้คำแนะนำของเมิ้งเหล่า ฉู่หลิวเยว่พยายามเปิดประตูบานที่หก
ทั้งหมดทำไม่ได้
ดูเหมือนว่าประตูทุกบานจะถูกปิดตายจากด้านใน ไม่สามารถเปิดออกได้เลย
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น รู้สึกปวดหัวอย่างมาก
เมิ้งเหล่าถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ปัญหานี้… มันอยู่ที่ตัวเจ้าหรือเปล่า?”
ฉู่หลิวเยว่ “???”
“เมิ้งเหล่า ข้าไม่ได้มาที่นี่สักพักแล้ว เรื่องนี้… ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับข้านะ?”
ฉู่หลิวเยว่คิดว่านี่เป็นเพียงแค่กลอุบาย!
ตอนที่นางเข้ามาประตูก็หายไปหนึ่งบาน เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่!
แล้วจะมาโทษเรื่องนี้กับนางได้อย่างใด?
เมิ้งเหล่าสำลักขึ้นมา ก่อนจะแค่นหัวเราะเสียงเย็นขึ้น
“เช่นนั้นเจ้าก็รออยู่ที่ห้องโถงนี้!”
เจ้าเด็กคนนี้ ยังจะมามีโทสะ!
เดิมทีเพราะว่าของสิ่งนั้นก็กวนใจเขามากพออยู่แล้ว แล้วยังจะต้องมาดูแลเด็กคนนี้อีก!
นี่มันเปลืองแรงอย่างมาก!
ฉู่หลิวเยว่ “…อื้อ”
รอตรงห้องโถงก็ต้องรอ ไม่ว่าอย่างใดก็เปิดประตูเหล่านั้นไม่ออก อยู่ตรงไหนก็มีค่าเท่ากันไม่ใช่หรือ?
เมื่อพูดจบฉู่หลิวเยว่ก็นั่งลงตรงพื้นนั้นจริงๆ
พื้นหยกนั้นทั้งแข็งและเย็น
ความหนาวเย็นพัดปกคลุมร่างกายเขา
ฉู่หลิวเยว่จึงตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
นางนั่งขัดสมาธิ ไหล่ตกลงตามธรรมชาติ มือวางที่หัวเข่า พร้อมหงายฝ่ามือขึ้น
พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่รอบข้างไหลเข้าร่างกายของนางอย่างเชื่องช้า
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ สงบสติลงได้
แม้ว่าพลังดั้งเดิมของที่แห่งนี้จะเข้มข้น แต่ก็ไม่ได้เข้มข้นเท่ากับในบานประตู แต่ก็ถือว่าไม่เลว…
ทันใดนั้นเองความคิดหนึ่งก็พุ่งเข้ามาภายในสมองของนางอย่างรวดเร็ว!
ช้าก่อน!
ประตูหายไปบานหนึ่ง หรือว่า…
จะเป็นบานที่นางเคยเข้าไป?
Comments