ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1420 ปกป้อง

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1420 ปกป้อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1420 ปกป้อง

น้ำเสียงของชายคนนั้นยังคงเย็นชาและไพเราะเช่นเดิม แม้แต่ริมฝีปากของเขายังมีรอยยิ้มจางๆ

ราวกับว่าเป็นเรื่องตลกที่พูดคุยกับเพื่อนเท่านั้น

แต่ในตอนนั้นเองสายตาของทุกคนก็เปลี่ยนไป ท่าทางของเขาเช่นนี้ไม่ต่างอันใดจากเทพแห่งความตายที่เพิ่งเดินออกมาจากเปลวเพลิงในนรก!

คำพูดเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเผด็จการและแข็งแกร่ง!

แต่ในตอนนั้นเองคนบางคนก็สามารถตระหนักถึงฐานะที่แท้จริงของเขาขึ้นมาได้แล้ว

…โอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์!

เขาสามารถเติบโตมาพร้อมกับคำดูหมิ่นและโดนรังแก แล้วยังกลายเป็นเจ้าเหนือหัวได้ในวันนี้ เขาสามารถครอบครองตำแหน่งสูงสุดของพระราชวังเมฆาสวรรค์ แล้วจะเป็นคนที่รังแกได้ง่ายๆ อย่างใด

ท่าทางที่สุภาพของเขา ทำให้ทุกคนผ่อนคลายและลดความระมัดระวังตัวไป ถึงขั้นละเลยด้วยซ้ำ

แต่เมื่อเห็นเขาลงมืออย่างกล้าหาญเช่นนี้ ทุกคนจึงตระหนักขึ้นมาได้ว่า เขาคือนายท่านที่ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา!

“คุณชายรอง!”

เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาของสำนักปีกสุวรรณหลายคนเห็นดังนั้น จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ และรีบพุ่งตัวไปหาจินตี้

อย่างรวดเร็ว

“คุณชายรอง! ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่?”

จะไม่เป็นไรได้อย่างใด?

ในใจของจินตี้รู้สึกโกรธมาก

“ยังไม่รีบมาช่วยพยุงข้าอีก!”

แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเต็มไปด้วยความดุร้าย แต่ในตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ ลมปราณอ่อนแรง ดังนั้นแรงคุกคามจากการดุด่าในครั้งนี้จึงลดลงไปหลายส่วน

ร่างกายของจินตี้สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด

กระดูกของเขาหักหลายส่วน เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่สามารถระงับความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกได้

ราวกับว่ามีคนถือมีดอยู่หลายเล่ม เสียบแทงเข้ามาด้านในอย่างต่อเนื่อง

ทันทีที่เขายืนขึ้นได้ เขาก็ผลักคนที่อยู่ด้านข้างออกทันที

“ไสหัวไป! ไอ้คนไม่ได้เรื่อง!”

ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่โดนผลักออกไปก็ซวนเซจนเกือบจะล้ม แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจ ทำได้เพียงมองจินตี้ด้วยความตื่นตระหนกเท่านั้น กระทั่งคำพูดขอความเมตตา ก็ยังไม่กล้าพูด เพราะกลัวโดนตำหนิ

ในใจจินตี้เต็มไปด้วยเพลิงโกรธ

เขาถูกหรงซิวทำร้ายต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!

ประเด็นสำคัญก็คือ… ตั้งแต่ต้นจนจบหรงซิวใช้เพียงหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น!

ต้องบอกก่อนว่าเขามีอายุมากกว่าหรงซิวสิบกว่าปี!

การที่ถูกเด็กอายุน้อยกว่าสั่งสอนเสียจนหน้าเขียวจมูกบวมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้กลับได้ ไม่ว่าใครที่เผชิญเรื่องนี้ล้วนยากที่จะทำใจได้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงจินตี้ที่ทำตัวกำเริบเสิบสาน ไม่เคยเห็นใครในสายตาเลย?

เขาไม่กล้าระบายความโมโหใส่หรงซิว

ในใจของเขายังมีความหวาดกลัวหรงซิวอยู่หลายส่วนอย่างไม่สามารถอธิบายได้

ตัวเขาเองก็ยังพูดไม่ออกว่าความรู้สึกแบบนี้มาจากที่ใด แต่มันก็อยู่ภายในใจของเขามาโดยตลอด สลัดไม่หลุด

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจอย่างยิ่ง แต่ทำได้เพียงระบายความโมโหใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่โดยรอบเท่านั้น

“หรงซิว! บัญชีแค้นในวันนี้ ข้าจินตี้ได้จดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!”

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องเก็บเศษหน้าแล้วกลับสำนักไป จินตี้จึงรวบรวมความกล้า และทิ้งประโยคสุดท้ายที่น่ารังเกียจเอาไว้

หรงซิวไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้

คำพูดเช่นนี้ เขาเคยได้ยินมามากแล้ว

แต่ว่าแทบจะไม่มีใครมีโอกาสกลับมาคิดบัญชีกลับเขาอีกครั้งเลย

“ที่แห่งนี้คือสำนักหลิงเซียว และข้าก็เป็นศิษย์ของสำนักนี้ จึงไม่อยากจะสร้างปัญหาให้น่าเกลียดเกินไปนัก อยากจะปรึกษาหารือกับพวกท่านด้วยความสันติ พูดคุยกันด้วยความใจเย็น แต่ถ้าหากล้ำเส้นอีกเมื่อใด… ก็อย่าโทษที่ข้าไม่ยั้งมือไว้ไมตรี”

หรงซิวพูดขึ้น จากนั้นก็หันไปประสานมือทำความเคารพผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง พร้อมกล่าวขอโทษเล็กน้อยว่า

“ทำให้พื้นที่สำนักสกปรกแล้ว หวังว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะให้อภัย”

มุมปากของทุกคนกระตุกขึ้น

ชายผู้นี้โหดเหี้ยมที่สุดจริงๆ!

ทำร้ายคนจนมีรอยแผลฟกช้ำไม่ว่า ยังจะเหยียบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรงด้วย!

และทำเหมือนว่าไร้ความผิด ที่เขาทำไปเพราะถูกบีบบังคับและช่วยไม่ได้…

นี่มัน…

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกระแอมไอขึ้นหนึ่งครั้ง

“อะแฮ่ม! ไม่ ไม่เป็นไรหรอก!”

ความจริงแล้วที่หรงซิวลงมือเมื่อครู่นี้ เขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน

เดิมทีเขาอยากจะขวางเอาไว้ แต่ความคิดนี้เพิ่งจะปรากฏขึ้นมา ก็ถูกเขาเมินเฉยไปในทันที

ขวางอันใดกันเล่า?

ในเวลาเช่นนี้ ต้องมีใครสักคนออกมาแสดงฝีมือที่สูงส่ง เพื่อจะได้ให้พวกเขาเหล่านี้ตกใจหวาดกลัว!

เชือดไก่ให้ลิงดู!

ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ พวกเขาจะคิดจริงๆ ว่าสำนักหลิงเซียวและพระราชวังเมฆาสวรรค์สามารถถูกรังแกได้อย่างง่ายดาย!

ร่างของจินตี้สั่นสะท้าน ความโกรธพลุ่งพล่าน และเดินขากะเผลกออกไป

คนอื่นๆ ของสำนักปีกสุวรรณก็รีบติดตามไปทันที

หลังจากนั้นไม่นานคนกลุ่มนั้นก็หายไปทันที

หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต คนที่เหลือก็ไม่มีแก่ใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว พวกเขาจึงขอตัวลา

ต่อให้พวกเขายังจะมีความคิดต่อฉู่เยว่อยู่ แต่ก็รู้ว่าไม่สามารถแสดงมันออกมาในตอนนี้ได้

…มองไม่เห็นความตั้งใจของหรงซิวที่ต้องการจะปกป้องฉู่เยว่หรืออย่างใด?

ไม่สามารถยั่วยุสำนักหลิงเซียวได้ แต่หรงซิวก็เป็นคนที่ห้ามยั่วยุยิ่งกว่า

พวกเขาจนทำได้เพียงระงับความสงสัยและไม่ยินยอมที่อยู่ภายในใจลง และทยอยแยกย้ายกันออกไป

รอจนพวกเขากลับไปหมดแล้ว ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่อยู่ เขามองไปทางหรงซิวด้วยสายตาซับซ้อน

“หรงซิว โชคดีเจ้าอยู่ที่นี่ในวันนี้”

ถ้าหรงซิวไม่ออกมาละก็ ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะพัวพันไปถึงเมื่อไร

“เป็นเรื่องสมควรแล้วขอรับ”

หรงซิวยิ้มออกมา

“ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็รู้สึกขัดตากับคนของสำนักปีกสุวรรณมานานแล้ว”

เรื่องวันนี้เป็นแค่การเตือนเท่านั้น

หากอีกฝ่ายยังทำตัวได้คืบจะเอาศอกอีก เขาจะไม่มีทางผ่อนปรนอย่างเด็ดขาด

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเหลือบสายตามองหรงซิว และเห็นว่ามีจิตสังหารในแววตาของเขา เหมือนกับหิมะที่สั่นไหว คล้ายมีคล้ายไม่มี เขาจึงอดที่จะตกใจไม่ได้

หรงซิวผู้นี้…

เขาให้ความสำคัญและปกป้องฉู่เยว่มากกว่าที่เขาคิดจนน่าตกใจเลยทีเดียว!

ต่อให้คนเหล่านี้ใช้วิธีการเดียวกันปฎิบัติต่อหรงซิว เกรงว่าเขาจะไม่ได้โมโหขนาดนี้

ฉู่เยว่…เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเกล็ดย้อนของหรงซิว!

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนึกถึงคำพูดของหรงซิวเมื่อก่อนหน้านี้

เขากับฉู่เยว่… หรือว่าเป็นพี่น้องมารดาเดียวกัน?

เขามองไม่ออกจริงๆ ว่าหรงซิวจะปฏิบัติต่อครอบครัวเช่นนี้…

เขาคิดมาโดยตลอดว่า หรงซิวจะเป็นคนที่เย็นชาไร้อารมณ์ ไม่เอาเรื่องของคนอื่นมาใส่ใจ

จริงสิ ข้าได้ยินมาว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจากไปตั้งแต่ที่เขายังเล็กมาแล้ว อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงดูแลเอาใจใส่ฉู่เยว่เป็นพิเศษ

ท้ายที่สุดแล้ว หากฉู่เยว่เป็นน้องชายของเขาจริงๆ เขาก็จะเป็นญาติทางสายเลือดเพียงคนเดียวของหรงซิว

มิน่าล่ะฉู่เยว่จึงปกปิดฐานะของตนเองขนาดนั้น และเขาปฏิเสธที่จะพูดออกมา…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรู้สึกปวดใจกับฉู่เยว่ขึ้นมาหลายส่วน

“เจ้าทำดีแล้ว หลังจากวันนี้ไป ให้พวกเขาได้สงบสติอารมณ์สักพัก”

เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็หมุนตัวเดินจากไป

“จริงสิ เดี๋ยวรอให้ฉู่เยว่ออกมาจากเขาเฝิงหมิน เจ้าก็ไปปลอบใจเขาเสียหน่อย อย่าให้เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม”

เพราะท้ายที่สุดแล้ว การที่ถูกขังในเขาเฝิงหมินก็ถือว่าเป็นการลงโทษ

เขาก็ไม่ได้ทำผิดอันใด แต่กลับถูกลงโทษ มันเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมจริงๆ

หรงซิวชะงักฝีเท้าเล็กน้อย หางตาปรากฏรอยยิ้ม และชั่วพริบตาเดียวก็หายไป

“ทราบแล้ว”

การที่ได้ไปเขาเฝิงหมิน นางน่าจะไม่รู้สึก… ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรอกมั้ง?

หรงซิวครุ่นคิด จากนั้นก็สาวเท้าเดินตามผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเข้าไปบนม่านพลังเพื่อกลับสำนัก

เขาหันไปมองทางเขาเฝิงหมินครู่หนึ่ง

ทั้งเงียบและสงบ

เหมือนภายใต้ระลอกคลื่นที่เงียบสงบคือคลื่นใต้น้ำที่บ้าคลั่งสินะ

ไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะปะทุออกมาจนกลายเป็นพายุที่น่าตกใจ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด