ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 371 เคยเจอ [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 371 เคยเจอ [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 371 เคยเจอ [รีไรท์]

ฮองเฮาหัวเราะเย็นๆ “เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าอยู่ระดับสอง ในเมืองหลวงแห่งนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ระดับสี่ได้? ไม่แน่ว่าภายในงานประลองรุ่นเยาว์เจ้ายังไม่แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาสินะ? เรื่องแบบนี้ นอกจากเจ้าใครจะสามารถรู้ได้อีก แล้วอีกอย่างยังมีสัตว์ประหลาดของเจ้าอีก”

ที่นางพูดหมายถึง ถวนจื่อ

ในวันนั้นถวนจื่อได้กลืนกินพลังของเหิงจิ่งชั่วโดยตรง จึงทำให้คนจำได้อย่างชัดเจน

ความสามารถของนางฮองเฮาไม่มีวันหยั่งถึงแน่นอน ก่อนหน้านี้หรงจิ้นก็เคยพูดเรื่องนี้ไปแล้ว เขาบอกว่าที่ฉู่หลิวเยว่สามารถเปลี่ยนจากขยะเป็นอัจฉริยะได้นั้น เพราะนางได้รับโอกาส

ไม่แน่ว่า ซือเมิ่งอาจจะโดนนางหรือคนที่หนุนนางเป็นคนฆ่าก็ได้

“แล้วก็ ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยไปหอคอยจิ่วโยวชั้นหกมาแล้ว เรื่องนี้เจ้าจะอธิบายอย่างใด?”

ยิ่งฮองเฮาพูด น้ำเสียงของนางก็มีความมั่นใจมากขึ้น

สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

สิ่งที่ฮองเฮาพูดเหมือนจะไร้สาระ แต่เมื่อมาคิดดีๆ แล้ว ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้

หลายเดือนมานี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับตัวนางมากมาย

เรื่องที่คนอื่นไม่สามารถทำได้ แต่เมื่อถึงมือนาง กลับทำให้กลายเป็นเรื่องสมเหตุสมผลเสียอย่างนั้น

อย่างน้อยเรื่องที่ซือเมิ่งตาย ไม่แน่ว่า…

ตอนนั้นฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

“ขอบพระทัยฮองเฮามาก ที่ประเมินหม่อมฉันสูงเช่นนั้น แต่ว่าหากเป็นตามที่ท่านพูดจริง หม่อมฉันฆ่าซือเมิ่ง แล้วทำไมถึงไม่ฆ่าองค์หญิงสี่ไปพร้อมกันด้วยล่ะ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้นปัญหาใหญ่จบ เรื่องทุกอย่างก็จบด้วย?”

ฮองเฮาชะงักไป

หรงจิ้นพูดขึ้นมาอย่างโมโห “นั่นก็ต้องเป็นเพราะเจ้ากลัวว่าฐานะของตนเองจะถูกเปิดเผยน่ะสิ หรงเจินเป็นองค์หญิง เมื่อนางมีเรื่องให้ช่วย แต่เจ้ากลับเร่งรัดนาง นางจะต้องเปิดเผยตัวตนและตำแหน่งของเจ้าแน่นอน”

ฉู่หลิวเยว่มองหรงจิ้นเหมือนมองคนโง่

“องค์รัชทายาท หม่อมฉันขอเตือนท่านไว้สักเรื่อง เมื่อครู่ฮองเฮาเหนียงเหนียงพูดว่าหม่อมฉันสามารถฆ่าจอมยุทธ์ระดับห้าได้ ท่านคิดว่า องค์หญิงสี่จะมีแรงและฝีมือที่มากกว่าหม่อมฉันที่อยู่ระดับห้าหรือ?”

หรงจิ้นตะลึงงัน ใบหน้าซีดขาว

ซือเมิ่งจะต้องติดตามหรงเจินไปด้วยอย่างแน่นอน ในเมื่อฉู่หลิวเยว่สามารถฆ่าซือเมิ่งได้ ถ้าเช่นนั้นฆ่าหรงเจินก็จะยิ่งง่ายมากขึ้น

ก่อนที่หรงเจินจะส่งข้อความช่วยเหลือมา นางจะต้องจัดการแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้เรียบร้อยแล้ว

ใบหน้าของฮองเฮาดูน่าเกลียดมากขึ้น

เพราะว่ามีแค่นางคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าของที่ขอความช่วยเหลือนั้นไม่ได้อยู่ที่หรงเจิน แต่อยู่ที่ซือเมิ่ง ตั้งแต่หยวนตันของนางแตกสลาย ซือเมิ่งก็อยู่ข้างกายของนางตลอดเวลา แทบจะไม่ได้ห่างออกจากแม้เพียงครึ่งก้าว

เพื่อความปลอดภัย พวกเขาจึงเตรียมการด้านนี้ไว้ตั้งนานแล้ว

แต่ถ้าหากพูดเรื่องนี้ไปตอนนี้ ก็เป็นการรับประกันได้แค่ว่าคนที่ฆ่าซือเมิ่งนั้นมีฝีมือแข็งแกร่งมากกว่าที่คิด เรื่องอื่นก็ไม่มีประโยชน์แล้ว รังแต่จะทำให้ฝ่าบาทรังเกียจมากขึ้น

หรงจิ้นมองไปที่ซือถูซิงเฉินอย่างลำบากใจ พร้อมพูดเสียงเบาว่า “ซิงเฉิน ตอนนี้เราควรทำอย่างใดดี?”

ซือถูซิงเฉินหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ และรู้สึกรังเกียจหรงจิ้นผู้นี้มากขึ้น

หรงจิ้นไร้สมองมากกว่าที่นางคาดไว้เสียอีก

ไม่รู้ว่าเขาสามารถดำรงตำแหน่งรัชทายาทได้นานขนาดนี้ได้อย่างใด

ซือถูซิงเฉินหลับตาลง ขนตาของนางสั่นเล็กน้อย พร้อมพูดอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ว่า

“ฝ่าบาท วันนั้นซิงเฉินเห็นเท่านั้นจริงๆ เรื่องที่ควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว แต่เรื่องที่มากกว่านี้ หม่อมฉันไร้ความสามารถ”

หรงจิ้นรู้สึกร้อนรนเล็กน้อย

“หากตามที่เจ้าพูด หรงเจินจะต้องโดนฉู่หลิวเยว่พาตัวไปซ่อนอย่างแน่นอน แต่ว่าตอนนี้นางยังไม่ยอมรับ นี่มัน…”

“ฝ่าบาท ซิงเฉินไม่ได้พูดเช่นนั้น ก่อนหน้านี้พระองค์บอกว่าองค์หญิงเจอเรื่องลำบาก หม่อมฉันจึงเอ่ยถึงเรื่องนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือว่าตัวตนของชายชราผู้นั้น ค่อนข้างจัดการยากหรือ?”

ซือถูซิงเฉินค่อยๆ สลัดเรื่องนี้ออกจากตัวอย่างใจเย็น

แต่อย่างใดก็ตามหรงจิ้นไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เลย

ในทางกลับกัน ซือถูซิงเฉินยังไม่เคยกล่าวเตือนเขาเรื่องนี้

“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าพูดมามากมายขนาดนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถล้างมลทินของเจ้าได้นะ อีกทั้งซิงเฉิน นางก็ไม่เคยไปที่แคว้นเย่าเฉินมาก่อน และยิ่งไม่รู้จักซือเมิ่ง หากนางพูดเท็จ นางจะรู้จักซือเมิ่งได้อย่างใด? แล้วอีกอย่าง ในเรื่องนี้นางไม่มีบุญคุณความแค้นกับใครทั้งสิ้น นางไม่จำเป็นต้องทำร้ายเจ้า ในทางตรงกันข้าม ก่อนหน้านี้หรงเจินเคยทำร้ายเจ้ามาก่อน เจ้าน่าจะอยากใช้โอกาสนี้เพื่อแก้แค้นนางใช่หรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ซือถูซิงเฉิน พร้อมส่งยิ้มไปให้

“องค์รัชทายาทพูดได้มีเหตุผลมาก ความจริงแล้วข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจ เดิมทีแล้วข้าไม่เคยพูดคุยกับองค์หญิงใหญ่ซือถู ไม่มีความขุ่นเคืองใดๆ จึงไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมองค์หญิงใหญ่ซือถูต้องกล่าวหาหม่อมฉันเช่นนี้ด้วย?”

ซือถูซิงเฉินจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น อ่อนโยน และใจกว้างอยู่เสมอ

“คุณหนูฉู่ ข้าไม่ได้กล่าวหาเจ้า ตั้งแต่ต้นจนจบข้าพูดในสิ่งที่ข้าเห็นเท่านั้น”

แววตาของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็มองไปที่ชายเสื้อของซือถูซิงเฉิน

ในตอนที่นางเห็นซือถูซิงเฉินอยู่ที่สำนักไท่เหยี่ยน นางพบว่าอีกฝ่ายได้เปลี่ยนชุดแล้ว ซึ่งเสื้อตัวนั้นไม่มีรอยเมฆา

อีกทั้งมามองวันนี้อีกครั้ง ก็เหมือนเหมือนเดิม

ฉู่หลิวเยว่ไม่เชื่อว่า ซือถูซิงเฉินจะไม่รู้เรื่องที่หรงจิ้นเผาเสื้อผ้าไปมากกว่าครึ่ง

หากเพราะนางรู้สึกอัปยศ ก็ไม่น่าใช่

เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงซือถู ได้ถ่ายทอดความโกรธแค้นทั้งหมดมาไว้ที่นาง

ฮองเฮาฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า

“ฝ่าบาท สิ่งที่ซิงเฉินพูดนั้นมีน้ำหนักมากกว่า แต่ในทางกลับกันฉู่หลิวเยว่ยังไม่มีหลักฐานที่อยู่ที่แน่ชัดว่าวันนั้นนางอยู่ที่ใด ตามความคิดของข้าน้อยแล้ว หากถามต่อไปก็คงไม่ได้ความ เช่นนั้น…จับนางเข้าคุกไปก่อน สั่งให้ผู้คุมสอบปากคำให้ละเอียด ไม่แน่ว่าอาจจะมีข้อสรุปที่แตกต่างออกไป”

ขณะนั้นภายในท้องพระโรงก็เงียบขึ้นทันที

ฮองเฮาหมายความว่ากำลังจะสั่งทรมาน ให้นางรับสารภาพ

ฉู่หนิงลุกขึ้นยืนทันที

“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

เขาไม่มีวันทนเห็นเยว่เอ๋อร์ถูกจับเข้าคุกได้!

คุกใต้ดินเป็นสถานที่แบบใด? เยว่เอ๋อร์จะเข้าไปในที่แบบนั้นได้อย่างใด?

แล้วอีกอย่าง พูดไม่ได้ว่าในคุกนั้นจะมีคนของฮองเฮาบ้างหรือไม่?

หากเยว่เอ๋อร์เข้าไป ก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง

“รองแม่ทัพมู่ยังอยู่ที่เมืองหลวง เขาสามารถพาเยว่เอ๋อร์ไปที่ราชวงศ์เทียนหลิงได้ตลอดเวลา หากให้เยว่เอ๋อร์เข้าคุก กระหม่อมขอถามฮองเฮาเหนียงเหนียงว่า ท่านจะอธิบายเรื่องนี้ให้รองแม่ทัพมู่ฟังว่าอย่างใด?”

การพูดถึงมู่ชิงเห่อนั้น ทำให้ฮองเฮารู้สึกหวาดกลัวมากทีเดียว

“งั้น…งั้นพวกเจ้าว่าอย่างใด? หรือว่าเจ้าจะปล่อยนางไปแบบนี้”

ในตอนนั้นเอง หรงจิ่วที่นั่งอยู่ด้านข้างโดยไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด จู่ๆ ก็พูดขึ้น

“ความจริงแล้วมันง่ายมาก ขอเพียงแค่หาตัวหรงเจินเจอ ความจริงทั้งหมดก็จะถูกเปิดเผย”

ฮองเฮาหัวเราะเยาะเสียงเย็น “พูดน่ะมันง่าย! เช่นนั้นต้องถามฉู่หลิวเยว่แล้วว่าจะยินยอมคืนนางมาหรือไม่?”

สีหน้าของหรงจิ่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย พร้อมทั้งลุกขึ้น แล้วทำความเคารพไปทางจักรพรรดิจยาเหวิน

“ลูกมีความผิด เชิญเสด็จพ่อลงโทษ”

จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้วแน่น “หรงจิ่ว เจ้าจะก่อเรื่องอะไร?”

หรงจิ่วพูดช้าๆ ชัดๆ ว่า

“เมื่อวานก่อนลูกเจอองค์หญิงสี่”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *