ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 703 ปิดบัง
ตอนที่ 703 ปิดบัง
น้ำเสียงของเจียงอวี่เฉิงผสมผสานไปด้วยความตกใจและลังเล ทว่านัยน์ตากลับฉายแววตื่นตาตื่นใจออกมาอย่างปิดไม่มิด
ชัดเจนว่าเขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านประสบการณ์เสี่ยงตายมาก ในที่สุดเขาก็อยู่ตรงนี้! ตรงที่สัตว์อสูรระดับเก้ากำลังดูดกลืนพลังจากทัณฑ์สวรรค์!
เมื่อก่อนเขาทำได้เพียงวาดฝัน แต่ตอนนี้กลับได้เห็นมันเต็มสองตา เช่นนั้นจะไม่ให้เขามีความสุขได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ากลับไปอย่างใจเย็น
มาถึงขนาดนี้แล้ว อีกทั้งทัณฑ์สวรรค์ที่ผ่าลงมานับไม่ถ้วน แม้แต่คนโง่ยังดูออกเลยว่าสิ่งที่อยู่ตรงนั้นคืออันใด
เจียงอวี่เฉิงลุกขึ้นและต้องการเดินไปข้างหน้า
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
มีพี่เหลยสี่ยืนเฝ้าอยู่ขนาดนั้นทั้งคน ถ้าเจียงอวี่เฉิงเดินผ่านไปได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นคงพิลึกพิลั่นน่าดู
ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เกรงว่าหากพี่เหลยสี่ลงมือจริงๆ เจียงอวี่เฉิงคงไม่ได้มีโอกาสได้แสดงฝีมือถึงสิบกระบวนท่าด้วยซ้ำ
หรือไม่มู่ชิงเห่อคงห้ามปรามเขาเอง
“องค์ชายใหญ่ขอรับ ที่ตรงนั้นอันตรายมาก ข้าว่าเรานั่งดูมันห่างๆ จากตรงนี้จะดีกว่า”
เจียงอวี่เฉิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
เมื่อครู่พวกของฉู่หลิวเยว่เองก็วิ่งมาจากทางนั้น แล้วเหตุใดพวกเขาถึงวิ่งไปทางนั้นบ้างไม่ได้?
แค่ตกอยู่ในสภาพเหม็นบูดนี้ก็น่าอับอายมากเกินพอแล้ว ถ้ายังเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ มันจะไม่ดูขี้ขลาดเกินไปหน่อยหรือ
เจียงอวี่เฉิงไม่ฟังเขา พลางเดินหน้าต่อ
แต่ทว่า หลังจากเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ เขาก็เกิดปวดแสบปวดร้อนบริเวณท้องน้อย!
ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงซีดลงทันที เขาซวนเซและเกือบจะล้มลงกับพื้น
มู่ชิงเห่อพุ่งตัวไปข้างหน้าแล้วพยุงเขาไว้อย่างว่องไว พลันขมวดคิ้ว
“องค์ชายใหญ่ เป็นอันใดหรือเปล่า?”
หน้าผากของเจียงอวี่เฉิงเต็มไปด้วยผดเหงื่อ เนื่องจากความเจ็บปวดอันรุนแรงนั่น ริมฝีปากของเขาสั่นเครือจนแทบพูดไม่ออก
เมื่อก่อนเขารู้สึกแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่มันจะเจ็บหนักเหมือนครั้งนี้!
มันเจ็บแสบราวกับมีเปลวไฟพุ่งทะลุช่องท้องส่วนล่างของเขา และตรงเข้าไปในจุดตันเถียน!
และนี่เป็นครั้งแรกที่มู่ชิงเห่อเห็นเจียงอวี่เฉิงเจ็บปวดเช่นนี้ เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายกำลังเจ็บเพราะผลพวงจากต้นสนฉัตร
“องค์ชายใหญ่โปรดพักผ่อนก่อนเถิด ร่างกายของท่านสำคัญที่สุด!”
แม้เจียงอวี่เฉิงต้องการจะปฏิเสธ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถพูดอันใดได้เลย
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาเล็กน้อย
ทว่าในขณะที่เจียงอวี่เฉิงกำลังจะนั่งลง กลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นหายไปแล้ว
แต่สัมผัสที่เจ็บแสบจนถึงกระดูกนั่น ยังคงฝังลึกอยู่ในใจเขาและไม่เคยจางหายไป
เกิดความกลัวและความกังวลขึ้นในใจของเจียงอวี่เฉิง
หากครั้งเดียวคงพอเข้าใจได้
แต่ถ้าสองครั้งล่ะ?
หรือสามครั้ง?
นั่นหมายความว่าร่างกายของเขาจะต้องมีปัญหาแน่ๆ!
แต่ครั้นคิดซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหาคำตอบ เขาก็คิดไม่ออกว่ามันเกิดอันใดขึ้น!
ตอนนั้น “เซี่ยมู่” ได้ใช้พู่กันวาดจุดเลือดไว้บนร่างกายของเขา
ซึ่งไม่ว่าจะบาดเจ็บหนักเพียงใด ตราบใดที่ได้รับการรักษาอย่างดี ในไม่ช้าก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง
แต่พอเวลาผ่านไป บาดแผลของเขาก็เริ่มไม่ค่อยสมานตัวกันดั่งเมื่อก่อน
และในบางครั้ง อาการปวดแสบปวดร้อนแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้น!
แต่เจียงอวี่เฉิงไม่กล้าเปิดเผยสิ่งนี้ต่อคนภายนอก ดังนั้นเขาจึงทำเพียงพยักหน้าตอบกลับโดยไม่พูดอันใด
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกคันที่คอ ก่อนจะหันไปเห็นถวนจื่อที่กำลังดึงผมของนาง พลางกระดิกหางราวกับต้องการกลับไป
ไม่รู้ว่าที่นั่นมีอันใด ที่ดึงดูดให้มันอยากกลับไปนักหนา…
ฉู่หลิวเยว่ตบหัวของมันเพื่อตอบรับ แล้วหันไปมองเจียงอวี่เฉิง
“องค์ชายใหญ่เจียง เช่นนั้นท่านก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ แล้วให้พวกข้าไปดูสัตว์อสูรระดับเก้าให้ท่านดีหรือไม่? สาหตุที่องค์หญิงมาที่นี่ก็เพราะเลือดของสัตว์อสูร หากเราพลาดโอกาสนี้ไป จะไม่รู้สึกเสียดายแย่เลยหรือ?”
เจียงอวี่เฉิงอยากไปด้วยตัวเอง
แต่สภาพของเขาในตอนนี้คงไม่ไหวแน่นอน เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าตกลง แล้วหันไปมองมู่ชิงเห่อ
“เจ้าไปกับพวกเขาเถอะ”
มู่ชิงเห่อแข็งแกร่งมาก หากเขาไปด้วย จะเป็นกำลังที่สำคัญของพวกนางได้
ฉู่หลิวเยว่เปลือกตากระตุกราวไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอันใดออกมา
“แต่ว่าร่างกายขององค์ชายใหญ่…” มู่ชิงเห่อเอ่ยตอบอย่างลังเล
“เจ้าไปกับพวกเขาเถิด ร่างกายของข้าเป็นอย่างใด ข้ารู้ตัวดี”
เจียงอวี่เฉิงทำหน้าตาจริงจัง
มู่ชิงเห่อจึงไม่ลังเลอีกต่อไป พลันลุกขึ้นยืน
“ขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มบาง
“มีรองแม่ทัพมู่อยู่ พวกข้าก็สบายใจขึ้นเยอะ”
สีหน้าของมู่ชิงเห่อยังคงเย็นชา จากนั้นก็เดิมตามพวกเขาไปยังพื้นที่ด้านหน้า
…
เมื่อได้ยินฝีเท้าของพวกฉู่หลิวเยว่ พี่เหลยสี่ก็หันกลับไปมอง
แต่คราวนี้ สายตาของเขากลับจับจ้องไปยังมู่ชิงเห่อที่เดินตามหลังมา
พลันแววตาของพี่เหลยสี่ ก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอันบ้าคลั่ง!
ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันสังเกตเห็นอีกฝ่าย คิดไม่ถึงเลยว่าผู้มาใหม่จะเป็นชายคนนี้!?
เขากำค้อนในมือแน่น พลังปราณทั่วทั้งร่างพลุ่งพล่านขึ้นมา!
เมื่อมู่ชิงเห่อสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ก็เงยหน้าขึ้นมองทันที
ทั้งสองคนสบตากัน
ก่อนที่มู่ชิงเห่อจะรู้สึกได้ถึงไอสังหารของอีกฝ่าย!
ซึ่งไม่นานเขาคงจะลงมือ!
มู่ชิงเห่อขมวดคิ้วมุ่น
ชายผู้นั้นเป็นใคร? เหตุใดจักดูมีความแค้นกับเขานัก?
แต่ก่อนที่มู่ชิงเห่อจะได้คิดเป็นจริงเป็นจัง จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาขวางทางเขา
ซึ่งก็คือ ฉู่หลิวเยว่
สายตาของมู่ชิงเห่อเคลื่อนมามองฉู่หลิวเยว่แทน
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้ใส่ใจ และมุ่งหน้าเดินไปหาชายผู้นั้น พลางตะโกนเรียก
“ท่านพี่เหลย!”
และพอได้ยินเสียงเรียก พี่เหลยสี่ถึงได้ตั้งสติ พร้อมไอสังหารที่ค่อยๆ จางลง
แต่สีหน้าที่ปรากฏบนใบหน้าของเขานั้น ดูแล้วก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์เพียงใด
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้ายืนอยู่ตรงหน้าเขา แล้วยิ้มบาง
“ท่านพี่เหลยโปรดอย่าได้กังวล ท่านผู้นี้คือรองแม่ทัพมู่ ผู้ที่ข้าเคยเกริ่นกับท่านไปแล้วก่อนหน้านี้ เขาเดินทางมากับพวกข้า ไม่มีพิษภัยแน่นอน”
พี่เหลยสี่มองฉู่หลิวเยว่อย่างสงสัย
คำพูดของนาง…ฟังดูเหมือนกำลังปกปิดอันใดบางอย่าง?
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็หันไปมองมู่ชิงเห่อ แล้วอธิบายให้เขาฟัง
“รองแม่ทัพมู่ ท่านนี้คือพี่เหลยสี่ หรือท่านพี่เหลย ผู้รับผิดชอบในการปกป้องสัตว์อสูรระดับเก้าตัวนี้”
พี่เหลยสี่เข้าใจเจตนาของฉู่หลิวเยว่ในทันที
นางพยายามช่วยปกปิดตัวตนให้เขาอยู่สินะ?
เป็นความจริงที่เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนต่อหน้ามู่ชิงเห่อได้ แต่ทว่า…ฉู่หลิวเยว่มองออกได้อย่างใด?
เกิดความสงสัยมากมายขึ้นในใจของพี่เหลยสี่ ดวงตาของเขาสลับมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะมองไปยังทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็รีบถอนสายตาออกอย่างรวดเร็ว
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และขจัดความขุ่นเคืองในใจ พลันมองไปที่มู่ชิงเห่ออย่างเย็นชาและพูดด้วยความเย้ยหยัน
“มีตัวป่วนมาเพิ่มอีกแล้วหรือ? ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นรองแม่ทัพหรืออันใด แต่เจ้าต้องถอยห่างออกไปสิบก้าว และเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้มัน!”
มู่ชิงเห่อจ้องมองท่าทีดุร้ายของเขา จากนั้นก็มองไปค่ายกลสีรุ้งขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขา และหรี่ตาลงเล็กน้อย
เหตุใดสัตว์อสูรระดับเก้า ถึงได้ขอให้มนุษย์มาคอยปกป้องมันกันล่ะ…
แต่ดูเหมือนว่าพี่เหลยสี่คนนี้จะแข็งแกร่งกว่าที่คิด เนื่องจากในพื้นที่นี้เต็มไปด้วยการบีบบังคับอันน่าสะพรึงกลัว แต่เห็นได้ชัดว่าท่าทีของอีกฝ่ายนั้นดูสบายๆ กว่าพวกเขาเยอะ
หมายความว่าเขาน่าจะอยู่ที่นี่มานานแล้ว และเป็นไปได้มาก ว่าอีกฝ่ายมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรระดับเก้าจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ แล้วพูดว่า
“ท่านวางใจได้ พวกข้าจะยืนมองอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไปยุ่มย่ามเด็ดขาด ใช่หรือไม่ รองแม่ทัพมู่?”
มู่ชิงเห่อชะงัก ก่อนจะพยักหน้ากลับไป
พี่เหลยสี่สบทออกมาหนึ่งครั้ง
ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาสำคัญแล้ว เขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด!
มู่ชิงเห่อหรือ…ค่อยกลับมาจัดการก็ยังไม่สาย!
แต่ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับ ทันใดนั้น เขาก็เพ่งสายตาไปยังร่างๆ หนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
“แล้วเจ้านั่นมันเป็นใคร?”
Comments