ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1419 เจ้าเห็นว่าข้าตายแล้วหรืออย่างใด

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1419 เจ้าเห็นว่าข้าตายแล้วหรืออย่างใด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1419 เจ้าเห็นว่าข้าตายแล้วหรืออย่างใด

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเดินออกมาไกล่เกลี่ยเรื่องราว

“ทุกท่าน ความจริงแล้วในเรื่องนี้พวกเราก็เหมือนกับพวกเจ้าที่อยากจะสืบค้นความจริงออกมาให้เร็วที่สุด เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักหลิงเซียวของพวกเรา หรือพระราชวังเมฆาสวรรค์ ก็ล้วนขาดทุนกันทั้งสิ้น หากพูดถึงฉู่เยว่…เขานั้นได้รับโชคชะตาที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่ใช่ว่าจะไม่ประสบปัญหาใดๆ เลย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถูกคนเหล่านั้นพาตัวไปหรอกไม่ใช่หรือ?”

เขาถอนหายใจออกมา

“ขอพูดอย่างไม่ปิดบัง ความจริงแล้วตอนที่หรงซิวช่วยฉู่เยว่กลับมานั้น เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และหลับไปเป็นเวลาช่วงหนึ่ง กว่าที่เขาจะฟื้นมาได้ก็ลำบากไม่น้อย มิอย่างนั้นพวกเราก็ไม่เพิ่งส่งเขาไปที่เขาเฝิงหมินในตอนนี้หรอก”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ความคิดของคนจำนวนไม่น้อยสั่นไหว

หรือว่า…

เพราะว่าฉู่เยว่เข้าสถานที่แห่งนั้นไปเพียงลำพัง ดังนั้นจึงถูกชายลึกลับจับตัวไป

หากเป็นเช่นนั้นละก็ เหมือนว่ามันน่าจะสมเหตุสมผลอยู่…

“ตามความคิดเห็นของข้าแล้ว พวกเรานั้นควรร่วมมือกันเพื่อสืบเสาะหาความจริงจะดีกว่า!”

หลังจากผ่านการโต้เถียงที่ดุเดือด ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มมีการประนีประนอม

“เช่นนั้น…ในเมื่อผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพูดอย่างนี้แล้ว พวกเราก็…ไปตรวจสอบก่อนดีหรือไม่?”

“ข้าเห็นด้วย หลังจากนั้นก็รอฉู่เยว่ออกมาอธิบายให้ชัดเจนก็นับว่าได้”

“พวกเรามาวุ่นวายที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่เช่นนั้นแยกย้ายกันไปคิดหาหนทางที่จะสืบหาเบาะแสจะดีกว่า…”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมอบหนทางลงให้แล้ว พวกเขาจึงได้แต่คล้อยตาม

เดิมทียังมีคนบางกลุ่มที่อยากจะเซ้าซี้ต่อไป แต่เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นั้นเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงเลือกที่จะเงียบเสียง

ในตอนนั้นเอง จินตี้ก็เหมือนคิดอันใดขึ้นมาได้ จึงสาวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วถามขึ้นว่า

“ช้าก่อน! ข้ายังมีคำถามสุดท้าย!”

หรงซิวพยักหน้า

“เชิญถามมาตามตรง”

จินตี้หัวเราะออกมาหนึ่งเสียง แต่แววตาไม่มีรอยยิ้ม

“ข้าอยากจะถามว่า…กระบี่นั้นที่ฉู่เยว่ใช้ เป็นกระบี่ที่แย่งมาจากมือของจินเหลยในตอนนั้นใช่หรือไม่?”

เมื่อคำพูดนี้พูดออกไป สีหน้าของคนจำนวนไม่น้อยก็ดูประหลาดใจ

ความจริงแล้วเรื่องบาดหมางของสำนักหลิงเซียวและสำนักปีกสุวรรณในตอนนั้น คนทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ล้วนรับทราบเป็นอย่างดี

พูดตามเหตุผลแล้ว คนของสำนักปีกสุวรรณ น่าจะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณะสิ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนของฝ่ายเขาก็เป็นคนผิด

คาดไม่ถึงว่าจินตี้จะพูดเรื่องนี้ออกมาในตอนนี้?

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรู้สึกตึงเครียดขึ้น และหันมองไปทางหรงซิวด้วยท่าทีสงบนิ่ง

สีหน้าของหรงซิวนิ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และถามกลับเสียงเรียบว่า

“หากใช่แล้วอย่างใด หากไม่ใช่แล้วอย่างใด? ไม่ว่าอย่างใดของสิ่งนั้นก็เป็นของเขา จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่มีความแตกต่างละมั้ง?”

จินตี้หัวเราะเสียงดัง

“เหตุใดถึงไม่ต่างล่ะ? ความแตกต่างนั้นใหญ่มาก! หรงซิว กระบี่เล่มนั้น น่าจะ…เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อของจริงสินะ?”

ทันทีที่สิ้นเสียง บรรยากาศรอบข้างก็เงียบกริบไป!

อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ!

แม้จะมองไปทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ มันก็คืออาวุธระดับสูงที่สุด! เป็นของหายากที่ทุกตระกูลต้องการแย่งชิง!

กี่ปีมาแล้วที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อปรากฏขึ้น?

ตอนนี้จินตี้กำลังพูดเรื่องอันใดอยู่?

ฉู่เยว่ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อเล่มนั้นหรือ?

แม้ว่าพวกเขาจะพยายามควบคุมอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความสงสัยและประกายไฟในแววตาได้

ในตอนแรกพวกเขายังไม่รู้สึก แต่เมื่อจินตี้พูดเช่นนี้ พวกเขาก็ค้นพบว่ามีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง

ตอนที่อยู่บุพกาลชายแดนเหนือ มีหลายคนเห็นฉู่เยว่ใช้กระบี่เล่มนั้นด้วยตาตนเอง

อย่างน้อยที่สุด ที่ใจกลางอาณาเขตลึกลับของเทือกเขาเก้าวิถี ประตูบานใหญ่ที่แข็งแกร่งจนเหมือนไม่มีอันใดสามารถเปิดได้ ก็ถูกเปิดออกด้วยกระบี่ของเขา!

หากคิดได้ละเอียดแล้ว ก็คงมีแต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้?

หรงซิวมองจินตี้ด้วยสายตาลึกล้ำ

คำถามนี้เป็นเจตนาที่ไม่ดีอย่างชัดเจน

บรรยากาศโดยรอบเหมือนถูกความเงียบงันนี้แช่แข็ง ในที่สุดหรงซิวก็พูดขึ้น

“จะใช่หรือมิใช่ ครั้งหน้าก็ให้เขาเอาอาวุธชิ้นนั้นออกมาให้เจ้าดูด้วยตนเอง เจ้าก็จะทราบแล้วมิใช่หรือ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าจินตี้แข็งค้าง

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ?”

หรงซิวหัวเราะออกมาเบาๆ

“ใช่แล้ว”

ในเมื่ออีกฝ่ายเจ้าเล่ห์และร้ายกาจเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้าอีกฝ่ายอีก

หากประมุขของสำนักปีกสุวรรณอยู่ที่นี่ เขาอาจจะยังเกรงใจอยู่สามส่วน

แต่นี่มีเพียงแค่จินตี้คนเดียว…

เขานับเป็นตัวอันใดกัน!

“เจ้า…” ใบหน้าของจินตี้เปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นในทันที

“แต่ต้องดูด้วยได้ว่าเขาจะยินยอมหรือไม่”

หรงซิวพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“หากฉู่เยว่รู้สึกว่ามันยุ่งยาก เช่นนั้น…ข้าจะช่วยจัดการแทนเขาเอง”

คำพูดแต่ละคำที่พูดออกมานั้น ดูอ่อนโยนอย่างยิ่ง แต่กลับมีอานุภาพร้ายแรงราวกับอัสนีบาต ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านไป!

จินตี้รู้สึกโมโหอย่างมาก แต่กลับไม่กล้าเดินขึ้นไปด้านหน้า

ตู้ม!

เปลวเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่ง ระเบิดที่ด้านหน้าของเขาอย่างรุนแรง!

ระลอกคลื่นที่น่าหวาดกลัวพัดกระจายออกมา อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง!

จินตี้กรีดร้องโหยหวน แล้วกระเด็นออกไปทางด้านหลังในทันที!

ตู้ม!

ร่างของเขากระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมส่งเสียงดังลั่น!

เสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน แม้แต่บนใบหน้าและร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยคราบเลือด ท่าทางดูจนตรอก ลมหายใจรวยริน เป็นที่น่าเศร้าใจยิ่งนัก

ดังนั้นทุกคนจึงตกใจอย่างมาก

ไม่มีใครคิดว่าหรงซิวจะลงมืออย่างกะทันหันเช่นนี้!

อีกทั้งกระบวนท่านี้ยังโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง!

อีกฝ่ายคือผู้ช่วยคนสำคัญของสำนักปีกสุวรรณ…จินตี้เชียวนะ!

จินตี้อยากจะพูดแต่เขาก็กระอักเลือดออกมาไม่หยุด

แรงกดดันที่เย็นยะเยือกและน่าหวาดกลัวปกคลุมร่างกายของเขาในทันที! ทำให้เขาแทบจะขยับตัวไม่ได้!

ในตอนนั้นเอง จินตี้ก็สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แหลมคมอย่างยิ่ง!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเขาพูดออกมาอีกแค่คำเดียวหรงซิวจะต้องฆ่าเขาที่นี่ทันทีโดยไม่ลังเล!

เขาหดตัวลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองหรงซิวอย่างฝืนๆ

แต่เขากลับเห็นชายหนุ่มที่คล้ายมารร้ายคล้ายเทพบุตรยืนยิ้มอยู่เล็กน้อย

“ต่อหน้าองค์ชายอย่างข้า เจ้ายังจะมีความคิดชั่วร้ายต่อนางอีกหรือ…เจ้าเห็นว่าข้าตายแล้วหรืออย่างใด?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด