ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1421 ไพ่ไม้ตาย
ตอนที่ 1421 ไพ่ไม้ตาย
พระราชวังเมฆาสวรรค์
เขาว่านจง
ยอดเขาสูงชัน ต้นไม้หนาแน่น เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านเงาไม้จนกลายเป็นรอยกระดำกระด่าง
บนพื้นมีใบไม้ร่วงกองสุมกันเป็นกองใหญ่ ตอนที่เหยียบลงไปนั้น มีเสียง “สวบสาบ” ดังขึ้น
สายลมพัดเล็กน้อย ใบไม้ปลิวว่อน เป็นความเงียบสงบที่หาได้ยาก
แต่ตอนที่อยู่ภายในตำแหน่งนี้ ถึงจะสามารถสัมผัสได้ว่าต้นไม้ใบหญ้าในบริเวณโดยรอบนี้ พลังที่แผ่กระจายออกมานั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความรู้สึกกดดันขึ้นมาไม่น้อย
เงาร่างทั้งสามเดินมุ่งหน้าผ่านป่าไปยังยอดเขา
คนผู้นั้นก็คือ ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก
ระหว่างการเดินทางผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกไม่ได้พูดอันใดมากเท่าไร เขาเงียบไปอย่างมาก
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกที่เดินนำหน้าสุดมีใบหน้าไร้อารมณ์
ด้านหลังก็คือเจียงจื่อหยวนและผู้อาวุโสอวี๋จิ้งที่มีท่าทางผ่อนคลายมากกว่า
พวกเขาสามารถได้เปรียบในการโต้เถียงกับผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก ดังนั้นจึงรู้สึกอารมณ์ดีกันอย่างมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจียงจื่อหยวนที่สามารถสลัดหลุดจากสถานการณ์สิ้นหวังมาได้
นางรู้สึกเหมือนได้เจอฟ้าหลังฝน ฝีเท้าการก้าวเดินของนางก็เร็วขึ้นไม่น้อย
นางกำสิ่งที่อยู่ในมือแน่น พร้อมถอนหายใจออกมา
ยังดี… ยังดีที่ตอนแรกท่านประมุขทิ้งไพ่ไม้ตายไว้ให้นาง!
ตอนนี้นางสามารถเข้ามาในพระราชวังเมฆาสวรรค์ได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถไปอยู่เป็นเพื่อนท่านประมุขได้
หากไม่มีสถานการณ์พิเศษ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถไล่นางได้อีกแล้ว!
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกกำลังเดินนำอยู่ด้านหน้า
ต่อให้ไม่ได้หันกลับมามอง เขาก็สามารถคาดเดาได้ว่า ในตอนนี้เจียงจื่อหยวนจะมีสีหน้าภาคภูมิใจขนาดไหน
เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังคิดไม่ออกว่า ท่านประมุขกำลังคิดอันใดอยู่กันแน่ ถึงได้ให้ตราสัญลักษณ์ที่สำคัญขนาดนี้กับเจียงจื่อหยวนที่เป็นเพียงแค่คนนอกคนหนึ่ง!
หรือเขามองว่าเจียงจื่อหยวนเป็นหลานแท้ๆ ของตนเอง?
ไม่ทราบว่าทางโอรสสวรรค์จะรู้เรื่องนี้หรือยัง…
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสามก็มายืนอยู่บนยอดเขาอันเงียบสงบ
กลางยอดเขาแห่งนี้ มีหยกขาวแกะสลักขนาดใหญ่ตั้งอยู่
หากมองมาจากด้านบนจะเห็นว่า ความจริงแล้วนั่นคือประตูทรงกลมบานหนึ่ง และบนประตูบานนั้นมีสัญลักษณ์พระราชวังเมฆาสวรรค์สลักอยู่
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมประสานมือทำความเคารพ
เจียงจื่อหยวนและผู้อาวุโสอวี๋จิ้งก็ปฏิบัติตาม
พวกเขาเงียบไปครู่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าท่านประมุขไม่ได้ออกจากด่านฝึกมานานมากแล้ว
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกหันกลับไปมองทางเจียงจื่อหยวน แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ในเมื่อตราสัญลักษณ์ของเจ้าสำนักอยู่ในมือของเจ้า ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแย่ทั้งหมด นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ นอกจากท่านประมุขออกจากด่านฝึกแล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าห้ามออกจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว!”
เสียงของเขาทุ้มต่ำมีพลัง เหมือนกับค้อนอันหนักอึ้งกระทบเข้าที่หัวใจของนาง
เจียงจื่อหยวนเหม่อลอย แล้วหลุบตาลงต่ำ
“เจ้าค่ะ จื่อหยวนจะปฏิบัติตามกฎเป็นอย่างดี ไม่กล้าฝ่าฝืนแม้แต่ครึ่งคำ”
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกรู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย แต่เมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็จะโมโหไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอันใดอีก
ท่าทางของผู้อาวุโสอวี๋จิ้งที่มีต่อเจียงจื่อหยวนก็ดีขึ้นมาก
“จื่อหยวน หลังจากช่วงเวลานี้ไป เจ้าลำบากหน่อยนะ”
เจียงจื่อหยวนอมยิ้ม
“ไม่ลำบากเจ้าค่ะ นี่เป็นเรื่องที่จื่อหยวนควรทำอยู่แล้ว”
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งพยักหน้าอย่างชื่นชม
เดิมทีเขาคิดว่าเจียงจื่อหยวนจบแล้ว เซียนสุ่ยหลิงก็เช่นกัน
แต่ใครจะรู้แล้วว่านางจะมีไพ่เด็ดขนาดนี้อยู่ในมือ!
ท่านประมุขตั้งใจมอบตราสัญลักษณ์ให้กับเจียงจื่อหยวน นั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายความสำคัญของนางแล้ว!
เขาสามารถออกจากด่านฝึกได้โดยเร็ววัน ไม่ว่าเขาอาจจะสามารถออกหน้าแทนเจียงจื่อหยวนได้
เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างใด มันก็เป็นเรื่องไม่แน่นอนแล้ว
เขามีความสัมพันธ์กับเซียนสุ่ยหลิงลึกซึ้งอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงหวังว่าพวกเขาจะสามารถผ่านไปด้วยดี
ขอเพียงเจียงจื่อหยวนอยู่ต่อไปได้…
“เจ้ามีความกตัญญูเช่นนี้ สมแล้วที่ท่านประมุขจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างนั้น”
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งกำชับอีกสองประโยค ก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก
ทั้งสองคนหมุนต่อออกไป และจากไปอย่างรวดเร็ว
เจียงจื่อหยวนจ้องแผ่นหลังของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง จนแน่ใจว่าพวกเขาจากไปจริงๆ แล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนน้อมและเคารพนับถือ ก็ค่อยๆ จางหายไป
“หึ”
นางแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง แล้วเก็บตราสัญลักษณ์ลงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันกลับไปมองลวดลายขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง
“ท่านประมุข ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านมาก…”
นางยืนที่เดิมอยู่สักพัก ใช้ความคิดอย่างเงียบเชียบก่อน ก่อนจะนั่งลงที่ด้านข้าง
การกระทำระมัดระวัง ท่าทีเคารพนอบน้อม
ดูเหมือนว่า มีความศรัทธาที่จะรอคอยให้ท่านประมุขออกจากด่านฝึกจริงๆ
ไม่ว่าใครมอง ก็มองไม่เห็นความผิดปกติแน่นอน
หลังจากผ่านความยากลำบากทั้งหมด บาดแผลบนร่างกายจำนวนไม่น้อยของเจียงจื่อหยวนก็ปริแตก บนเสื้อผ้าเลอะคราบเลือดอยู่หลายจุด
แต่นางไม่สนใจ และปล่อยมันไปเช่นนี้
แม้ว่าเขาว่านจงอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาอย่างมาก ปกติคนที่สามารถมาที่นี่ได้นั้นก็มีจำนวนน้อยมากอยู่แล้ว
แต่คนที่เดินทางไปมาในที่แห่งนี้ก็มีไม่น้อยเลย
อีกทั้งล้วนเป็นคนที่มีตำแหน่งในพระราชวังเมฆาสวรรค์
ในเมื่อมาแล้ว ก็จำเป็นจะต้องสร้างชื่อเสียงที่ดี
นางไม่สามารถออกไปผจญภัยข้างนอกได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องคว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้!
และสำคัญไปมากกว่านั้น ทำเลที่ตั้งของเขาว่านจงแห่งนี้ดีอย่างยิ่ง ได้รอคอยอยู่ที่นี่ สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามจำนวนไม่น้อย
อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นยอดเขาซู่หมิงที่อยู่ห่างออกไปอีกด้วย
…บนยอดเขาซู่หมิงคือสถานที่ตั้งของตำหนักสักการะเทพ ซึ่งเป็นห้องบรรทมของโอรสสวรรค์หรงซิว
และแน่นอนว่าตอนนี้เป็นสถานที่ประทับของพระชายา!
หลังจากนั่งคุกเข่าไปได้สักพัก เจียงจื่อหยวนก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ
เงาร่างสายหนึ่งที่คุ้นเคยเล็กน้อย ลอยออกมาจากทางยอดเขาซู่หมิง
เจียงจื่อหยวนหรี่ตามอง
เหมือนว่าคนผู้นั้นคือ… เยี่ยนชิง?
จริงสิ ช่วงเวลาที่หรงซิวกลับสำนักหลิงเซียว เหมือนว่าข้างกายของเขาจะไม่มีผู้ติดตามเลย
นางมองดูท่าทางรีบร้อนของเยี่ยนชิง เขาจะไปทำอันใดกันนะ?
เจียงจื่อหยวนมองไปทางนั้น สองมือกำหมัดกรอด
ซั่งกวนเยว่…
ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?
Comments