ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 442 ลอบสังหาร [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 442 ลอบสังหาร [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 442 ลอบสังหาร [รีไรท์]

ยามเช้าตรู่ บนถนนใหญ่และตรอกซอยในเมืองหลวงได้เต็มไปด้วยฝูงชนหมดแล้ว

ไม่ว่าจะด้วยความอยากรู้อยากเห็น สงสาร หรือเหตุผลอื่นใด ทุกคนต่างแห่กันไปที่ประตูใหญ่ทางเข้าพระราชวัง

และรอบๆ สนามประหารมีทหารสวมชุดเกราะยืนเฝ้าเอาไว้หมดแล้ว

หรงจิ่วยังไม่ถูกคุมตัวมา แต่รอบๆ นั้นมีผู้คนยืนอยู่เต็มไปหมดและชุลมุนวุ่นวายสุดๆ

“เห้อ เมื่อหลายปีก่อนองค์ชายสามคนนี้เป็นถึงทหารกองทัพทางตะวันตกเฉียงเหนือ! รุ่งโรจน์อย่างหาที่สุดไม่ได้! ใครจะรู้ว่าเพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นนักโทษประหารไปแล้ว?”

“ยิ่งสูงยิ่งหนาวอย่างใดล่ะ… หลายเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ออกจากประตูเมืองของเมืองหลวงเลยด้วยซ้ำ ความคิดของคนที่อยู่ข้างบนคนนั้นยังไม่ชัดเจนอีกรึ? จากที่ข้าดูแล้ว ข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ และการประหารนั้นเป็นความจริง!”

“แต่ตอนนี้ข้างในก็เหลือองค์ชายเพียงไม่กี่องค์แล้ว องค์ชายสามก็เป็นคนที่เหมาะที่ถูกเลือกมาเป็นรัชทายาทมากที่สุดแล้ว ทำแบบนี้มันไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยรึ…”

“เราจะรู้เรื่องภายในวังมากเท่าใดกันเชียว? ถึงอย่างใดตอนนี้ก็ถือว่ายังเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองของคนคนนั้น รออีกไม่กี่ปี องค์ชายที่อยู่เบื้องล่างก็จะเติบโตขึ้นมาแทนอยู่ดีไม่ใช่รึ?”

“น่าเสียดายที่มารดาแท้ๆ ขององค์ชายสามได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว แถมยังมียศศักดิ์ที่ต่ำด้วยด้วย ในตอนนี้จึงไม่มีใครที่จะสามารถช่วยได้เลยสักคน…”

ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ และมีความเห็นต่อเรื่องนี้แตกต่างกันออกไป

แต่ใครๆ ก็รู้ว่า ตอนนี้ทุกอย่างได้ถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว

เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด และดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้า

ทันใดนั้น ฝูงชนที่เดิมทีกำลังเสียงดังวุ่นวายก็เงียบลงทันที

ทุกคนพากันแยกออกไปอยู่สองฝั่งทาง และทิ้งเส้นทางหนึ่งให้โล่ง

ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง จึงพากันหันไปมอง

คนและม้าขบวนหนี่งกำลังเดินมาทางนี้

และคนที่นำหน้ามานั้นก็คือซือเย่จือแห่งตระกูลซือ

เห็นได้ชัดว่าที่เขามาวันนี้นั้นมาเพื่อรับหน้าที่ดูแลเรื่องการประหาร

ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว สีหน้าตอนนี้ดูแล้วซือเย่จือดูโทรมมาก แก้มทั้งสองข้างบุ๋มลึกลงไป ในดวงตาทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ทำให้เขาได้รับผลกระทบไม่น้อย

เพราะสุดท้ายแล้วจักรพรรดินีซือฮุ่ยจิ้งก็เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา…

เพิ่งจะเสร็จสิ้นพิธีศพขอจักรพรรดินี ก็มีเรื่องนี้มาอีก เขาจึงไม่มีแม้แต่เวลาที่จะพักผ่อน

ซือเย่จือเดินมุ่งไปข้างหน้าทีละก้าว

เขารู้สึกได้ถึงดวงตาที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วนรอบตัวตกลงมาที่ตัวเขา

แต่ที่จริงแล้ว ทั้งตัวและใจของเขาตอนนี้เกือบจะด้านชาไปหมดแล้ว

เดิมทีแล้วเขาไม่อยากมา แต่ฝ่าบาททรงรับสั่งและเขาทำได้เพียงทำตามเท่านั้น

รถนักโทษค่อยๆ ตามหลังเขามา

ในกรงเหล็ก ชายผู้สวมชุดนักโทษที่ถูกล็อคมือและดูอึดอัดก็คือองค์ชายสามองค์หรงจิ่ว!

เขาถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ผมยุ่งๆ แผ่ลงมาปกคลุมเกือบทั้งใบหน้าของเขาเอาไว้

แต่ทุกคนยังคงสามารถมองเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้

ทั้งเยือกเย็นและไม่แยแส

หลังจากผ่านความเป็นและความตายในสนามรบมาแล้ว จนทำให้ร่างกายของเขามีกลิ่นอายความแข็งแกร่ง!

ไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังอยู่เลยสักนิด

รอบๆ รถเรือนจำก็มีทหารคุ้มกันคอยติดตามอย่างใกล้ชิด

แต่ถึงนำคนเหล่านั้นรวมกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็สู้หรงจิ่วคนเดียวไม่ได้

อาจเป็นเพราะเป็นโรคติดต่ออารมณ์บางอย่าง ทำให้ทุกที่ที่รถในเรือนจำผ่านนั้น ต่างเงียบสงัดไปหมด

คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็ถึงกับก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าเหตุใดองค์ชายสามคนนี้ถึงทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกตกใจแปลกๆ เช่นนี้…

เมื่อถึงแดนประหารแล้ว ซือเย่จือก็ยกมือขึ้น แล้วรถคุมขังก็จอดลงในที่สุด

“นำตัวลงมา!”

เมื่อออกคำสั่งแล้ว ทหารคุ้มกันที่ตามมาก็ก้าวไปข้างหน้าทันที จากนั้นนำหรงจิ่วออกมาจากกรงเหล็ก

นำดาบคมสองเล่มจี้อยู่บนคอของหรงจิ่วพลางผลักเขาไปที่แท่นกลางแดนประหาร

ตั้งแต่ต้นจนจบ การแสดงออกของหรงจิ่วไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด

เพียงแต่สุดท้ายเมื่อยืนอยู่ตรงตำแหน่งประหารแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังพระราชวัง แล้วความเยาะเย้ยก็แวบผ่านดวงตาของเขาไป

ดูแล้ว เสด็จพ่อคงไม่เปลี่ยนใจแล้ว

ถึงอย่างใดวันนี้เขาก็ต้องตายแน่นอน!

หรงจิ่วเก็บสายตากลับมา ก่อนจะก้มหน้าพร้อมกับปิดบังความอาฆาตที่พุ่งพล่านในดวงตาของเขา

นี่เป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ต้องการทำสิ่งนี้ แต่… ต่อสู้ในสนามรบมาหลายปีแล้ว และไม่รู้ว่ามีประสบการณ์ความตายมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ไม่คิดว่าเมื่อถึงเวลาตาย กลับต้องเปลี่ยนมาตายในสภาพเช่นนี้!

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงใจสลายเช่นกัน

“ยังไม่คุกเข่าลงอีก!”

คนที่อยู่ข้างหลังหรงจิ่วตะโกนด้วยความหงุดหงิด และในขณะเดียวกันก็เตะเข่าของหรงจิ่วอย่างแรง!

แต่ก็ไม่สามารถทำให้หรงจิ่วคุกเข่าลงได้

เนื้อตัวของเขาแข็งทื่อเหมือนท่อนเหล็ก!

เมื่อเห็นว่าหรงจิ่วไม่ได้คุกเข่าตามที่ตัวเองคิดไว้ ชายที่เป็นคนเตะก็ถึงกับอ้ำอึ้งไปทันที

หรงจิ่วค่อยๆ หันกลับมามองเขา

ชายผู้นั้นรู้สึกผิดไปชั่วขณะ และรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก

จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วพลางตะโกนเสียงดัง

“มองอันใด!? เจ้ายังคิดว่าตอนนี้ตัวเองยังเป็นองค์ชายสามผู้สูงส่งอยู่รึ!?”

เขาเป็นแค่นักโทษประหารชีวิต แต่เขาก็ยังหยิ่งผยองจนถึงวินาทีที่กำลังจะตาย!

“คุกเข่าลง!”

ชายผู้นั้นส่งสายตาให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่ทั้งสองจะออกแรงพร้อมกัน!

ดาบยาวสองเล่มเฉือนคอของหรงจิ่วในทันที และเลือดสีแดงเข้มก็ค่อยๆ ไหลออกมา!

ในใจของหรงจิ่วเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่ก็หายไปในที่สุด

เขางอเข่าเล็กน้อยราวกับว่ากำลังจะคุกเข่าจริงๆ

อย่างใดก็ตาม ในเวลาต่อมา ร่างกายของเขาก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเตะคนสองคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดอย่างรวดเร็ว!

เขาเคลื่อนไหวเร็วมากจนพวกเขาทั้งสองไม่มีเวลาตอบโต้ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกหรงจิ่วเตะกระเด็นออกไป!

ซือเย่จือซือตระหนักอันใดบางอย่างจึงตะโกนเสียงดัง

“จับมันไว้!”

หรงจิ่วคิดจะวิ่งหนี!

คนรอบข้างต่างเพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นในเวลานี้ และพวกเขาทั้งหมดก็รีบพุ่งเข้าไปทันที!

ทันใดนั้นก็มีร่างใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่บนหัวของหรงจิ่ว!

ซือเย่จือจ้องไปที่มันและถึงกับตกตะลึง

นั่นเป็นสัตว์อสูรระดับสี่… เหยี่ยวขาว!

ผลึ่บ!

เหยี่ยวขาวตัวนั้นก็กางปีกออก!

หรงจิ่วพลิกตัวขึ้นไป!

“ไป!”

ตามด้วยเสียงกรีดร้องเสียงดัง แล้วเหยี่ยวขาวก็ขยับปีกของมันแล้วบินพุ่งขึ้นไปบนฟ้าทันที!

ในที่สุดผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็เข้าใจแล้วว่านั่นคือสัตว์อสูรของหรงจิ่ว!

ตอนที่เขาถูกคุมขังในคุก นอกจากชุดเครื่องแบบในเรือนจำแล้ว บนร่างกายของเขาก็ไม่มีอันใดเหลืออยู่เลย

แต่พวกเขาลืมไปว่าเขายังมีสัตว์อสูรของตัวเองอยู่!

หลายเดือนที่หรงจิ่วอยู่ในเมืองหลวง เขาถ่อมตนมาโดยตลอด จนทำให้พวกเขาลืมไปว่าเขามีไพ่ใบนี้อยู่!

ถึงแม้เหยี่ยวขาวจะเป็นสัตว์อสูรระดับสี่ แต่ก็มีอารมณ์ที่ดุร้ายและมีจิตใจนักรบที่ทรงพลัง! ถือเป็นสัตว์อสูรระดับสี่ที่อยู่อันดับต้นๆ!

ร่างเงาของคนและสัตว์อสูรมุ่งหน้าไปยังที่ไกลโพ้นอย่างรวดเร็ว!

ซือเย่จือรีบเอ่ยปาก

“เตรียมธนู!”

ทหารคุ้มกันทุกคนพากันหยิบธนูบนหลังของตัวเองออกมา ก่อนจะเล็งไปยังหรงจิ่วที่บินอยู่กลางอากาศ!

และทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีเงาของคนจำนวนหนึ่งพุ่งออกมาจากฝูงชน ก่อนจะบุกเข้าไปฆ่าทหารคุ้มกันเหล่านั้นทันที!

ฟิ้วๆ!

มีเสียงวุ่นวายดังสนั่นขึ้น ทิศทางธนูได้พากันเบี่ยงเบนไปจากทิศทางก่อนหน้า และไม่ได้โดนแม้แต่ขอบปีกของเหยี่ยวขาว!

ซือเย่จือมองไปยังคนที่มุ่งตรงเข้ามาด้วยแววตาโมโห ทันใดนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตะลึง

เพราะที่จริงแล้วพวกเขาได้คิดหาวิธีสังหารไว้แล้ว!

พวกเขาได้เตรียมพร้อมมาดีแล้ว!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *