ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1006 ฮูหยินของเขา

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1006 ฮูหยินของเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1006 ฮูหยินของเขา

หรงซิวหยิบพู่กันขึ้นมา จากนั้นเขาก็แสดงความคิดเห็น ก่อนจะปิดสมุดพับลง และไม่คิดจะเปิดมันขึ้นมาอีก

“มีแค่รายชื่อเหล่านี้สินะ”

ในใจของหมิงเหยารู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย

“ฝ่าบาท ไม่ดูอีกสักหน่อยหรือ?”

สมุดพับด้านล่างล้วนเป็นรูปวาดของสตรีทั้งหมด

ภายในนั้นมีรายชื่อจำนวนไม่น้อย และเขาได้ใช้ความพยายามอย่างมาก

ฝ่าบาทไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาก็ได้เกลี้ยกล่อมพระองค์มาหลายครั้งหลายครา ครั้งนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ จึงตกลงที่จะเลือกพระสนมขึ้นมา

จากนิสัยของฝ่าบาท เขาไม่ควรที่จะประโคมข่าวใหญ่โต

ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่จะคัดออกเป็นส่วนใหญ่

ตราบใดที่ฝ่าบาททรงเปิดดู จะต้องมีรายชื่อของหญิงงามถูกคัดออกอย่างแน่นอน

แต่ว่าตอนนี้ เขาเพิ่งเปิดดูไปแค่สองเล่ม แต่จะไม่เปิดอีกแล้วหรือ?

“ในเมื่อได้รับการคัดเลือกจากทุกกรม ข้าเองก็วางใจ”

หรงซิวไม่สนใจ และพูดขึ้นมาเสียงเรียบ

“แต่ว่า ฝ่าบาท…หากเป็นเช่นนี้แล้วละก็ จะมีจำนวนเยอะเกินไปหรือไม่?”

หมิงเหยาพูดขึ้นอย่างไม่สบายใจ และต้องการจะโน้มน้าวอีกรอบ

หรงซิวเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“เรื่องเลือกพระชายา เดิมทีพวกเจ้าก็เป็นคนพูดขึ้นมาคนแรก สมุดพับเล่มนี้ ก็เป็นพวกเจ้าที่ถวายขึ้นมา แต่ตอนนี้…เจ้ากลับมาพูดว่ามันมีจำนวนมากเกินไปงั้นหรือ?”

หมิงเหยาสะอึก

“แล้วอีกอย่าง ข้าคือโอรสสวรรค์ เมื่อถึงเวลาคัดเลือกพระชายา ก็จำเป็นจะต้องคัดเลือกอย่างดี หรือว่า…พวกเจ้าคิดว่า ข้าไม่มีคุณสมบัตินี้หรือ?”

“มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ!”

หมิงเหยาและคนอื่นๆ คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง ร้องขอความเมตตาด้วยหัวใจที่ตื่นตระหนก

“ฝ่าบาททรงปราดเปรื่อง ข้าน้อยไม่มีเจตนาเช่นนั้นแน่นอน!”

หรงซิวกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเรียบเฉย และเงียบไปอยู่พักใหญ่

ภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยความเงียบ อากาศรอบข้างแทบจะสามารถแช่แข็งคนได้ ทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า!

หมิงเหยาและคนอื่นๆ เหงื่อเย็นออกท่วมร่างกาย

หลังจากผ่านไปสักพัก พวกเขาทั้งหลายแทบจะอดทนไม่ไหว ในที่สุดหรงซิวก็พูดขึ้น

“ออกไปก่อน”

พวกเขาทั้งหลายรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษ จึงกล่าวคำขอบคุณ และจากไปอย่างรีบร้อน

พวกเขาเพิ่งเดินออกมาหนึ่งก้าว จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง

“มาเอาสมุดพับเหล่านี้ไปด้วย”

พวกเขาตัวแข็งค้างไปทันที

หมิงเหยาหมุนตัวกลับไปก่อนจะสาวเท้าไปด้านหน้า

“ข้าน้อยเลินเล่อ จึงลืมเรื่องนี้ไป…”

“เปลี่ยนสมุดพับเล่มนี้ไปให้หมดด้วย”

คำพูดของหรงซิว ทำให้หมิงเหยาชะงักไปเล็กน้อย

เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างประหลาดใจ

“ฝ่าบาท ท่านหมายความว่า…”

หรงซิวเหลือบสายตามอง แววตาลึกล้ำ ราวกับสามารถมองทะลุจิตใจของผู้คนได้!

ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเล็กน้อย แต่ทว่ารอยยิ้มส่งไปไม่ถึงดวงตา

“ข้าจำได้ว่า ลูกสาวคนรองของตระกูลหลัวซาน ไม่ได้หน้าตาเช่นนี้ จิตรกรคนใดเป็นคนรับผิดชอบรูปวาดในสมุดพับเล่มนี้ รีบไล่เขาออกไปซะ แล้วเปลี่ยนจิตรกรคนใหม่เข้ามา”

เขาพูดด้วยเสียงเบามาก แต่มันกลับบีบรัดหัวใจของหมิงเหยาจนแน่น!

ฝ่าบาทรู้…เขารู้ทั้งหมด!

ในตอนนั้นหมิงเหยารู้สึกเหมือนว่าเขาถูกเปิดโปงเรื่องราวทั้งหมด มันน่าละอายใจอย่างมาก!

ริมฝีปากของเขาซีดขาว และรีบพยักหน้าหงึกหงัก

“…พ่ะ…พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบสมุดพับเหล่านั้นขึ้นมา ก่อนจะเดินออกไปอย่างจนตรอก

ส่วนคนที่เหลือเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ ก็รีบตามออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของคนเหล่านั้นหายไปจากท้องพระโรงแล้ว หรงซิวจึงเอนตัวพิงพนักด้านหลัง แล้วนวดหัวคิ้วของตนเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

ริมฝีปากสีแดงเข้มยกยิ้มขึ้นมา แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและจนปัญญา

“…ลงมือได้โหดเหี้ยมจริงๆ…”

“พวกเจ้าว่า…มันเกิดอันใดขึ้นกับฝ่าบาทกันแน่? ก่อนหน้านี้พระองค์คัดค้านการเลือกพระสนมมาโดยตลอดเลยไม่ใช่หรือ? แต่เหตุใดตอนนี้ถึงตกลง และตั้งใจทำเรื่องให้ใหญ่โต?”

“พระทัยของโอรสสวรรค์ ยากแท้หยั่งถึง ใครเล่าจะสามารถคาดเดาได้?”

“หรือว่าก่อนหน้านี้ท่านถูกพูดถึงในเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง ในใจจึงรู้สึกรำคาญ จึงกระจายเรื่องให้ใหญ่โต! ถ้าเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ เรื่องยุ่งยากในอนาคตคงจะลดลงไม่น้อย?”

“ที่เจ้าพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่น่าเสียดาย…ครั้งนี้เราเตรียมตัวมาอย่างเปล่าประโยชน์…หมิงเหยา เจ้าคิดว่าอย่างใด?”

หลังเดินออกมาจากท้องพระโรงแล้ว พวกเขาหยุดยืนในตำแหน่งที่ห่างไกลออกมา พวกเขาทั้งสองสามคนก็อดที่จะปรึกษาพูดคุยกันไม่ได้

หมิงเหยาตกอยู่ในภวังค์ตลอดเวลา เมื่อคนที่อยู่ด้านข้างตะโกนเรียกหลายครั้ง เขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมา

“หื้อ…เรื่องนี้….ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”

หมิงเหยานึกไปถึงสายตาที่สามารถมองทะลุทะลวงทุกอย่างของหรงซิวขึ้นมา ก็รู้สึกสับสนอย่างมาก

“…จิตใจของฝ่าบาทนั้นยากที่จะคาดเดาอยู่เสมอ ข้าเองจะไปรู้ได้อย่างใดเล่า”

ในใจของเขามีความรู้สึกไม่สบายใจซ่อนอยู่ เขามักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้อยู่เหนือการควบคุมของเขา และมันกำลังเดินทางไปในทิศทางที่เขาไม่อาจทราบได้

แต่ว่าเรื่องนี้ พูดไปก็เปล่าประโยชน์

พวกเขาก็ทำได้เพียงทำต่อไป

“นี่เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนกว่าๆ เท่านั้น ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม! เมื่อถึงตอนนั้น หากมีอันใดผิดพลาด เจ้าจำเป็นจะต้องรับผลที่ตามมาเอง! ข้านั้นยังมีธุระที่ต้องจัดการอีก ขอตัวลาไปก่อน”

หมิงเหยาพูดทิ้งท้ายเอาไว้เช่นนั้น และรีบร้อนเดินจากมา

คนที่เหลือก็มองหน้ากันไปมา

“นี่มันอันใดกัน? คำขอของเขาถูกฝ่าบาทปฏิเสธ เหตุใดเขาจะต้องอารมณ์เสียใส่พวกเราด้วย?”

“ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก กว่าเขาจะหาจิตรกรมาได้ ก็แสนยากลำบาก ตอนนี้เคลื่อนทัพออกศึกไม่ทันคว้าชัย ตัวกลับมาตายเสียก่อน เขาย่อมอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

“เหอะ ความคิดของเขานั้น มีใครบ้างล่ะที่จะดูไม่ออก? เขาต้องการจะส่งหญิงงามจากตระกูลหมิงเข้ามาเท่านั้นไม่ใช่หรือ? น่าเสียดาย เขาคาดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะใช้โอกาสนี้เรียกรายชื่อจากทุกตระกูลเข้ามา! เมื่อมีหญิงงามของทุกตระกูล ตระกูลของพวกเขาจะโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างใด!”

“…ที่ฝ่าบาทสามารถก้าวขึ้นตำแหน่งได้อย่างทุกวันนี้ แผนการของเขานั้นจะสามารถเทียบกันได้หรือ ช่างเถอะ พวกเรากลับไปเตรียมตัวเถิด! ไม่ว่าจะสามารถขึ้นได้หรือไม่ แต่ก็จะเสียหน้าไม่ได้!”

ทางด้านหรงซิว ก็เตรียมตัวสำหรับการคัดเลือกพระชายาอย่างเต็มที่

ส่วนฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้นางกลับไม่รู้เรื่องราวอันใดเลย

สองมือของนางยกขึ้นกอดอก แล้วเคาะที่ปลายคางเบาๆ พร้อมขมวดคิ้วมุ่น ราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด

“…เหตุใดถึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวอันใดเลยล่ะ…”

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จนอดพึมพำเสียงเบาไม่ได้

“ตามหลักการแล้ว หากโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ ก็น่าจะสามารถตีเสมอกันได้สิ…”

เมื่อครู่นี้นางลองใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ทำลายผนึกที่อยู่บนเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำ แต่ว่ามันกลับไม่ได้ผล

มันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เหมือนว่าไม่ได้รับการแทรกแซงเลย

มีเพียงรอยร้าวนั้นที่ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

ฉู่หลิวเยว่จ้องมันอยู่นาน

นางยอมรับว่าของชิ้นนี้จัดการได้ยากมาก

ฉู่หลิวเยว่ปวดหัวอย่างมาก

ดูแล้วเหมือนว่าความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายผนึกที่อยู่บนเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำนี้ได้

เมื่อรู้ว่าวิญญาณส่วนหนึ่งของนางถูกขังอยู่ภายในนั้น นางจึงทำได้เพียงมองจากด้านนอกอย่างโง่งม

ความรู้สึกแบบนี้…มันช่างน่าสะเทือนใจอย่างมาก!

“เฮ้อ!”

ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เลือกที่จะยอมแพ้

การโจมตีครั้งนี้ทำให้นางสูญเสียพลังเป็นจำนวนมาก หากนางยังทำเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าผนึกจะไม่เพียงไม่ถูกเปิดออกแล้ว คนจะหมดแรงไปเสียก่อน

ดูเหมือนว่านางจะต้องแข็งแกร่งกว่าตอนนี้อีกสักหน่อย ถึงจะสามารถเปิดมันได้

แต่ว่า…

ก่อนหน้านี้เถ้าแก่ใหญ่พูดว่า นี่เป็นของฮูหยินของเขา

ฮูหยินของเขานั้นเกี่ยวข้องอันใดกับนาง คาดไม่ถึงว่าจะปกป้องจิตวิญญาณของนางเอาไว้?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด