ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1410 ออกจากด่านฝึก
ตอนที่ 1410 ออกจากด่านฝึก
“เจอเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย”
ตู๋กูโม่เป่าพูดขึ้นเสียงเรียบ
เขาพูดขึ้นอย่างผ่อนคลาย แต่หรงซิวกลับรู้ว่า เรื่องที่ทำให้เขากลายเป็นสภาพนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน
“ข้าปิดข่าวทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยังได้ใช้วิธีบางอย่างด้วย ในระยะนี้น่าจะไม่มีปัญหาใดแน่นอน”
ตู๋กูโม่เป่าพูดต่อ
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ หรงซิวก็กลืนคำพูดที่เหลือลงคอ
“นังหนูเยว่เออร์ล่ะ?”
ตู๋กูโม่เป่าชะงักไปเล็กน้อย
“เหมือนว่าตอนนี้นางจะสามารถทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเก้าได้แล้ว? อีกไม่นานนางคง… ทะลวงอาณาเขตเซียนเทพได้ละมั้ง?”
หรงซิวพยักหน้า
“นางอยู่ที่เขาเฝิงหมิน”
ตู๋กูโม่เป่าหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมเงียบไปไม่พูดไม่จา
รูม่านตาสีม่วงประกายแสงแปลกประหลาดออกมา
“นางอยากไปเองหรือ?”
“อื้อ”
“ข้าเดาได้อยู่แล้ว”
ใบหน้าของตู๋กูโม่เป่าไม่มีความแปลกใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าสามารถคาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว
“นางจำได้มากเท่าใดแล้ว?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางหรงซิว
“เรื่องนี้… ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ช่วงเวลาก่อนหน้านี้นางสลบมาโดยตลอด หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาก็พูดว่าจะไปที่เขาเฝิงหมิน นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอันใดที่ผิดปกติเลย ส่วนเรื่องที่นางจำอันใดได้ หรือจำได้แค่ไหน… นางไม่ได้เปิดเผยออกมา ข้าจึงไม่สามารถคาดเดาได้”
เขารู้ว่าฉู่หลิวเยว่นึกอันใดขึ้นมาได้ไม่น้อยแล้ว
ไม่เช่นนั้นนางไม่ขอร้องว่าจะไปเขาเฝิงหมินโดยตรงแน่นอน อีกทั้งยังให้เขาเป็นคนช่วยเหลือ
เพียงแต่ว่า…
เหมือนว่านางจะยังไม่อยากเผยไต๋ออกมาทั้งหมด
เขาจึงไม่ได้ออกปากถาม
ตู๋กูโม่เป่าเงียบไปครู่หนึ่ง
“ปล่อยนางไปเถอะ ช่วงเวลานี้จะต้องมีปัญหามากมายตามนางมาแน่นอน ให้นางได้หลบเลี่ยงอยู่ที่นั่นสักพักก็ดี”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
หรงซิวพยักหน้า
“ด้วยการควบคุมของสำนัก คนเหล่านั้นจะไม่สามารถสร้างปัญหาใดๆ ได้ แต่ทว่า… ทางด้านท่าน… สถานการณ์ของฝั่งนั้นน่าจะไม่เป็นปัญหาใช่หรือไม่? ไม่อย่างนั้นคง…”
ตู๋กูโม่เป่าขมวดคิ้วขึ้นมา
ใบหน้าเล็กที่ดูขาวและอวบอ้วนแสดงสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง แต่เมื่อเขาแสดงสีหน้าเช่นนี้กลับทำให้คนหลุดหัวเราะออกมา
แต่โชคดีที่ในที่แห่งนี้นอกจากตัวเขาเองก็มีเพียงแค่หรงซิวเท่านั้น
“ไม่ต้อง”
ตู๋กูโม่เป่ายกถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างขึ้น
“การเดินทางไปที่บุพกาลชายแดนเหนือในครั้งนี้ สำนักหลิงเซียวได้รับความเสียหายไม่น้อย อีกทั้งยังมีปัญหาตามมาเป็นจำนวนมาก เจ้าไปจับตาดูให้ดีเถอะ”
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล”
“ไม่ว่าจะเมื่อไร ข้ากับพระราชวังเมฆาสวรรค์ ก็จะอยู่ฝ่ายสำนักหลิงเซียวเสมอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ตู๋กูโม่เป่าจึงรู้สึกวางใจลงได้
แม้ว่าเขาจะพยายามจับผิดหรงซิวมาโดยตลอด แต่สำหรับเขาแล้วในกลุ่มคนเหล่านั้น หรงซิวนับว่าเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากที่สุด
ภายในห้องเกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ
“ข้าจะต้องกลับไปยังทะเลทรายจันทราสีชาด”
ตู๋กูโม่เป่าพูด
“เหมือนว่าทางด้านผู้อาวุโสลำดับห้าจะเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย”
จากการคำนวณแล้ว เขาก็อยู่ที่นี่มานานพอสมควรแล้ว
ถึงเวลาที่จะต้องกลับไปดูเสียหน่อย
เขาสามารถจินตนาการออกได้เลยว่า หลานเซียวกำลังด่าลับหลังเขาอย่างใดบ้าง
เดิมทีเขาก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไปที่เขาเฝิงหมินแล้ว และอาจจะไม่ได้ออกมาสักพัก
เขาอาจจะต้องถือโอกาสนี้กลับไปสักหน่อย
“ระวังตัวด้วย”
หรงซิวพยักหน้าแล้วถามขึ้นว่า
“ท่านจะกลับไปเมื่อไร?”
“วันนี้”
ตู๋กูโม่เป่าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคนที่ทำผลลัพธ์ได้ดีมาโดยตลอด
หรงซิวหยุดชะงักไป
“ถ้าเช่นนั้นทางด้านผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนล่ะ… เหมือนเขาจะสามารถจับสังเกตอันใดได้บางอย่างแล้ว”
ตู๋กูโม่เป่าจิบน้ำชาหนึ่งคำแล้วพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ช่างเขาเถอะ ไม่ต้องไปสนใจ”
ไม่ว่าอย่างใดในช่วงนี้เขาก็จะสืบค้นอันใดไม่พบ
เมื่อเห็นตู๋กูโม่เป่าพูดเช่นนี้ หรงซิวก็ไม่ได้ถามอันใดขึ้นมาอีก
“เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย”
ตู๋กูโม่เป่าวางถ้วยน้ำชาลง ก่อนจะเดินตรงไปด้านหน้า
ตอนที่เขาเดินมาถึงตำแหน่งกลางห้อง เขาก็หยุดตัวลง
โครม!
ประกายไฟขนาดย่อมลุกขึ้นจากเสื้อผ้าของเขาอย่างกะทันหัน!
เปลวเพลิงพัดผ่านทั่วทุกที่ คราบเลือดหายไปแล้ว ชุดคลุมตัวนั้นก็กลับมางดงามเหมือนใหม่!
แสงเปลวเพลิงสะท้อนออกมา กระทบเข้ากับแสงของเกล็ดที่สะท้อนขึ้น
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาสู่รูปลักษณ์ปกติอีกครั้ง
ก่อนจะยกมือขึ้น
ความว่างเปล่าเกิดการสั่นสะเทือน!
รอยแตกร้าวของมิติปรากฏขึ้น!
ตู๋กูโม่เป่าหันกลับมามองหรงซิวครู่หนึ่ง
“ในตอนนี้ ข้าต้องยกหน้าที่ดูแลนังหนูเยว่เออร์ให้กับเจ้าก่อน เจ้าจะต้องดูแลนางให้ดีล่ะ”
ริมฝีปากบางของหรงซิวมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
“เป็นหน้าที่อันพึงกระทำของหรงซิวอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจะทำให้ดีที่สุด”
พระชายาของตนเอง แน่นอนว่าเป็นความรักของตนเอง
ตู๋กูโม่เป่าสะอึกไป แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะยกเท้าสาวก้าวข้ามไป!
เงาร่างเล็กหายไปจากห้องแห่งนั้นในทันที!
รอยแยกของมิติสมานตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งความผันผวนของพลังที่อยู่ภายในห้องก็สงบลงโดยเร็ว
ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ เหมือนไม่เคยมีอันใดเกิดขึ้นมาก่อน
หรงซิวยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง ในตอนที่เขากำลังหมุนตัวเดินจากไป ทันใดนั้นเขาก็ชะงักฝีเท้า
คิ้วคมดั่งสันดาบเลิกขึ้น ก่อนจะหันไปมองทางนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นเองก็เหมือนมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในแววตาที่เย็นชาของเขา
“น่าสนุกดีนี่…”
ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจะไปที่พระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว อีกทั้ง… เหมือนจะปล่อยให้เขาแบกความผิดนี้ไปด้วยหรือ?
“เสวี่ยเสวี่ย”
หรงซิวตะโกนขึ้น
ตอนนั้นเองเสวี่ยเสวี่ยที่หายตัวไปนาน ในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ศีรษะสีขาวหิมะโผล่ออกมาจากฉากกั้นลม
“เจ้ากลับไปที่พระราชวังเมฆาสวรรค์ก่อน”
ความหวังอันแรงกล้าที่อยู่ในดวงตาของเสวี่ยเสวี่ยก็มอดดับลงอย่างกะทันหัน
กลับไป?
กลับไปแล้วมีอันใดดีกัน!
เยว่เออร์ที่รักของมันยังอยู่ที่นี่อยู่เลย!
แม้ว่าจะไม่สามารถพบหน้ากัน แต่ร้ายดีอย่างใดก็อยู่ในที่เดียวกัน!
หากมันกลับไปแล้ว แล้วจะได้พบกันอีกเมื่อไรก็ไม่มีใครทราบ?
หรงซิวเหลือบสายตามองมันด้วยความเย็นชาเล็กน้อย
“ในที่สุดท่านประมุขก็จะออกจากด่านฝึกแล้ว… เจ้าต้องไปแสดงฝีมือ”
แววตาของเสวี่ยเสวี่ยมีประกายความประหลาดใจ
ออกจากด่านฝึก?
ไหนตอนแรกบอกว่า…
เมื่อประสานสายตากับหรงซิว เสวี่ยเสวี่ยระงับความสงสัยที่อยู่ในใจของตนเอง มันจามออกมา ก่อนจะเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง
ตอนที่เงาร่างของมันหายไป ริมฝีปากของหรงซิวถึงได้ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าจะสามารถออกจากด่านฝึกได้…
นี่เป็นเรื่อง… ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่า
Comments