ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 281 ชีพจรตี้จิง [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 281 ชีพจรตี้จิง [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 281 ชีพจรตี้จิง [รีไรท์]

ทุกคนต่างเดาความคิดของมู่ชิงเห่อไม่ออก แต่ละคนจึงอยู่ในความสงบทันที

ฉู่หลิวเยว่ทำหน้าหน้าตาเฉยชา และทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น ปล่อยให้แววตาของคนอื่นๆ มองตัวเองอยู่แบบนั้น

นางพอจะเดาออกว่ามู่ชิงเห่อคงจะกำลังนึกเรื่องเก่าๆ แต่กลับไม่รู้ว่าความโกรธของเขานั้นมาจากไหน

เลหลังจากที่เจอกันครั้งนี้ นางก็สังเกตเห็นว่ามู่ชิงเห่อเปลี่ยนไปเยอะมาก

ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาก็เป็นคนที่เงียบขรึม แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนโลเลเหมือนตอนนี้

จักรพรรดิจยาเหวินเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ทันที

“เหอะๆ รองแม่ทัพมู่ เรื่องที่ท่านพูดเมื่อคืนที่ว่าจะมาเลือกสักคนเพื่อไปฝึกกับท่านนั้นคือเรื่องจริงรึ?”

เมื่อคำพูดนั้นจบลง ทุกคนก็เปลี่ยนความสนใจไปอยู่ที่มู่ชิงเห่อทันที!

สายตานับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยความคาดหวังและดีใจ

กลับไปกับมู่ชิงเห่อ?

ก็แสดงว่าไปยังราชวงศ์เทียนลิ่งไม่ใช่รึ?

นี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่เลยนะ!

ราชวงศ์เทียนลิ่งนั้นมีความยิ่งใหญ่เพียงใด ทั้งแคว้นเย่าเฉินนี้ คนที่มีสิทธิ์ไปได้นั้นก็มีเพียงจักรพรรดิจยาเหวินคนเดียวเท่านั้น!

คนอื่นๆ นั้นอย่าแม้แต่จะคิด!

นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะมีโอกาสแบบนี้!

ที่มู่ชิงเห่อเป็นคนมาเลือกคนด้วยตัวเอง!

“ใช้ได้”

คำสั้นๆ เพียงสองคำของมู่ชิงเห่อกลับทำให้ทุกคนรู้สึกลุ้นขึ้นมา

ถึงแม้ว่าจักรพรรดิจยาเหวินจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เมื่อพูดถึงกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

ในแววตาที่สงบของผู้อาวุโสชังนั้นปิดปังความดีใจไม่อยู่

“อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในเคว้นเย่าเฉินต่างอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ท่านลองดูว่ามีที่ถูกใจท่านหรือไม่? ”

คนที่นั่งอยู่ในที่นี้ นอกจากองค์ชายและองค์หญิงแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญในตระกูลใหญ่รวมถึงผู้อาวุโสซุน

จากนั้นก็ยังมีฝูอวิ๋นซานและเฉิงหันด้วย

ได้ยินคำตอบนี้แน่ชัดของมู่ชิงเห่อแล้ว ทั้งสองก็มองหน้ากัน ก่อนจะเห็นแววตาที่เร่งรีบของอีกฝ่าย

ที่จริงแล้วมู่ชิงเห่อก็มาเลือกคนนี่เอง!

อีกอย่างยังจะพากลับไปยังราชวงศ์เทียนลิ่งด้วย!

ไม่รู้จริงๆ ว่าแคว้นเย่าเฉินโชคดีมาจากไหน!

แต่ในเมื่อพวกเขาอยู่ที่นี่แล้วก็แสดงว่ามีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมอยู่แล้ว!

เพราะถึงอย่างใดทั้งสองสำนักก็มีอัจฉริยะไม่น้อยเหมือนกัน!

ถ้าหากว่าถูกเลือก…ต่อไปอนาคตคงก้าวไกลแน่นอน!

มู่ชิงเห่อมองผ่านทุกคนด้วยแววตาที่เฉยชา

คนที่ถูกเขามองเห็นต่างพากันยืดอกอย่างไม่รู้ตัว ถึงขั้นกลั้นหายใจ

“รองแม่ทัพมู่”

จู่ๆ หรงจิ้นก็ลุกขึ้นมา

“ไม่ทราบว่าข้ากระหม่อมขอแนะนำตัวได้หรือไม่?”

เขาคุ้นชินกับการแทนตัวเองว่า ‘ข้า’ แต่กลับนึกขึ้นได้ว่าแม้แต่เสด็จพ่อยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่า

“ข้าพเจ้า” จึงรีบแก้คำพูดทันที

จักรพรรดิจยาเหวินก็นึกไม่ถึงว่าหรงจิ้นจะกล้าเอ่ยปากขึ้นเองเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก

แต่เมื่อคิดกลับกัน ถึงอย่างใดหรงจิ้นเป็นผู้ที่มีความสามารถสูงสุดในการฝึกฝนในหมู่เจ้าชาย ดังนั้นเหตุใดเขาถึงจะไม่สามารถลองได้

ถ้าแม้แต่เขายังไม่มีสิทธิ์ ถ้าอย่างงั้นคนอื่นๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว

ในเมื่อเป็นองค์ชาย แต่เขาก็ยังต้องมีความกล้าหาญอยู่

มู่ชิงเห่อมองเขาไปหนึ่งที

“การต่อสู้ระดับสี่?”

คนที่เก่งขนาดนี้แค่มองเพียงครั้งเดียวก็สามารถมองระดับการฝึกฝนของคนอื่นๆ ออกทันที

หรงจิ้นพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น

“อีกเดือนเดียวก็คงจะข้ามไปเป็นนักสู้ระดับห้าได้แล้ว”

ทุกคนมองเขาด้วยความตะลึง

นักสู้ระดับห้านั้นไม่ได้ก้าวข้ามได้ง่ายขนาดนั้น เพราะมีหลายคนที่ติดขัดอยู่ตรงนั้นตลอดชีวิต!

ในเมื่อหรงจิ้นกล้าพูดต่อหน้าทุกคนแบบนี้ต้องมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นการตอบสนองของทุกคนแล้ว ในใจของหรงจิ้นจึงรู้สึกภูมิใจมากขึ้น

ในงานสมาคมเยาวชนเมื่อหลายวันก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะแพ้ให้กับเหิงจิ่งชั่ว อีกอย่างยังโดนยาพิษ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี

เมื่อล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกายออกหมดแล้ว เขาก็ตกใจที่เห็นว่าตัวเองมีความคิดที่อยากจะบรรลุให้ได้

สองวันที่ผ่านมาเขาฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง และระหว่างนั้นเขาก็สามารถสัมผัสถึงสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นนั้นได้แล้ว

ฉะนั้น เขาจึงมั่นใจว่าอีกหนึ่งเดือนจะสามารถบรรลุได้แน่นอน!

ที่จริงแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างหนึ่ง เดิมทีเขาอยากจะพูดหลังจากที่บรรลุได้แล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่ทันได้สนใจอะไรอีกต่อไป

ขอเพียงแค่ได้รับคำชื่นชมจากมู่ชิงเห่อ แค่นั้น…

“ควรจะงั้นรึ? เรื่องการฝึกฝนนั้นไม่มีอะไรที่ควรหรือไม่ควร ถ้าวันนี้เจ้ายังบรรลุไม่ได้ เจ้าก็ยังอยู่ในการต่อสู้ระดับสี่อยู่ดี”

มู่ชิงเห่อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับว่าไม่สะทกสะท้านใดๆ

หรงจิ้นนิ่งไปก่อนจะเงยหน้าขึ้น ถึงจะสังเกตเห็นว่าแววตาที่เฉยเมยของมู่ชิงเห่อได้อย่างชัดเจน

นั่นเป็นท่าทางที่ผู้กล้าปฏิบัติต่อผู้ด้อยกว่า!

หรงจิ้นถึงกับงง

“ปีนี้เจ้าคงจะอายุยี่สิบแล้วสินะ?”

หรงจิ้นพยักหน้า

มู่ชิงเห่อถึงกับถอนหายใจเบาๆ

“แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังกล้าลุกขึ้นมาอีก ยังจะบอกว่าขอแนะนำตัวเองอีก เจ้าเอาสิทธิ์นั้นมาจากไหน?”

หรงจิ้นนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกมู่ชิงเห่อทำให้อับอายต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้

เขาก็หน้าแดงทันที

คำพูดคำเดียวของมู่ชิงเห่อ ทำให้เขาอับอาบอย่างหาที่สุดไม่ได้ เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และได้คำชื่มชมจากผู้อื่นมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนอื่นดูถูก!

สีหน้าจักรพรรดิจยาเหวินประหม่าทันที

หรงเจินครุ่นคิดก่อนจะหัวเราะพลางเอ่ยปาก

“รองแม่ทัพมู่ พี่ชายของข้าโดดเด่นที่สุดแล้ว ถ้าแม้แต่เขาแล้วท่านยังไม่ถูกใจ ที่นี่ก็คงไม่มีใครสามารถเข้าตาท่านได้อีกแล้ว!”

เธอมีรอยยิ้มที่สดใสและพูดจาฉะฉาน ดูเหมือนว่านางจะเป็นคนขี้เล่นหน่อยๆ

เมื่อมู่ชิงเห่อเหลือบมองนาง หัวใจของหรงเจินก็เต้นแรง ทั้งตื่นเต้นและรอคอย

“แล้วเจ้าป็นใครกัน?”

มู่ชิงเห่อสบถคำออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

รอยยิ้มบนใบหน้าของหรงเจินก็แข็งทื่อไปทันทีในห้องงานเลี้ยงก็ยิ่งเงียบเข้าไปอีก ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้าเล่นแก้วเปล่าที่อยู่ในมือพลางแสยะยิ้มมุมปาก

มู่ชิงเห่อคืบคลานมาจากจุดที่ต่ำต้อยได้ถึงเพียงนี้ ถือว่ามีจิตใจที่เข้มแข็มมากจริงๆ

หลังจากที่เขากลายเป็นมือซ้ายมือขวาของนางแล้ว ก็ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวตั้งเท่าไรที่อยากจะเข้าหาเขาอ้วนผอมดำขาว แบบไหนรึที่เขาไม่เคยเจอมา?

แต่จนถึงก่อนที่นางจะตาย เขาก็อายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว แต่ก็ยังไม่แต่งงานแล้วไม่มีคู่หมายด้วย อย่างหรงเจินนั้น ไม่มีสิทธิ์แม้จะเข้าคิวเลยด้วยซ้ำ

ก็ไม่รู้ว่านางเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้คิดว่ามู่ชิงเห่อสนใจนาง

“ข้า…ข้า…”

หรงเจินไม่เคยถูกใครทำให้อับตายต่อหน้าผู้คนมากมายมาก่อน นางก็ถึงกับหน้าซีดทันที

ในใจของจักรพรรดินั้นด่าหรงเจินจนเละไปแล้ว!

โง่เสียจริง!

ไม่เห็นรึไงว่าแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดแทนหรงจิ้น?

แต่นางกลับกล้าพูดออกมาขนาดนี้…ทำเอาอับอายขายหน้าไปทั้งราชวงศ์!

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูด?”

เขารีบตะโกนดุ หรงเจินก็หน้าแดง ก่อนจะร้องไห้ออกมา

พระมเหสีส่งสายตาให้คนที่อยู่ข้างล่างดึงหรงเจินเพื่อให้นางนั่งลงใหม่ บรรยากาศภายในห้องจัดงานก็ยิ่งอึมครึมมากขึ้น

มู่ชิงเห่อเอ่ยปากถาม

“ในบรรดาพวกเจ้า มีใครเป็นชีพจรตี้จิงบ้าง?”

ชีพจรตี้จิง!

เมื่อเขาพูดคำนี้ออกมา ทุกคนก็งงกันไปหมด

เพราะอัจฉริยะชีพจรตี้จิงนั้นต้องผ่านไปกี่ปีถึงจะโผล่มาหนึ่งคน?

มู่ชิงเห่อไม่พูดก็สิ้นเรื่องแล้ว พูดออกมาแล้วยังจะหวังสูงอีก!

ถ้าจะหาตามมาตรฐานนี้แล้ว เกรงว่าคนที่นี่จะไม่มีใครที่มีคุณสมบัตินั้นเลยสักคน!

“ดูแล้วคงไม่มีสินะ”

ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นพลางลุกขึ้นมา

“ข้าเอง”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *