ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 764 ตกลง
ตอนที่ 764 ตกลง
เศษนั้นบางมาก มีขนาดไม่เกินขนาดและดูไม่เตะตานัก
แต่เมื่อองค์ไท่จู่เห็น สีหน้าของเขาก็เผยให้เห็นความประหลาดใจทันที!
ผลึกใสเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยปราศจากการแรงกดอัดของผนึกนั้น!
เมื่อเขารู้สึกเคร่งเครียดจนถึงที่สุดก็หันไปเห็นชิ้นส่วนที่แตกนั้นลอยไปหาฉู่หลิวเยว่
เศษส่วนนั้นมีสีเขียวอ่อน ใสและแววาวและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามอย่างยิ่ง!
เนื้อที่เหนียวหนืดแทบจะขาดออกจากกันในขณะที่กำลังลอยมา!
เช่นเดียวกับที่มันลอยเข้าหาม่านน้ำอย่างช้าๆ แต่แน่วแน่เมื่อก่อนหน้านี้
จากนั้นฉากที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้น
เศษชิ้นส่วนนั้นไม่ได้ผ่านม่านน้ำโดยตรง แต่ค่อยๆ ละลายอย่างเงียบๆ!
ในไม่ช้า สีเขียวโปร่งใสก็ปรากฏขึ้นบนม่านน้ำใส
จากนั้นหยดน้ำสีเขียวเข้มหยดหนึ่งก็ค่อยๆ รวมตัวกันและลอยไปหาฉู่หลิวเยว่!
ฉู่หลิวเยว่ปล่อยตัวเองกลืนหยดน้ำนั้นตามธรรมชาติแล้วเปลี่ยนพลังงานที่อยู่ในนั้นให้เป็นพลังของตัวเอง!
กระแสบนร่างกายของนางกลับแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง!
กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
องค์ไท่จู่อ้าปากพูดแต่กลับรู้สึกไร้เสียง
เมื่อก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่ก็ดูดกลืนเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่พลังพอๆ กันไม่ใช่หรือ?
นี่ นี่มันคือการเอาพลังในผลึกใสมาเป็นของตัวเองงั้นหรือ?
เมื่อเห็นใบหน้าที่สงบนิ่งของฉู่หลิวเยว่และดูมีเลือดฝาดเล็กน้อย องค์ไท่จู่ก็รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองกังวลมากเกินไป
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลัง แต่เมื่อเจอกับฉู่หลิวเยว่กลับไม่เป็นเช่นนั้น…
ไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร!
องค์ไท่จู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอยหลังไปสามก้าวจากตำแหน่งที่อยู่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่ไปทางด้านขวาของนาง เพื่อให้นางสามารถ “ฉกชิง” พลังของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
เมื่อมองไปที่กษายะหางวายุที่นิ่งสงบตั้งแต่หัวยันหาง องค์ไท่จู่ก็คิดขึ้นได้ว่ามันน่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าฉู่หลิวเยว่จะทำเช่นนี้?
แน่นอนว่าอารมณ์ที่หยิ่งยโสและดูถูกเหยียดหยามนี้เหมือนกันทุกประการก็ตามมา!
เมื่อปล่อยวางความกังวลในใจเขาออกไป อารมณ์ขององค์ไท่จู่ก็คงที่มากขึ้นและเขาก็เริ่มยืนอยู่ด้านข้างเพื่อ…
ดูการแข่งขัน!
…
ฉู่หลิวเยว่ใช้เวลาในการบดเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ ในอาณาเขตเซียนเทพ
ตอนนี้นางไม่มีทางหนีไปไหนได้ และไม่มีทางติดต่อกับคนในโลกภายนอกได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงฝึกซ้อม
แต่ฉินอีและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างนอกไม่รู้ความเป็นไปของนางในเวลานี้ ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลมากเป็นปกติ
ฉินอีมองไปที่สีเขียวจางๆ บนตำแหน่งของกิ่งไม้ที่หัก ในใจก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
รอยปริแตกบนลำต้นไม้ที่ไม่รู้สาเหตุทำให้เขาเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
ผนึกนั้นควรจะถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
เขาจำได้แม่นว่าในเวลานั้นฉู่หลิวเยว่ก็ถูกกลืนด้วยแสงสีเดียวกันที่ด้านล่าง
เมื่อพิจารณาดูก็น่าจะพุ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ว
ถ้าระเบิดจริงๆ …เกรงว่ามันอันตรายมาก!
สิ่งนี้ทำให้เขากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของฉู่หลิวเยว่มากยิ่งขึ้น
ฉินอีกลั้นหายใจและตั้งสติก่อนเดินไปข้างหน้าทีละก้าวและยืนนิ่งอยู่หน้าลำต้นไม้
แม่พันธุ์ต้นนี้แข็งแรงมาก ขายืนอยู่หน้าลำต้นกลับดูตัวเล็กไปโดยสิ้นเชิง
ใบไม้ด้านบนร่วงหมดแล้ว
เมื่อยืนมองอยู่ใกล้ๆ ลำต้นมีรอยปริแตกเป็นช่องเล็กๆ นับไม่ถ้วน
ทุกรอยปริล้วนเต็มไปด้วยแสงประหลาดนั้น
ดูเหมือนว่าวินาทีต่อมามันจะพุ่งออก!
กล้ามเนื้อของฉินอีตึงขึ้น เขายื่นมือออกไป
อย่างใดก็ตาม ก่อนที่เขาจะแตะลำต้นของต้นไม้ แสงนั่นก็หรี่ลงทันที!
เพียงเสี้ยววินาที แสงทั้งหมดที่อยู่ในรอยแตกเล็กๆ ก็จางหายไป!
เงียบเป็นเป่าสาก!
ในที่สุดต้นสนฉัตรก็สงบลง ไม่ม้วนงอและเหี่ยวเฉาอีกต่อไป
เข็มที่ร่วงหล่นลงก็ได้ยินได้ทั่ว
ฉินอีหยุดชะงัก แสงสีเงินส่องวาบอยู่ในมือปรากฏขึ้นเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
เขาจ้องไปด้านหน้าพลางถือกระบี่ในมือทั้งสองข้างฟันอย่างช้าๆ และมั่นคง!
ขวับ!
แสงกระบี่ส่องสะท้าน!
เปลือกไม้ชั้นหนึ่งถูกลอกออก!
รอยกระบี่ลึกถูกทิ้งไว้บนแกนต้นไม้!
ฉินอีเพ่งมองและพบว่าภายในลำต้นก็ถูกกลืนหายไปด้วยพลังทั้งหมด เพราะมันก็เปราะมากเนื่องจากความแห้งกร้าน
มากไปกว่านั้นกลับมองไม่เห็น
กระแสที่น่ากลัวดูเหมือนจะสลายไป
สักพักก็สงบลงเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
ลมพัดหลังของฉินอีรู้สึกเย็นวาบ
เขาหลับตาลง ดึงกระบี่ออกแล้วก้าวถอยหลังช้าๆ
มู่หงอวี่และคนอื่นๆ ต่างมองจากด้านหลังด้วยสายตากระวนกระวาย ไม่กล้าแม้แต่กะพริบตาเพราะกลัวว่าจะพลาดอันใดไป
เมื่อเห็นหลังจากที่ฉินอียื่นกระบี่ออกไปและหันหน้ากลับมา ทุกคนก็ต่างประหลาดใจ
พี่เหลยสี่ห้ามใจไม่อยู่ จึงเริ่มก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและถามอย่างเร่งรีบ
“พี่ใหญ่ เป็นอย่างใดบ้าง?”
ฉินอีส่ายหัว
พี่เหลยสี่หน้าถอดสี
ส่วนปฏิกิริยาท่าทางของคนอื่นๆ ก็ชะงักเช่นกัน
ฉินอีถอนหายใจและอธิบาย
“สิ่งที่แน่นอนคือ ตอนนี้นางถูกพลังประหลาดขังอยู่ด้านล่าง ไม่มีทางออกมาได้ แท้จริงแล้วพลังนั้นควรจะพุ่งออกมา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันถอยกลับแทน”
พี่เหลยสี่รู้สึกตกใจ
“พี่ใหญ่ หมายความว่า…
“เจ้าน่าจะยังจำเหตุการณ์ที่เรามาที่นี่ครั้งแรกได้ใช่หรือไม่?”
ฉินอีชำเลืองมองเขาและหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ตอนนั้นเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับต้นแม่พันธุ์ กองกำลังวางแผนที่จะรีบออกไป แต่แล้วไก่ฟ้าเก้าสีก็ปรากฏตัวขึ้นและซ่อมแซมผนึกของมัน จากนั้นเหตุการณ์ก็จบลง”
ดวงตาของพี่เหลยสี่ขยับก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
ในความเป็นจริงแล้ว เหตุการณ์ตอนนั้นมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
เป็นไปได้อย่างใดที่ลำพังไก่ฟ้าเก้าสีเพียงตัวเดียวจะทำเช่นนี้?
แต่ไม่จำเป็นต้องบอกเด็กเหล่านั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก
“ถ้าเช่นนั้น…ครั้งนี้อาจเป็นเพราะไก่ฟ้าเก้าสีตัวนั้นหรือ? ไม่นะ ตอนนี้มันทะลวงขั้นพลังปราณกลายเป็นกษายะหางวายุแล้ว บางที…พลังอาจจะแข็งแกร่งขึ้นหรือ?”
ฉินอีพยักหน้า
“อาจจะเป็นไปได้”
เมื่อมู่หงอวี่และคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็ต่างพากันโล่งอก
“ถ้าเช่นนั้น ก็คงมีโอกาสสูงที่ฉู่หลิวเยว่จะออกมาได้?”
“กษายะหางวายุเป็นนอสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันน่าจะช่วยนางได้ ใช่หรือไม่?”
ทั้งมู่หงอวี่และเย่หรานหร่านต่างมองโลกในแง่ดี มีเพียงเชียงหว่านโจวเท่านั้นที่มองฉินอีอย่างพินิจพิจารณาพลางเม้มริมฝีปากและไม่พูดอันใด
เขาเคยเห็นเหตุการณ์นั้นมาก่อน
กษายะหางวายุ…ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพลังนั้นอย่างแน่นอน!
แต่เห็นได้ชัดว่าฉินอีไม่ต้องการให้มู่หงอวี่และเย่หรานหร่านรู้
“ถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างใดดี? หรือทำได้เพียงรอฉู่หลิวเยว่ที่นี่?” เย่หรานหร่านเอ่ยถามด้วยใบหน้ากลมย่น
ฉินอีหันศีรษะไปมองที่ต้นแม่พันธุ์
“ข้าก็หวังว่าอย่างนั้น…
…
รอยต่อต่อระหว่างป่าหมอกมายาและทะเลสาบกระจก
การปรากฏตัวของบัวระบำทำให้ซั่งกวนหว่านและคนอื่นๆ รู้สึกตื่นเต้นมาก
นางเสนอให้มู่ชิงเห่อไปเก็บบัวระบำกลับมาทันที
ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา สภาพแวดล้อมที่มีแต่เสียงอึกทึกครึกโครมก็เงียบลง
ทุกคนมองไปที่มู่ชิงเห่อด้วยกิริยาท่าทางที่แตกต่างกัน
ทั้งอยากรู้อยากเห็น อิจฉา และกังวล…
ทุกคนรู้ว่าทะเลสาบกระจกนั้นอันตราย
คนแรกที่ไปจะต้องแบกรับความเสี่ยงอันรุนแรงอย่างแน่นอน
มู่ชิงเห่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า
“ตกลง”
Comments