ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 131 ช่วยด้วย!

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 131 ช่วยด้วย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 131 ช่วยด้วย!

“เยี่ยม! เช่นนั้นพวกเราก็ไปต่อ!”

ดูเหมือนมู่หงอวี๋จะกินยาเสริมความมั่นใจเข้าไป นางชูกำปั้นขึ้นมา สีหน้าที่ดูลังเลในตอนแรกกลับแน่วแน่ขึ้นมา

เฉินหู่พยักหน้า

“เจ้าบอกไปต่อ พวกเราก็จะตามเจ้าไปด้วย!”

แม้ว่ากู้หมิงเฟิงจะไม่ได้พูด แต่เขาก็พยักหน้าเบาๆ เป็นการเห็นด้วย

เมื่ออาจารย์เหวินเยี่ยนเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

ตอนนี้…กลุ่มนี้มีฉู่หลิวเยว่เป็นผู้ตัดสินใจหรือ

ยามที่นางพูดว่าเดินหน้าไปต่อ คนอื่นๆ ไม่คัดค้านความคิดนี้เลยสักนิด ดูเหมือนมั่นใจขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

นับตั้งแต่พวกเขาเข้าสู่บรรพตวั่นหลิง ผ่านไปเพียงวันเดียว เกิดสิ่งใดขึ้นกับพวกเขากันแน่

“หลิวเยว่ เจ้าตัดสินใจดีแล้วหรือ”

อาจารย์เหวินเยี่ยนลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพยายามจะเกลี้ยกล่อมนาง

“บรรพตวั่นหลิงแตกต่างจากเมื่อก่อน และระดับอันตรายก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าเจ้าต้องการล่าสัตว์อสูรจริงๆ ก็ตาม ข้าเกรงว่าตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด…”

“ในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องถอยกลับไปนี่เจ้าคะ”

แม้น้ำเสียงของฉู่หลิวเยว่จะแผ่วเบา แต่กลับสงบมั่นคงนำพาพลังให้พวกเขามีจิตใจที่สงบ

“อาจารย์เหวินเยี่ยน ท่านพาเลี่ยวจงซูกลับไปก่อนเถิด ศิษย์จะระมัดระวังและจะไม่เสี่ยงชีวิตกับความเป็นความตาย ถ้าหากกลับไปทั้งแบบนี้ พวกเราคงไม่มีความสุขจริงๆ”

แต่อาจารย์เหวินเยี่ยนยังคงเป็นกังวลอยู่บ้าง

“หลิวเยว่ ข้ารู้ว่านางไม่ได้อ่อนแอและนางมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ตอนนี้นางทั้งสี่ได้รับบาดเจ็บ ดูจากร่องรอยหมาป่าที่เต็มพื้นดินแล้วคิดว่าอาจารย์ไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้พวกเจ้าเผชิญอันตรายขนาดไหน พวกเจ้า…”

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นก็เห็นซากศพของสัตว์อสูรที่อยู่ไม่ไกล พร้อมเสียงของเขาก็หยุดลงทันที

นั่นคือ…

“…หมาป่าชื่อเฟิงหรือ เมื่อครู่นี้พวกเจ้าปะทะกับหมาป่าชื่อเฟิงหรือ”

เขารีบร้อนจนเกินไป ดังนั้นตอนแรกที่มาจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นศพของหมาป่าชื่อเฟิง

แม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นไปแต่มู่หงอวี๋ยังคงหวาดผวา

“อาจารย์เหวินเยี่ยน นั่นคือศพของราชาหมาป่าชื่อเฟิง เมื่อครู่นี้พวกเรา…เจอฝูงหมาป่าชื่อเฟิงล้อมโจมตีเจ้าค่ะ!”

ประโยคนี้ทำให้อาจารย์เหวินเยี่ยนตกตะลึงจนพูดไม่ออก

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและตรวจสอบศพอย่างละเอียด มันคือราชาหมาป่าจริงๆ!

แม้ว่าร่างของมันจะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นและคราบเลือด ส่วนหัวที่โดนแทงทะลุของมันชัดเจนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

“นี่…นี่พวกเจ้าฆ่ามันตายหรือ”

“หลิวเยว่กับหมิงเฟิงช่วยกันสังหารมันเจ้าค่ะ” มู่หงอวี๋ถอนหายใจ “ส่วนพวกเราสามคนคอยสกัดกั้นฝูงหมาป่า จงซูมาช่วยข้ากับเฉินหู่จึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้เจ้าค่ะ”

อาจารย์เหวินเยี่ยนอ้าปากค้างอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก ราวกับมีคลื่นพายุที่โหมซัดสาดในใจ

ฝูงหมาป่าชื่อเฟิง แล้วยังมีราชาหมาป่าอีกด้วย!

ในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาต่างแบ่งรับแบ่งสู้กันจริงๆ!

ยิ่งกว่านั้น นอกจากเลี่ยวจงซู อีกสี่คนที่เหลือดูเหมือนจะมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!

แม้เจ้าจะรู้อันดับของพวกเขาแต่ละในการสอบกลางภาคครั้งที่ผ่านมานั้นไม่เลว ต่อให้เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำได้ขนาดนี้!

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง

ฉู่หลิวเยว่มองเปลวไฟที่กำลังโชติช่วงตรงหน้า แล้วเอ่ยเสียงเบา

“อาจารย์เหวินเยี่ยน ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงพวกเรา แต่เส้นทางแห่งจอมยุทธ์ก็เป็นเช่นนี้แล หากชอบความสุขสบาย เช่นนั้นก็จะไม่มีวันกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ท่านว่าเช่นนั้นหรือไม่”

เหวินเยี่ยนตกใจและมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาอันซับซ้อน

“…เจ้าพูดถูก เป็นเพราะอาจารย์ห่วงมากเกินไปแล้ว”

หากเอาแต่กลัวจนไม่กล้าทำอะไรเลยแล้วจะเติบโตได้อย่างไร

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งจงซูออกไปก่อน พวกเจ้าก็ระวังตัวให้มากขึ้น หากมีสิ่งใดผิดปกติ รีบขอความช่วยเหลือทันที!”

ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ พยักหน้าพร้อมกัน

“อาจารย์โปรดวางใจ”

หลังจากที่อาจารย์เหวินเยี่ยนออกไปพร้อมกับเลี่ยวจงซู พวกเขาจึงตัดสินใจผลัดกันพักผ่อนและเฝ้ายามตามหน้าที่

คนแรกคือฉู่หลิวเยว่

ในบรรดาสี่คน นางได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด ดังนั้นจึงให้คนอื่นๆ พักผ่อนเพื่อฟื้นตัวกันก่อน

บรรยากาศโดยรอบกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

ฉู่หลิวเยว่นั่งลงขัดสมาธิเพื่อปรับพลังปราณ และฉากการต่อสู้กับราชาหมาป่าในวันนั้นก็ผุดขึ้นมาในใจนางอีกครั้ง

ร่างกายนี้ยังอ่อนแอเกินไป

หลังจากกลับไปจากที่นี่ นางคงจะต้องพิจารณาเรื่องเพิ่มกำลังวังชาของร่างกายนี้เสียแล้ว…

ฉู่หลิวเยว่ไหล่ผึ่งแล้วหันไปมองเจ้าก้อนขนสีแดงซึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่บยตัวนาง

“เจ้าฉลาดเป็นกรดและปราดเปรียวยิ่งนัก ตอนเผชิญภัยอันตรายเจ้าวิ่งเร็วมาก แล้วก็กลับมาเมื่อทุกอย่างจบลง”

ฉู่หลิวเยว่เย้าแหย่มันเบาๆ

หางฟูฟ่องของเพียงพอนโลหิตขยับเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาแป๋วกลมโตของมันที่เต็มไปด้วยความเยินยอ

“หืม?”

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วและมองดูมัน

เพียงพอนโลหิตโน้มตัวเข้ามาใกล้และค่อยๆ ยื่นอุ้งเท้าสองข้างออกมาโค้งคำนับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยระคนกังวล น้ำตาคลอหน่อยอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าถ้าฉู่หลิวเยว่ดุมันมากกว่านี้ มันจะร้องไห้ให้นางเห็นจริงๆ ด้วย

ท่าทางเช่นนี้มันทำให้คนทำไม่โทษมันไม่ลง

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว

ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลที่เพียงพอนโลหิตเป็นที่รู้จักในฐานะสัตว์อสูรระดับสามที่อ่อนแอที่สุด

ไม่มีความสามารถอื่นใด แต่ความเร็วในการหลบหนีนั้นระดับติดลมบน

แต่นางก็ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิมันจริงๆ สักหน่อย

…คิดว่านางจะให้เจ้าตัวน้อยนี้ช่วยโจมตีฝูงหมาป่าให้ล่าถอยไปอย่างนั้นหรอื

“ช่างเถิด เจ้ามีความสุขก็ดีแล้ว”

ฉู่หลิวเยว่แตะหัวมันเบาๆ

เมื่อตระหนักว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้โกรธจริงจัง เจ้าตัวน้อยจึงผ่อนคลายลง จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้พลางถูไถแนบชิดกับแก้มนาง

ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ตลอดทั้งคืนผ่านไปด้วยความสงบ

ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ทุกคนออกเดินทางอีกครั้งและเดินเข้าไปข้างในของบรรพตวั่นหลิง

ป่าไม้เขียวชอุ่มและยิ่งเข้าไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งเงียบสงัดมากขึ้นเท่านั้น

แต่สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้หลายคนรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น

“ดูเหมือนแถวนี้จะแปลกๆ ไปหน่อยนะ” มู่หงอวี๋สำรวจบรรยากาศรอบๆ แล้วพึมพำ

ฉู่หลิวเยว่ซึ่งกำลังเดินอยู่ข้างหน้าก็หยุดกะทันหัน

จากนั้นทุกคนก็เริ่มหยุดเดินตาม

“หลิวเยว่ มีปัญหาอะไร” มู่หงอวี๋เอ่ยถาม

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวานนี้ พวกเขาเชื่อมั่นในตัวฉู่หลิวเยว่เป็นอย่างมาก

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“กลับไป!”

“กลับไปหรือ พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่…”

ทุกคนต่างพากันมึนงงสงสัย ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของฉู่หลิวเยว่ พวกเขาก็ไม่พูดสิ่งใดอีก

ทันใดนั้น หลังจากที่พวกเขาหันกลับและเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“ช่วยด้วย!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *