ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1018 เดินหน้า

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1018 เดินหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1018 เดินหน้า

ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอก

“คุณหนูมู่ จากหุบเขาเขี้ยวมังกรมา!”

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง จากนั้นก็เห็นว่ามู่หงอวี่มาอยู่ที่ด้านนอกของประตูตำหนักแล้ว

“เข้ามาได้”

มู่หงอวี่เดินตามนางกำนัลเข้ามาในตำหนัก เมื่อเห็นใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปิติยินดีก็ปรากฏขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย

“หลิว…”

ตอนที่นางพูดออกมาหนึ่งคำ นางก็มองเห็นซั่งกวนโหยวที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตอนนั้นเองนางเพิ่งตระหนักได้ว่า ที่นี่คือวังหลวง จึงรีบเก็บเสียง แล้วคุกเข่าโค้งคำนับ

“มู่หงอวี่ถวายพระพรฝ่าบาท คารวะอดีตจักรพรรดิ!”

ฉู่หลิวเยว่โบกมือให้

“หงอวี่ ที่นี่คือห้องบรรทมของข้าเอง ไม่ต้องมากพิธี ใครก็ได้ จัดที่นั่งให้ข้าที”

มู่หงอวี่มองไปทางซั่งกวนโหยวอย่างประหม่า

ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็มีตำแหน่งสูงกว่านางมาก แม้ว่าซั่งกวนโหยวจะสวมชุดธรรมดา แต่เขาก็ยังมีรัศมีจักรพรรดิที่ไม่สามารถมองข้ามได้

แม้ว่ามู่หงอวี่จะมีนิสัยร่าเริง แต่นางก็มีสัมมาคารวะ รู้ว่าอันใดควรทำ อันใดไม่ควรทำ

หลิวเยว่สามารถสุภาพได้ แต่ห้ามเสียมารยาทเด็ดขาด

ซั่งกวนโหยวหัวเราะเสียงดัง

“มู่หงอวี่สินะ? ข้าได้ยินเยว่เอ๋อพูดถึงเรื่องของเจ้ามาหลายครั้งแล้ว อยู่ที่นี่ไม่ต้องสุภาพ ข้ายังมีธุระอื่นอีกพอดี ไม่อยู่รบกวนพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าคุยกันไปก็แล้วกัน”

เมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน

ฉู่หลิวเยว่กลับหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า

“เสด็จพ่อ ได้โปรดอยู่ที่นี่ก่อนเถิด อีกเดี๋ยวเราต้องมีเรื่องคุยกันอีก และมันเกี่ยวข้องกับท่านด้วย”

“หือ?”

ซั่งกวนโหยวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาหันไปมองและเห็นเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่กำลังล้อเล่นอยู่ จากนั้นเขาจึงนั่งลงอีกครั้ง

เมื่อมู่หงอวี่เห็นว่าซั่งกวนโหยวเป็นเป็นมิตรเช่นนี้ ความประมาทจึงลดทอนลงไปเป็นจำนวนมาก

“หงอวี่เป็นร่างซวีหยวน การจะเลื่อนขั้นเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเจ็ดนั้น เป็นเรื่องที่ยากกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปมาก ดังนั้นครั้งนี้ลูกตั้งใจจะพาหงอวี่ไปที่ทะเลทรายจันทราสีชาดอีกครั้ง เพื่อไปเชื้อเชิญผู้อาวุโสที่ลูกรู้จักมาให้คำชี้แนะนาง”

ฉู่หลิวเยว่ และมู่หงอวี่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม ยิ่งไปกว่านั้นร่างซวีหยวนไม่ได้ปรากฏมาในรอบพันปีแล้ว หากจะต้องเสียมันไป เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉู่หลิวเยว่ตัดสินใจช่วยให้สุดกำลัง

“ทะเลทรายจันทราสีชาด? ผู้อาวุโส?”

ซั่งกวนโหยวรู้สึกสับสนไปเล็กน้อย

ที่นั่นมันอันตรายมากไม่ใช่หรือ คนธรรมดาส่วนใหญ่ที่ไปที่นั่นตายเก้ารอดหนึ่ง แล้วเหตุใดเยว่เอ๋อยังต้องไปที่นั่นอีก?

อีกทั้งยังพูดว่าท่านอาวุโสที่รู้จัก?

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้า

“เพคะ ก่อนหน้านี้โชคดีที่ได้พวกเขาช่วยเหลือเอาไว้ พวกเราจึงสามารถออกจากทะเลทรายจันทราสีชาดได้อย่างราบรื่น”

พวกเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดากลุ่มคนที่ฉู่หลิวเยว่รู้จักแล้ว

นอกจากพวกเขาแล้ว นางก็คิดไม่ออกว่าจะมีใครสามารถช่วยเหลือนางได้อีก

อีกทั้งพวกเขาก็ยังให้เสวี่ยเสวี่ยส่งข่าวให้ไปหาอีกด้วย ไปดูสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

“ครั้งนี้ข้าจะไปกับมู่หงอวี่ วันที่กลับมายังไม่แน่นอน ดังนั้นเรื่องราวต่างๆ ในราชวงศ์เทียนลิ่ง จึงต้องขอให้เสด็จพ่อช่วยดูแลแล้ว”

ซั่งกวนโหยวได้ยินดังนั้น แน่นอนว่าไม่มีทางคัดค้าน

“เยว่เอ๋อวางใจเถอะ มีพ่ออยู่ อยากจะไปทำอันใดก็ไปได้เลย!”

ความรู้สึกผิดฉายชัดในแววตาของฉู่หลิวเยว่

“เดิมทีต้องการจะให้เสด็จพ่อได้พักผ่อน แต่คิดไม่ถึงว่า…สุดท้ายแล้วข้าก็ยังต้องรบกวนให้เสด็จพ่อช่วยอยู่ดี”

“มันไม่ได้เป็นเรื่องรบกวนเท่าไรเลย”

ซั่งกวนโหยวมองไปที่นางอย่างไม่เห็นด้วย

“แล้วอีกอย่างเจ้าคือบุตรีของข้า ข้าไม่ช่วยเจ้า แล้วจะให้ไปช่วยใครเล่า? ก็วางใจเถอะ ตอนนี้สุขภาพของข้าดีขึ้นแล้ว จะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน!”

หัวใจของฉู่หลิวเยว่อบอุ่นขึ้น

ความจริงแล้วที่นางกลับมาครั้งนี้ นางก็อยากให้เสด็จพ่อได้พักผ่อน และชดเชยเรื่องราวต่างๆ ให้เขา

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า มันจะมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น

นางพูดขึ้นอย่างหยอกล้อ

“หากรู้เช่นนี้ในวันนั้นข้าจะไม่ตอบตกลงขึ้นครองราชย์ ท่านลองดูสิ ท่านยังคงต้องวุ่นวายกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่”

ซั่งกวนโหยวหัวเราะฮ่าๆ

“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม สักวันหนึ่งตำแหน่งนี้ก็จะต้องเป็นของเจ้าอยู่แล้ว!”

ทายาทของราชวงศ์เทียนลิ่งร่วงโรยรา กอปรกับซั่งกวนหว่านลงมือกับคนไปเป็นจำนวนมาก ทายาทส่วนใหญ่ถ้าไม่พิการ ก็ต้องตายตั้งแต่เด็ก

ในหมู่ของพวกเขา คนเดียวที่สามารถหนีรอดจากสถานการณ์อันเลวร้ายนั้นได้ ก็คือ ฉู่หลิวเยว่

“พวกเจ้าจะไปกันวันไหน?” ซั่งกวนโหยวถามขึ้น

ฉู่หลิวเยว่ และมู่หงอวี่สบสายตากัน

“วันนี้”

ทะเลทรายจันทราสีชาด ร้อนดั่งไฟสุมทรวง

ทรายสีเหลืองปกคลุมสุดลูกหูลูกตา

คลื่นความร้อนแผ่กระจาย แม้กระทั่งอากาศยังบิดเบี้ยว

ทันใดนั้นเองร่างสีขาวดุจหิมะก็ปรากฏขึ้นที่กลางอากาศเหนือทะเลทราย

ตามมาด้วยกษายะหางวายุที่สยายปีกกว้างอยู่ด้านหลัง

ฉู่หลิวเยว่ และมู่หงอวี่ยืนอยู่บนหลังของถวนจื่อ ชายเสื้อปลิวไสว

“กำลังจะถึงแล้ว”

ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น

มู่หงอวี่พยักหน้า แต่สายตากลับจับจ้องไปทางเสวี่ยเสวี่ยอยู่ครั้งคราว ราวกลับเหม่อลอยไปเล็กน้อย

เงาร่างนี้…เหตุใดมันช่างคุ้นตาขนาดนี้?

“หงอวี่ กำลังคิดอันใดอยู่หรือ?”

ฉู่หลิวเยว่พบว่ามู่หงอวี่ผิดปกติไปตั้งนานแล้ว

ระหว่างทางนั้นเหมือนว่าสติของนางจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“หื้อ? ไม่มีอันใดหรอก ก็แค่…รู้สึกว่าราชสีห์ขาวตัวนั้น…คุ้นตาอย่างมาก…”

มู่หงอวี่พูดพึมพำเสียงเบา ตอนที่นางเห็นว่าเสวี่ยเสวี่ยวิ่งพุ่งตรงไปที่ทะเลทรายด้านล่าง ทันใดนั้นในสมองของนางก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น

ใช่แล้ว!

ราชสีห์ขาวตัวนี้เหมือนกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่พวกนางเจอในป่าหมอกมายา!

“เสวี่ยเสวี่ย? นี่คือสัตว์อสูรของหรงซิวน่ะ”

ฉู่หลิวเยว่อธิบาย

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในวังหลวง หรงซิวเคยเรียกเสวี่ยเสวี่ยออกมาทักทาย มีคนจำนวนไม่น้อยเคยเห็นมัน ดังนั้นเรื่องนี้นางไม่จำเป็นต้องปิดบัง

“อันใดนะ? เจ้าบอกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เป็นของหลีอ๋องหรือ?”

มู่หงอวี่ตกใจอย่างมาก

เรื่องที่หรงซิวมีอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้น ก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องที่พูดกันทั่วในซีหลิง

แม้ว่านางจะไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ก็เคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็น…

ถ้าเช่นนั้น…ถ้ามันเป็นตัวเดียวกันกับที่พวกเขาเจอ นั่นก็หมายความว่าในเวลานั้นหรงซิวก็อยู่ที่นั่นด้วยหรอกหรือ?

“เป็นอันใดไปหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่เห็นว่าปฏิกิริยาของนางไม่ถูกต้อง จึงซักถามอีกหนึ่งประโยค

มู่หงอวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในตอนที่นางกำลังจะพูด ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่างของทะเลทราย!

ทั้งสองคนก้มหน้าลงไปดูพร้อมกัน

นางเห็นเพียงเนินทรายที่กลิ้งไปกลิ้งมา จนทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่

ฉู่หลิวเยว่รีบพูดขึ้นทันทีว่า

“ผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าเอง!”

เสียงแค่นหัวเราะดังมาจากที่ไกลๆ

“นังหนู เจ้ายังรู้จักกลับมาด้วยหรือ?”

นี่เป็นเสียงของหลานเซียว

แม้ว่าน้ำเสียงจะดูเหมือนโกรธ แต่ก็ไม่ได้โกรธจริงจัง ในทางตรงกันข้ามกับมีน้ำเสียงความยินดีแฝงอยู่

“ยังไม่รีบลงมาอีก!”

ฉู่หลิวเยว่อดที่จะหัวเราะไม่ได้

ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อนางได้ยินเสียงนี้ นางกลับรู้สึกสนิทสนมอย่างมาก

“หงอวี่ พวกเราลงไปกันเถอะ”

นางตบที่ศีรษะของถวนจื่อเบาๆ จากนั้นก็กระโดดลง!

“เอ๋…”

มู่หงอวี่ยังไม่ทันได้ถามอย่างชัดเจน แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลงไปแล้ว นางจึงต้องกระโดดลงไปตาม

ฉู่หลิวเยว่ปลายเท้าเพิ่งแตะพื้น ทรายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางก็ไหลวนอย่างรวดเร็ว พานางก้าวไปด้านหน้า!

จนกระทั่งเมื่อเห็นทะเลสาบที่ส่งสะท้อนวิบวับ มันถึงหยุดลง

ฉู่หลิวเยว่เพิ่งยืนได้อย่างมั่นคง ก็ได้ยินเสียงผู้อาวุโสลำดับห้าพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ

“เอ๋? นังหนูนี่เจ้าเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดแล้วหรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด