ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 822 ข้ากลับมาแล้ว

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 822 ข้ากลับมาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 822 ข้ากลับมาแล้ว

เหมือนมีอันใดบางอย่างหลุดออกมาจากก้นบึ้งในหัวใจของนาง!

คำตอบนั้นอยู่แค่เพียงเอื้อม แต่เหมือนถูกปกคลุมด้วยผ้าขาว

มีเพียงแต่นางต้องเจาะเข้าไปเท่านั้นถึงจะรู้ได้!

และในตอนนั้นเองในความทรงจำของฉู่หลิวเยว่ก็เจ็บปวดอย่างแรง

นางกรีดร้องอย่างเจ็บปวด พร้อมกุมหัวแน่น!

ราวกับว่ามีคนใช้ขวานจามที่ศีรษะของนางอย่างบ้าคลั่ง!

ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้ฉู่หลิวเยว่ต้องกัดฟันกรอด ร่างกายสั่นสะท้าน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ความเจ็บปวดนั้นถึงได้บรรเทาลงไป

หน้าผากของฉู่หลิวเยว่มีแต่เหงื่อผุดพราย ริมฝีปากขาวซีด ราวกับเพิ่งตกลงไปในแอ่งน้ำ

นางยืนพิงกำแพงหินพักหายใจสักครู่ จากนั้นอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น

เห็นได้ชัดว่านางเข้าใกล้คำตอบมากแล้ว แต่กลับมีมือที่มองไม่เห็นมาบดบังสายตาของนางเอาไว้ห้ามไม่ให้นางเดินก้าวต่อไป!

ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็มองเข้าไปในความมืด ในแววตาราวกับมีคลื่นเข้ามากระทบฝั่ง

นางต้องเคยรู้จักเถ้าแก่ใหญ่มาแล้วอย่างแน่นอน

อีกทั้งเป็นไปได้อย่างมากว่าจะต้องเป็นคนสนิทของนาง

แต่ว่านอกจากฉากที่หน้าผาแล้ว นางก็คิดอันใดอย่างอื่นไม่ออกเลย

นางยืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิมหลายนาที ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ตัดสินใจว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ไม่เพียงแค่เถ้าแก่ใหญ่เท่านั้น ตัวตนของพี่เป่าและอีกสามคนก็ยังเป็นปริศนาอีกด้วย…

เมื่อได้เจอพวกเขาอีกครั้ง ค่อยถามอีกก็แล้วกัน!

ภารกิจเร่งด่วนของนางในตอนนี้คือตามหาบัวระบำ!

ความคิดนี้ปรากฏเข้ามาในความคิดของฉู่หลิวเยว่ทันที ทันใดนั้นนางก็สังเกตได้ว่าภายในตันเถียน

ของนางนั้นมีความผันผวนที่เกิดขึ้น

นางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นถึงได้รู้ว่าความผันผวนและระลอกคลื่นเหล่านั้นมาจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์

น่าจะเป็นเพราะ…เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์?

หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ ตอนนั้นนางก็เรียกหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ออกมา

เตาหลอมรูปทรงเหลี่ยมโปร่งแสงขนาดเล็กปรากฏขึ้นอยู่กลางฝ่ามือของนาง

เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์สีเขียวมรกตสองเม็ดอยู่ภายในนั้น จากนั้นมันก็สั่นเล็กน้อยในทิศทางเดียวกัน

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง

นี่มันกำลังจะบอก…ตำแหน่งของบัวระบำหรือ?

“ถวนจื่อ!”

สิ้นเสียงคำสั่ง ประกายสีแดงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของนาง!

ตอนนี้เองถวนจื่อปรากฏกายขึ้นที่ด้านหน้าของนางแล้ว!

ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ปีกของมัน บาดแผลที่อยู่บนนั้นก็แทบจะหายเป็นปกติแล้ว

การฟื้นตัวของอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก กอปรกับความแข็งแกร่งของสายเลือดกษายะหางวายุของถวนจื่อแล้ว ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึง

นอกจากนี้เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ยอมจำนนต่อฉู่หลิวเยว่แล้ว สำหรับถวนจื่อแล้ว พลังที่เก็บกักเอาไว้ของมันแทบจะไม่สร้างอันตรายใดๆ แต่กลับมีประโยชน์มากกว่าอีกด้วย

ถ้าไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดก็แทบจะมองไม่เห็นบาดแผลของมันเลย

ฉู่หลิวเยว่ถึงได้วางใจลง

พรึ่บ…

ถวนจื่อสยายปีกทั้งสองข้างออก ฉู่หลิวเยว่ก็กระโดดขึ้นหลังของมันไป

“ไป!”

ฉู่หลิวเยว่ตะโกนเสียงดัง!

ถวนจื่อก็ร้องคำรามตอบรับอย่างเสียงดัง ปีกทั้งสองขยับขึ้น! จากนั้นก็บินขึ้นฟ้า!

แกว๊ก…

เสียงนกร้องดังขึ้นอย่างชัดเจน ดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่ภายนอกอย่างมาก!

เหมือนว่าคนทั้งหลายจะสัมผัสได้ ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน!

ต้นสนฉัตรต้นนั้นตายยืนต้น ทันใดนั้นมันก็ค่อยๆ ปลิดปลิว และสลายกลายเป็นฝุ่นผงอย่างไร้เสียง!

สายลมพัดผ่าน!

ฉินอีหรี่ตามอง

พี่เหลยสี่มองไปที่พี่ใหญ่ของตัวเองด้วยสายตาที่ไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นเอาไว้ได้ หลังจากที่ได้เห็นท่าทางของเขาแล้ว หัวใจของเขากลับรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม

ดวงตาเชียงหว่านโจวจับจ้องที่ตำแหน่งของเสียงตาเขม็ง ผมสีทองนุ่มสลวยปกปิดใบหน้าของเขาไปมากกว่าครึ่งแต่ใบหน้างดงามของเขาก็ยังมีความตื่นเต้นที่ยากจะเห็นได้ เดิมทีมู่หงอวี่ที่กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็ลืมตาโพล่งขึ้นมาทันที

ฉงฉงที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ก้าวไปด้านหน้าอย่างอดไม่อยู่ แววตาของมันมีร่องรอยของการยกย่องระคนหวาดกลัว

เย่หรานหร่านสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่โดยรอบ แววตาเปล่งประกาย นางรีบพุ่งตัวไปที่มู่หงอวี่แล้วถามเสียงเบาว่า

“ฉู่หลิวเยว่จะออกมาแล้วใช่หรือไม่?”

เมื่อพูดจบ เงาร่างขนาดใหญ่ก็ปรากฏกายขึ้น มันพุ่งออกมาจากทางด้านล่างอย่างรวดเร็ว!

เสียงคำรามดังลั่นทะลุฟ้า!

ปลายหางสีแดงประกายไฟปรากฏขึ้นที่กลางอากาศ!

นั่นคือกษายะหางวายุ!

ทุกคนมองลงไปอย่างตั้งใจ บนหลังของกษายะหางวายุตัวนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนนั้นจริงๆ แผ่นหลังเหยียดตรง ต้านลมแรง ผมสีดำปลิวสยาย!

ถ้าผู้นั้นไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่แล้วจะเป็นใครกัน?!

หลังจากที่นางอยู่ในพื้นที่ที่มืดสนิทมานานเกินไป เมื่อนางออกมาอย่างกะทันหัน สายตายังคงปรับไม่ได้อยู่เล็กน้อย

แต่โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลาช่วงก่อนรุ่งสาง ดังนั้นท้องฟ้าจึงหม่นแสงเล็กน้อย

ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง หลังจากลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนางก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน

นางกวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็ได้เห็นว่าป่าหมอกมายานั้นค่อยๆ แห้งเหี่ยวและล้มตายไปหมดแล้ว

เมื่อหันไปมอง ความเงียบที่ไร้เสียงได้นำพารัศมีอันหนาวเหน็บกระจายออกมา

และไม่ไกลจากต้นไม้แม่พันธุ์ต้นนั้น ก็มีคนอยู่สองสามคนกำลังยืนอยู่

“หลิวเยว่!”

มู่หงอวี่ตะโกนออกมาอย่างอดกลั้นไม่อยู่ นางโบกมือให้กับฉู่หลิวเยว่อย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

“หลิวเยว่! พวกเราอยู่ที่นี่!”

ใบหน้าของเย่หรานหร่านขึ้นสีแดงก่ำเพราะความตื่นเต้น

“เป็นนางจริงๆ ด้วย! นางออกมาแล้วจริงๆ!”

หลังจากที่ผ่านการรอคอยมาเป็นเวลายาวนาน ไม่มีใครรู้ว่าภายในใจของพวกเขานั้นทนทุกข์ทรมานขนาดไหน

แต่เพียงนาทีนี้ ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว!

เชียงหว่านโจวเม้มริมฝีปากแน่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงสีหน้าอันใดมากมายนัก แต่ก็เหมือนมีแสงประกายออกมาจากดวงสีอำพันของเขา

เขารู้ เขารู้มาโดยตลอด

นางจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน

ในที่สุดพี่เหลยสี่ก็สามารถวางใจลงได้แล้ว เขาโบกมือขึ้น แล้วหัวเราะเสียงดังลั่น

“ฮาๆ…ข้าบอกแล้ว!”

ฝ่าบาทไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว

เดิมทีไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ

ริมฝีปากของฉินอีก็ยกขึ้นเล็กน้อย เขาเอามือไพล่หลัง พร้อมเงยหน้าขึ้นมองที่ผู้หญิงคนนั้น

เหมือนว่านางคือเทพเจ้าแห่งสงครามที่กลับขึ้นมาจากนรก ทั่วทั้งร่างกายของนางเต็มไปว่ารัศมีที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมา ทำให้ทุกคนต้องยอมสวามิภักดิ์อย่างไม่รู้ตัว!

ต่อให้นางจะตกอยู่ในอันตราย แต่นางก็จะสามารถแก้ไขปัญหาด้วยวิธีที่ดีที่สุดเสมอ แล้วลุกขึ้นมายืนใหม่อีกครั้ง!

นั่นคือ…ฝ่าบาทที่พวกเขาติดตามมาโดยตลอด!

เมื่อมองเห็นคนเหล่านี้ ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกอุ่นวาบ

ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นไร ก็มักจะมีคนคอยสนับสนุนและรอคอยนางอยู่เสมอ!

เมื่อได้พบกับสายตาที่เต็มไปด้วยการรอคอยและคาดหวัง ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ได้เข้าใจแล้ว

นาง…ไม่เคยอยู่คนเดียวเลย!

“ถวนจื่อ พวกเราลงไปด้านล่างกันเถอะ!”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มแล้วพูดขึ้น

ถวนจื่อตอบรับหนึ่งคำ ปีกที่สยายกระพือขึ้นลง จากนั้นก็พุ่งตัวไปลงจอดที่ด้านล่าง!

ปราณอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งก็ได้ปกคลุมพื้นที่แห่งนั้นทันที

ฉู่หลิวเยว่กระโดดลงมาจากบนหลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์

มู่หงอวี่และเย่หรานหร่านรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าทันที แต่เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่แล้ว พวกนางกลับทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ เบิกตากว้าง แล้วมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ

“หลิวเยว่? หลิวเยว่! จริงด้วย…เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง คิ้วโก่งขึ้นเป็นคันศร พร้อมหยิกแก้มพวกนางทั้งสองคน

“เป็นข้าแน่นอนอยู่แล้ว!”

อาการของมู่หงอวี่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ดวงตาของเย่หรานหร่านกลับแดงก่ำ

“ดี…ดีจังเลย…ข้าคิดว่า…”

ขณะที่พูด เสียงของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร! ข้ายังอยู่ดีอยู่เลย”

จากนั้นนางก็เงยหน้าไปมองคนที่เหลืออีกสามคน ความรู้สึกท่วมท้นอยู่ภายในใจของนาง สุดท้ายนางก็กลั่นออกมาได้หนึ่งคำ

“ขอบคุณที่รอข้านะ”

“ข้ากลับมาแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด