ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 533 ไท่ซวีเฟิ่งหลง [รีไรท์]

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 533 ไท่ซวีเฟิ่งหลง [รีไรท์] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 533 ไท่ซวีเฟิ่งหลง [รีไรท์]

ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป

“อันใดนะ!?”

เมื่อซั่งกวนจิ้งเห็นปฏิกิริยาของนาง เขาก็ลูบจมูกตัวเองด้วยความรู้สึกผิด

“คิดว่า ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นเผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ในบรรพกาล…หากพวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของโครงกระดูกนี่แล้วล่ะก็ ต่อให้พวกมันอยู่ไกลสักหมื่นลี้ก็ต้องตามมาอย่างแน่นอน…”

ตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแล้ว

“พวกมันคงไม่คิดว่าข้าเป็นคนทำใช่หรือไม่?”

“แน่นอนอยู่แล้ว! ไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนี้ตายมาหลายพันปีแล้ว เรื่องนี้พวกมันสามารถสัมผัสได้! แต่ว่า…”

ซั่งกวนจิ้งชะงักไป น้ำเสียงของเขาดูเลื่อนลอยเล็กน้อย

“แต่ว่าตอนแรกมันตายใต้คมกระบี่หลงหยวน แล้วตอนนี้เจ้าก็เป็นเจ้านายคนใหม่ของกระบี่หลงหยวน…”

หัวใจของฉู่หลิวเยว่แทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว

นั่นก็หมายความว่า โครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงนี้ มีแนวโน้มจะสร้างปัญหาให้นางอย่างมาก!

ถ้าเป็นปัญหาธรรมดาก็แล้วไปเถอะ แต่นี่มันเป็นเผ่าของไท่ซวีเฟิ่งหลง!

หากพวกมันหานางเจอแล้ว บัญชีแค้นนี้คงยังอยู่บนหัวนางอยู่ไม่ใช่หรือ!?

เมื่อถึงตอนนี้นางเกรงว่าจะมีแต่ความตายเท่านั้น!

ฉู่หลิวเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบหันหลังกลับแล้วเรียกหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์กลับมาอยู่ที่กลางฝ่ามือ

นางแค่ไม่เอาอีกครึ่งร่างก็จบแล้วไม่ใช่หรือ?

แต่ในตอนนั้นเอง เหมือนว่าอีกครึ่งร่างในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงอีกครึ่งร่างของตนเอง มันจึงลอยออกไปข้างนอกด้วยตนเอง!

ฉู่หลิวเยว่รีบใช้เพลิงแห่งกรรมกดมันเอาไว้ทันที

“ตอนแรกข้าใช้กระบี่หลงหยวนหั่นมันเป็นสองท่อน ตรึงโครงกระดูกเหล่านี้ให้แยกจากกันด้วยความยากลำบาก แต่ตอนนี้ มันกลับอยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้…ความจริง…” มันไม่มีประโยชน์แล้ว

ซั่งกวนจิ้งสบสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของฉู่หลิวเยว่ เขาจึงรีบกลืนคำพูดสุดท้ายลงไปอย่างมีไหวพริบ

ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ยัดโครงกระดูกทั้งหมดลงไปในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์

ทั้งสองส่วนรวมกันเป็นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

เพลิงแห่งกรรมสีโปรงใสปกคลุมพวกมันทั้งหมดทันที

ระลอกคลื่นเหล่านั้นถึงได้หยุดลง

อินทรีสามตาก็บินมาทางนี้ด้วยเช่นกัน

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในสมองของฉู่หลิวเยว่

“หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ของทั่วไป ตราบใดที่ไม่มีเรื่องไม่คาดฝัน มันจะกักเก็บปราณของไท่ซวีเฟิ่งหลงอย่างดี จนไม่สามารถหลุดรอดออกไปได้ แม้ว่าพวกมันจะสามารถสัมผัสการเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่มีทางหาเจ้าเจอ”

ตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ถึงได้วางใจ

ไม่ว่าอย่างใดเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นก็เตรียมตัวรับมือดีกว่า

อีกทั้งด้วยโครงกระดูกที่สมบูรณ์นี้ บางทีนางอาจจะสามารถหลอมกายเนื้อที่ดีกว่าเดิมให้อินทรีสามตาได้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็สูดลมหายใจขึ้น และเก็บหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ลงมาอีกครั้ง

นางหันไปมองทางปฐมกษัตริย์

“ท่านปฐมกษัตริย์ ท่านลืมอันใดอีกหรือไม่?”

ซั่งกวนจิ้งอยู่ในยุคที่ทุกคนต้องก้มหัวให้มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะมาทำเรื่องน่าอายต่อหน้าเด็กอายุสิบกว่าขวบ

เขากระแอมไออีกครั้ง

“ไม่แล้วๆ! จริงสิ ข้าช่วยเอาของทุกอย่างที่อยู่ทางนั้นใส่ไว้ในกระบี่หลงหยวนแล้ว! จากนี้ไปของเหล่านี้เป็นของเจ้าแล้ว! เจ้า…เจ้าจะใช้มันอย่างใดก็ได้! ดีหรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่มองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังของปฐมกษัตริย์ แล้วอดที่จะกลั้นขำไม่ได้

ก่อนหน้านี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าปฐมกษัตริย์ที่อยู่ในตำนานและตำราจะเงอะงะ จริงใจ และเอาใจใส่นางขนาดนี้!

เดิมทีแล้วนางก็ไม่ได้โกรธอันใดเลย เมื่อเห็นปฏิกิริยาของปฐมกษัตริย์หัวใจของนางก็ยิ่งอ่อนยวบ

เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาแล้ว ในที่สุดซั่งกวนจิ้งก็ถอนหายใจออกมา

ไม่รู้ว่าเหตุใด เด็กสาวคนนี้เหมือนเกิดมาเพื่อปราบเขาเลย แรกเห็นเขาก็รู้สึกชอบนางมาก เมื่อเห็นว่านางไม่พอใจนิดหน่อย ในใจก็รู้สึกเสียใจไปด้วยเช่นกัน

แต่เมื่อเห็นว่านางพอใจ เขาก็ไม่สบายใจ

ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็นึกอันใดบางอย่างได้ จึงถามขึ้นมาว่า

“จริงสิ ท่านปฐมกษัตริย์ หากข้านำกระบี่หลงหยวนเล่มนี้ออกไปแล้ว… ทายาทของท่านรู้เข้า ข้าควรจะทำอย่างใดดี?”

หากซั่งกวนหว่านรู้เรื่องนี้ เกรงว่าในใจของนางอาจจะต้องการสับข้าเป็นพันๆ ชิ้น

ตอนนี้ตัวตนของนางยังไม่ถูกเปิดเผย หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดี

ซั่งกวนจิ้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้ถึงความกังวลของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า

“หากเจ้าไม่อยากให้นางรู้ล่ะก็…สามารถทิ้งปราณกระบี่สายหนึ่งเอาไว้ที่นี่ได้ แม้ว่าพลังแห่งสวรรค์ของมิติเสี่ยวเฉียนจะหายไปแล้ว แต่ก็สามารถคงอยู่ได้อีกหลายปี คนทั่วไปไม่มีทางค้นพบถึงความเปลี่ยนแปลงนี้โดยเด็ดขาด”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นมา

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปฐมกษัตริย์”

เมื่อพูดจบ นางก็เรียกปราณกระบี่หลงหยวนออกมาสองสาย! จากนั้นก็แบ่งไปตามทิศทางทั้งสอง!

หลังจากนั้นไม่นาน ท่ามกลางฟ้าดินที่วุ่นวาย ก็มีกระบี่หลงหยวนขนาดใหญ่สองเล่มปรากฏขึ้น!

เมื่อมองไปแล้ว มันก็ไม่มีความแตกต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ

คนที่รู้ความลับของมิติเสี่ยวเฉียนแห่งนี้ ก็มีเพียงแค่นางกับปฐมกษัตริย์ ต่อให้ซั่งกวนหว่านเข้ามาที่นี่ แต่เมื่อเห็นภาพเหล่านี้ นางก็ไม่มีทางสงสัยอย่างแน่นอน

ซั่งกวนจิ้งกลับมองหน้านางอย่างตกตะลึง

ฉู่หลิวเยว่ลูบใบหน้าของตนเอง

“ท่านปฐมกษัตริย์ หน้าข้ามีอันใดติดอยู่อย่างนั้นหรือ?”

ซั่งกวนจิ้งจึงได้สติขึ้นมา แล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่มีอันใด”

รอยยิ้มเมื่อครู่นี้ มันช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน…

จัตุรัสเสวียนจี

หลังจากที่หนิงเจียวเจียวถูกคัดออกมา บนกระดานหยกสีดำก็เหลือเพียงห้าคน

ตอนนั้นก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่ก็ยังมีคนรอที่สนามประลองเป็นจำนวนมากเช่นเดิม

“วันนี้หนิงเจียวเจียวถูกคัดออกหนึ่งคน น่าจะไม่มีคนโดนคัดออกอีกแล้วล่ะ”

“น่าจะใช่แปดส่วน…แต่ว่า การแข่งขันนี้ใกล้จะจบลงแล้ว รออีกหน่อยเถอะ!”

นี่ก็รอมาหลายวันแล้ว แต่นาทีสุดท้ายของการแข่งขันนี้อยู่ที่ไหน?

แต่ทันใดนั้นเองก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากเขตอาคม! นางนอนอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ!

ทันใดนั้นก็เกิดความวุ่นวายอย่างมาก คนส่วนใหญ่ไม่ได้หวังเอาไว้เลย พวกเขาคิดว่าพรุ่งนี้ถึงจะมีคนโดนคัดออกอีกครั้ง

แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีคนออกมาแล้ว

“รีบดูเร็วเข้า! คนนั้นคือใครกัน!?”

“ผู้หญิง? ใช่ฉู่หลิวเยว่หรือไม่?”

คนหลายคนรีบมองไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น

ท่าทางของนางดูย่ำแย่กว่าหนิงเจียวเจียวหลายเท่านัก

ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยรอยบาดแผล ทางด้านหลังก็มีรอยแทง และเลือดก็ออกมาอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางถูกดาบแทงมา!

ดูเหมือนว่าลมหายใจจะแผ่วเบา ราวกับว่านางสามารถหยุดหายใจได้ทุกเมื่อ

ในตอนนั้นเอง ก็มีรายชื่อหนึ่งบนกระดานหยกสีดำค่อยๆ จางหายไป

“หยางเซิ่นเอ๋อร์?!”

“ผู้หญิงคนนั้นคือหยางเซิ่นเอ๋อร์!”

“ศิษย์ของสำนักกระบี่เมฆาม่วงคนอื่นๆ ถูกคัดออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงคนเดียวที่พาตัวมาจากด้านนอกของพรมแดนม่านฟ้า คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถคว้าอันดับที่ห้ามาได้”

“เฮ้อ ไม่รู้ว่าใคร ช่างลงมือได้โหดเหี้ยมเช่นนี้…บาดแผลนั้นหากเอียงอีกหน่อยก็จะโดนเข้าที่หัวใจแล้ว…”

“นี่มันการแข่งขันแน่หรือ…”

เมื่อเสียงซุบซิบดังขึ้น ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนก็สาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าเพื่อตรวจสอบ เมื่อเห็นว่าหยางเซิ่นเอ๋อร์มีสติเลือนราง เขาจึงสั่งให้คนยกนางลงไป

หยางเซิ่นเอ๋อร์สามารถได้ยินเสียงรอบข้าง แต่กลับไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ ลำคอก็แห้งผาก พูดอันใดไม่ออกสักคำ

กระบี่หลงหยวน…คนคนนั้น…

“มีคนออกมาอีกแล้ว!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนอย่างตกใจจากในฝูงชน

เงาร่างของคนสองคนออกมาพร้อมกัน

ในลานประลองเกิดความวุ่นวายไปหมด

คาดไม่ถึงว่าจะโดนคัดออกทีเดียวพร้อมกันสองคน!

อวี่เหวินจิงหงลดมือลงด้วยความตกใจ

“สองคนนั้นเป็นผู้ชาย!”

นั่นก็หมายความว่า ในอาณาจักรเทพเทียนลิ่ง เหลือเพียงสองคนสุดท้ายเท่านั้น!

และฉู่หลิวเยว่…ก็เป็นหนึ่งในนั้น!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *