ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 691 คุ้นเคย

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 691 คุ้นเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 691 คุ้นเคย

“คุ้มกันองค์หญิง!”

ผู้อาวุโสชิวซีตอบสนองอย่างรวดเร็วพลันตะโกนลั่น!

ผู้คนที่อยู่รอบข้าง และโดยเฉพาะกองทัพทหารม้าทมิฬต่างก็ล้อมวงเข้ามาทางนี้

แต่ถึงพวกเขาจะเร็วเพียงใด ทว่ารอยแยกบนพื้นกลับแตกขยายออกไวกว่า!

เกิดรอยทรุดของหน้าดินขึ้นมากมาย!

ทุกคนล้วนกระจายตัวกันหนี!

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีบางคนตกลงไปในรอยแตกบนพื้น!

ทั้งขบวนเสียสมดุลและกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง!

ต้นสนฉัตรหลายต้นที่เคลื่อนไหวช้าเองก็หนีไม่พ้น และตกลงสู่รอยแยกของพื้นดิน

เมื่อมองไปยังต้นสนฉัตรที่โดนธรณีสูบหายลงไปหลายต้น ฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดตอนนั้นพวกมันถึงตื่นตระหนกรีบหนีตายกันขนาดนั้น

ครืน!

เสียงบางอย่างดังขึ้น

ฉู่หลิวเยว่ก้มมองทันที ก่อนจะเห็นรอยแยกที่ขยายตัวมาถึงปลายเท้าของตน!

ทันใดนั้น ถวนจื่อก็กระโดดขึ้นจากไหล่ของนาง แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้า!

“ถวนจื่อ!”

ฉู่หลิวเยว่ร้องลั่นเมื่อเห็นถวนจื่อกระโดดข้ามรอยแตกเหล่านั้น และวิ่งเข้าไปยังส่วนลึกของป่าหมอกมายา!

“กลับมานี่!”

ถวนจื่อชะงักพลันหันกลับมามองนางแวบหนึ่ง แล้ววิ่งหายเข้าไปในป่าลึก!

ฉู่หลิวเยว่พลันฉุกคิดขึ้นมาว่า

หรือว่า…ถวนจื่อต้องการในนางตามมันไป?

นี่มันคิดจะทำอันใดกันแน่?

ฉู่หลิวเยว่ใช้เวลาไตร่ตรองเพียงชั่วครู่ ก่อนจะกัดฟันแล้วดีดตัวออกไปทันที!

“หลิวเยว่ นั่นเจ้าจะไปไหน!?”

แค่มู่หงอวี่ละสายตาเพียงแวบเดียว ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่อยู่ที่เดิมแล้ว

ใบหน้างามเต็มไปด้วยความงุนงง แต่กระนั้นก็ยังตะโกนถามตามหลังหลังฉู่หลิวเยว่ไป

สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านใบหูของนางไประลอกหนึ่ง

เป็นเชียงหว่านโจวที่วิ่งตามฉู่หลิวเยว่ไปอย่างเงียบๆ!

“นี่เจ้า…”

มู่หงอวี่อยากจะเรียกพวกเขากลับ แต่ก็เห็นว่าร่างของทั้งสองนั้นค่อยๆ จางหายไปแล้ว

นางจึงหันมามองเย่หรานหร่าน

“เช่นนี้แล้ว เราจะทำอย่างใดกันดี?”

เย่หรานหร่านเบิกตากว้าง

“แน่นอนว่าต้องตามไปสิ!”

ก่อนมาที่นี่ นางได้สัญญากับเจ้าสำนักเก๋อและท่านอาจารย์ไว้แล้วว่า นางจะไม่ทอดทิ้งหรือขัดขวาง

ฉู่หลิวเยว่กับเชียงหว่านโจวเด็ดขาด!

ต่อให้ข้างหน้าจะต้องเจอกับอันตรายใดๆ นางก็ตามพวกเขาไปแน่นอน!

มู่หงอวี่พยักหน้าเห็นด้วย

“ดี! เช่นนั้นก็ไปกัน!”

หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็ถอนหายใจและก้าวเท้าเดินไปพร้อมกัน!

ในชั่วพริบตา คนทั้งสี่ก็แยกตัวออกไป

ในเวลานี้ ทั่วทั้งผืนป่าตกอยู่ในความโกลาหล เกิดรอยแยกลึกเสมือนหุบเหวแพร่กระจายไปทั่วพื้นดิน ทุกคนพยายามที่จะหลบหนีอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นการหายตัวไปของคนเหล่านี้

ในอีกด้านหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของผู้อาวุโสชิวซีและผู้อาวุโสตวนมู่ ซั่งกวนหว่านก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

และแล้วเมื่อผ่านไปนานหลายชั่วยาม ในที่สุดสถานการณ์ที่วุ่นวายก็ค่อยๆ สงบลง

พื้นดินเต็มไปด้วยร่องลึกสุดลูกหูลูกตา และบางแห่งก็กว้างพอที่จะกลืนคนได้ ราวกลับจะทะลุทะลวงลงไปยังแกนโลกอย่างใดอย่างนั้น

เดิมทีมันเป็นป่าเขียวขจีที่กว้างใหญ่ ทว่าเพียงชั่วพริบตาทุกอย่างกลับราบเป็นหน้ากลอง ต้นไม้หลายต้นกลับถูกกลืนหายไป คนหลายคนบาดเจ็บสาหัสจนและยากที่จะเคลื่อนย้าย

ทั้งเศษไม้ ใบไม้ ฝุ่นดิน และหยดเลือด…

แค่มองก็รู้สึกไม่ดีแล้ว

ซั่งกวนหว่านหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ

“นะ นี่มันเรื่องอันใดกัน? หรือจะเป็นแผ่นดินไหว!?”

มู่ชิงเห่อขมวดคิ้ว แล้วมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดมากกว่าเดิม พลางเอ่ยเสียงทุ้ม

“เกรงว่าคง…ไม่ใช่เช่นนั้น! หากเดาไม่ผิด คงเป็นเพราะสัตว์อสูรระดับเก้าตัวนั้น…”

เจียงอวี่เฉิงมองตามสายตาของมู่ชิงเห่อ

“ขนาดก่อนทะลวงขั้นพลังปราณได้ ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ตกลงมันคือตัวอันใดกันแน่?”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสัตว์อสูรระดับเก้า

เมื่อก่อนเขาก็เคยเห็น อย่างเช่นไก่ฟ้าเก้าสีของซั่งกวนเยว่

แต่มันดูไม่ได้ร้ายกาจเหมือนเจ้าตัวนี้…

ที่เพียงแค่ส่งเสียงคำราม ก็ทำให้พื้นดินในระยะไม่กี่ลี้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้!?

ซั่งกวนหว่านกัดริมฝีปากแน่น ในใจเต็มไปด้วยความสับสน

ใจหนึ่งนางก็รู้สึกกลัว แต่อีกใจก็ต้องการเห็นว่ามันเป็นสัตว์อสูรชนิดใด

ก่อนทะลวงขั้นพลังปราณได้ยังแกร่งกล้าเพียงนี้ หากรอให้มันกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์…มิใช่ว่ามันจะยิ่งทวีความดุร้ายขึ้นอีกหรือ?

เจียงอวี่เฉิงเผลอก้าวเท้าออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ พลันสัมผัสได้ถึงอันใดแปลกๆ ที่เหยียบอยู่ใต้เท้าของเขา

เขาก้มหน้ามองดู

“นี่มันอันใด?”

หลังจากเอาเท้าเขี่ยใบไม้และฝุ่นบนพื้นออก เขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังเหยียบอันใดบางอย่าง ที่มีความหนาเท่าหัวแม่มือ…รากไม้หรือ?

มันคือรากของต้นสนฉัตร

เจียงอวี่เฉิงถอนหายใจอย่างโล่งอก

เมื่อครู่เกิดความโกลาหลขึ้นมากมาย และต้นสนฉัตรจำนวนมากก็หักพังลงมาทีละต้น เผยให้เห็นรากของมันที่ยื่นออกมาเหนือพื้นดิน

เขายกเท้าขึ้นเขี่ย เชิงอยากจะเตะรากไม้นั่นออกไป

ทว่าในขณะที่เขากำลังใช้เท้าแตะรากไม้ รากต้นไม้นั่นก็ยืดออกแล้วพันรอบข้อเท้าของเขาโดยตรง!

เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้ว พร้อมรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

เขายกเท้าขึ้นเพื่อสลัดมันออก แต่กลับพบว่ารากของต้นไม้นั้นพันแน่นมาก

สีหน้าของเจียงอวี่เฉิงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา พลันคว้ากริชออกไปหมายตัดมัน!

พรึบ!

แต่จู่ๆ รากไม้นั่นก็กระชากร่างของเจียงอวี่เฉิงขึ้น แล้วสะบัดโยนเขาลงไปในร่องเหวลึก!

“อวี่เฉิง!”

“องค์ชายใหญ่!”

ทุกคนต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นฉากนั้น!

มีคนวิ่งเข้าไปหมายจะคว้าตัวเจียงอวี่เฉิงไว้

แต่เพราะเพิ่งหนีจากเหตุการณ์แผ่นดินทรุดตัว ทำให้พวกเขาอยู่ห่างไกล เกินกว่าจะเข้ามาช่วยได้ทัน

อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้กว่าทุกคนจะตั้งตัวได้ทัน ร่างของเจียงอวี่เฉิงก็หายลับไปในร่องเหวลึกเสียแล้ว!

“รองแม่ทัพมู่! มันเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างใด!?”

ซั่งกวนหว่านถามอย่างโกรธเคืองสุดขีด

แต่ก่อนที่มู่ชิงเห่อจะได้ตอบกลับ เขาก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติใต้ฝ่าเท้า พลันก้มหน้ามองทันควัน

ข้อเท้าทั้งสองข้างของเขาถูกรากต้นไม้พันโดยไม่รู้ตัว!

และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เขา!

แต่คนอื่นๆ เองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกัน!

พรึบ!

พรึบ พรึบ!

เพียงเสี้ยววินาที ทุกคนก็ถูกจับโยนลงไปในร่องเหวลึก!

แม้แต่ซั่งกวนหว่านเองก็ถูกรากไม้พันข้อเท้าไว้ก่อนที่นางจะได้ร้องโวยวายเสียอีก!

ไม่นาน ร่างของทุกคนก็หายวับไปจากผืนป่า!

จากนั้น รอยแยกบนพื้นก็ค่อยๆ ปิดลง!

และต้นสนฉัตรที่เคยฉีกขาดและเอียงเอนหลุดจากหน้า ก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว

ก่อนจะมีสายลมกระโชกแรงพัดมา จนใบไม้ร่วงหล่นทับถมนับไม่ถ้วน

และแล้วป่าหมอกมายาก็กลับสู่สภาพเดิมราวกับว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้น

กรร!

เสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นอีกครั้ง!

กลุ่มเมฆสีดำปกคลุมไปทั่วท้องนภาและผืนป่าทั้งหมดก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด

หมอกสีแดงบางๆ แผ่กระจายออกไป

เมื่อหมอกสีแดงโปรยลงมา ใบไม้สีเขียวก็เหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว แล้วร่วงหล่นลงมา

และหลังจากนั้นไม่นาน ใบไม้สีทั้งหมดก็ร่วงหล่น เหลือเพียงต้นไม้ที่มีแต่กิ่งก้านเปลือยเปล่า

แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบเพียงเท่านี้

หมอกสีแดงขดตัวไหลผ่านกิ่งก้านสาขานับไม่ถ้วนอย่างเงียบเชียบ กิ่งก้านเหล่านั้นก็พลันเหี่ยวเฉาลงทันตา

ส่งผลให้ลำต้นแห้งๆ นั้นขดงอบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว

เมื่อมองดูภาพนั้นภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดเช่นนี้ ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาในป่ายิ่งดูเหมือนโครงกระดูกที่มีฟันและกรงเล็บแหลมคม

ราวกับป่าอาถรรพ์

ถวนจื่อวิ่งเร็วมาก อีกทั้งยังวิ่งเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ

ทุกครั้งที่มันวิ่งไปได้พักหนึ่ง มันจะหันกลับมามองฉู่หลิวเยว่ เพื่อให้แน่ใจว่านางยังตามมันมาอยู่ จากนั้นจึงเดินหน้าต่อไป

ฉู่หลิวเยว่ตามมันไปติดๆ

เมื่อครู่ก่อนถวนจื่อยังดูดีๆ อยู่เลย แต่พลังจากการเกิดเหตุการณ์ธรณีอาละวาด ท่าทีของมันกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ยิ่งฉู่หลิวเยว่เข้าไปข้างในป่าลึกมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตัวเอง

ถวนจื่อต้องการพานางไปที่ไหนสักแห่งจริงๆ!

เมื่อมองดูรูปร่างที่ดูเลือนรางของถวนจื่อ จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็นึกสงสัยขึ้นมาในใจ

เหตุใดถวนจื่อถึงดูคุ้นเคยกับป่าหมอกมายาแห่งนี้กัน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด