ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 472 คอยดูแล้วกัน [รีไรท์]
ตอนที่ 472 คอยดูแล้วกัน [รีไรท์]
สีหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือเปลี่ยนไปทันที
หืม!
ถ้าเด็กนี่รู้ว่าฉู่หลิวเยว่เป็นแขกของมู่ชิงเห่อล่ะก็…เขาคงได้เห็นปฏิกริยาตอบสนองที่น่าสนใจแน่ๆ
เขายิ้มบางพลันหันมองฉู่หลิวเยว่
“เหมือนเจ้าพวกนั้นจะไม่ชอบเจ้าเลยนะ?”
ฉู่หลิวเยว่ถลึงตาใส่เขาหนึ่งที
นางเกลียดนิสัยกวนๆ ของเขาจริงๆ แต่ทว่าชาตินี้ เขาคงเปลี่ยนนิสัยตัวเองไม่ได้แล้ว
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็หันมองเฉินเซียหยวน แล้วยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย
“ในเมื่อข้าเข้ามาได้ นั่นหมายความว่าข้ามีคุณสมบัติมากพอ ฉะนั้นเรื่องนี้ย่อมไม่เกี่ยวกับนายน้อย
เจี่ยนแต่อย่างใด”
เฉินเซียหยวนตกตะลึงในทันใด แววตาของเขาฉายแววประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่สนใจชายคนนั้น แต่กลับไม่ทันสังเกตเลยว่า ผู้หญิงชุดแดงที่อยู่ข้างๆ เขานั้นงดงามมากเพียงใด
และจ้าวอวิ๋นจื่อซึ่งอยู่ด้านข้างๆ เองก็เห็นใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ได้อย่างชัดเจน พลันต้องตกตะลึง
นางภูมิใจในความงามของตนมาตลอด อีกทั้งหนุ่มๆ มากพรสวรรค์หลายคน ล้วนก็ตกหลุมรักในความงามของนางกันทั้งนั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนนี้ ความงามของนางกลับดูจืดชืดไปเลย
นางแอบหันไปมองเฉินเซียหยวน ก่อนจะเห็นสิ่งผิดปกติในท่าทางของเขา เพราะสายตาของเขานั้นจับจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นพักใหญ่ โดยไม่ละสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา พร้อมทำหน้างอราวไม่สบอารมณ์
“น้องชาย อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ฉะนั้น…พอแค่นี้เถิด? การที่เราให้พวกเขาไปก่อน มันคงไม่เสียเวลามากมายขนาดนั้นหรอก”
นางดึงแขนเสื้อของเฉินเซียหยวนไว้ พลางกัดริมฝีปากและพูดด้วยความคับข้องใจ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างคิ้วและดวงตาของนาง ซึ่งนั่นทำให้ผู้ที่มองอยู่เกิดความประทับใจขึ้นมา
เฉินเซียหยวนได้สติอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าของนาง เขาก็พลอยลำบากใจขึ้นมา
เขาแอบชอบจ้าวอวิ๋นจื่อมาหลายปีแล้ว และกว่าเขาจะมีชื่อเสียงในราชวงศ์เทียนลิ่งนั้นไม่ง่ายเลย แต่ในที่สุดเขาก็พานางมาที่นี่ได้
ทว่าขณะที่กำลังจะข้ามผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย เขากลับทำให้นางต้องรู้สึกแย่
ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะยังเรียกตัวเองว่าชายชาตรีได้อีกหรือ?
เขาสัมผัสมือเรียวของนางเบาๆ
“อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ยอมให้ใครรังแกเจ้าเด็ดขาด”
หลังจากพูดจบ เขาก็ระงับความคิดของตัวเอง และมองไปยังทั้งสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาอีกครั้ง
เดิมทีเขาแค่อยากจะยั่วโมโหเล่นๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะไม่สนใจเลยสักนิด!
ชายร่างสูงคนนั้นไม่ใช่ปัญหา เขามีทักษะแกร่งกล้าแน่นอน
ทว่าหญิงสาวคนนั้น…
“โอ้ ข้าไม่รู้เลยนะว่า นักรบระดับสามกล้าเอ่ยวาจาจองหองเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
เฉินเซียหยวนหัวเราะเยาะ
ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็ทำเพียงแอบถอนหายใจ
การที่นักรบระดับอย่างนางมาอยู่ในราชวงศ์เทียนลิ่งนั้นเป็นที่สะดุดตาอย่างมาก
“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วมิใช่หรือ”
ท่าทีของนางยังสงบนิ่ง และตอบกลับอย่างนอบน้อม
เดิมทีเฉินเซียหยวนไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ในเมื่อเขาคิดจะช่วยจ้าวอวิ๋นจื่อ เขาจึงพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้แข็งกร้าวเกินไป
“โอ้? ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น เจ้าก็แจ้งนามของเจ้าเสีย เมื่อถึงซีหลิงแล้ว ค่อยมาดูกันว่าข้าเก่งกล้าอย่างที่พูดหรือไม่?”
หางตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกนิดๆ
“ฉู่หลิวเยว่ แห่งแคว้นเย่าเฉิน”
ปกตินางไม่เคยหาเรื่องใคร แต่ถ้าคนคนนั้นเป็นฝ่ายหาเรื่องนางก่อน นางก็พร้อมสู้ไม่ถอย
“แคว้นเย่าเฉิน? น้องชาย ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย…”
จ้าวอวิ๋นจื่อมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของหญิงสาวตรงข้ามด้วยความริษยา และพลั้งปากออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เฉินเซียหยวนเอ่ยกลั้วหัวเราะ
เป็นไปได้หรือจะมีคนสถานะต่ำถูกส่งมาสถานที่แบบนี้ หรือก่อนหน้านั้นเขาคาดหวังในตัวอีกฝ่ายมากเกินไป และเมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็ยิ่งสบประมาทอีกคนมากขึ้น
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้ายอมก้มหัวขอโทษ ข้าจะไม่เปิดโปงเรื่องระดับของเจ้า และจะไม่เก็บเรื่องในวันนี้ไปใส่ใจ แต่ถ้าเจ้าไม่ทำ…”
ทว่าเจี่ยนเฟิงฉือกลับหัวเราะออกมา ราวได้ยินเรื่องตลก
“ฮ่าๆ! เจ้าว่าเช่นใดนะ? จะให้ข้าก้มหัวให้เจ้าอย่างนั้นหรือ?”
เฉินเซียหยวนที่ถูกขัดจังหวะรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้ง และยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะอันรุนแรงนั่น เขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
“อันใด เจ้าไม่พอใจหรือ?”
สุดท้ายฉู่หลิวเยว่ก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้
หนึ่งปีเต็มที่นางไม่ได้กลับมาที่นี่ เหตุใดศิษย์ของหลิงอวิ๋นจงถึงได้หยิ่งผยองและไร้สติเช่นนี้?
แม้แต่เจ้าสำนักอย่างหลิงอวิ๋นจงยังไม่กล้าพูดเช่นนี้กับเจี่ยนเฟิงฉือ แต่ทว่าศิษย์รักของเขากลับปีนเกลียวเหยียบศีรษะของเจี่ยนเฟิงฉือเสียแล้ว
โง่เขลาและอวดดีจริงๆ!
เจี่ยนเฟิงฉือหัวเราะร่า
“ช่างบังเอิญดีจริงๆ ข้าเองก็กะว่าจะพูดเช่นนี้ให้เจ้าขอโทษข้าเหมือนกัน! แต่พอดูสภาพของเจ้าแล้ว เจ้าคงทำไม่ได้แน่ๆ”
เฉินเซียหยวนคิดในใจว่าชายตรงหน้านั้นช่างไร้เหตุผล!
อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองสูงส่งขนาดไหนกัน ถึงกล้าพูดกับเขาเช่นนี้!?
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดแล้ว ใครจักเป็นผู้แข็งแกร่ง เช่นนั้นก็ให้พลังในมือเราตัดสินเถิด!”
หลังจากพูดจบ เฉินเซียหยวนก็กระโดดและบินโฉบไปทางเจี่ยนเฟิงฉือ!
ระดับเจ็ดขั้นต้น!
ทั้งๆ ที่ยังดูเยาว์วัย แต่กลับไต่เต้าขึ้นไปได้ถึงระดับนั้น ถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ
แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่และเจี่ยนเฟิงฉือแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด
เฉินเซียหยวนยื่นมือทั้งสองข้างออกมาด้านหน้า พลางรวบรวบพลังปราณสีอำพันขึ้นในมือ!
ในไม่ช้า มวลพลังมหาศาลก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา!
“ลูกไฟสลาตัน!”
สิ้นเสียงตะโกน เขาก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและลูกไฟนั่นอย่างดุเดือด!
ลูกไฟนั่นพุ่งเข้าใส่เจี่ยนเฟิงฉืออย่างรวดเร็ว!
การบีบบังคับอย่างหนักกำลังมา!
พลันบรรยากาศโดยรอบก็หนักขึ้นหลายเท่าตัว!
ไหล่ทั้งสองข้างของฉู่หลิวเยว่หนักอึ้ง ราวกับแบกภูเขาลูกเล็กๆ ไว้!
และสภาพของนางในตอนนี้ไม่สามารถทนรับความกดดันของนักรบระดับเจ็ดได้
เจี่ยนเฟิงฉือโบกสะบัดแขนเสื้อของเขาเบาๆ
พลันแรงกดดันมหาศาลนั้นก็หายไปทันที!
รวมทั้งลูกไฟนั่นที่หยุดชะงัก ห่างจากร่างของเขาเพียงสามก้าว!
สีหน้าของเฉินเซียหยวนเปลี่ยนไปอย่างเร็ว
ระดับของชายผู้นี้สูงกว่าเขา!
เจี่ยนเฟิงฉือยกแขนขึ้นและแบมือออก
แล้วประกบกันเบาๆ
“ไป!”
ลูกไฟนั่นพุ่งกลับไปหาเฉินเซียหยวนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม!
ด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนที่มันพุ่งใส่เขาเสียอีก!
ทันใดนั้น เฉินเซียหยวนที่เห็นท่าไม่ได้ดี ก็รีบถอยหนี!
แต่ลูกไฟนั่นเร็วกว่าเขา และระยะห่างระหว่างเขากับมัน ก็แคบลงอย่างรวดเร็ว!
เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นคอยควบคุมมันให้พุ่งไปข้างหน้า อีกทั้งพลังปราณที่อัดอยู่รอบๆ ลูกไฟ ก็ดู
เหมือนจะเข้มข้นขึ้นกว่าตอนแรกด้วย!
ครู่หนึ่งเฉินเซียหยวนรู้สึกแน่นหน้าอก และแม้แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงไปวูบหนึ่ง
เขาเริ่มไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะดึงกริชออกจากเอว! แล้วฟันเฉือนลูกไฟนั่นทิ้ง!
ฉึก…ตู้ม!
ลูกไฟนั่นระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ!
ทำให้เฉินเซียหยวนที่อยู่ใกล้ หลบไม่ทันและได้รับผลกระทบเข้าเต็มๆ!
แผ่นอกของเขาสั่นสะท้าน พร้อมร่างกายที่กระเด็นลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ และในที่สุด ก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง!
แค่ก!
เขากำหน้าอกแน่นและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“น้องชาย!”
จ้าวอวิ๋นจื่อกรีดร้องและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว พลางช่วยพยุงเขาขึ้นจากพื้นด้วยความกังวล
“น้องชาย เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง!?”
มีเลือดไหลออกจากมุมปากของเฉินเซียหยวน ใบหน้าของเขาซีดเซียวกว่าเมื่อครู่หลายเท่า
“ข้า…ข้า…”
พลังหมัดของฝ่ายตรงข้ามทำซี่โครงเขาหัก!
และที่สำคัญคือ ดูเหมือนว่าอวัยวะอื่นภายในเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย!
เมื่อเห็นเขาเจ็บเช่นนี้ จ้าวอวิ๋นจื่อก็ทั้งทุกข์ใจและโกรธแค้น นางหันศีรษะไปพูดอย่างโกรธเคือง
“พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว! ถึงขั้นทำร้ายน้องชายของข้า หลิงอวิ๋นจงไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”
นางกัดฟันแน่น พลันหันขวับไปมองฉู่หลิวเยว่
“ฉู่หลิวเยว่หรือ? เจ้าเองก็อย่าได้ใจไป ถึงซีหลิงเมื่อไหร่ เราได้เห็นดีกันแน่!”
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้ม
“แล้วข้าจะรอ”
Comments