ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 780 สิ่งนี้เจ้าก็จะเอา

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 780 สิ่งนี้เจ้าก็จะเอา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 780 สิ่งนี้เจ้าก็จะเอา

เมื่อจบประโยคนั้น ทุกคนล้วนตกอยู่ในความตกตะลึงและขุ่นเคือง

เดิมทีแล้วทุกคนในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นซั่งกวนหว่านเรียกมารวมตัวกันทั้งสิ้น บัดนี้คนมากันครบแล้ว ทว่านางกลับไม่มา ซ้ำยังเรียกตัวเจียงอวี่เฉิงไปอีก นี่นับเป็นเรื่องอันใดได้?

เกิดเรื่องจวนตัว จะเป็นเรื่องอันใดที่สามารถทำให้นางละทิ้งทุกคนในนี้แล้วเรียกตัวเจียงอวี่เฉิงออกไปเพียงผู้เดียว

แม้ว่าเขาจะเป็นราชบุตรเขย สถานะสูงส่งไม่ธรรมดา การกระทำแบบนี้ดูอย่างใดก็ออกจะไม่เหมาะสมอยู่บ้างกระมัง?

ทุกคนที่นั่งอยู่ ณ ทีนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งสิ้น!

ผู้คนมองหน้ากันไปมาอย่างตะลึงงัน สีหน้าค่าตาต่างก็ไม่น่าดูกันเท่าไรนัก

เจียงอวี่เฉิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาลอบขมวดคิ้วกับตนเอง

ไม่ว่าซั่งกวนหว่านจะอวดดีและจองหองแค่ไหน ก็ยังไม่กล้ายุ่มย่ามในเวลานี้

ผู้ที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นใคร ล้วนไม่สามารถล่วงเกินได้โดยง่าย

กระทั่งฝ่าบาทก็ยังต้องไว้หน้าคนเหล่านี้อยู่สามส่วน นับประสาอันใดกับองค์หญิงสามเล่า?

ถ้าหากไม่ใช่ว่านางเกิดบ้าขึ้นมา ก็ต้องเกิดเรื่องสำคัญขึ้นมาจริงๆ

เขามองฉานอี้แวบหนึ่ง ก่อนจะพบว่าแม้นางจะกดหัวคิ้วและหรี่ตาลง ทว่าดวงหน้าของนางกลับตึงเครียดเป็นอย่างมาก บริเวณหว่างคิ้วของนางปรากฏร่องรอยความวิตกกังวลอยู่บ้าง

ในใจของเขาดิ่งลงวูบหนึ่ง หมุนกายหันมองทางบรรดาผู้คน

“รบกวนขอให้พวกท่านรอสักครู่ พวกเราจะรีบกลับมาทันที”

แม้ว่าในใจทุกคนจะไม่พอใจ แต่ก็มิได้แสดงออกสู่ภายนอกอย่างเปิดเผย ทุกคนต่างก็ใจกว้างปล่อยให้เขารีบไป

ในใจเจียงอวี่เฉิงรู้ว่าครั้งนี้ล่วงเกินพวกเขาแล้ว ทว่าสถานการณ์เร่งด่วน และคงไม่มีหนทางใดที่ดีไปกว่านี้แล้ว

เขาหมุนกายมุ่งเดินไปทางตำหนักฮวาหยาง ฉานอี้รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อทั้งสองจากไปแล้ว ภายในโถงใหญ่ก็กลับมาเงียบสนิทอีกครั้งหนึ่ง

ทุกคนต่างมิมีใครเอ่ยคำอันใด ทว่าในใจจริงจะมากน้อยล้วนปรากฏความไม่ชอบใจอยู่บ้าง

ซั่งกวนหว่านยังมิได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คาดไม่ถึงว่าจะอาจหาญได้ถึงเพียงนี้ ให้คนจำนวนมากเช่นนี้รอนางผู้เดียว ถึงเวลาแล้วแต่กลับไม่ปรากฏตัว ซ้ำยังเรียกให้เจียงอวี่เฉิงไปหา ทิ้งให้ทุกคนแห้งเฉากันอยู่ที่นี่

ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่าบาทหรือองค์หญิงใหญ่ล้วนมิเคยกระทำการอันไม่เหมาะสมเช่นนี้มาก่อน

คนจากตระกูลใหญ่อันเก่าแก่นั้นยังไม่เท่าไร ทว่าคนจากบรรดาสำนักต่างๆ ล้วนไม่ปลาบปลื้มอย่างยิ่ง

ที่เหล่าบรรดาคณะพวกเขาบาดเจ็บล้มตายสาหัสในแดนภังคะ เดิมทีก็คิดมาหาซั่งกวนหว่านเพื่อขอคำอธิบาย ใครจะคาดคิดว่าบัดนี้แม้กระทั่งหน้านางก็ไม่ปรากฏให้เห็น?

บรรยากาศอันเคร่งขรึมและมืดมนแผ่กระจายไปทั่วห้องโถง

เจียงอวี่เฉิงและฉานอี้ก้าวเดินอย่างรวดเร็วมาถึงตำหนักฮวาหยาง ก่อนจะพบว่ากระทั่งในนี้ก็เต็มไปด้วยกฏอัยการศึกที่ฉาบเป็นชั้นๆ

ในใจของเขายิ่งร้อนรน มุ่งหน้าก้าวเข้าไปในตำหนัก

เมื่อเดินมาถึงประตู ฉานอี้พลันหยุดลง

“ท่านราชบุตรเขย องค์หญิงสามรับสั่งว่าท่านเข้าไปได้เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”

เจียงอวี่เฉิงพยักหน้าด้วยใจสับสนวุ่นวาย ดันประตูให้เปิดออกแล้วก้าวเข้าไปในข้างใน

ทันทีที่เดินเข้าไป ฉานอี้ที่อยู่ด้านหลังก็งับประตูให้ปิดลงอีกครั้งหนึ่ง

เจียงอวี่เฉิงมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย

สรุปแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จึงทำให้ตำหนักฮวาหยางระแวดระวังตื่นตัวเช่นนี้?

“หว่านเอ๋อร์?”

เขาร้องเรียกไปครั้งหนึ่ง ทว่ากลับมิมีใครตอบรับ

เขามองไปรอบๆ ทว่าไม่เจอเงาร่างของซั่งกวนหว่าน แต่เขากลับเจอกล่องเครื่องประทินผิวที่แตกร้าวอยู่ด้านข้างกระจกทองเหลือง

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในต่อ

ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ในนี้ เช่นนั้นก็คงจะอยู่ในบริเวณของบ่อน้ำพุร้อนแล้ว

ทันทีที่เดินไปถึงประตู เขาที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าไปตามหาดูหรือไม่อยู่นั่นเองพลันได้ยินเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดสายหนึ่งแว่วมาจากข้างใน

ทั้งอ่อนแอและหดหู่ อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความหวาดผวาล้ำลึกสายหนึ่ง

นั่นคือซั่งกวนหว่าน!

เจียงอวี่เฉิงไม่รั้งรออีกต่อไป เขาผลักประตูเดินตรงเข้าไปยังข้างใน

ทันทีที่เดินเข้าไป ไอน้ำร้อนชื้นก็พวยพุ่งขึ้นมา!

ที่นี่คือบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหมอกไอน้ำล้อมรอบ จึงทำให้แทบมองเงาร่างคนได้ไม่ชัดเจน

ทว่าเจียงอวี่เฉิงกลับเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงพอรู้ตำแหน่งอยู่บ้าง

ท่ามกลางไอน้ำอันเลือนราง เขาเห็นเงาร่างๆ หนึ่งที่อยู่ข้างบ่อน้ำพุร้อนได้ลางๆ

“หว่านเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป?”

เขาเดินก้าวไปหาคนผู้นั้น

ทว่าเมื่อเดินเข้าไปใกล้ เขากลับได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงสายหนึ่ง!

ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดนี้ กลับมีกลิ่นเหม็นเน่าสายหนึ่งแฝงอยู่ด้วย!

เจียงอวี่เฉิงคุ้นเคยกับกลิ่นนี้เป็นอย่างดี…นี่มิใช่กลิ่นอันแปลกประหลาดภายในป่าหมอกมายาหรอกหรือ!?

กลิ่นนี้ช่างชวนให้ขยะแขยงโดยแท้ เจียงอวี่เฉิงอดทนข่มความรู้สึกรังเกียจลงไป ก้าวรุดเข้าไปใกล้

บนร่างของซั่งกวนหว่านสวมเสื้อคลุมทับสองชั้น และนอนฟุบอยู่บนขอบน้ำพุร้อน มือทั้งสองข้างของนางจิกลงบนพื้นอย่างรุนแรง

เมื่อได้ยินสุ้มเสียงของเจียงอวี่เฉิง นางก็ขยับตัวด้วยความยากลำบาก อ้าปากเอ่ย

“อวี่เฉิง…”

เสียงของนางแหบพร่า ลมหายใจดูราวกับใยแมงมุมเส้นบาง

เจียงอวี่เฉิงรุดก้าวไปด้านหน้า ประคองไหล่ของนางขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

“หว่านเอ๋อร์ เหตุใดมานอนอยู่ตรงนี้ได้? ทุกคนต่างก็รอเจ้าอยู่…”

เสียงของเขาพลันหยุดชะงักลง!

นั่นเพราะว่า ท่ามกลางบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้กันนั้น กลับมีแอ่งเลือดเปรอะเปื้อนอยู่กองหนึ่ง!

“แหวะ…”

ร่างของซั่งกวนหว่านสั่นระริก ทั้งยังอาเจียนออกมาเป็นเลือด!

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เจียงอวี่เฉิงตกตะลึงมากที่สุด

สายตาของเขากวาดมองรอบหนึ่ง ก่อนจะตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าแขนอันเปลือยเปล่าของซั่งกวนหว่านกลับซูบผอมลงมาก!

แต่ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นนาง แขนของนางก็ผอมจนเป็นหนังหุ้มกระดูกแล้ว!

เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ!

ในใจของเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก กำลังจะเปิดปากถาม ก็เหลือบไปเห็นประกายแสงสีเขียวเข้มน้ำทะเลจางๆ สายหนึ่งไหลซึมออกมาจากใต้ผิวหนังของนาง

แสงนั่น…

ไม่ใช่ว่าแสงนั่นกับแสงที่เห็นในป่าหมอกมายาก่อนหน้านี้เป็นแบบเดียวกันหรอกหรือ!?

“หว่านเอ๋อร์ มันเกิดอันใดขึ้นกับร่างกายของเจ้า!?”

เจียงอวี่เฉิงเอ่ยถามด้วยเสียงร้อนรนเป็นกังวล

มิน่าล่ะ ซั่งกวนหว่านถึงเรียกตัวเขามาอย่างรีบร้อนเช่นนี้!

สถานการณ์เช่นนี้ผิดแผกเกินไปแล้วโดยแท้จริง!

ซั่งกวนหว่านคว้ามือของเขาเอาไว้ แล้วสะอื้นไห้ด้วยความสิ้นหวัง

“ข้า…ข้าเองก็ไม่รู้…”

ในคราแรก นางเพียงต้องการล้างหน้าบ้วนปากของตนเท่านั้น ทว่าผ่านไปได้ไม่นาน นางก็พบว่าร่างกายของตนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

แสงสีเขียวเข้มน้ำทะเลสายนั้นไหลไปทุกซอกทุกมุมภายในร่างกายของนาง และร่างของนางเองก็เริ่มซูบผอมลงด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า!

ราวกับว่ากล้ามเนื้อ กระดูก และเลือดเนื้อของนางล้วนถูกของสิ่งนี้สูบกลืนไปก็มิปาน!

ซั่งกวนหว่านเคยเห็นท่าทีเช่นนี้มาก่อน ในตอนนั้นนางจึงหวาดกลัวแทบตาย

เมื่อเห็นว่าเรื่องราวไร้หนทางควบคุม นางจึงทำได้เพียงสั่งให้ฉานอี้ไปเรียกตัวเจียงอวี่เฉิงมา

“อวี่เฉิง เจ้าต้องช่วยข้า เจ้าจะต้องช่วยข้าให้ได้นะ!”

ซั่งกวนหว่านกอดแขนของเขาเอาไว้ กรีดร้องคร่ำครวญอย่างตื่นตระหนกและเจ็บปวด นางอ้อนวอนขอร้องไม่หยุดปาก

ม่านตาของเจียงอวี่เฉิงหดลงเล็กน้อย

ซั่งกวนหว่านในตอนนี้ รูปลักษณ์ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ร่างกายซูบผอมเสียจนไม่เหลือเค้าเดิม ยามถูกกอดก็รู้สึกเจ็บไปทั่วร่างกาย ดูไปแล้วเหมือนพวกคนไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง

ถ้าไม่ใช่เพราะพลังใจของเขาแข็งแกร่ง เขาก็คงทนไม่ไหวจนจับนางโยนออกไปแล้วก็เป็นได้

ซั่งกวนหว่านกอดตรึงเขาแน่นไว้ที่เดิม ดูราวกับว่ามีเหาขึ้นตัว ทั้งคันยุบยิบ ทั้งน่าอึดอัด

เขาหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยถาม

“ที่ป่าหมอกมายา เจ้าคงมิได้ใช้แม่พันธุ์ต้นนั้นหรอกใช่หรือไม่?”

ณ ป่าหมอกมายา

ภายในพื้นที่ว่างอันมืดมิด ทั่วทั้งบริเวณเงียบสนิท

ทั่วทั้งร่างของฉู่หลิวเยว่ล้อมรอบไปด้วยพลังปราณดั้งเดิม เห็นได้ชัดว่านางแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อยู่บ้าง

เมื่อย่อยพละกำลังที่กลืนกินมาได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

นัยน์ตาของนางแปรเปลี่ยนเป็นสว่าง กระจ่างใสมากขึ้นกว่าเดิม ร่างกายก็ผ่อนคลายอย่างมาก ทั่วทั้งร่างรู้สึกราวกับเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังอันล้นเหลือ

องค์ไท่จู่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม

“หลิวเยว่ หากอดทนไปอีกสักระยะหนึ่ง เจ้าคงสามารถทะลวงขั้นสูงสุดระดับห้าได้อย่างราบรื่น”

ฉู่หลิวเยว่คลี่รอยยิ้มงาม หลังจากนั้นไม่นานก็หันไปมองทิศตรงกันข้าม แล้วหรี่ตาลง

ประกายแสงสีเขียวเข้มน้ำทะเลสายหนึ่งที่ไม่รู้มาจากที่ใดปรากฏขึ้น จากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปหาเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์

ฉู่หลิวเยว่เอ่ยหยอกล้อ

“พลังกระดำกระด่างผสมปนเปเช่นนี้มาจากที่ใดกัน สิ่งนี้เจ้าก็จะเอาอย่างนั้นหรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด