ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1412 คุ้มครอง

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1412 คุ้มครอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1412 คุ้มครอง

เกล็ดสีม่วงนั้น มีขนาดเท่ากับเล็บนิ้วชี้ ส่องประกายสีจางๆ

หากมองดูอย่างละเอียดแล้ว ด้านบนจะมีการแกะสลักเล็กน้อย

มันคือสัญลักษณ์ของสำนักหลิงเซียว!

และเกล็ดแผ่นนี้นี้ คือเกล็ดที่เจ้าสำนักคนแรกทิ้งเอาไว้ให้!

ซึ่งด้านหลังจะแตกต่างจากเจ้าสำนักคนอื่น เจ้าสำนักคนนี้ไม่ได้ทิ้งชื่อสกุลของตนเองเอาไว้เลย มีเพียงแค่เกล็ดแผ่นนี้เท่านั้นที่แสดงฐานะของเขา

ความจริงแล้ว แม้ว่าสำนักหลิงเซียวจะเป็นสำนักอันดับหนึ่งในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ชื่อเสียงโด่งดัง แต่กลับไม่มีใครทราบชื่อและสกุลของเจ้าสำนักคนแรกเลย

ในตอนนั้นเขาเดินทางไปทั่วแผ่นดิน ใช้นามแฝงมากมาย แต่ใครจะรู้เล่าว่าชื่อไหนจริง ชื่อไหนเท็จ

หลังจากที่เขาสร้างสำนักหลิงเซียวแล้ว ผู้คนจึงเรียกเขาเป็นเสียงเดียวกันว่า “เจ้าสำนัก”

เวลาหลายหมื่นปีผ่านไป ทะเลกลายเป็นนา สรรพสิ่งยังเหมือนเดิมแต่ผู้คนเปลี่ยนไป

ข่าวลือและตำนานที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น ส่วนใหญ่ก็ได้หายสาบสูญไปพร้อมกับวันเวลา ไม่มีใครพูดถึงขึ้นมาอีก

มีเพียงอดีตเจ้าสำนักเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์รับรู้ชื่อที่แท้จริงของเขา

แม้ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเขาจะเป็นคนที่ดูแลทุกเรื่องราวในสำนัก แต่ว่าเขาก็ยังไม่มีอำนาจที่จะทราบชื่อของเจ้าของเกล็ดนี้

เขาจ้องมันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะเบี่ยงสายตาออกไปแล้วมองไปยังชื่อสุดท้ายของหน้านี้

ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว…

“เจ้าสำนัก ท่านรีบกลับมาสักหน่อยสิ…”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนอดที่จะทอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

ก๊อกๆ!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน ขัดจังหวะความคิดของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน

“ปั๋วเหยี่ยน เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”

นั่นคือเสียงของผู้อาวุโสเหวินซี น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวลที่หาได้ยากยิ่ง

หัวใจของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนดำดิ่งลงเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดหนังสือลง แล้วเก็บขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู

ประตูบานใหญ่เปิดขึ้น สายตาของเขาสบเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของผู้อาวุโสเหวินซีพอดี

“เกิดอันใดขึ้นหรือ?”

เขาแทบจะไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของผู้อาวุโสเหวินซีมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

ผู้อาวุโสเหวินซีกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก

“พวกเขามาแล้ว!”

“พวกเขา?”

“ตระกูลใหญ่ที่เคยไปบุพกาลชายแดนเหนือในครั้งนี้!” ผู้อาวุโสเหวินซีพูดขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว

“พวกเขาบอกว่า…มีเรื่องบางอย่างที่อยากจะถามฉู่เยว่ให้ชัดเจน และให้พวกเราส่งตัวฉู่เยว่ออกไป!”

“ไร้สาระ!”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนโมโหขึ้นมาแล้ว

“เรื่องทั้งหมดนี้มีคนวางแผนการเอาไว้เบื้องหลังอยู่แล้ว พวกเขาไม่สามารถหาผู้กระทำผิดที่แท้จริงได้ ดังนั้นจึงมาหาเรื่องฉู่เยว่หรือ?”

นี่มันไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง!

“ปั๋วเหยี่ยน…”

ผู้อาวุโสเหวินซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“คนของพวกเขาล้วนมีคนเสียชีวิตในเทือกเขาเก้าวิถี เจ้าก็รู้ว่า ฉู่เยว่เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าไปที่นั่น อีกทั้งยังเป็นคนเดียวที่ได้รับประโยชน์จากที่แห่งนั้น พวกเขา…พวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ ฉู่เยว่ควรจะต้องออกมาให้คำอธิบาย…”

หากพูดตามตรงแล้วละก็ เจียงจื่อหยวนก็เคยเข้าไปด้านในด้วยเช่นกัน

แต่นางเข้าไปได้ไม่นานเท่าไร ก็ถูกฉู่เยว่ไล่ออกมา

อีกทั้งหลังจากผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไป และไม่รู้ว่าฉู่เยว่ทำได้อย่างไร เขาสร้างม่านพลังขวางกั้นเอาไว้ คนอื่นไม่สามารถเข้าไปด้านในได้

เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นความจริง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

การที่พวกเขาจะผลักเรื่องนี้ไปใส่ฉู่เยว่ ก็ใช่ว่าจะไม่มีมวลความจริงเลย

ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่มีทางร่วมมือกันเช่นนี้ และมาบังคับสำนักหลิงเซียวถึงหน้าประตูอย่างนี้!

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้วมุ่น

เขาไม่ได้เห็นเรื่องเหล่านี้ด้วยตาตนเอง แต่ก็เคยได้ยินผู้อาวุโสฮวาเฟิงพูดมาบ้าง

ในตอนนั้นเขายังรู้สึกอย่างคลุมเครือว่ามันมีอันใดบางอย่างผิดปกติ แต่ในตอนนี้…เรื่องยุ่งยากได้มาถึงแล้ว!

“ข้าจะไปหาพวกเขาด้วยตนเอง!”

เมืองฝางโจว

ถนนหนทางที่เคยพลุ่กพล่านเต็มไปด้วยผู้คน แต่ตอนนี้กลับอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว

สถานที่ที่เชื่อมต่อกับสำนักหลิงเซียวมีม่านพลังที่แผ่รัศมีแน่นหนา

ทุกคนในเมืองที่ได้ยินเบาะแส ต่างรีบกลับไปหลบซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง

เพราะเกรงว่าจะได้รับลูกหลงไปด้วย

คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ความจริงแล้วมีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น แต่พวกเขาเป็นตัวแทนของตระกูลใหญ่และสำนักที่อยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่!

เพียงแค่กระทืบเท้าเล่นๆ ก็สามารถทำให้อาณาจักรเสิ่นซวี่เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาได้!

แน่นอนว่าคนทั่วไปไม่สามารถหลบเลี่ยงได้

แต่ในใจของพวกเขาก็ยังมีคำถามอยู่

พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้คนเหล่านี้มาร่วมมือกันได้ แล้วยังมาเรียกร้องสำนักหลิงเซียวเช่นนี้อีก?

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยทีเดียว!

ทุกคนต่างยืนอยู่ที่มุมของตนเอง แล้วยืนเงียบไม่พูดไม่จา

บรรยากาศกดดันอย่างยิ่ง มวลอากาศถูกแช่แข็ง

แทบจะทำให้คนหายใจไม่ออก

อีกฝ่ายอยู่ห่างกันไม่ไกล ผู้อาวุโสหลายคนที่รับผิดชอบเฝ้าม่านพลังต่างมีสีหน้าดำมืด

การเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย เป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างยิ่ง!

ตอนที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรีบมา เขาก็ได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้

แม้ว่าในใจของเขาจะมีความกรุ่นโกรธอยู่ แต่เขาก็ต้องระงับเพลิงโกรธเหล่านั้นลง

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกจากม่านพลังไป

“ปั๋วเหยี่ยน…”

ผู้อาวุโสเหวินซีและคนอื่นๆ ตะโกนเรียกชื่อเขาด้วยความลังเลเล็กน้อย

ผู้ที่มาหานั้นมีเจตนาร้าย หากออกไปเช่นนี้ เกรงว่าเขาจะได้รับอันตรายได้

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนส่งสายตาให้คนเหล่านั้นวางใจ

คนเหล่านี้เพียงแค่ต้องการใช้สถานการณ์ในตอนนี้บีบบังคับให้พวกเขาส่งตัวฉู่เยว่ไป อีกทั้งยังต้องการฉีกหน้าสำนักหลิงเซียวอีกด้วย

ตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของสำนักหลิงเซียวทั้งหมด พวกเขาจึงไม่กล้าทำตามอำเภอใจตนเองแน่นอน

หลังจากปลอบโยนพวกเขาแล้ว ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็เดินข้ามออกจากม่านพลังไป

เขายืนนิ่งอยู่ที่ด้านหน้าม่านพลัง ก่อนจะประสานมือทำความเคารพทุกคน ก่อนจะพูดอย่างยิ้มแย้ม

“ทุกท่านเดินทางมาไกล เหตุใดถึงไม่แจ้งกล่าวล่วงหน้าเล่า ข้าไม่ได้ทำการต้อนรับอย่างดี ต้องขออภัยทุกท่านแล้ว”

ขณะที่พูดเขาก็กวาดสายตามองคนเหล่านั้นด้วยท่าทีสงบนิ่งแล้ว

อื้ม คนส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

คนจำนวนไม่น้อยในนั้น ยังเป็นคนที่มีความแค้นส่วนตัวด้วย

คาดไม่ถึงว่าตอนนี้พวกเขาจะยืนอยู่ข้างเดียวกัน เพื่อเรียกร้องให้พวกเขาส่งตัวฉู่เยว่ออกไป

มันช่างน่าขันเสียจริง

“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน พวกเราล้วนเป็นคนคุ้นเคยกันอย่างดี เช่นนั้นก็ขอพูดตามตรงเลยก็แล้วกัน!”

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น

“ข้าเชื่อว่าท่านรู้อยู่แล้วว่าพวกเรามาเหตุใด จะส่งตัวคนมาหรือไม่ ท่านพูดออกมาเลยดีกว่า!”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง แต่ว่าในแววตาไม่มีประกายรอยยิ้มอยู่เลย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คำพูดไร้สาระเหล่านั้นข้าก็จะไม่ต้องพูดอีกต่อไปแล้ว แต่ถ้าทุกท่านอยากจะให้สำนักหลิงเซียวส่งคนไป ต้องมีเหตุผลไม่ใช่หรือ?”

“เหตุผล? ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน เหตุผลนี้ท่านก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรือ? เรื่องในบุพกาลชายแดนเหนือ ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าฉู่เยว่ผู้นั้น ไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อยจริงๆ?”

ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดขึ้น ระหว่างคิ้วของเขามีความโกรธเกรี้ยวอยู่เล็กน้อย

“มีคนเสียชีวิตมากมาย แต่มีเพียงฉู่เยว่คนเดียวเท่านั้นที่ได้รับผลประโยชน์ หากมันมีเท่านั้นก็ช่างเถอะ แต่เหตุใดเขาถึงไปพัวพันกับเทือกเขาเหล่านั้น…ท่านให้เขาออกมาเถอะ ออกมาอธิบายเรื่องนี้กับพวกเราให้ชัดเจน!”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้วแน่นขึ้นเล็กน้อย แล้วหันมองชายหนุ่มคนนั้น

ฝีมือของพวกเขาล้วนแข็งแกร่ง แล้วยังร่วมมือกับหลายฝ่าย

แม้กระทั่งพาคนเหล่านี้มา และยังเริ่มดึงฟ้าลงต่ำอีก

“ฉู่เยว่ยังเป็นศิษย์ของสำนักหลิงเซียว หากเขาทำผิดจริง พวกเราจะไม่มีวันละเลยอย่างเด็ดขาด แต่หากใครที่ตั้งใจจะใส่ร้ายและรังแกเขา…พวกเราไม่มีวันเห็นด้วยอย่างเด็ดขาด!”

น้ำเสียงของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่ได้สูง แต่คำพูดของเขาดังกังวาน!

ภายในคำพูดเหล่านั้นมีแรงกดดันแฝงอยู่!

ทันใดนั้นทุกอย่างก็เงียบเสียงลงไปในทันที

จากนั้นเขาก็ลูบเคราตนเอง แล้วพูดขึ้นอย่างไม่เร็วไม่ช้า

“นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทุกคนมาอยู่ที่นี่ แต่ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งถูกขังอยู่ที่เขาเฝิงหมิน ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ตอนนี้ เกรงว่าเขาจะไม่สามารถออกมาได้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด