ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 541 ยื่นมือเข้าช่วย [รีไรท์]
ตอนที่ 541 ยื่นมือเข้าช่วย [รีไรท์]
กลุ่มคนเหล่านั้นหันกลับมามองหาต้นเสียง ก่อนจะเห็นแม่นางแสนสวยในชุดสีแดงสดยืนอยู่
ซึ่งนางผู้นั้นก็คือ ฉู่หลิวเยว่!
ใบหน้างามผ่องแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าคำถามเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงการหยอกล้อ
แต่ใครๆ ก็ดูออกว่าศึกการแย่งที่นั่งของสองศิษย์ต่างสำนักนี้ ความจริงแล้วเกิดจากการที่ฝั่งพันธมิตรเก้าดาราต้องการยั่วโมโหและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหนึ่งในสี่สำนักวิชาที่ยิ่งใหญ่ อย่างสำนักชงซู่เก๋อ
และใครก็ตามที่ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงในเวลานี้ ก็หมายความว่าเขาเองก็มีส่วนร่วมในความผิดครั้งนี้ด้วย!
แล้วเหตุใดจู่ๆ คนดีอย่างฉู่หลิวเยว่ถึงต้องเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องพรรค์นี้ด้วยเล่า?
เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่หลิวเยว่ ชายหนุ่มจึงยับยั้งความจองหองของตนลงเล็กน้อย
มีข่าวลือว่านางมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเจี่ยนเฟิงฉือและมู่ชิงเห่อ และไม่ว่าข่าวลือนั่นจะเป็นอย่างใด แต่พวกเขาก็ไม่ควรเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับนางจะดีกว่า
ใบหน้าที่ดุร้ายของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแก้เก้อ
“คุณหนูฉู่ เจ้าหมายความเช่นไรหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วถามกลับ
“อา คุณชายอย่าได้เข้าใจผิด ข้าแค่สงสัยเล็กน้อยเฉยๆ ว่า ในเมื่อที่ตรงนี้เป็นของผู้อื่น เหตุใดพวกเจ้าถึงอยากไขว่คว้ามันมาล่ะ?”
คำพูดของฉู่หลิวเยว่นั้นตรงไปตรงมา จนชายหนุ่มแทบสำลักน้ำลายตัวเอง
“หากข้าจำไม่ผิด…ดูเหมือนว่าแม่นางผู้นี้คือจะเป็นคนจากนอกชายแดนม่านฟ้าที่คนของพันธมิตรเก้าดาราพาเข้ามา และน่าจะยังไม่ได้ผ่านพิธีรับศิษย์ของสำนักพวกเจ้า ฉะนั้นแล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงเรียกกันราวกับเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันจริงๆ เล่า?”
คราวนี้ใบหน้าของแม่นางในชุดสีม่วงพลันบูดบึ้งดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที
นี่ฉู่หลิวเยว่กำลังฉีกหน้านางต่อสาธารณชนหรือ!?
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังเด็กสาวหน้ากลมและถามด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อครู่ข้าได้ยินว่า มีเพียงศิษย์จากสี่สำนักใหญ่เท่านั้น ที่สามารถนั่งตรงนี้ได้ ใช่หรือไม่?”
เด็กสาวหน้ากลมที่ไม่คิดว่าฉู่หลิวเยว่จะช่วยตน รีบพยักหน้าตอบอย่างไว
“ใช่แล้ว สี่สำนักใหญ่คือสำนักวิชาฝึกตนอันดับต้นๆ ของเมืองซีหลิง ซึ่งได้แก่ สำนักภูเขาเขี้ยวมังกร
หลิงอวิ๋นจงหรือสำนักหลิงอวิ๋น สำนักกระบี่เมฆาม่วง และก็สำนักชงซูเก๋อของเรา และในตอนที่ข้าเข้ามา คนรับใช้ตัวน้อยก็ได้แจ้งข้าแล้วว่าที่ตรงนี้เป็นของข้า”
ถึงจะพูดว่าเป็นแค่ที่นั่ง แต่มันก็แสดงถึงต่ำแหน่งของนางด้วย
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเข้าใจ พลางหันมองสองชายหญิงที่มาจากพันธมิตรเก้าดารา
“เนื่องจากตำแหน่งนี้สงวนไว้สำหรับสี่สำนักใหญ่ เช่นนั้นข้าขอถาม..สำนักพันธมิตรเก้าดารารวมอยู่ในนั้นด้วยหรือไม่?”
สองคนนั้นรู้สึกอับอายทันที
ฉู่หลิวเยว่จงใจหักหน้าพวกเขาด้วยคำถามนี้!?
เพราะตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในสี่สำนักใหญ่ จึงต้องการเขี่ยชงซูเก๋อทิ้ง แล้วดันสำนักตัวเองขึ้นไปแทน พวกเขาถึงตั้งใจหาเรื่องเด็กหน้ากลมนั่น เพื่อทำให้แผนการนี้ลุล่วง!
แต่นางกลับถามเช่นนนี้ แล้วจะให้พวกเขาตอบไปว่าอย่างใด?
สตรีชุดม่วงเอ่ยอย่างฉุนเฉียว
“ชงซูเก๋อในตอนนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตแล้ว! แม้แต่อันดับของนางจากการแข่งงานหมื่นทูร ก็ยังตามหลังข้าเลย! แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้ว ว่านางไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งตรงนี้!”
ฉู่หลิวเยว่ถามต่อ
“เจ้าอันดับที่เท่าใด?”
สตรี
ชุดม่วงเชิดหน้าขึ้น
“สามสิบห้า!”
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็หันไปถามเด็กสาวหน้ากลม “เจ้าล่ะ?”
เด็กสาวหน้ากลมก้มหน้าด้วยความเขินอาย
“สี่สิบเอ็ด…”
ความจริงแล้วลำดับของทั้งคู่ไม่ห่างกันมากนัก อีกทั้งหากเทียบกับผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ในนี้แล้ว เด็กสาวหน้ากลมนั้นยังเด็กมาก แต่ทว่ากลับทำได้ดีเพียงนี้ ถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ
สตรีชุดม่วงยิ้มเย็น
“ถึงข้าจะเพิ่งมาถึงซีหลิงได้ไม่นาน แต่ข้าก็รู้ว่าซีหลิงมีธรรมเนียมที่ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะได้รับการยกย่อง! ในเมื่อลำดับของข้าสูงกว่านาง และมีพลังที่แข็งแกร่งกว่านาง แล้วเหตุใดข้าถึงนั่งตรงนี้ไม่ได้?”
เด็กสาวหน้ากลมหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากของนางสั่นระริกพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะนางมันไร้ประโยชน์!
ถ้านางทำได้ดีกว่านี้ในงานหมื่นทูร นางคงไม่ถูกคนอื่นดูหมิ่นจนส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของสำนักวิชา!
“แล้วข้าเล่า?”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ย
สตรีชุดม่วงชะงักไปเล็กน้อย “อันใดของเจ้า?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง
“ข้าได้ที่หนึ่ง เช่นนั้น ข้าก็ยิ่งมีคุณสมบัติที่จะนั่งตรงนี้มากกว่าเจ้าสิ?”
สตรีชุดม่วงพูดติดอ่างราวกับสำลักอันใดบางอย่าง
“ตะ แต่ว่า…เดิมทีเจ้าไม่ได้สนใจเรื่องที่นั่ง! เจ้าแค่อยากทำให้เราขายหน้า?”
“ข้าจะสนใจหรือไม่ก็เป็นเรื่องของข้า เจ้าแค่ตอบคำถามเมื่อครู่มาก็พอ”
ฉู่หลิวเยว่มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นี่เจ้า…”
ไฟแค้นในใจของสตรีชุดม่วงลุกโชติช่วง พร้อมน้ำเสียงที่หวีดแหลมเสียดหูกว่าเดิม
“ฉู่หลิวเยว่ วันนี้เจ้าเลือกจะช่วยพวกชงซูเก๋อใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็จงคิดอีกครั้ง เพราะหากเจ้าทำเช่นนั้น เจ้าจะถือว่าเป็นศัตรูกับพันธมิตรเก้าดาราของพวกเรา!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะร่า
“ก็แค่ที่นั่ง จำต้องจริงจังเช่นนั้นเลยหรือ? แต่ถ้าจะให้พูดอีกรอบ…ข้าก็จะตอบว่า ใช่”
คำตอบนี้ทำเอาสตรีชุดม่วงหน้าบึ้งกว่าเดิม
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างหุนหันพลันแล่น และถูกชายที่อยู่ข้างๆ เอ่ยรั้งไว้
“ศิษย์น้อง!”
ถ้าแค่ฉู่หลิวเยว่คนเดียว เขาคงไม่กลัวหรอก แต่บุคคลที่อยู่เบื้องหลังนางอย่างเจี่ยนเฟิงฉือกับมู่ชิงเห่อนี่สิ!
ตอนนี้มีข่าวลือไปทั่วเมืองซีหลิงว่าทั้งคู่ตกหลุมรักฉู่หลิวเยว่ และไม่ว่าฉู่หลิวเยว่จะเลือกใครก็ตาม ในอนาคตทั้งสถานะและอำนาจของนาง จักต้องอยู่ในต่ำแหน่งที่สูงส่งจนประเมินค่าไม่ได้แน่นอน!
หากพวกเขาคิดเป็นศัตรูกับนาง ก็ไม่ต่างกับหาเรื่องใส่ตัวเลยหรือไร?
“ศิษย์พี่!” แม่นางคนนั้นไม่พอใจ พลันสบตาเชิงเตือนกลายๆ ของชายคนนั้น และในที่สุดนางก็เงียบปาก และเบือนหน้าหนีอย่างไม่เต็มใจ
ชายคนนั้นเป็นฝ่ายพูดกับนางบ้าง
“ถ้าคุณหนูฉู่ต้องการที่นั่งตรงนี้ เช่นนี้พวกเราก็จะไม่ขัดความต้องการของเจ้า เชิญเลย คุณหนูฉู่…”
พูดจบเขาก็ดึงสตรีชุดม่วงเดินไปอีกทาง
เด็กสาวหน้ากลมมองฉู่หลิวเยว่อย่างสับสนระคนซาบซึ้ง
ฉู่หลิวเยว่หันมองเด็กสาว พลางยกยิ้มบางเบา
“เจ้านั่งตรงนี้ต่อไปเถอะนะ”
“แต่ว่าเจ้า…”
“ข้าไม่สนใจเรื่องที่นั่งหรอก ข้าแค่ไม่ชอบพวกเขา และเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ฉู่หลิวเยว่ตบไหล่นางเบาๆ
เด็กสาวหน้ากลมหันขวับมองหน้าฉู่หลิวเยว่ทันควัน
นี่ฉู่หลิวเยว่ตั้งใจช่วยนางมาตั้งแต่แรกแล้วหรือ!?
เนื่องจากชงซูเก๋อกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้คนจากสำนักวิชาจึงถูกเยาะเย้ยและเหยียดหยาม และมีเพียงไม่กี่คนที่ยังยืนหยัดสู้
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนนอกสำนักยื่นมือเข้ามาช่วยนางต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้
อีกทั้งยังเป็นฉู่หลิวเยว่ บุคคลที่พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อนอีก
“ขอบคุณ ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ…”
เด็กสาวหน้ากลมทำอันใดไม่ถูก
“ข้า…ข้าไม่รู้ว่าจะต้องตอบแทนน้ำใจของเจ้าเช่นไรดี…”
ฉู่หลิวเยว่จึงเอ่ยถาม
“เจ้ามีนามว่าอย่างใด? อายุเท่าไร?”
เด็กสาวหน้ากลมตอบตามความจริง
“ข้าชื่อ เย่หรานหร่าน และอีกหนึ่งเดือนข้าก็จะอายุครบสิบสี่ปีเต็ม”
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง
ตอนแรกนางมองว่าอีกฝ่ายนั้นอายุราวสิบห้าหรือสิบหกปี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเย่หรานหร่านจะเด็กกว่านางเพียงสองสามเดือนเท่านั้น
เมื่อเดาได้ว่าฉู่หลิวเยว่กำลังคิดเช่นไร ใบหน้ากลมๆ นั่นก็มีริ้วแดงๆ พาดผ่าน
“ข้าแค่กินเยอะไปหน่อย ก็เลย…ดูแข็งแรงกว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย…”
ความขัดเขินของนาง ทำเอาฉู่หลิวเยว่ถึงกับเอ็นดูอีกฝ่ายไม่หยอก
นี่มันพฤติกรรมของเด็กแรกเกิดชัดๆ ทางชงซูเก๋อขาดคนหรือ ถึงได้ส่งเด็กน้อยแก้มกลมมาเช่นนี้
“ไม่เป็นไร เจ้ามีพรสวรรค์อยู่แล้ว ตราบใดที่เจ้าฝึกฝนให้ดี ในอนาคตเจ้าจักแข็งแกร่งขึ้นอีกแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างแน่วแน่
พลันดวงตาของเย่หรานหร่านก็ทอประกายแวววับ
“ท่านจ้าวสำนักเองก็พูดเช่นนี้ แต่…แต่ข้าคิดมาตลอดว่าเขาแค่พูดปลอบใจข้า…”
นางพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่แอบถอนหายใจ
“จริงเลยเชียว อีกอย่างนะ ถ้าในอนาคตเจ้าถูกรังแกอีก ก็ให้โต้กลับไปเลย”
เย่หรานหร่านพยักหน้าอย่างจริงจัง แต่ในขณะที่กำลังจะถามคำถามเพิ่มเติม นางกลับได้ยินเสียงบางอย่าง
“จ้าวสำนักกระบี่เมฆาม่วง มาถึงแล้ว!”
Comments