ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1193 กุญแจลบล้างค่ายกล

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1193 กุญแจลบล้างค่ายกล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1193 กุญแจลบล้างค่ายกล

กริชเล่มนั้นถูกฉู่หลิวเยว่คว้าเอาไว้ ก่อนจะกำมันเอาไว้ในมือแน่น

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นางรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงได้ทวีความชัดเจนยิ่งกว่าเก่า

ในใจฉู่หลิวเยว่เองก็รู้สึกราวกับว่าใจของตนเต้นระรัวเร็วรี่เช่นกัน เหมือนว่าหัวใจจะพุ่งออกมาจากอกอย่างใดอย่างนั้น!

นางเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก ไม่นานนักก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากค่ายกล

ยิ่งเข้าใกล้เท่าไร ก็ยิ่งหนักอึ้งมากเท่านั้น!

จุดที่นางยืนอยู่ในตอนนี้คือบริเวณตีนเขาลูกหนึ่ง

ข้างกันนั้นมีหินก้อนใหญ่ยักษ์ตั้งเรียงรายอยู่หลายก้อน นางรีบหลบซ่อนตัวหลังหินพวกนั้นอย่างว่องไว

เพราะว่าฟ้ามืดแล้ว อีกอย่างเดิมทีที่นี่เองก็ถูกทิ้งร้างไปแล้ว และด้วยความที่ไม่มีผู้ใดย่างกรายมาที่นี่ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นนางเลยแม้แต่น้อย

แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่กล้าวางใจ

ด้วยนางรู้ว่าสิ่งที่นางต้องเอาชนะด้วยความยากลำบากมิใช่สิ่งนี้ แต่เป็น…ค่ายกลขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าต่างหาก!

ต้องใช้วิธีใดกันแน่หนอถึงจะสามารถทลายค่ายกลได้อย่างไร้ร่องรอย…

คิ้วของฉู่หลิวเยว่ขมวดเป็นปมเข้าหากันแน่น

ทันใดนั้นเอง ในทะเลความคิดของนางพลันมีแสงสีขาวเคลื่อนผ่านวาบ

นึกออกแล้ว!

ครั้งแรกที่นางได้เข้ามายังสำนักเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนที่ยืนรออยู่ด้านนอกค่ายกล เคยมีชิ้นส่วนความทรงจำที่พร่าเลือนบางส่วนผ่านวาบเข้ามาในหัว

ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่กางค่ายกลอันน้อยเอาไว้ จากนั้นก็นำมาเชื่อมประสานกันกับวงแหวนค่ายกล หลังจากนั้นก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีของสิ่งหนึ่งที่เหมือนกุญแจก็มิปาน ที่ใช้เปิดไขพวกมันออกได้อย่างง่ายดาย!

หากว่านางสามารถกางค่ายกลออกมาได้ เช่นนั้น…

ความคิดนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออยู่บ้าง

นางปิดเปลือกตาลง แล้วเริ่มควานหาความทรงจำส่วนนั้นอย่างบ้าคลั่ง

ถ้าหากว่าจำไม่ผิดแล้วละก็ ค่ายกลรูปแบบนั้นดูไม่ได้ยากมากมายอันใดนัก หากวัดกับความสามารถของนางในตอนนี้แล้วละก็ พยายามมากเข้าหน่อยก็อาจจะทำสำเร็จก็ได้

เพียงแต่ว่าภาพจำที่ผ่านตานางไปในตอนนั้น มันปรากฏขึ้นมาเพียงวาบเดียวเท่านั้น นางยังไม่ทันจะรู้ตัวเลย ภาพฉากเหล่านั้นก็หายวับไปเสียแล้ว

ดังนั้นนางจึงหลงเหลืออยู่เพียงภาพจำอันเลือนรางเท่านั้น

รูปร่างของค่ายกลอันนั้นหน้าตาเป็นอย่างใด นางจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นสิ่งที่นางต้องทำในตอนนี้ก็คือ นึกความทรงจำเกี่ยวกับค่ายกลอันนั้นออกมาชัดเจนสมบูรณ์ให้ได้!

เรื่องนี้พูดเหมือนจะง่าย ทว่าพอลงมือทำขึ้นมาจริงๆ แล้วกลับยากลำบากอย่างมาก

ความทรงจำของนางขาดหายไปเยอะมาก ดังนั้นแม้กระทั่งตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าความทรงจำส่วนนั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด ยิ่งไปกว่านั้นคือนางไม่รู้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าและเรื่องราวต่อหลังเกิดอันใดขึ้นบ้าง

นี่ทำให้การเรียกความทรงจำกลับคืนมายิ่งทวีความยากลำบากมากขึ้นไปอีก

มาตอนนี้ การที่นางอยากจะหยิบเอาเศษชิ้นส่วนความทรงจำที่พร่าเลือนเหล่านี้มาประกอบเข้ากันใหม่ก็ไม่ต่างอันใดกับการงมเข็มในมหาสมุทร

บริเวณโดยรอบเงียบสงัดนัก ลมเอื่อยๆ พัดมาปะทะเข้ากับปอยผมบริเวณหน้าผากของนาง

เงียบเสียจนนางสามารถได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองกำลังเต้นอยู่

ภาพฉากจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนผ่านวาบเข้ามาในความคิดนาง

ช่วงเวลานี้กลายเป็นช่วงที่น่าเหลือทนเป็นพิเศษ

ในที่สุด นางก็ฟื้นความทรงจำที่กระจัดกระจายพวกนั้นขึ้นมาใหม่ ก่อนจะเริ่มควานหารายละเอียดต่างๆ ของความทรงจำในหัวอย่างต่อเนื่อง

ท่ามกลางภาพฉากอันพร่าเลือน สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือมือเรียวอันขาวสว่างคู่หนึ่ง

มือทั้งสองข้างนั้นโบกไกวอย่างแผ่วเบาไปมาบนอากาศ ลำแสงนับไม่ถ้วนก็ลอยทะยานขึ้นมา จากนั้นก็ลำแสงเส้นร่างเหล่านั้นก็มารวมตัวกันเป็นค่ายกลอันหนึ่ง

ในสายตาของฉู่หลิวเยว่แล้ว ค่ายกลเล็กจิ๋วอันนั้นแท้จริงแล้วเป็นกลุ่มแสงอันเลือนรางกลุ่มหนึ่ง

นางไม่คิดที่จะถอดใจ จึงคอย “รับชม” อยู่ด้วยความใจเย็น

ภาพฉากแบบเดียวกันยังคงทำการแสดงอย่างต่อเนื่อง

ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสดงแล้วแสดงอีก

กระทั่งว่าทุกการขยับท่วงท่าของมือทั้งสองข้าง นางล้วนจดจ้องเขม็งโดยไม่คิดละสายตาเลยแม้แต่น้อย

จนในที่สุด ค่ายกลอันนั้นก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเป็นรูปเป็นร่างคร่าวๆ ขึ้นมา

ในใจนางรู้สึกปลื้มปิติยิ่ง

เดิมทีนางไม่ได้คาดหวังเอาไว้สูงมากนัก คิดไม่ถึงเลยว่าท่วงท่านี้จะใช้ได้จริงๆ

อีกทั้งยังรวดเร็วกว่าที่นางคาดไว้เยอะมาก

ตำแหน่งของเส้นทุกเส้นบนค่ายกลก็ค่อยๆ ถูกรังสรรค์ออกมาให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นอย่างช้าๆ

ขั้นตอนนี้แท้จริงแล้วน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก

มันเหมือนกับละอองน้ำที่เข้าปกคลุมผลึกแก้วหลากสีไว้ ไม่ว่าสิ่งใดก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก

ทว่าตอนที่นางเช็ดเอาละอองน้ำออกทีละนิด ทีละนิด ทุกอย่างก็เริ่มแจ่มชัดขึ้น

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนพรักพร้อมเป็นธรรมชาติไปเสียหมด ประหนึ่งว่า…เดิมทีตัวนางรู้อยู่แล้วว่าค่ายกลอันนั้นมีหน้าตาอย่างใด

ความคิดที่เพิ่งปรากฏขึ้นในสมองอันนี้ทำเอาใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบในทันใด!

นางขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะปฏิเสธข้อคาดเดาข้อนี้ไปโดยสิ้นเชิง

เหตุผลที่นางสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างคล่องมือนัก ก็คงเป็นเพราะ…ก่อนหน้านี้นางเป็นปรมาจารย์ระดับเก้ามาก่อน อีกทั้งยังมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องค่ายกลอย่างลึกซึ้ง การที่นางจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้เป็นครั้งคราวนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ

ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก นางรีบเพ่งสมาธิไปบนค่ายกลอันนั้นอย่างเร็วรี่

ผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ท้ายที่สุดก็สามารถมองเห็นเส้นลากเส้นสุดท้ายได้อย่างชัดเจน!

นางลืมตาขึ้นมาโดยพลัน!

มือเรียวขาวยกขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจัดการวาดเส้นขึ้นมาจากความว่างเปล่าอย่างช้าๆ

แสงสว่างจำนวนนับไม่ถ้วนลอยวับขึ้นมา คอยเคลื่อนระบำและเข้าพัวพันกันอยู่เบื้องหน้าครรลองสายตา เป็นภาพที่งดงามจับใจนัก

ฉู่หลิวเยว่เรียนรู้จากสิ่งที่เห็นก่อนหน้า เคลื่อนไหวตามท่วงท่าเหล่านั้นด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวดทีละเล็ก ทีละน้อย

ไม่นาน เค้าโครงร่างของค่ายกลก็ปรากฏสู่สายตา!

แต่เพราะว่านี่เป็นครั้งแรก มีหลายจุดที่ยังไม่ค่อยเข้ามือนัก อีกทั้งบัดนี้ระดับปรมาจารย์ของฉู่หลิวเยว่ยังฟื้นฟูไม่ถึงระดับเก้าดี ดังนั้นแม้ว่าค่ายกลอันนี้จะถูกวาดขึ้นมาอย่างยากลำบาก ทว่ายังคงมีบางส่วนที่ติดขัดไม่สม่ำเสมอ

แต่ว่าฉู่หลิวเยว่ก็พึงพอใจกับมันมากๆ แล้ว

นางเพ่งสติพลางสะกดกลั้นลมหายใจ ดวงตาทั้งสองจดจ้องไปยังค่ายกลก่อนจะวาดเส้นที่เหลืออยู่ออกมาทีละเส้น

ในขณะที่กำลังปรับแก้ค่ายกลอันนั้น แรงกดดันมหาศาลและแรงกระตุ้นจากด้านบนเองก็ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน!

ในตอนที่นางกำลังวาดเส้นแสงสุดท้ายอย่างจริงจังตั้งใจ จังหวะที่สร้างค่ายกลขึ้นมาได้สำเร็จนั้น แม้แต่จะหายใจออกมาแรงๆ นางก็ยังไม่กล้าทำ นางระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แล้วเบนสายตามองไปยังเบื้องหน้า

บัดนี้ค่ายกลของสำนักอยู่ห่างจากนางไปเพียงสิบก้าวเท่านั้น!

นางเงื้อข้อมือขึ้นส่งค่ายกลอันเล็กจิ๋วอันนั้นออกไป

พอมองไปก็เหมือนกับผีเสื้อตัวหนึ่งกำลังบินอย่างอิสระตามใจ กระพือปีกแผ่วเบามุ่งหน้าไปยังอีกฟากหนึ่ง

มันเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศได้อ่อนช้อยน่าดูชมนัก

ฉู่หลิวเยว่สะกดกลั้นลมหายใจตัวเองไว้

ตึกตัก!

ในใจของนางราวกับว่าถูกอันใดบางอย่างคว้าจับเอาไว้แน่น! เสียงเต้นกระตุกอย่างรุนแรงชัดเจนหาสิ่งใดเปรียบ!

ระยะทางที่สั้นเพียงเท่านี้ บัดนี้ดูจะยาวนานเป็นพิเศษ

ในที่สุด วงแหวนค่ายกลอันนั้นก็ลอยไปหยุดอยู่ตรงหน้าค่ายกล

มันดูราวกับกระดาษแผ่นบางที่ค่อยๆ แปะลงบนค่ายกลอย่างแผ่วเบา

ตอนนี้แหละ!

ฉู่หลิวเยว่พลันรับรู้ได้ว่าระหว่างตนกับวงแหวนค่ายกลอันนั้นได้บังเกิดสายสัมพันธ์อันลึกล้ำสายหนึ่ง!

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่แปลกประหลาดเลยแม้แต่น้อย

นางเม้มริมฝีปากของตนไว้แน่น ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไร้เสียงการเคลื่อนไหว

ยิ่งนางเข้าใกล้ แรงและพลังอันมหาศาลที่กดทับลงบนร่างก็ยิ่งทวีความน่าหวาดผวามากขึ้นกว่าเดิม

ตอนที่ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าใกล้ๆ กระทั่งกระดูกในร่างของนางล้วนแล้วแต่รู้สึกรวดร้าวขึ้นมารางๆ

ทว่าฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้นั้นไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว

นางยื่นมือออกไปตามภาพฉากที่แล่นอยู่ในความคิด

“แกร๊ก”

สุ้มเสียงเล็กละเอียดยิ่งสายหนึ่งดังแว่วขึ้นมา

ค่ายกลใหญ่โตมหึมาอันนั้นก็ค่อยๆ ปริแตกออกมาจากตรงกลาง!

การเคลื่อนไหวครานี้เกิดขึ้นน้อยมาก กระทั่งค่ายกลที่ตั้งอยู่ข้างกันนั้นก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลยแม้แต่น้อย มันยังคงตั้งตระหง่านเงียบเชียบอยู่อย่างเดิมไม่แปรเปลี่ยน!

ฉู่หลิวเยว่ยกขาขึ้น แล้วก้าวออกไปโดยพลัน!

ตูม!

พอฉู่หลิวเยว่เพิ่งจะออกมาจากค่ายกลได้ ก็ได้ยินเสียงดังระเบิดดังมาจากที่ห่างไกลออกไป!

นางเงยศีรษะขึ้นมองทันควัน สีหน้าพลันแตกตื่นยิ่ง นัยน์ตาหดเล็กลงในบัดดล!

คนจำนวนหลักร้อยกำลังเข้าโรมรันต่อสู้กันกลางอากาศอยู่ตรงพื้นที่ที่ห่างไกลออกไป!

เสียงดังกัมปนาทที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ดังมาจากทั้งนั้น!

พลังปราณดั้งเดิมหลากสีบินว่อน พุ่งปะทะเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง!

ดูไปแล้ววุ่นวายอลหม่านอย่างยิ่ง!

ทว่าฉู่หลิวเยว่ก็ยังมองเห็นหรงซิวได้แวบหนึ่ง!

ในตอนนั้นเอง เขากำลังถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมรุมโจมตี

บนเสื้อคลุมสีขาวราวหิมะของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดเละเทะหลายจุด

อีกทั้งคนเหล่านั้นดูไม่มีความคิดที่จะปล่อยเขาไปเลยแม้แต่น้อย

พลันมีลูกธนูแหลมคมดอกหนึ่งแหวกอากาศพุ่งเข้าไปกลางหลังของหรงซิว!

ดอกท้อบนข้อมือของฉู่หลิวเยว่บานสะพรั่งได้งามหยดย้อยยิ่ง! พลังปราณดั้งเดิมจากทั่วทั้งร่างพรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง!

ทันใดนั้นเอง เงาร่างของนางก็หายวับไปในบัดดล!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด